ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - ครั้งหนึ่งในวสันตกาล

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 9 ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 415
      3
      23 ก.ย. 55




                “ทานาทอสบอกข้าว่า ข้าทำผิดต่อเจ้ามากเกินไป อิสตรีทุกคนย่อมต้องการความนุ่มนวล และอ่อนโยนมากกว่าบุรุษเพศ

                ค่ะ

                และเจ้าก็เป็นมนุษย์ที่ยังไม่คืนความเป็นเทพ ไม่มีทั้งกำลัง อำนาจเวทมนตร์ และความทรงจำของเพอร์ซีโฟเน่ คือข้าไม่ได้ความว่านางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเจ้าตอนนี้หรอกนะ

                คะ? น่าแปลกที่คำนั้นทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว

                เขารู้ยังไงว่าเทพีเพอร์ซีโฟเน่มีแรงเท่าไหร่

                เอ่อ --

                คะ?

                “ไม่ต้องพูดแทรก! ”

                “ค่ะ เธอจะหุบปากให้สนิท

                ข้าเองทำผิดไปไม่น้อยทีเดียว

                ท่านเหมือนจะพูดประโยคนี้ออกมาด้วยความยากลำบากนะคะ เธอนึก แต่ไม่กล้าพูดออกมา

                ทั้งต่อเพอร์ซีโฟเน่และเจ้า” เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่จนเธอได้ยิน ข้าขอโทษ

                หา! ”

                “อะไรของเจ้า! ”

                ไม่มีอะไรค่ะ! ” เธอรีบตอบ

                ถือว่ามีพัฒนาการกว่าที่คิด

             ข้าจะให้สิทธิ์ต่อเจ้าอย่างเต็มที่ เว้นแต่การก้าวก่ายธุระของข้า หรือไปในที่ต้องห้ามสำหรับวิญญาณคนเป็น หรือที่ใดก็ตามที่ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป

                สำหรับที่นี่ -- ต้องห้ามหรือเปล่าคะ

                เขาเงียบจนเธอเกือบจะบอกขอโทษ แต่แล้วก็พูดขึ้น ไม่หรอก มันเป็นของของเจ้าเลยด้วยซ้ำ

                ของของฉัน?

                “ใช่ ของของเจ้า

                แต่มันจะเป็นของของฉันไปได้ยังไงกันคะ เธอหัวเราะ มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันสักนิด

                เพอร์ซีโฟเน่โหยหาโลกเบื้องบนเสมอ เขาตอบ ไม่มีใครต้องการอาศัยอยู่ในโลกอันมืดมนและทึบทะมึนหรอก

                เอเรอาญ์พูดอะไรไม่ออก

                ข้าสร้างมันเอาไว้เพื่อให้นางสามารถมองเห็นทั้งตะวันและจันทราที่ลอยอยู่เหนือทุ่งเอลลีเซียม มันเป็นของนาง -- หรือตอนนี้ก็คือของเจ้าอย่างชอบธรรม

                เป็นครั้งแรกที่เขาหันกลับมา แสงอาทิตย์ทั้งลำจากดวงอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่เหนือทุ่งเอลีเซียมอันไพศาลสาดเข้ามาในห้องเล็ก ๆ นั้นอย่างรวดเร็วจนเธอต้องเบือนหน้าหนี แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักในการหันกลับไปมองอีกครั้ง เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่เยื้องออกมาเล็กน้อยและไม่ได้หันหลังให้เธอเต็มที่ เสี้ยวหน้าดุดันที่เธอมองเห็นนั้นไม่มีรอยยิ้มเลย แต่แทนที่จะเคยชินว่ามันไม่เคยมี เธอกลับรู้สึกอ้างว้างจนอยากจะร้องไห้

                ท่านคะ

                มีอะไร เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองเธอ

                ท่านจะโกรธไหมคะ หากฉันจะถามเรื่องท่านกับ -- ” เธอกลืนน้ำลาย เทพีเพอร์ซีโฟเน่

                ตำนานของเราเป็นที่รู้จักกันดีในชาวมนุษย์

                เอเรอาญ์กลืนน้ำลายอีกขณะที่พยายามเลือกสรรคำพูดอย่างดีที่สุด ฉันหมายถึง -- เรื่องราวที่ท่านเป็นคนเล่าน่ะค่ะ

                เขาเบือนหน้ามามองเธอหน่อยหนึ่ง หมายความว่ายังไง

                คือ -- ในมุมมองของท่าน ไม่ใช่มุมมองของคนอื่น -- คือฉันไม่รู้จะพูดอะไร

                ฮาเดสเงียบเสียงไปนานจนเธอต้องก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ กลัวว่าเขาจะหันกลับมาเอ็ดตะโรหรือทำอะไรสักอย่างที่เธอต้องไม่ชอบแน่ ๆ แต่เขากลับไม่มีท่าทางเหมือนกำลังจะทำอะไรเลย ตรงกันข้าม เขานิ่งสนิท ไม่แม้แต่จะไหวไหล่ ถอนหายใจ หรือกะพริบตา

