คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 9 ตอนที่ 2
“ทานาทอสบอกข้าว่า ข้าทำผิดต่อเจ้ามากเกินไป อิสตรีทุกคนย่อมต้องการความนุ่มนวล และอ่อนโยนมากกว่าบุรุษเพศ”
“ค่ะ”
“และเจ้าก็เป็นมนุษย์ที่ยังไม่คืนความเป็นเทพ ไม่มีทั้งกำลัง อำนาจเวทมนตร์ และความทรงจำของเพอร์ซีโฟเน่ คือข้าไม่ได้ความว่านางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเจ้าตอนนี้หรอกนะ”
“คะ? ” น่าแปลกที่คำนั้นทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว
เขารู้ยังไงว่าเทพีเพอร์ซีโฟเน่มีแรงเท่าไหร่
“เอ่อ -- ”
“คะ? ”
“ไม่ต้องพูดแทรก! ”
“ค่ะ” เธอจะหุบปากให้สนิท
“ข้าเองทำผิดไปไม่น้อยทีเดียว”
ท่านเหมือนจะพูดประโยคนี้ออกมาด้วยความยากลำบากนะคะ เธอนึก แต่ไม่กล้าพูดออกมา
“ทั้งต่อเพอร์ซีโฟเน่และเจ้า” เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่จนเธอได้ยิน “ข้าขอโทษ”
“หา! ”
“อะไรของเจ้า! ”
“ไม่มีอะไรค่ะ! ” เธอรีบตอบ
ถือว่ามีพัฒนาการกว่าที่คิด
“ข้าจะให้สิทธิ์ต่อเจ้าอย่างเต็มที่ เว้นแต่การก้าวก่ายธุระของข้า หรือไปในที่ต้องห้ามสำหรับวิญญาณคนเป็น หรือที่ใดก็ตามที่ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป”
“สำหรับที่นี่ -- ต้องห้ามหรือเปล่าคะ”
เขาเงียบจนเธอเกือบจะบอกขอโทษ แต่แล้วก็พูดขึ้น “ไม่หรอก มันเป็นของของเจ้าเลยด้วยซ้ำ”
“ของของฉัน? ”
“ใช่ ของของเจ้า”
“แต่มันจะเป็นของของฉันไปได้ยังไงกันคะ” เธอหัวเราะ “มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันสักนิด”
“เพอร์ซีโฟเน่โหยหาโลกเบื้องบนเสมอ” เขาตอบ “ไม่มีใครต้องการอาศัยอยู่ในโลกอันมืดมนและทึบทะมึนหรอก”
เอเรอาญ์พูดอะไรไม่ออก
“ข้าสร้างมันเอาไว้เพื่อให้นางสามารถมองเห็นทั้งตะวันและจันทราที่ลอยอยู่เหนือทุ่งเอลลีเซียม มันเป็นของนาง -- หรือตอนนี้ก็คือของเจ้าอย่างชอบธรรม”
เป็นครั้งแรกที่เขาหันกลับมา แสงอาทิตย์ทั้งลำจากดวงอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่เหนือทุ่งเอลีเซียมอันไพศาลสาดเข้ามาในห้องเล็ก ๆ นั้นอย่างรวดเร็วจนเธอต้องเบือนหน้าหนี แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักในการหันกลับไปมองอีกครั้ง เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่เยื้องออกมาเล็กน้อยและไม่ได้หันหลังให้เธอเต็มที่ เสี้ยวหน้าดุดันที่เธอมองเห็นนั้นไม่มีรอยยิ้มเลย แต่แทนที่จะเคยชินว่ามันไม่เคยมี เธอกลับรู้สึกอ้างว้างจนอยากจะร้องไห้
“ท่านคะ”
“มีอะไร” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองเธอ
“ท่านจะโกรธไหมคะ หากฉันจะถามเรื่องท่านกับ -- ” เธอกลืนน้ำลาย “เทพีเพอร์ซีโฟเน่”
“ตำนานของเราเป็นที่รู้จักกันดีในชาวมนุษย์”
เอเรอาญ์กลืนน้ำลายอีกขณะที่พยายามเลือกสรรคำพูดอย่างดีที่สุด “ฉันหมายถึง -- เรื่องราวที่ท่านเป็นคนเล่าน่ะค่ะ”
เขาเบือนหน้ามามองเธอหน่อยหนึ่ง “หมายความว่ายังไง”
“คือ -- ในมุมมองของท่าน ไม่ใช่มุมมองของคนอื่น -- คือฉันไม่รู้จะพูดอะไร”
ฮาเดสเงียบเสียงไปนานจนเธอต้องก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ กลัวว่าเขาจะหันกลับมาเอ็ดตะโรหรือทำอะไรสักอย่างที่เธอต้องไม่ชอบแน่ ๆ แต่เขากลับไม่มีท่าทางเหมือนกำลังจะทำอะไรเลย ตรงกันข้าม เขานิ่งสนิท ไม่แม้แต่จะไหวไหล่ ถอนหายใจ หรือกะพริบตา
