ตอนที่ 6 : ให้รู้เสียบ้าง... ว่าใครเป็นใคร!
บทที่ 5
ให้รู้เสียบ้าง... ว่าใครเป็นใคร!
อี้ชิงก้าวฉับ ๆ คิ้วขมวด ผมเป็นกระเซิง
เพื่อน (ที่ไม่อยาก) รัก โทรศัพท์หาเขาเมื่อกี้ ชานเลี่ยตะโกน สลับกับสะอื้น ส่งเสียงโหวกเหวก สลับกับคร่ำครวญลงมาตามสายว่า
“ป๋ายเซียนแย่แล้ว ป๋ายเซียนจะตายแล้ว! ป๋ายเซียนจะตายเดี๋ยวนี้แล้ว จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี! ”
ก็ไม่เข้าใจนักหรอก กะอีแค่หมาตัวเดียว มีอะไรให้ตัวปัญหาแห่งซัวเถา ที่วันหนึ่ง ๆ ดีแต่เดินลอยชาย แกว่งไข่ไปมาใส่ใจนัก ถึงจะบอกว่าเป็นหมาตัวสำคัญ ที่หัวเด็ดตีนกุดยังไงเป็นต้องเลี้ยงให้เชื่อง แล้วหอบหิ้วกลับไปหาเตี่ยให้ได้ก็ตาม นี่มันผิดวิสัยชานเลี่ย... ผิดวิสัยชานเลี่ยเอามาก ๆ
นอกจากเร่งยิก ๆ เป็นกระต่ายผสมพันธุ์ให้เขามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากยังไหว้วานให้อี้ชิงติดต่ออู๋ซื่อชุน หมอประจำตัวป๋ายเซียนด้วย “ไม่รู้ว่าเอาเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปทิ้งไว้เสียที่ไหน” ชานเลี่ยอธิบาย “ฉันนี่แย่จริง ๆ เลย... ชิง”
เออ แย่จริง ๆ แหละว้า ว่าแต่... หมาตัวนี้มีหมอประจำตัวด้วย! บ๊ะ! ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา
“ขอโทษนะครับ แผนกฉุกเฉินไปทางไหน”
บุรุษพยาบาลบอกทางโดยการพยักพเยิดไปด้านหลัง ฮาร์บิเนี่ยนชะเง้อชะแง้มองตาม เห็นหัวดำ ๆ เป็นกระเซิงของเพื่อนตัวสูงโย่งผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ไม่ไกลก็ให้แปลกใจไม่น้อย ชานเลี่ยไม่เคยผุดลุกผุดนั่งอย่างนี้ ไม่เคยร้อนใจอย่างนี้ แม้ขณะที่แม่เพ่ยเพ่ยตัวดีบีบน้ำตาว่าท้องกับตัวเอง
แหงล่ะซี้... แต่ก่อนแต่ไรมีทั้งเตี่ยทั้งม้า ทั้งเจ็กทั้งซิ่มล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร เดี๋ยวม้าจัดการให้ อยู่อย่างนั้นตาปีตาชาติ คนอย่างนี้มีหรือจะรู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
“ฉันมาแล้ว เลี่ย” เขาปรี่เข้าหา “ดีจริง ๆ ไม่ยักรู้ว่าแผนกฉุกเฉินที่นี่รับรักษาสัตว์ ป๋ายเซียนเป็นหมาป่าด้วยซี่ ทำไมแกไม่พาไปโรงพยาบาลสัตว์ว้า หรือว่าตกใจ ไม่ทันคิด”