                ถ้าท่านไม่อยากพูดถึง -- ”

                ทำไมข้าจะต้องไม่อยากพูดถึงกัน เขาเอ่ย มันเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดเท่าที่เทพเจ้าเช่นข้าเคยมี

                แต่ -- ”

                ถูกแล้วอย่างที่พวกเจ้าเคยรับรู้ ข้ารักนางด้วยอานุภาพศรแห่งกามเทพ มันเป็นความรู้สึกบ้าคลั่งและทำให้ข้าสับสน ข้ารู้เพียงแต่ว่ามันไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนั้นในตัวข้า และไม่เคยมีใครกระทำความรู้สึกเช่นนั้นต่อข้า

                ความรัก น่ะหรือคะ

                “เจ้าอาจจะเรียกแบบนั้น เขาตอบ แต่ข้าไม่เคยแน่ใจว่าเป็นมัน

                คำตอบฟังดูเลวร้ายจนเธอแทบไม่เชื่อหู

                “เพอร์ซีโฟเน่กลัวข้ามากด้วยซ้ำในครั้งแรก กระทั่งเมื่อเราได้อยู่ด้วยกัน -- นานขึ้น และนานขึ้น                 ทานาทอสกับฮิปนอสบอกว่านางรักข้า รักจากหัวใจ แต่ข้ากลับรู้สึกแต่ว่านางเพียงเสแสร้งแกล้งทำเป็นรักข้า การทำให้ใครๆ เห็นว่ากำลังทำเรื่องที่ดี สิ่งที่ดี เป็นปกติสามัญของพวกข้างบนนั่นอยู่แล้ว นางไม่เคยพูดว่ารักข้าด้วยซ้ำ! แต่ข้าน่ะหรือจะมีสิทธิ์พูด ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า -- รักนาง ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าข้ามีหัวใจอยู่ในอกเหมือนเทพเจ้าองค์อื่นหรือเปล่า ข้าจะพูดคำว่ารักเต็มปากได้หรือในเมื่อมันเกิดจากศรกามเทพ และที่สำคัญ สิ่งที่นางแสดงออก -- มันเป็นของแท้แน่แล้วหรือไร เธอแปลกใจที่เห็นฮาเดสกลืนน้ำลาย กระทั่งในวันนั้น

                วันนั้น?

                “เราวิวาทกัน เหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่ครั้งนี้บานปลายและสาหัสกว่านั้น ข้าพูดคำเดิม -- บอกว่านางไม่เคยกระทำสิ่งใดด้วยใจจริง และนาง -- ” เขากลืนน้ำลายอีก ข้าไม่เข้าใจเลย นางบอกว่ารักข้า เป็นครั้งแรกที่นางพูดเช่นนั้น จากนั้น -- นางก็จากไป

                จากไป?

                “สิ้นคำสุดท้าย นางก็หายไป หายไป -- หายไปต่อหน้าต่อตาข้า แล้วไม่กลับมาอีกเลย ไม่ว่าข้าจะร้องเรียก จะออกตามหา หรือจะทำวิธีใดก็ตาม

                เป็นไปได้ยังไงกันคะ

                ข้าไม่รู้ -- ”

                แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน ฮาเดสหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ทำให้เธอมองไม่เห็นว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่เรื่องราวค่อย ๆ ซึมลงไปในตัวเธอ ผสมกับคำพูดของทานาทอสที่เธอเคยได้ยิน

                ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกสงสารเขาเหลือเกิน

                ท่านคะ เธอพูดขึ้น เทพทานาทอสบอกฉันว่า ท่านไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านแสดงออกเลย ฉันเอง -- ที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ฉันเองก็คิดไม่ต่างกัน

                คือ -- ฉันรู้ค่ะว่าท่านถูกมอง ถูกกล่าวหา หรือ -- ถูกพาดพิงในแง่มุมไหน แต่เมื่อฉันได้พบท่าน ได้อยู่ที่นี่ บางครั้งมันทำให้ฉันคิดว่าพวกเขาพูดผิดไป”  เธอยิ้มแกน ๆ อย่างที่พยายามทำใจดีสู้เสือ ท่านเพียงแต่รับมอบหมายให้ปกครองที่นี่ ไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่าหัวใจ แต่ก็ใช่ว่าท่านจะไม่มี หรือใครจะไม่มีให้ ท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปิดใจว่าสิ่งที่คนอื่นแสดงออกนั้นเป็นการเสแสร้งเลย ฉันเองก็อยากเห็นท่านได้เป็นอย่างที่ท่านต้องการจะเป็น ต้องการจะทำ และเชื่อว่าทุกคนก็ต้องการเช่นนั้น ถ้า -- มันจะทำให้ท่านรู้สึกว่ามีความสุขมากขึ้นกว่านี้

                เอเรอาญ์แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอกำลังแสดงความหวังดีต่อเขา แต่คำพูดทั้งหมดพรั่งพรูออกมาจากปากราวกับว่ามันถูกตระเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี

