คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 5 ตอนที่ 1
บทที่ 5
“เดี๋ยวก่อนสิคะ ที่นี่ที่ไหนน่ะ แล้วพวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงได้ -- ”
“ระงับใจเถิดนายหญิง ข้าตอบได้ทีละข้อ”
เธออยากจะสวนใส่ว่า ‘นายหญิงอะไรกัน! ’ เหลือเกิน แต่ความกลัว ไม่ไว้ใจ และสับสน มีอิทธิพลให้เธอทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างระแวดระวัง ทานาทอสค่อย ๆ ปลอบให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะสะบัดมือเหมือนบริกรและทำให้ถ้วยชาถ้วยหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศ
เอเรอาญ์ตาค้าง
“นายหญิงอาจจะยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่ ปรภพหนาวเหน็บกว่าดินแดนแห่งอื่นมาก” เขาพูดเมื่อเห็นมือของเธอสั่น -- ซึ่งเกิดจากการเห็นเขาเสกถ้วยชาขึ้นเหมือนเล่นกล ไม่ใช่ความเย็น แล้วราวกับว่าเธอยังตกตะลึงไม่พอ ทานาทอสดีดนิ้ว คราวนี้ไฟในเตาผิงลุกโชน มันเป็นเปลวไฟสีฟ้าซีด ๆ ที่กลับทำให้เอเรอาญ์ยิ่งตัวสั่น
“ขอให้ถามได้เลย”
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอและค้อมหลังเล็กน้อย หญิงสาวดูออกในทันทีว่าอีกฝ่ายต้องเป็นข้ารับใช้ที่ เยือกเย็นและเจ้าเล่ห์ไม่เบา “ฉะ -- ฉัน” เธอเรียบเรียงเรื่องที่จะถามแทบไม่ได้เลยเมื่อความคิดกำลังแตกซ่าน “ฉันอยู่ที่ไหน”
“ปรภพ นายหญิง... ”
“ปรภพ -- ยมโลก นรกน่ะหรือ”
“ขอรับ”
“พวกคุณทุกคนไม่ใช่ -- ” เอเรอาญ์กลืนน้ำลาย กลัวเหมือนว่าคำถามจะกัดลิ้นเธอ “ไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม”
“ขอรับ”
“พระเจ้า ฉันกำลังฝันไป! ” เธอครางอย่างสิ้นหวัง “ฉันไปเดลฟี ฉันทะเลาะกับพ่อ หลงป่า ฟังชายแก่เล่าเรื่องเทพีเพอร์ซีโฟเน่ เขาคงจะพาฉันออกจากป่ากลับมาหาพ่อ ตอนนี้ฉันอยู่ในห้อง กำลังหลับและฝันฟุ้งซ่านเพราะเหนื่อยมาก”
“ต้องขอถาม” ทานาทอสกระแอม “ชายแก่ที่ท่านเอ่ยถึง มีดวงตาสีตะวันและดีดพิณหรือไม่”
“คุณรู้? ”
“นายหญิงไม่ได้ฝันไปขอรับ ชายแก่ที่ว่าคือเทพอพอลโล ท่านคงอยู่ในเขตของวิหารเดลฟี การประชุมที่เพิ่งผ่านมาของเทพโอลิมเปียนคงหมายถึงการประชุมเรื่องราวของนายหญิงไม่ผิดแน่ เพียงแต่เทพีเพอร์ซีโฟเน่จะต้องประทับเป็นราชินีแห่งปรโลกในเวลานี้จนสิ้นเหมันตกาล”
“แต่ฉันบอกแล้วนี่คะ ฉันไม่ใช่เทพีเพอร์ซีโฟเน่ ฉันจะเป็นเทพีไปได้ยังไงกัน ฉันเป็นแค่มนุษย์ มนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง พวกคุณ คือ -- พวกท่านกำลังกล่าวหาคนว่าเป็นเทพเจ้านะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“นายหญิงไม่สามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้เลยหรือขอรับ”