“อ้อ... ฉัน... ฉัน” ชานเลี่ยละล่ำละลักโดยไม่สบตาเขา “ฉัน... ไม่รู้”
“เอ้อ แล้วทำท่าไหนถึงได้ลงเอยอย่างนี้ ป๋ายเซียนกินอะไรผิดสำแดงหรือเลี่ย ยาเบื่อใช่ไหม คนเขารำคาญเสียงเห่าเสียงหอนสิท่า แกล่ะก็ ไม่รู้จักดูแล นี่ ใจเย็นหน่อย ๆ ล้างท้องหน่อยเดียว เดี๋ยวก็... ”
“ป๋ายเซียนไม่ได้กินอะไรผิดสำแดง ชิง... คือว่า... ”
“หรือว่าตกบันได เลี่ยเอ๊ย ฉันบอกแล้วบอกอีก ให้ลงกลอนประตูกั้นบันไดทุกครั้ง”
“คุณผู่ชานเลี่ยใช่ไหมคะ” พยาบาลท่าทางตื่นตระหนกขัดจังหวะเขา “พี่ชายของเปี้ยนป๋ายเซียนใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ผมเอง”
“ได้นำบรรจุภัณฑ์น้ำยากัดสีผมและแว็กซ์เปลี่ยนสีผมมาด้วยไหมคะ”
ราวกับอุปาทาน ใบหน้าของตัวปัญหาแห่งซัวเถา เหมือนจะหดเล็กลง เหลือคืบเดียว ทั้งยังซีดเซียวเหมือนไก๋ตุ๋น “ขอโทษครับ ผมลืม... ผมไม่ทันคิด ผม... ”
“ไม่เป็นไรค่ะ จำชื่อยี่ห้อได้หรือเปล่า”
“จำไม่ได้ครับ” ดูก็รู้ว่าเพื่อนตัวดีของอี้ชิง จวนเจียนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “จำไม่ได้จริง ๆ เป็นของเลหลังขาย ไม่มียี่ห้อน่ะครับ”
พยาบาลถอนหายใจ “โธ่... คุณ” แต่สีหน้า แววตานั้น เหมือนจะบอกว่า “ปัดโธ่โว้ย ไอ้คนโหลยโท่ย” มากกว่า “น้องชายของคุณ สูงหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตร หนักสี่สิบแปดกิโลกรัม หมู่โลหิตโอ ถูกต้องไหมคะ ไม่ทราบอีกหรือเปล่า ไม่เป็นไรค่ะ มีประวัติแพ้ยาไหมคะ”
“ไม่ทราบจริง ๆ ครับ” คราวนี้อี้ชิงเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง “แต่อีกเดี๋ยว หมอประจำตัวของเขาจะมา อีกเดี๋ยวเดียวครับ”
“ค่ะ ถ้าหมอประจำตัวของเปี้ยนป๋ายเซียนมา รบกวน... ติดต่อดิฉันทันที เข้าใจใช่ไหมคะ”
พยาบาลดูไม่พอใจนัก แต่อี้ชิงไม่แปลกใจหรอก
“แกนี่น้า เลี่ย” เขาตบหลัง ตบไหล่ ให้กำลังใจอีกฝ่าย “กระทั่งน้ำหนัก ส่วนสูงก็ยังไม่ร... ”
เอ๊ะ... น้ำหนัก ส่วนสูง หมู่โลหิต ประวัติการแพ้ยา ใช่หมาหรือเปล่านั่น...
