ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - ครั้งหนึ่งในวสันตกาล

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 8 ตอนที่ 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 452
      0
      20 ก.ย. 55




    บทที่ 8

                ม่านขยับเป็นระลอกเหมือนผิวน้ำกระเพื่อมที่สุดปลายสายตาเหนือศีรษะ และทิ้งชายผ้าลงมาที่สุดปลายหางตาทั้งสองฝั่ง เหมือนถูกห่อหุ้มอยู่ในฟองไข่แห่งความมืดมน

                มืดสลัว และเงียบสนิท เธอได้ยินเสียงที่เกิดจากแรงลมโบกพัดนาน ๆ ครั้ง ขณะที่มองเห็นอะไรบางอย่าง -- อาจจะเป็นพู่สีทองที่ชายผ้าม่าน -- กระทบแสงจันทร์สีซีดเป็นประกายอย่างหงอยเหงา        

             เดี๋ยวสิ! “

                เอเรอาญ์ร้องออกมาทั้งที่ยังคงนอนเบิกตาโพลง เรื่องราวที่ฉีกขาดไปชั่วขณะปะติดปะต่อกันเป็นรูปเป็นร่างอย่างเร่งรีบ มันเร็วเกินไปด้วยซ้ำ มองดูคล้ายศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์ของจิตรกรบ้าคลั่ง

                เธอยกมือทั้งสองข้างปิดปาก ทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือลง และส่งเสียง เฮ้ ด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก จากนั้นก็เอามือปิดปากอีก

                นางแค่เบื่อจะเสแสร้งแกล้งทำ! และไม่ช้าเจ้าเองก็เหมือนกัน! ”

             นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอจำได้ว่าได้ยินอย่างเป็นรูปธรรม

                เทพเจ้าองค์นี้ทำให้เธอทั้งกลัว ทั้งตกใจ และโมโห หรือถ้าพูดให้ถูกต้องคือไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีปะปนอยู่เลย อาจจะมีคุณความดีเล็กน้อยตรงที่มันทำให้หัวใจของเธอสามารถสูบฉีดเลือดได้เร็วขึ้น แต่เอเรอาญ์ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมองในแง่นั้นได้หรือเปล่า

                เธอกลัวอารมณ์ที่รุนแรงของเขา และแค้นเคืองที่เขาช่างไม่เคยให้เกียรติเธอเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยวิธีการใด ๆ ถ้าเธออ่อนข้อ เธอก็จะถูกลิดรอนอิสรภาพไปตลอดกาล แต่ถ้าเธอตอบโต้ --

                เอเรอาญ์เม้มริมฝีปาก

                -- เธอก็จะถูกโต้คืนอย่างแรง

                และร้อนด้วย --

                นี่! ”

                เธอส่งเสียงจิ๊กจั๊กกับความคิดแวบหนึ่งของตนเอง ก่อนจะสะบัดตัวลุกขึ้นและก้าวลงจากเตียง ย่ำ             โครม ๆ ตรงไปยังประตูห้อง ตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องประท้วงเรื่องนี้กับทั้งทานาทอสและฮิปนอสให้ได้ความ

                เธออาจไม่มีปากเสียงพอ แต่ถ้าสามปาก -- ต่อให้เป็น องค์ราชันก็ควรจะรับฟังโดยสามัญสำนึก หรือบางทีถ้าสามปากยังไม่พอ เธออาจจะปลุกระดมดวงวิญญาณนับหมื่นนับแสน ถ้าแสนปาก --

                เจ้าจะไปไหน

                เอเรอาญ์สะดุ้งสุดตัว กระซิบบอกตัวเองอย่างรีบร้อนว่าจะไม่หันกลับไปมองเด็ดขาด เธอยังไม่พร้อม ประเด็นแรก --  เธอยังไม่กล้าแม้แต่สบตาเขาด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นที่สองว่าเธอยังมีแค่ปากเดียวเลย!