“จำไม่ได้สิ” เธอตอบ นึกหงุดหงิดกับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย “ในเมื่อฉันมีความทรงจำมาแค่ยี่สิบปีเศษในลอนดอนนี่” เธอกระซิบประโยคหลัง
ทานาทอสทำสีหน้าประหลาด เธอมองไม่ออกว่าเป็นรอยยิ้ม รอยบึ้งตึง หรือใบหน้างุนงงสงสัยกันแน่ “ทุกคนในโลกของเราต่างรู้ดีว่าท่านหายสาบสูญไปตลอดกาลเมื่อหลายพันปีก่อน”
“ฉัน? สาบสูญ? ”
“ขอรับ สาบสูญ ข้าเองก็เคยคิดว่าต้องเสียท่านไปตลอดกาลแล้วเช่นกัน” เขายิ้ม “แต่ -- คงเป็นเพราะดวงวิญญาณเทพเจ้าไม่อาจสูญสลายได้กระมัง นายหญิงจึงได้ถือกำเนิดใหม่ในร่างมนุษย์ ข้ารู้ -- เพราะแก้วตาของเทพเจ้ามีลักษณะพิเศษเสมอ”
ข้อนี้เธอเชื่อสนิท “เหมือนแก้วตาของคุณ -- เออ ท่าน? ” เอเรอาญ์ถาม “ท่านคือ... ? ”
“ทานาทอสขอรับ เทพแห่งความตาย”
“ถ้าอย่างนั้น – นายของคุณ -- ท่าน --”
“ขอรับ เทพฮาเดส ราชันแห่งปรภพ”
เธอเข้าใจแล้ว เธอถูกโยนข้อหาพิลึกใส่จากบรรดาเทพเจ้าว่าเธอคือเทพีเพอร์ซีโฟเน่ผู้สาบสูญเมื่อหลายพันปีก่อน เทพีเพอร์ซีโฟเน่ -- เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ
และ -- เป็นราชินีของเทพฮาเดสด้วย!
“นายหญิงอาจผูกพันกับโลกของมนุษย์นานเกินสมควร คงต้องใช้เวลาและความคุ้นชินสักเล็กน้อยเพื่อค่อย ๆ หวนคืนสู่ความเป็นเทพเจ้า”
“เดี๋ยวก่อน! ผู้ชายคนเมื่อกี้ -- ! ”
“ขอรับ นายท่านฮาเดส”
เอเรอาญ์กลืนน้ำลาย “แล้วเรื่องที่ฉันต้องอยู่ที่นี่ในสายตาเขาล่ะ? ”
“เป็นประสงค์ของนายท่านขอรับ”
“เดี๋ยวสิ เขาบอกจะสอบสวนเรื่องวันนั้น? แต่ฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรจริง ๆ นะ -- ”
เมื่อทานาทอสเห็นว่าเธอจะไม่ดื่มชาที่เขายื่นให้แน่ ๆ เขาจึงโบกมือให้มันหายไปในอากาศก่อนจะตอบ คำถาม “วันนั้นเห็นจะหมายถึงวันที่นายหญิงหายสาบสูญไปขอรับ เห็นใจนายท่านเถิด ศรแห่งกามเทพทรงฤทธิ์นัก นายท่านทั้งรักและลุ่มหลงท่าน นับแต่ท่านจากไป นายท่านก็ไม่อนุญาตให้ใครทำเรื่องให้สะกิจใจถึงนายหญิงเลย ข้าเข้าใจว่านายท่านเสียใจมาก”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ทำไมฉันต้องอธิบายเรื่องในวันนั้นด้วย”
“ข้าไม่อาจทราบ”
“ถ้าสมมตินะ -- ถ้าสมมติฉันเป็นเทพีเพอร์ซีโฟเน่จริง ๆ และจำทุกอย่างได้เสียที เขาก็จะปล่อยฉันไปใช่ไหม”
“ข้าไม่อาจทราบ”
“หรือถ้าฉันคิดหาคำอธิบายได้ล่ะ”
“ข้าไม่อาจทราบ”
“โธ่ -- แล้วในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่เล่า! ”
“ข้าไม่อาจทราบ”
“ฉันจะทำยังไงดี”
ทานาทอสยิ้มอีกครั้ง คราวนี้เป็นรอยยิ้มจืด ๆ ก่อนจะให้คำตอบที่ชวนหลั่งน้ำตาที่สุด “คงต้องแล้วแต่นายท่าน” แล้วรอยยิ้มก็จืดจางกว่าเดิม “ส่วนทุกเรื่องที่ข้าตอบท่านว่า ‘ข้าไม่อาจทราบ’ ในปรภพแห่งนี้ เห็นจะมีหนึ่งเดียวที่รู้คำตอบ -- นายท่านขอรับ”