“เลี่ย” เสียงนั้นเบาโหวง “อย่าบอกนะว่าป๋ายเซียน... ”
เป็นคน... คนจริง ๆ ใช่ไหมวะ
ชานเลี่ยกลืนน้ำลายเอื้อก “เออ” พูดออกไปแล้ว พูดออกไปแล้ว! “ไอ้ตัวเล็กเป็นคน ไม่ใช่หมา”
“ไอ้หยา! ผู่ชานเลี่ย! ” ฮาร์บิเนี่ยนตบอกผาง “คนนะโว้ย คน! ลูกคน ไม่ใช่ลูกนกลูกกา ทำไม... ทำไมทำทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ อย่างนี้”
“เปล่าทิ้งเปล่าขว้าง ฉันแค่ไม่ทันคิด”
“อวี้หวงต้าตี้ (เง็กเซียนฮ่องเต้) เป็นพยาน! ถึงกะไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ของหมอประจำตัว เดือดร้อนฉันต้องติดต่อองค์การโทรศัพท์ ไม่ให้เรียกว่าทำทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ยังไงไหว ปัดโธ่... ไอ้ตัวปัญหา เล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ บอกความจริงมา”
ดังนั้น ความจริงจึงพรั่งพรูจากปากซีอีโอตกอับ สู่หูของเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากราวกับน้ำหลาก ตั้งแต่หุ้นของบริษัทซึ่งตกชุกกว่าฝนในฤดูมรสุม ความทุกข์ใจของเตี่ย ม้า เจ็ก และซิ่ม บทลงโทษของมังกรฟ้าแห่งซัวเถา และข้อมูลพื้นฐานของมนุษย์เมาคลีแห่งมณฑลเฮย์หลงเจียง
“เด็กผู้ชาย ตัวแค่นี้” ชายหนุ่มร่างสูงคร่ำครวญ พลางโบกไม้โบกมือ ออกท่าออกทาง “ผิวขาว ผิวอ่อน เหมือนหยกเนื้อดี น่าอิจฉา แต่ผอม ผอมมาก ๆ บอบบาง เปราะบาง เหมือนตุ๊กตากระเบื้อง น่ากลัวใครจะฉุดเอาง่าย ๆ เดินไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ดีแต่ป๋าย ป๋าย ป๋ายอยู่นั่น น่ารำคาญจะตายหะ แต่ไม่รู้ทำไม... ไม่รู้ทำไมน้า ชิง ได้รำคาญเสียงป๋าย ป๋าย ก็ยังดีกว่าให้ป๋ายเซียนตาย อะไรก็ดีกว่าให้เขาตายทั้งนั้น”
แม้จะเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่ชานเลี่ยไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ถ้าจะไม่ดูดำดูดีใคร ก็เพราะชินต่อการหนีจากปัญหามากกว่าอย่างอื่น เพราะรักสนุกและไร้วินัยต่างหาก กับติงลี่ เจ้าหมาขาสั้นพันธุ์เวลช์ คอร์กี้ ซีอีโอตกอับยังทะนุถนอมมาได้จนแก่งั่ก ฟันฟางหักไปทั้งปาก
“เขาอยากกินโดนัทชุบน้ำตาลอีก แต่ฉันไม่ยอม” ตัวปัญหาแห่งซัวเถาว่าต่อ “อยากให้เหมือนคนกว่านี้อีกหน่อย ก็เลยบอกเขา... รอก่อน ไอ้ตัวเล็ก รอไปก่อน ถ้าฟื้นนะ ถ้าฟื้น... จะซื้อโดนัทชุบน้ำตาลสิบชิ้น ให้กินทั้งสิบชิ้นเลย”
“อย่าเพิ่งบนบานศาลกล่าว เลี่ย ของอย่างนี้พูดพล่อย ๆ ได้ที่ไหน ไม่ต้องกลัวเตี่ยจะว่าหรอก ฉันจะปิดให้ก็ได้ ไม่ให้เตี่ยรู้ และไม่ให้นักข่าวรู้ด้วย ผู่ชานเลี่ยไม่เสียชื่อแน่ เชื่อจางอี้ชิงซี่”
