คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 8 ตอนที่ 1
บทที่ 8
ม่านขยับเป็นระลอกเหมือนผิวน้ำกระเพื่อมที่สุดปลายสายตาเหนือศีรษะ และทิ้งชายผ้าลงมาที่สุดปลายหางตาทั้งสองฝั่ง เหมือนถูกห่อหุ้มอยู่ในฟองไข่แห่งความมืดมน
มืดสลัว และเงียบสนิท เธอได้ยินเสียงที่เกิดจากแรงลมโบกพัดนาน ๆ ครั้ง ขณะที่มองเห็นอะไรบางอย่าง -- อาจจะเป็นพู่สีทองที่ชายผ้าม่าน -- กระทบแสงจันทร์สีซีดเป็นประกายอย่างหงอยเหงา
“เดี๋ยวสิ! “
เอเรอาญ์ร้องออกมาทั้งที่ยังคงนอนเบิกตาโพลง เรื่องราวที่ฉีกขาดไปชั่วขณะปะติดปะต่อกันเป็นรูปเป็นร่างอย่างเร่งรีบ มันเร็วเกินไปด้วยซ้ำ มองดูคล้ายศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์ของจิตรกรบ้าคลั่ง
เธอยกมือทั้งสองข้างปิดปาก ทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือลง และส่งเสียง “เฮ้” ด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก จากนั้นก็เอามือปิดปากอีก
“นางแค่เบื่อจะเสแสร้งแกล้งทำ! และไม่ช้าเจ้าเองก็เหมือนกัน! ”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอจำได้ว่าได้ยินอย่างเป็นรูปธรรม
เทพเจ้าองค์นี้ทำให้เธอทั้งกลัว ทั้งตกใจ และโมโห หรือถ้าพูดให้ถูกต้องคือไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีปะปนอยู่เลย อาจจะมีคุณความดีเล็กน้อยตรงที่มันทำให้หัวใจของเธอสามารถสูบฉีดเลือดได้เร็วขึ้น แต่เอเรอาญ์ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมองในแง่นั้นได้หรือเปล่า
เธอกลัวอารมณ์ที่รุนแรงของเขา และแค้นเคืองที่เขาช่างไม่เคยให้เกียรติเธอเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยวิธีการใด ๆ ถ้าเธออ่อนข้อ เธอก็จะถูกลิดรอนอิสรภาพไปตลอดกาล แต่ถ้าเธอตอบโต้ --
เอเรอาญ์เม้มริมฝีปาก
-- เธอก็จะถูกโต้คืนอย่างแรง
และร้อนด้วย --
“นี่! ”
เธอส่งเสียงจิ๊กจั๊กกับความคิดแวบหนึ่งของตนเอง ก่อนจะสะบัดตัวลุกขึ้นและก้าวลงจากเตียง ย่ำ โครม ๆ ตรงไปยังประตูห้อง ตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องประท้วงเรื่องนี้กับทั้งทานาทอสและฮิปนอสให้ได้ความ
เธออาจไม่มีปากเสียงพอ แต่ถ้าสามปาก -- ต่อให้เป็น ‘องค์ราชัน’ ก็ควรจะรับฟังโดยสามัญสำนึก หรือบางทีถ้าสามปากยังไม่พอ เธออาจจะปลุกระดมดวงวิญญาณนับหมื่นนับแสน ถ้าแสนปาก --
“เจ้าจะไปไหน”
เอเรอาญ์สะดุ้งสุดตัว กระซิบบอกตัวเองอย่างรีบร้อนว่าจะไม่หันกลับไปมองเด็ดขาด เธอยังไม่พร้อม ประเด็นแรก -- เธอยังไม่กล้าแม้แต่สบตาเขาด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นที่สองว่าเธอยังมีแค่ปากเดียวเลย!