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้ครางอย่างสิ้นหวังมาแล้วทั้งวัน “ท่านปล่อยให้ฉันหนีไปไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้ขอรับ”
“หมายความว่าฉันต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะกลับเป็นเทพีได้และ -- สุดแท้แต่เทพฮาเดสจะเมตตาใช่ไหม”
“ขอรับ”
“ท่านขัดคำสั่งของเทพฮาเดสไม่ได้หรือ”
“ไม่เคย และไม่ทำอย่างเด็ดขาดขอรับ”
คำตอบของทานทอสฉุดกระชากลากถูกำลังใจของเธอให้ลงไปกองอยู่แทบเท้าอย่างโหดร้ายทารุณ แต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอทั้งซีดสนิทไร้สีเลือด ทานาทอสจึงพยายามสรรหาเรื่องที่ดีในสุดในการถูกกล่าวหาว่าเป็นเทพเจ้าครั้งนี้ของเธอมาบอก
“อย่างน้อย เจ้าคนที่มาพร้อมกับนายหญิงก็เป็นดวงวิญญาณที่โชคดีนัก”
“คนที่มาพร้อมฉันหรือคะ? ”
“ขอรับ -- ระหว่างเทพอพอลโลนำท่านมา ชายคนหนึ่งเข้าขัดขวางและต้องรัศมีของเทพอพอลโลกระทั่งกลายเป็นดวงวิญญาณครึ่งเป็นครึ่งตาย” เขาอธิบาย “ดวงวิญญาณชนิดนี้ ยมโลกจะให้อาศัยในทุ่งแอสโฟเดล[1]จนกว่าจะกลับสู่โลกของตนเอง หรือร่างเนื้อไม่ได้ดำรงอยู่แล้ว กลายเป็นวิญญาณผู้วายชนม์ไป แต่ข้าเห็นว่าวิญญาณดวงนี้ถูกส่งมาพร้อมกับนายหญิง จึงให้ฮิปนอส พี่ชายของข้าเป็นผู้ดูแลขอรับ”
คำบอกเล่าเหล่านั้นไม่น่าจะมีอะไรให้เธอสะกิดใจเลยสักนิด แต่ด้วยสันชาตญาณและลางสังหรณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ทำให้เอเรอาญ์เอ่ยถาม
“ดวงวิญญาณดวงนั้นมีผมสีน้ำตาล ตาสีเขียว สูงกว่าฉันประมาณคืบหนึ่งหรือสองคืบ แล้วก็หน้าตาคล้าย ๆ ฉันหรือเปล่าคะ? ”
เธอถาม ก้ำกึ่งระหว่างพ่อและพี่ชาย จะมีสักกี่คนที่บ้าบิ่นขนาดพุ่งเข้าขัดขวางเทพเจ้าเพื่อช่วยเธอ
“ขอรับ ท่านรู้หรือ? ”
“อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ! เขาใส่แว่นตา และหางคิ้วขวามีรอยบากยาวพาดอยู่หรือเปล่า”
“ขอรับ ท่านรู้ได้อย่าง -- ”
“อาเธอร์ค่ะ! เขาเป็นพี่ชายของฉันเอง โอ -- ได้โปรดเถอะเทพทานาทอส พาฉันไปหาเขาที!”
[1] ในปรภพนั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ ทุ่งแอสโฟเดล ทุ่งเอลลีเซียม และนรกแห่งการลงทัณฑ์ โดยตัดสินจากความบริสุทธิ์ของวิญญาณ วิญญาณที่มีความบริสุทธิ์สูง มีความดีงาม ก็จะได้อาศัยในทุ่งเอลีเซียมอย่างมีความสุข วิญญาณที่เต็มไปด้วยบาปจะต้องทุกข์ทรมานในนรกแห่งการลงทัณฑ์ ขณะที่วิญญาณที่ไม่ได้มีความดีงามเป็นเลิศนัก และไม่ได้มีบาปร้ายแรง จะอาศัยอยู่ในทุ่งแอสโฟเดลซึ่งไม่มีทั้งความทรมานและความรื่นรมย์
ความคิดเห็น