ฟังแล้วค่อยคลายความกังวลลงหน่อย ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มร่างสูงกลับประหลาดใจ เมื่อกี้... จะมังกรฟ้าแห่งซัวเถา นักข่าว หรือคู่แข่งทางธุรกิจ ไม่มีใครอยู่ในความนึกคิดของชานเลี่ย ซีอีโอตกอับไม่รู้สึกอะไร ขณะอุ้มป๋ายเซียนขึ้น วิ่งทั่ก ๆ ออกจากบ้านทั้งน้ำหูน้ำตา นอกจากกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ฟื้นขึ้นมาเท่านั้น
ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ช่าง หุ้นจะร่วงหรือจะลอยก็ช่าง ขอให้ป๋ายเซียนปลอดภัยอย่างนั้นหรือ... คิดอย่างนี้ รู้สึกอย่างนี้ ไม่สมกับเป็นชานเลี่ยเอาเสียเลย
“โน่นใช่อู๋ซื่อชุนหรือเปล่าหว่า”
ตัวปัญหาแห่งซัวเถาชะเง้อมอง ใครคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบตรงมา ชายเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด รีดเรียบ ไหวพะเยิบพะยาบ ซื่อชุนคงจะวิ่งมาเป็นเวลานาน หรือไม่... ก็เป็นระยะทางไกล หน้าจึงแดงราวกับหน้าของกวนอู
“อือฮึ... เซนส์แรงใช้ได้นา ชิง”
“หน้าแดงออกอย่างนั้น” เพื่อนสนิทกระซิบกระซาบ “เขาเหนื่อย หรือเขาโกรธแกวะ”
“เอ... ไม่น่าโกรธ ไอ้หมอของป๋ายเซียนออกจะใจเย... ”
เสียงผู้หญิงร้องดังมาจากที่ไกล ๆ ชานเลี่ยหูตาพร่าพราย เห็นดาวกระจายเต็มฟ้า อึดใจเดียวก็ล้มลง เอาก้นจ้ำเบ้า “เฮ้ย! อะไรวะ! ” อี้ชิงตะโกนใส่ใครคนหนึ่ง สูงขึ้นไป วะ! น้ำอะไรเหนียวอย่างนี้ ยังกะน้ำลายของป๋ายเซียน แต่ไอ้ตัวเล็กนอนอยู่โน่น ในห้องฉุกเฉิน ป๋ายเซียนตายแล้วหรือ วิญญาณป๋ายเซียนเลียหน้าเขา... อย่างนั้นใช่ไหม อา... เจ้าหมาน้อย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย...
“เค็มจริง ๆ ”
น้ำนั้นเค็ม ทั้งข้นและเค็มอย่างเหลือเชื่อ ยกมือขึ้นปาด กะพริบตา อ้อ... สีแดง แดงเหมือนกุหลาบ เหมือนซองอั่งเปา เหมือน...
“เลือด! แง้! ชิง เลือดโว้ย เลือดฉันไหลโว้ย! ”
“เออ! เขาต่อยแก เขาตั๊นหน้าแก ไม่รู้เรอะ ไอ้ลูกเศรษฐีปัญญานิ่ม เขาจะซ้ำอยู่แล้วโว้ย! ” ได้ยินเสียงพล่อกหนัก ๆ มือของอี้ชิงซึ่งกางออก รับหมัดลุ่น ๆ ของซื่อชุนนั่นเอง “ลุกโว้ยลุก! อายเขาโว้ย! ฉันอาย! ”
ยักแย่ยักยันลุกขึ้น กุมแก้มซีกหนึ่งซึ่งบวมเป่งแล้วร้อง “ม้าอยู่ไหน ม้า! เขาต่อยเลี่ย เขาต่อยเลี่ย! ”
“ผ่าซีวะ... ไอ้เราก็นึกว่าจะประกาศศักดา ตายหะ มันร้องหาแม่! ” ฮาร์บิเนี่ยนทนดูไม่ได้ หันไปหาหมอประจำตัวของป๋ายเซียน “อู๋ซื่อชุนสิท่า ผมนี่แหละ โทรศัพท์หาคุณ อย่าทำอะไรเลี่ยเลย น่าเวทนา ถือว่าผมขอบิณฑบาต”
“ไอ้เพื่อนบ้า ไอ้เพื่อนทรยศ”
“ขืนใครอยู่ข้างแก เลือกเอาเลย จะโง่หรือจะโง่ พยาบาลอยู่ทางโน้น รอคุณอยู่” แน่ะ... เมินเขา หันไปพูดกับไอ้หมอเสียได้ ใครก็เมินชานเลี่ยคนนี้ หันไปทำดีกับหมออู๋ทั้งนั้น จะป๋ายเซียน หรืออี้ชิงก็เถอะ
เฮอะ เฮอะ เฮอะ! จะยอมลงให้ก็ได้ แค่ตอนนี้หรอกนะ
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัว… กลัวว่าจะไม่ได้รำคาญเสียงป๋าย ป๋าย ป๋ายอีก ชานเลี่ยจะตั๊นหน้าคืน!