“ต้องให้ข้าเข้าไปพูดด้วยใกล้ ๆ กว่านี้ไหม เผื่อเจ้ายังได้ยินไม่ชัด”
“ฉันได้ยินแล้วค่ะ! ”
เธอหันขวับ แต่เป็นการหันกลับไปมองที่แปลกประหลาดเมื่อน้ำเสียงกับใบหน้ามีจุดหมายปลายทางต่างกัน เสียงของเธอดูพร้อมต่อการต่อสู้ชนิดดับเครื่องชน แต่ใบหน้ากลับก้มต่ำและสบกับปลายเท้าของเขาอย่างแน่วแน่
“เจ้าจะไปไหน” ฮาเดสถามอีกครั้ง
“ฉันไม่ทราบ”
“ข้าถามว่า -- ”
“ฉันจะไปหาท่านนั่นแหละ! ” เธอส่งเสียงด้วยสันชาตญาณเมื่อว่าเห็นเท้าของเขาสืบเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง
“หาข้า? ”
“เอ่อ -- ”
“ข้าถาม -- ”
“ฉันจะได้สะสางเรื่องที่ผ่านมาให้หมด”
“สะสาง? ”
เธอโพล่งออกไปโดยปราศจากความคิดเพราะฝีเท้าของเขาอีกแล้ว! เอเรอาญ์อยากจะร้องออกมาดัง ๆ เธอจนแต้ม ไร้ทางไป แน่นอนว่าเธอไม่มีคำตอบจะให้เขา เพียงแต่ถ้าไม่มีให้ --
“ข้าถาม -- ”
“หยุดถามเถอะค่ะ! ”
เอเรอาญ์เงยหน้าขึ้นสบตาเขา เขาสบตาตอบ เลิกคิ้วน้อย ๆ ด้วยซ้ำ
“ทำไมต้องให้ข้าหยุดถาม”
“เพราะฉันตอบไม่ได้”
“ดี ข้าเองรีบร้อนเกินกว่าจะรอฟังคำตอบเจ้า”
เธอแทบจะตะโกนใส่เขา แต่รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด เทพเจ้าควรจะอ่านใจมนุษย์ได้ -- อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอ จะมีประโยชน์อะไรกับการไล่เธอจนแต้มโดยไม่ต้องการคำตอบ และที่สำคัญ --
“เรื่องอะไรคะ”
เขาไม่ได้มีท่าทีกระอักกระอ่วนเหมือนเธอเลย
“พี่ชายเจ้า”
“พี่ชายฉันทำไม? ” น้ำเสียงมีโทสะ เธอคิดว่าเขากำลังจะพูดเรื่องที่ห้ามเธอพบกับพี่ชายอีกแน่นอน แต่คำตอบของเขาห่างไกลจากการคาดการณ์ของเธอมาก
“พี่ชายเจ้าต้องโทษจองจำในนรกแห่งการลงทัณฑ์”
“ท่าน... ”
เอเรอาญ์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปลาทอง ได้แต่อ้าปาก แล้วก็หุบปาก พูดอะไรไม่ออก คิดอย่างเชื่องช้าช้า และได้แต่ว่ายวนอยู่ในอ่างอย่างอับจนหนทาง
“ท่านว่าอะไรนะคะ”
สีหน้าของฮาเดสเหมือนจะรำคาญ แต่ไม่ใช่ มันผสมกันด้วยความร้อนรนเร่งรีบและท่าทางกราดเกรี้ยวอย่างที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขา
“พี่ชายของเจ้าต้องโทษจองจำในนรกแห่งการลงทัณฑ์”
“อะไรกัน! เป็นไปได้ยังไง นี่ท่าน -- ” เธอจ้องเขาอย่างโกรธจัด “หรือว่าเพราะเรื่องนั้น”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่ฉันพบกับพี่”
เธอพูดและรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างกาย เธอพบกับพี่ชายฝาแฝด -- เธอสั่งให้อาเธอร์หนีไป ทานาทอสพยายามห้ามเขา เธอตอบโต้เขาเป็นครั้งแรก และ --
“ข้าจะจองจำวิญญาณมนุษย์ด้วยเหตุผลเท่านั้นน่ะรึ”
คำตอบของฮาเดสทำให้เธออ้าปากค้าง “ก็ท่าน -- ”
ก็ท่านโมโหถึงขนาดนั้น ขนาด --
เธอหยุดคิด เพ่งสมาธิให้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น “แล้วเพราะอะไรกันคะ ทำไมอาเธอร์ต้องอยู่ในนั้นด้วย”