                “ต้องให้ข้าเข้าไปพูดด้วยใกล้ ๆ กว่านี้ไหม เผื่อเจ้ายังได้ยินไม่ชัด

                ฉันได้ยินแล้วค่ะ! ”

                เธอหันขวับ แต่เป็นการหันกลับไปมองที่แปลกประหลาดเมื่อน้ำเสียงกับใบหน้ามีจุดหมายปลายทางต่างกัน เสียงของเธอดูพร้อมต่อการต่อสู้ชนิดดับเครื่องชน แต่ใบหน้ากลับก้มต่ำและสบกับปลายเท้าของเขาอย่างแน่วแน่

                เจ้าจะไปไหน ฮาเดสถามอีกครั้ง

                 ฉันไม่ทราบ

                ข้าถามว่า -- ”

                ฉันจะไปหาท่านนั่นแหละ! ” เธอส่งเสียงด้วยสันชาตญาณเมื่อว่าเห็นเท้าของเขาสืบเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง

                หาข้า?

                “เอ่อ -- ”

                ข้าถาม -- ”

                ฉันจะได้สะสางเรื่องที่ผ่านมาให้หมด

                “สะสาง?

                เธอโพล่งออกไปโดยปราศจากความคิดเพราะฝีเท้าของเขาอีกแล้ว! เอเรอาญ์อยากจะร้องออกมาดัง ๆ เธอจนแต้ม ไร้ทางไป แน่นอนว่าเธอไม่มีคำตอบจะให้เขา เพียงแต่ถ้าไม่มีให้ --

                ข้าถาม -- ”

                หยุดถามเถอะค่ะ! ”

                เอเรอาญ์เงยหน้าขึ้นสบตาเขา เขาสบตาตอบ เลิกคิ้วน้อย ๆ ด้วยซ้ำ

                ทำไมต้องให้ข้าหยุดถาม

                เพราะฉันตอบไม่ได้

                ดี ข้าเองรีบร้อนเกินกว่าจะรอฟังคำตอบเจ้า

                เธอแทบจะตะโกนใส่เขา แต่รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด เทพเจ้าควรจะอ่านใจมนุษย์ได้ -- อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอ จะมีประโยชน์อะไรกับการไล่เธอจนแต้มโดยไม่ต้องการคำตอบ และที่สำคัญ --

                เรื่องอะไรคะ

                เขาไม่ได้มีท่าทีกระอักกระอ่วนเหมือนเธอเลย

                พี่ชายเจ้า

                พี่ชายฉันทำไม? น้ำเสียงมีโทสะ เธอคิดว่าเขากำลังจะพูดเรื่องที่ห้ามเธอพบกับพี่ชายอีกแน่นอน แต่คำตอบของเขาห่างไกลจากการคาดการณ์ของเธอมาก

                “พี่ชายเจ้าต้องโทษจองจำในนรกแห่งการลงทัณฑ์

                 ท่าน...

                เอเรอาญ์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปลาทอง ได้แต่อ้าปาก แล้วก็หุบปาก พูดอะไรไม่ออก คิดอย่างเชื่องช้าช้า และได้แต่ว่ายวนอยู่ในอ่างอย่างอับจนหนทาง

                ท่านว่าอะไรนะคะ

                สีหน้าของฮาเดสเหมือนจะรำคาญ แต่ไม่ใช่ มันผสมกันด้วยความร้อนรนเร่งรีบและท่าทางกราดเกรี้ยวอย่างที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขา

                “พี่ชายของเจ้าต้องโทษจองจำในนรกแห่งการลงทัณฑ์

                อะไรกัน! เป็นไปได้ยังไง นี่ท่าน -- ” เธอจ้องเขาอย่างโกรธจัด หรือว่าเพราะเรื่องนั้น

                เรื่องอะไร

                เรื่องที่ฉันพบกับพี่

                เธอพูดและรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างกาย เธอพบกับพี่ชายฝาแฝด -- เธอสั่งให้อาเธอร์หนีไป ทานาทอสพยายามห้ามเขา เธอตอบโต้เขาเป็นครั้งแรก และ --

                ข้าจะจองจำวิญญาณมนุษย์ด้วยเหตุผลเท่านั้นน่ะรึ

                คำตอบของฮาเดสทำให้เธออ้าปากค้าง ก็ท่าน -- ”

                ก็ท่านโมโหถึงขนาดนั้น ขนาด --

             เธอหยุดคิด เพ่งสมาธิให้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น  แล้วเพราะอะไรกันคะ ทำไมอาเธอร์ต้องอยู่ในนั้นด้วย