“ก็ได้ยินแล้วนี่”
อี้ชิงเดินกลับไปกลับมา
“ก็ได้ยินแล้วนี่ เนอะ... เนอะ” ไอ้เพื่อนตัวดีไม่ยอมแพ้ “ได้ยินแล้วนี่ ว่าเปี้ยนป๋ายเซียน ปลอดภัย... ค่าาา”
แน้! ยังมีหน้ามาเลียนเสียงพยาบาล
หลายชั่วโมงก่อน หลังจากหมออู๋รุดมาถึง ประสานงวงประสานงากับชานเลี่ย และประสานงานกับพยาบาลเป็นการใหญ่ ไม่ช้า ลูกหมาป่าก็พ้นขีดอันตราย
“ผิวหนังยังถลอก เป็นผื่นคัน บวมแดง บางจุดเป็นหนอง ทางเดินหายใจเป็นปกติ แต่ควรพักอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการ” พยาบาลว่าอย่างนั้น “สามวัน... ก็ยังดีค่ะ ไม่ทราบว่า จะให้พักในห้องรวมหรือห้องพิเศษ”
“ต้องห้องพิเศษแหงอยู่แล้ว ผมมีจ่ายน่า”
“ค่ะ ทราบค่ะ” พยาบาลคนเดิมกลอกตา “ขอให้มีคนเฝ้าไข้ที่... เอ้อ... ฝากผีฝากไข้ได้ด้วยนะคะ”
โอ๊ย! พูดอย่างนี้ หาอะไรมาตีแสกหน้าไอ้เลี่ยเลยดีกว่า
การที่ตัวปัญหาแห่งซัวเถาพยายามอย่างหนัก หวังจะให้มนุษย์เมาคลีได้พักในห้องพิเศษซึ่งสะดวกสบาย ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจอย่างเต็มที่ ก็น่ารักดีอยู่หรอก จะไม่น่ารักหน่อยเดียว ก็ตอนที่...
“นี่แน่ะ ชิง ฉันจวนจะถังแตกอยู่แล้ว ห้องพิเศษรึก็แพงแสนแพง น่านะ... ยื้มเงินหน่อยน่า”
แล้วฮาร์บิเนี่ยนคนดี จะว่าอะไรได้นอกจาก “เออ! ”
“ผมไม่ให้คุณเฝ้าไข้เขาแน่” ซื่อชุนทะลุกลางปล้องขึ้น “ผมไม่ไว้ใจคุณ”
“น้อย ๆ หน่อยหมอ ผมเป็นคนพาเขามาที่นี่นะ ล่อวิ่งทั่ก ๆ เป็นยูเซน โบลต์ เก๊าะเลยทันเวลา”
อี้ชิงพ่นลมหายใจออกทางปาก เมื่อลูกหมาป่าพ้นขีดอันตราย ชานเลี่ยก็ทำปากดี น่าตีเหลือเกิน ระหว่างที่ป๋ายเซียนยังไม่ได้สติ ใครนะคร่ำครวญ ใครนะบนบานศาลกล่าว ไหนล่ะโดนัทชุบน้ำตาลสิบชิ้น ไม่มีจะซื้อก็บอก!