“เขาบุกรุกพระบัญชรว่าการ”
“อะไรนะ -- ที่พิพากษาวิญญาณน่ะหรือ ทำไมกัน”
“พี่ชายเจ้ากล่าวหาว่าสามเทพสุภากล่าวคำพิพากษาผิดพลาด” ฮาเดสตอบ “เขาร้องสิทธิ์ให้กับวิญญาณตนหนึ่ง”
เอเรอาญ์ไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ได้ยินว่าพี่ชายฝาแฝดทำแบบนั้น การช่วยเหลือและปกป้องดูเหมือนจะเป็นสันชาตญาณเฉพาะตัวที่โดดเด่นที่สุดของอาเธอร์
“เขาอาจจะพบวิญญาณตนนั้นตอนที่ -- ” เธออึกอัก “ตอนที่ฉันสั่งให้เขาวิ่งหนีไป”
“เจ้าคิดได้ถูกต้อง”
“การเรียกร้องความยุติธรรมให้กับวิญญาณตนหนึ่งทำให้เขาต้องต้องโทษขนาดนั้นหรือคะ”
เธอกล่าวหา แต่ฮาเดสไม่ยอมแพ้
“คงไม่เป็นเช่นนั้นถ้าหากเขาไม่ได้ขัดขวางงานของยมทูต นำพาเทพเจ้าไปสู่ข้อขัดแย้ง และทำให้สายโลหิตหลั่งรินในพระบัญชรว่าการอันศักดิ์สิทธิ์! ” เขาแทบจะตะโกนใส่เธอ “ข้าจะรีบร้อนมาบอกเจ้าทำไมกันว่าเขาทำอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนของข้าเองถูกจองจำพร้อมกับเขา และเพราะเขา! ”
เธอใจหายวาบ “ใครกันคะ”
“ฮิปนอส -- ”
เธอนึกถึงใบหน้ากลม ท่าทางจริงใจและอารีของเทพแห่งการหลับใหลแล้วกลืนน้ำลาย ถึงแม้จะเป็นเทพเจ้า ฮิปนอสก็ยังดูน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าอาเธอร์เสียอีก
“ทำไมกัน”
“พี่ชายเจ้าได้พบกับวิญญาณตนนั้นระหว่างยมทูตนำพานางไปสู่นรกแห่งการลงทัณฑ์ เขาขัดขวาง และยมทูตอาจคร่าวิญญาณเขาไปแล้วหากฮิปนอสไม่ช่วยเหลือเอาไว้” เขาเล่าอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ “ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใดทำให้ฮิปนอสพาตนเองไปถึงพระบัญชรว่าการเพื่อเรียกร้อง ทั้งที่ฮิปนอสน่าจะรู้ดีว่าสามเทพสุภาไม่เคยยอมรับการถูกกระทำโดยปราศจากความเคารพ สามเทพสุภาบัญชาเหล่าเทวีผู้ลงทัณฑ์[1]ให้นำเขาไปสู่นรกแห่งการลงทัณฑ์พร้อมกับคนของข้า จากนั้น -- ทานาทอสที่อยู่ในพระบัญชรเวลานั้นด้วยได้เข้าขวางไว้และถูกทำร้าย -- สาหัส”
“อะไรนะ! ” เธออุทาน นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะบานปลาย “เป็นไปได้ยังไง วิญญาณตนนั้นเป็นใครกัน”
“นางชื่อเวเรน่า ไอริส เฮกเซล”
“เวเรน่า! ท่านพูดว่าเวเรน่าหรือ”
“ใช่”
“แต่เวเรน่าจะถูกพิพากษาให้อยู่ในนรกแห่งการลงทัณฑ์ได้ยังไงกัน ไม่มีทางเลย! ” เอเรอาญ์ประท้วง “คนอย่างเธอมีที่เดียวเท่านั้นที่ควรจะไป คือทุ่งเอลลีเซียม”
“นางมีบาปฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นบาปสาหัส สามเทพสุภาจึงพิพากษาเช่นนั้น”
“ไม่จริง! ” เธออ้าปากค้าง “เวเรน่าถูกฆ่าตายต่างหาก”
ฮาเดสมองเธออย่างพินิจพิจารณา และเมื่อเขาน่าจะคิดว่าเธอไม่ได้โกหก ราชันแห่งปรภพก็คว้าแขนเธอ เอเรอาญ์สะดุ้ง มันรวดเร็วจนเธอไม่ได้ส่งเสียงร้อง