                เขาบุกรุกพระบัญชรว่าการ

                อะไรนะ -- ที่พิพากษาวิญญาณน่ะหรือ ทำไมกัน

                พี่ชายเจ้ากล่าวหาว่าสามเทพสุภากล่าวคำพิพากษาผิดพลาด ฮาเดสตอบ เขาร้องสิทธิ์ให้กับวิญญาณตนหนึ่ง

                เอเรอาญ์ไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ได้ยินว่าพี่ชายฝาแฝดทำแบบนั้น การช่วยเหลือและปกป้องดูเหมือนจะเป็นสันชาตญาณเฉพาะตัวที่โดดเด่นที่สุดของอาเธอร์

                เขาอาจจะพบวิญญาณตนนั้นตอนที่ -- ” เธออึกอัก ตอนที่ฉันสั่งให้เขาวิ่งหนีไป

                เจ้าคิดได้ถูกต้อง

                การเรียกร้องความยุติธรรมให้กับวิญญาณตนหนึ่งทำให้เขาต้องต้องโทษขนาดนั้นหรือคะ

                เธอกล่าวหา แต่ฮาเดสไม่ยอมแพ้

                คงไม่เป็นเช่นนั้นถ้าหากเขาไม่ได้ขัดขวางงานของยมทูต นำพาเทพเจ้าไปสู่ข้อขัดแย้ง และทำให้สายโลหิตหลั่งรินในพระบัญชรว่าการอันศักดิ์สิทธิ์! ” เขาแทบจะตะโกนใส่เธอ ข้าจะรีบร้อนมาบอกเจ้าทำไมกันว่าเขาทำอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนของข้าเองถูกจองจำพร้อมกับเขา และเพราะเขา! ”

                เธอใจหายวาบ ใครกันคะ

                ฮิปนอส -- ”

                เธอนึกถึงใบหน้ากลม ท่าทางจริงใจและอารีของเทพแห่งการหลับใหลแล้วกลืนน้ำลาย ถึงแม้จะเป็นเทพเจ้า ฮิปนอสก็ยังดูน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าอาเธอร์เสียอีก

                ทำไมกัน

                พี่ชายเจ้าได้พบกับวิญญาณตนนั้นระหว่างยมทูตนำพานางไปสู่นรกแห่งการลงทัณฑ์ เขาขัดขวาง และยมทูตอาจคร่าวิญญาณเขาไปแล้วหากฮิปนอสไม่ช่วยเหลือเอาไว้ เขาเล่าอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใดทำให้ฮิปนอสพาตนเองไปถึงพระบัญชรว่าการเพื่อเรียกร้อง ทั้งที่ฮิปนอสน่าจะรู้ดีว่าสามเทพสุภาไม่เคยยอมรับการถูกกระทำโดยปราศจากความเคารพ สามเทพสุภาบัญชาเหล่าเทวีผู้ลงทัณฑ์[1]ให้นำเขาไปสู่นรกแห่งการลงทัณฑ์พร้อมกับคนของข้า จากนั้น -- ทานาทอสที่อยู่ในพระบัญชรเวลานั้นด้วยได้เข้าขวางไว้และถูกทำร้าย -- สาหัส

                อะไรนะ! ” เธออุทาน นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะบานปลาย เป็นไปได้ยังไง วิญญาณตนนั้นเป็นใครกัน

                นางชื่อเวเรน่า ไอริส เฮกเซล

                เวเรน่า! ท่านพูดว่าเวเรน่าหรือ          

                ใช่

                แต่เวเรน่าจะถูกพิพากษาให้อยู่ในนรกแห่งการลงทัณฑ์ได้ยังไงกัน ไม่มีทางเลย! ” เอเรอาญ์ประท้วง คนอย่างเธอมีที่เดียวเท่านั้นที่ควรจะไป คือทุ่งเอลลีเซียม

                นางมีบาปฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นบาปสาหัส สามเทพสุภาจึงพิพากษาเช่นนั้น

                ไม่จริง! ” เธออ้าปากค้าง  เวเรน่าถูกฆ่าตายต่างหาก

                ฮาเดสมองเธออย่างพินิจพิจารณา และเมื่อเขาน่าจะคิดว่าเธอไม่ได้โกหก ราชันแห่งปรภพก็คว้าแขนเธอ เอเรอาญ์สะดุ้ง มันรวดเร็วจนเธอไม่ได้ส่งเสียงร้อง