                และเขาก็หัวเราะ! “ได้ -- เอเรอาญ์ อาร์เรห์น ข้าจะยอมเชื่อเจ้าสักครั้ง

                ฮาเดสหันหน้ากลับมา และทั้งที่เพิ่งจะหัวเราะไปในอึดใจเดียว ใบหน้าของเขากลับยังคงเฉยชาและไร้ริ้วรอยของการยิ้มโดยสิ้นเชิง เอเรอาญ์ส่ายหน้าช้า ๆ

                ฉันไม่บังอาจหรอกค่ะ

                ไม่หรอก

                เธอรู้สึกเหมือนคำตอบนั้นแทบจะทำให้โลกหมุนกลับด้าน

                “หญิงชาวมนุษย์ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังต่อปากต่อคำกับข้าเหมือนเพอร์ซีโฟเน่ เขาหยักริมฝีปาก เกือบเป็นยิ้มแล้วในอีกไม่กี่องศา แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ น่าขัน แต่ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก ถึงอย่างนั้น -- ไม่ได้หมายความว่าเจ้ารอดพ้นจากการกักขังของข้าหรอกนะ

                ฉันต้องตอบท่านให้ได้ว่าทำไมเทพีเพอร์ซีโฟเน่จึงหายไป

                ไม่เชิง

                ทั้งที่ฉันไม่ใช่เทพีเพอร์ซีโฟเน่

                เจ้าเหมือนนางเกินไปจนข้าจะไม่ฟังคำคำนี้แล้ว

                เอเรอาญ์เหยียดริมฝีปาก ขอให้ท่านอยู่ในโลกที่ทั้งมืดและหนาวแบบนั้นต่อไปเถอะเธออุบอิบ

                แต่เขากลับได้ยิน เจ้ากำลังสาปแช่งเทพเจ้า

                ค่ะ

                ไม่กลัวข้าแล้วหรือ?

                เธอย้อน ฟังจากทั้งหมดที่ท่านพูด ฉันเชื่อเลยล่ะค่ะว่าท่านไม่ใช่เทพเจ้าที่จะทำเรื่องอย่างนั้นได้ลงคอ โดยที่ไม่รู้สึกอะไร

                “อย่าประมาท

                เขาพูดพร้อมกับรอย เกือบ ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะสะบัดชายผ้าคลุม และเดินหายลงไปตามบันไดเวียน เอเรอาญ์ทอดตามองตาม และเหมือนว่าเขาจะรู้ เพราะราชันแห่งปรภพหันกลับมาแล้วประกาศว่า

                คำว่า โลกที่มืดมิดและเหน็บหนาว ก็เป็นคำ ๆ เดียวกับคำของเพอร์ซีโฟเน่ด้วย

                อะไรนะ! ”

                “ลงมาสิ! ”

                “ไหนว่าท่านจะเปิดใจบ้างนี่! ” เธอคัดค้านน้ำเสียงเผด็จการของเขา

                ข้าไม่ได้พูด

                เธอนึกขัดใจ แต่ไม่โต้แย้งและไม่กล้าขัดคำสั่งทั้งที่ยังคงอาวรณ์แสงอาทิตย์เหนือหน้าต่างหอคอย       เอเรอาญ์เดินตามหลังเขา ก่อนเสียงที่แปลกประหลาดที่สุดในความคิดเธอจะดังก้องไปทั่วทางเดินแคบ ๆ

                ขอบคุณนะ...
                ท่านพูดว่าอะไรนะคะ

                ข้าพูดว่า การฟื้นคืนความเป็นเทพเจ้าโดยเร็วที่สุด จำเป็นต้องมีข้าเป็นผู้ช่วย เพราะข้าถือเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดเจ้าที่สุดในยมโลก ณ เวลานั้น

                คะ? ” เธอรู้สึกเหมือนเขาแปลงสาร จำได้ว่ามันสั้นกว่านั้นมาก

                เจ้าต้องมาที่นี่ทุกวันกับข้า

                อะไรนะ!

                “หรือต้องให้ข้าพูดซ้ำ

                นี่มันก็ไม่ต่างกับการขังไว้เลยสิคะ! ”

                “ข้าให้เจ้าออกมาข้างนอกต่างหาก

                เทพฮาเดส! ”

                “เจ้าช่างน่าขัน

                ฉันไม่ตลกด้วยเลยนะคะ! ” เธอประท้วงอย่างเต็มที่

                เช่นนั้นข้าจะไม่ทำตามที่เจ้าพูด

                เธอข่มคำว่า แล้วแต่ท่าน! ’ ที่ค้างเติ่งอยู่ตรงริมฝีปากให้ลื่นไถลกลับลงไปในลำคออย่างสะกดกลั้น

                เพิ่งจะเริ่ม พยายามเลิกทำอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราดวันแรก เธอไม่สามารถไว้ใจได้เลยว่าเขาจะไม่หันกลับมาบีบคอเธอถ้ายังมีคำโต้เถียงต่อไปอีกสักคำสองคำ

     

    WRITER : พยายามอย่างยิ่งยวดแล้วนะที่จะทำให้ฮาเดสดูน่าหมั่นไส้น้อยลง แต่คงไม่ได้ผลเท่าไหร่... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×