“ถ้าท่านไม่อยากพูดถึง -- ”
“ทำไมข้าจะต้องไม่อยากพูดถึงกัน” เขาเอ่ย “มันเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดเท่าที่เทพเจ้าเช่นข้าเคยมี”
“แต่ -- ”
“ถูกแล้วอย่างที่พวกเจ้าเคยรับรู้ ข้ารักนางด้วยอานุภาพศรแห่งกามเทพ มันเป็นความรู้สึกบ้าคลั่งและทำให้ข้าสับสน ข้ารู้เพียงแต่ว่ามันไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนั้นในตัวข้า และไม่เคยมีใครกระทำความรู้สึกเช่นนั้นต่อข้า”
“ ‘ความรัก’ น่ะหรือคะ”
“เจ้าอาจจะเรียกแบบนั้น” เขาตอบ “แต่ข้าไม่เคยแน่ใจว่าเป็นมัน”
คำตอบฟังดูเลวร้ายจนเธอแทบไม่เชื่อหู
“เพอร์ซีโฟเน่กลัวข้ามากด้วยซ้ำในครั้งแรก กระทั่งเมื่อเราได้อยู่ด้วยกัน -- นานขึ้น และนานขึ้น ทานาทอสกับฮิปนอสบอกว่านางรักข้า รักจากหัวใจ แต่ข้ากลับรู้สึกแต่ว่านางเพียงเสแสร้งแกล้งทำเป็นรักข้า การทำให้ใครๆ เห็นว่ากำลังทำเรื่องที่ดี สิ่งที่ดี เป็นปกติสามัญของพวกข้างบนนั่นอยู่แล้ว นางไม่เคยพูดว่ารักข้าด้วยซ้ำ! แต่ข้าน่ะหรือจะมีสิทธิ์พูด ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า -- รักนาง ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าข้ามีหัวใจอยู่ในอกเหมือนเทพเจ้าองค์อื่นหรือเปล่า ข้าจะพูดคำว่ารักเต็มปากได้หรือในเมื่อมันเกิดจากศรกามเทพ และที่สำคัญ สิ่งที่นางแสดงออก -- มันเป็นของแท้แน่แล้วหรือไร” เธอแปลกใจที่เห็นฮาเดสกลืนน้ำลาย “กระทั่งในวันนั้น”
“วันนั้น? ”
“เราวิวาทกัน เหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่ครั้งนี้บานปลายและสาหัสกว่านั้น ข้าพูดคำเดิม -- บอกว่านางไม่เคยกระทำสิ่งใดด้วยใจจริง และนาง -- ” เขากลืนน้ำลายอีก “ข้าไม่เข้าใจเลย นางบอกว่ารักข้า เป็นครั้งแรกที่นางพูดเช่นนั้น จากนั้น -- นางก็จากไป”
“จากไป? ”
“สิ้นคำสุดท้าย นางก็หายไป หายไป -- หายไปต่อหน้าต่อตาข้า แล้วไม่กลับมาอีกเลย ไม่ว่าข้าจะร้องเรียก จะออกตามหา หรือจะทำวิธีใดก็ตาม”
“เป็นไปได้ยังไงกันคะ”
“ข้าไม่รู้ -- ”
แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน ฮาเดสหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ทำให้เธอมองไม่เห็นว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่เรื่องราวค่อย ๆ ซึมลงไปในตัวเธอ ผสมกับคำพูดของทานาทอสที่เธอเคยได้ยิน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกสงสารเขาเหลือเกิน
“ท่านคะ” เธอพูดขึ้น “เทพทานาทอสบอกฉันว่า ท่านไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านแสดงออกเลย ฉันเอง -- ที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ฉันเองก็คิดไม่ต่างกัน”
“คือ -- ฉันรู้ค่ะว่าท่านถูกมอง ถูกกล่าวหา หรือ -- ถูกพาดพิงในแง่มุมไหน แต่เมื่อฉันได้พบท่าน ได้อยู่ที่นี่ บางครั้งมันทำให้ฉันคิดว่าพวกเขาพูดผิดไป” เธอยิ้มแกน ๆ อย่างที่พยายามทำใจดีสู้เสือ “ท่านเพียงแต่รับมอบหมายให้ปกครองที่นี่ ไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่าหัวใจ แต่ก็ใช่ว่าท่านจะไม่มี หรือใครจะไม่มีให้ ท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปิดใจว่าสิ่งที่คนอื่นแสดงออกนั้นเป็นการเสแสร้งเลย ฉันเองก็อยากเห็นท่านได้เป็นอย่างที่ท่านต้องการจะเป็น ต้องการจะทำ และเชื่อว่าทุกคนก็ต้องการเช่นนั้น ถ้า -- มันจะทำให้ท่านรู้สึกว่ามีความสุขมากขึ้นกว่านี้”