                มาเร็ว! ”

                น้ำเสียงของเขารีบร้อนกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน จากนั้นในอึดใจต่อมา เธอก็ปรากฏตัวในอีกที่หนึ่งภายในเสี้ยววินาที

     

                ที่ที่ฮาเดส พาเธอมา และปล่อยมือจากเธอทันทีที่พามาถึงเป็นห้องขนาดกว้างกว่าคุกของเธอเล็กน้อย แต่มีแสงสว่างมากกว่า ทั้งจากคบไต้และเตาผิงขนาดใหญ่ เปลวไฟสะบัดวูบวาบด้วยแรงลมจากทุกทิศทาง            เอเรอาญ์พบว่ามันเป็นที่ที่หายใจได้โดยสะดวกที่สุดในยมโลกรองจากพื้นที่นอกปราสาท

                ฝะ... ฝ่าบาท

                พวกเขาส่งเจ้ามาถึงแล้วหรือ

                ฮาเดสสาวเท้าเร็ว ๆ ไปยังมุมห้อง หญิงสาวมองตาม ก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาตะคุ่มอยู่เหนือแท่นหินสูงสองฟุตที่วางเรียงรายจนเต็มห้อง มันคุดคู้และเป็นสีดำสนิท เหมือนค้างคาวตัวโต ๆ ที่กำลังบาดเจ็บ

                เธอรู้ในวินาทีต่อมาว่านั่นคือทานาทอส

                เอเรอาญ์รีบวิ่งตรงเข้าไปหา มองเห็นใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของทานาทอสสะท้อนแสงคบไฟ มันซีดเผือดเหมือนหน้ากากขี้ผึ้ง ดูอิดโรยและแก่ชราทั้งที่ยังคงเป็นใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง

                เป็นยังไงบ้างคะ

                พวกเขาถูกนำไปยังนรกแห่งการลงทัณฑ์หรือยัง

                ไม่ช้า ขะ... ขอรับ ทานาทอสกัดฟันตอบ เหลือเวลา... ไม่... ไม่... มาก

                วิญญาณครึ่งเป็นครึ่งตายโต้แย้งสามเทพสุภาว่าอะไร พอจำได้ไหม

                “จะ...

                เขาพูดได้เท่านั้น ก่อนที่จะหอบหายใจแรง ๆ จนตัวโยน และคำตอบกลายเป็นเสียงหวีดสั้น ๆ ในลำคอ เอเรอาญ์ได้กลิ่นเหมือนเนื้อไหม้เหม็นคลุ้ง แต่หลังจากที่จ้องมองคราบเหนียว ๆ สีดำสนิทเหมือนน้ำมันบนพื้นนานพอสมควร เธอก็ตระหนักว่ามันคือเลือดของเทพแห่งความตาย

                ท่านคะ

                ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะพูด ฮาเดสขัดเธอ เร็วเข้า ทานาทอส ตอบข้า! ”

                จะ.. จำ...

                ตัวทานาทอสโยนไปมา จากนั้นก็เริ่มคุดคู้และเขาก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ผ้าคลุมที่ขาดวิ่นทำให้มองเห็นบาดแผลซึ่งเอเรอาญ์แทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ มันสาหัสมากจริง ๆ

                เร็วเข้า! ”

                อย่าเพิ่งเลยค่ะ รีบรักษาก่อนเถอะ ทำอะไรสักอย่าง

                ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะพูด เขาตอบโดยไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ

                จำได้... เทพแห่งความตายกระซิบ เขาบอกว่าเวเรน่า ไอริส เฮกเซลไม่มีบาปนั้น... นะ... นาง... นางถูกฆ่า...

                เป็นคำเท็จหรือเปล่า ทานาทอส! ทานาทอส! ทานาทอส!  ”



    [1] เทวีผู้ลงทัณฑ์ หรือที่เรียกกันว่า เทวีทัณฑกร เป็นเทพีที่มีรูปร่างลักษณะดุร้าย ทำหน้าที่ลงทัณฑ์วิญญาณชั่วร้ายในยมโลก มีสามตน ได้แก่ ไทสิโฟเน่ เมเกร่า และอะเล็กโต


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×