“ก็ใครล่ะครับ ทำให้คุณต้องลำบาก วิ่งทั่ก ๆ เป็นยูเซน โบลต์อย่างนั้น” หมออู๋กระชากเสียง “มีอย่างที่ไหน ทำอะไรมักง่าย รู้หรือเปล่า อาการแพ้ที่รุนแรง มักถึงแก่ชีวิต คุณไม่ใส่ใจป๋ายเซียน เพราะฮูหยินเป็นหมาป่าหรือครับ เธอเสียใจไม่เป็นหรือครับ ฮูหยินมีหัวใจนะครับ”
“นี่หมอ มีเหตุผลหน่อย ถ้าผมไม่พูด คุณไม่พูด ฮูหยินที่อยู่ในป่าโน่นจะรู้เรอะ ว่าป๋ายเซียนเป็นตายร้ายดียังไง ใช่ แม่หมาป่ามีหัวใจ แต่ไม่มีใครใช้หัวใจอ่านหนังสือพิมพ์หรือข้อความในเวยป๋อหรอกนะ”
“ไอ้เลี่ย น่าเกลียด” เขาทนไม่ไหว สวนขึ้นบ้าง “หมออู๋พูดถูกแล้ว เป็นความผิดของแกที่ป๋ายเซียนตกอยู่ในอันตราย ที่ควรทำคือขอโทษ ขอคำชี้แนะจากหมอ ไม่ใช่เถียงข้าง ๆ คู ๆ เพื่อจะเอาชนะคะคาน”
“ขอบคุณครับ คุณจาง น่าเสียดาย... แม้กัลยาณมิตรเป็นหงส์ ก็ใช่จะเปลี่ยนสันดานกาได้”
“โอ้โห! หมอ! ” ชานเลี่ยอ้าปากค้าง “ช่างสำบัดสำนวน ปากคอเราะร้ายสิ้นดี ใจคอจะสาปส่ง ไม่ให้โอกาสผมเลยสิท่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ที่ทำลงไป ผมไม่ทันคิด ให้ผมเฝ้าไข้ป๋ายเซียนเถอะ คุณเป็นหมอ จะเฝ้าไข้เขายังไงไหว มีเวลานอนก็บุญถม”
“ผมทำได้ครับ”
“ผมก็ทำได้เหมือนกัน”
“บอกผมที คุณผู่” ซื่อชุนขมวดคิ้ว “อะไรทำให้คุณกระเหี้ยนกระหือรือจะเฝ้าไข้ป๋ายเซียนนัก หมัดผมหนักไปหรือเปล่า ทำให้สมองคุณกลับ จากไม่ดูดำดูดีเป็นถวายชีวิตให้ ไม่น่านะ... ในเมื่อคุณยังเป็นจอมวายร้าย อวดดี ถือดีเหมือนเก่า”
“ว่างไหม หมอ... ผมจะแนะนำจิตแพทย์ให้ ถึงกะใช้ปากใช้คอเชือดคนได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนนี่ อันตรายนะ”
“ผมไม่อยากให้ป๋ายเซียนอยู่กับคุณ” หมออู๋ว่าอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าเป็นไปได้... ผมจะรับเขาไปอยู่ด้วยเดี๋ยวนี้ ในเมื่อคุณไม่เคย... ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลย ว่าจะดูแลป๋ายเซียนเป็นอย่างดี”
อี้ชิงผิวปากวิ้ว หมอนี่แหละ... ของจริง!