เอเรอาญ์แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอกำลังแสดงความหวังดีต่อเขา แต่คำพูดทั้งหมดพรั่งพรูออกมาจากปากราวกับว่ามันถูกตระเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี
และเขาก็หัวเราะ! “ได้ -- เอเรอาญ์ อาร์เรห์น ข้าจะยอมเชื่อเจ้าสักครั้ง”
ฮาเดสหันหน้ากลับมา และทั้งที่เพิ่งจะหัวเราะไปในอึดใจเดียว ใบหน้าของเขากลับยังคงเฉยชาและไร้ริ้วรอยของการยิ้มโดยสิ้นเชิง เอเรอาญ์ส่ายหน้าช้า ๆ
“ฉันไม่บังอาจหรอกค่ะ”
“ไม่หรอก”
เธอรู้สึกเหมือนคำตอบนั้นแทบจะทำให้โลกหมุนกลับด้าน
“หญิงชาวมนุษย์ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังต่อปากต่อคำกับข้าเหมือนเพอร์ซีโฟเน่” เขาหยักริมฝีปาก เกือบเป็นยิ้มแล้วในอีกไม่กี่องศา แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ “น่าขัน แต่ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก ถึงอย่างนั้น -- ไม่ได้หมายความว่าเจ้ารอดพ้นจากการกักขังของข้าหรอกนะ”
“ฉันต้องตอบท่านให้ได้ว่าทำไมเทพีเพอร์ซีโฟเน่จึงหายไป”
“ไม่เชิง”
“ทั้งที่ฉันไม่ใช่เทพีเพอร์ซีโฟเน่”
“เจ้าเหมือนนางเกินไปจนข้าจะไม่ฟังคำคำนี้แล้ว”
เอเรอาญ์เหยียดริมฝีปาก “ขอให้ท่านอยู่ในโลกที่ทั้งมืดและหนาวแบบนั้นต่อไปเถอะ” เธออุบอิบ
แต่เขากลับได้ยิน “เจ้ากำลังสาปแช่งเทพเจ้า”
“ค่ะ”
“ไม่กลัวข้าแล้วหรือ? ”
เธอย้อน “ฟังจากทั้งหมดที่ท่านพูด ฉันเชื่อเลยล่ะค่ะว่าท่านไม่ใช่เทพเจ้าที่จะทำเรื่องอย่างนั้นได้ลงคอ โดยที่ไม่รู้สึกอะไร”
“อย่าประมาท”
เขาพูดพร้อมกับรอย ‘เกือบ’ ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะสะบัดชายผ้าคลุม และเดินหายลงไปตามบันไดเวียน เอเรอาญ์ทอดตามองตาม และเหมือนว่าเขาจะรู้ เพราะราชันแห่งปรภพหันกลับมาแล้วประกาศว่า
“คำว่า ‘โลกที่มืดมิดและเหน็บหนาว’ ก็เป็นคำ ๆ เดียวกับคำของเพอร์ซีโฟเน่ด้วย”
“อะไรนะ! ”
“ลงมาสิ! ”
“ไหนว่าท่านจะเปิดใจบ้างนี่! ” เธอคัดค้านน้ำเสียงเผด็จการของเขา
“ข้าไม่ได้พูด”
เธอนึกขัดใจ แต่ไม่โต้แย้งและไม่กล้าขัดคำสั่งทั้งที่ยังคงอาวรณ์แสงอาทิตย์เหนือหน้าต่างหอคอย เอเรอาญ์เดินตามหลังเขา ก่อนเสียงที่แปลกประหลาดที่สุดในความคิดเธอจะดังก้องไปทั่วทางเดินแคบ ๆ
“ขอบคุณนะ... ”
“ท่านพูดว่าอะไรนะคะ”
“ข้าพูดว่า การฟื้นคืนความเป็นเทพเจ้าโดยเร็วที่สุด จำเป็นต้องมีข้าเป็นผู้ช่วย เพราะข้าถือเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดเจ้าที่สุดในยมโลก ณ เวลานั้น”
“คะ? ” เธอรู้สึกเหมือนเขาแปลงสาร จำได้ว่ามันสั้นกว่านั้นมาก
“เจ้าต้องมาที่นี่ทุกวันกับข้า”
“อะไรนะ! ”
“หรือต้องให้ข้าพูดซ้ำ”
“นี่มันก็ไม่ต่างกับการขังไว้เลยสิคะ! ”
“ข้าให้เจ้าออกมาข้างนอกต่างหาก”
“เทพฮาเดส! ”
“เจ้าช่างน่าขัน”
“ฉันไม่ตลกด้วยเลยนะคะ! ” เธอประท้วงอย่างเต็มที่
“เช่นนั้นข้าจะไม่ทำตามที่เจ้าพูด”
เธอข่มคำว่า ‘แล้วแต่ท่าน! ’ ที่ค้างเติ่งอยู่ตรงริมฝีปากให้ลื่นไถลกลับลงไปในลำคออย่างสะกดกลั้น
เพิ่งจะเริ่ม ‘พยายาม’ เลิกทำอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราดวันแรก เธอไม่สามารถไว้ใจได้เลยว่าเขาจะไม่หันกลับมาบีบคอเธอถ้ายังมีคำโต้เถียงต่อไปอีกสักคำสองคำ
WRITER : พยายามอย่างยิ่งยวดแล้วนะที่จะทำให้ฮาเดสดูน่าหมั่นไส้น้อยลง แต่คงไม่ได้ผลเท่าไหร่...
ความคิดเห็น