“มาเร็ว! ”
น้ำเสียงของเขารีบร้อนกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน จากนั้นในอึดใจต่อมา เธอก็ปรากฏตัวในอีกที่หนึ่งภายในเสี้ยววินาที
ที่ที่ฮาเดส ‘พา’ เธอมา และปล่อยมือจากเธอทันทีที่พามาถึงเป็นห้องขนาดกว้างกว่าคุกของเธอเล็กน้อย แต่มีแสงสว่างมากกว่า ทั้งจากคบไต้และเตาผิงขนาดใหญ่ เปลวไฟสะบัดวูบวาบด้วยแรงลมจากทุกทิศทาง เอเรอาญ์พบว่ามันเป็นที่ที่หายใจได้โดยสะดวกที่สุดในยมโลกรองจากพื้นที่นอกปราสาท
“ฝะ... ฝ่าบาท”
“พวกเขาส่งเจ้ามาถึงแล้วหรือ”
ฮาเดสสาวเท้าเร็ว ๆ ไปยังมุมห้อง หญิงสาวมองตาม ก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาตะคุ่มอยู่เหนือแท่นหินสูงสองฟุตที่วางเรียงรายจนเต็มห้อง มันคุดคู้และเป็นสีดำสนิท เหมือนค้างคาวตัวโต ๆ ที่กำลังบาดเจ็บ
เธอรู้ในวินาทีต่อมาว่านั่นคือทานาทอส
เอเรอาญ์รีบวิ่งตรงเข้าไปหา มองเห็นใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของทานาทอสสะท้อนแสงคบไฟ มันซีดเผือดเหมือนหน้ากากขี้ผึ้ง ดูอิดโรยและแก่ชราทั้งที่ยังคงเป็นใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“พวกเขาถูกนำไปยังนรกแห่งการลงทัณฑ์หรือยัง”
“ไม่ช้า ขะ... ขอรับ” ทานาทอสกัดฟันตอบ “เหลือเวลา... ไม่... ไม่... มาก”
“วิญญาณครึ่งเป็นครึ่งตายโต้แย้งสามเทพสุภาว่าอะไร พอจำได้ไหม”
“จะ... ”
เขาพูดได้เท่านั้น ก่อนที่จะหอบหายใจแรง ๆ จนตัวโยน และคำตอบกลายเป็นเสียงหวีดสั้น ๆ ในลำคอ เอเรอาญ์ได้กลิ่นเหมือนเนื้อไหม้เหม็นคลุ้ง แต่หลังจากที่จ้องมองคราบเหนียว ๆ สีดำสนิทเหมือนน้ำมันบนพื้นนานพอสมควร เธอก็ตระหนักว่ามันคือเลือดของเทพแห่งความตาย
“ท่านคะ”
“ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะพูด” ฮาเดสขัดเธอ “เร็วเข้า ทานาทอส ตอบข้า! ”
“จะ.. จำ... ”
ตัวทานาทอสโยนไปมา จากนั้นก็เริ่มคุดคู้และเขาก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ผ้าคลุมที่ขาดวิ่นทำให้มองเห็นบาดแผลซึ่งเอเรอาญ์แทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ มันสาหัสมากจริง ๆ
“เร็วเข้า! ”
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ รีบรักษาก่อนเถอะ ทำอะไรสักอย่าง”
“ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะพูด” เขาตอบโดยไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ
“จำได้... ” เทพแห่งความตายกระซิบ “เขาบอกว่าเวเรน่า ไอริส เฮกเซลไม่มีบาปนั้น... นะ... นาง... นางถูกฆ่า... ”
“เป็นคำเท็จหรือเปล่า ทานาทอส! ทานาทอส! ทานาทอส! ”
[1] เทวีผู้ลงทัณฑ์ หรือที่เรียกกันว่า เทวีทัณฑกร เป็นเทพีที่มีรูปร่างลักษณะดุร้าย ทำหน้าที่ลงทัณฑ์วิญญาณชั่วร้ายในยมโลก มีสามตน ได้แก่ ไทสิโฟเน่ เมเกร่า และอะเล็กโต
ความคิดเห็น