“ผมไม่อยากให้ป๋ายเซียนอยู่กับหมอ” ตัวปัญหาแห่งซัวเถาเถียงคอเป็นเอ็น “ขืนอยู่กะหมอ เขามีอันเกลียดผมแน่ หมอจะเป่าหูเขา ทำให้เขากลัวผม เกลียดผม อะไร ๆ จะลำบาก ผมจะไม่มีวันได้กลับบ้าน เตี่ยจะไม่มีวันยอมรับผม และหัวใจของม้าจะแหลกสลาย ม้าของผมก็มีหัวใจ หมอ... เหมือนฮูหยินแหละ”
ลึกลงไป ในมิตรภาพที่แม้จะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ยืนนาน ฮาร์บิเนี่ยนฉลาดพอจะรู้ว่า ชานเลี่ยไม่ได้หมายความอย่างนั้น ซีอีโอตกอับไม่สนใจหรอกว่าซื่อชุนจะยุยงป๋ายเซียนอย่างไร และมังกรฟ้าแห่งซัวเถาก็คงไม่สนใจด้วยว่าลูกหมาป่าจะรักหรือเกลียดชานเลี่ย
ที่เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของเขาทำลงไป พูดออกไป ใช้ยุทธวิธีตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกอยู่อย่างนี้ เพราะรู้สึกผิดต่อป๋ายเซียนต่างหาก
ชานเลี่ยรู้สึกไม่ดีต่อการทำร้ายไอ้ตัวเล็ก แม้จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม แต่ตัวปัญหาแห่งซัวเถาไม่ใช่คนตรงนัก ดังนั้น จึงไม่พูดออกมาอย่างขวานผ่าซากว่ารู้สึกอย่างไร ยิ่งเป็นความรู้สึกที่เจ้าตัวถือว่า “เสียหมา” ด้วยแล้ว ต่อให้เอาช้างมาฉุด ก็ใช่ว่าจะง้างปากซีอีโอตกอับออกได้ง่าย ๆ
“ลงไปดื่มอะไรหน่อยไหม ผมจะเลี้ยงเอง” อี้ชิงเกลี้ยกล่อม “กาแฟ หรือชาดีล่ะ ที่นี่มีชาดี ๆ นะ ผมจะแนะนำให้”
“ผมไม่อยากดื่มอะไรทั้งนั้น”
“ฉันก็เหมือนกัน ชิง”
อ้าว!
เอ๊อ! สู้กันให้ตายไปเลย ฉันจะนอนกระดิกนิ้วหัวแม่ตีนรออยู่ตรงนี้
นานหลายนาที ที่ต่างฝ่ายต่างประจันหน้ากัน เสียดสี เหน็บแนม โต้คารมด้วยวาจาเจ็บแสบ ถ้าการแล่เนื้อเอาเกลือทาไม่ผิดกฎหมาย คุณจางของซื่อชุนมั่นใจ เขาจะได้เห็นทั้งหมออู๋ ทั้งชานเลี่ยหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาเถือหนังอีกคนหนึ่งแน่
“เลี่ยเกอ... ”
ชักเมื่อยแล้วซี... กระดิกนิ้วหัวแม่เท้านาน ๆ ก็พาลจะล็อก
“เลี่ยเกอ... หน่ำ... ”
“เหวย! ” อี้ชิงสะดุ้งสุดตัว “ป๋ายเซียนฟื้นแล้ว! ”
ก็ยูเซน โบลต์กันทั้งคู่แหละว้า...
คู่กรณีต่างวิ่งแข่ง ตรงมาที่เตียงของลูกหมาป่า ป๋ายเซียนสะลึมสะลือ ลืมตาครึ่งเดียว แล้วเรียก “หมอ... ”
“ไม่เป็นไร ป๋ายเซียน หมออยู่นี่”
“เลี่ยเกอ” ไอ้ตัวเล็กของชานเลี่ยกระซิบ “เลี่ยเกอ... หน่ำ”
“น้ำ! ” ซีอีโอตกอับร้องอย่างมีชัย เห็นได้ชัดว่ามีวุ้นแปลภาษาของโดราเอมอนในครอบครอง จึงเข้าใจคำพูดของป๋ายเซียนดี และเร็วกว่าหมอประจำตัว “ส่งน้ำมา ชิง”
อารามรีบร้อน น้ำจึงหกรดเตียงเป็นดวงใหญ่ “ทำอะไรน่ะ! ” ซื่อชุนตะคอก “ยังทำร้ายเขาไม่หนำใจหรือไง”
“หมอ... ย้า! ” มนุษย์เมาคลีร้องเสียงแห้ง “ไม่ชอบ... ไม่ชอบ... ย้าดู่ เลี่ยเกอ”
“ไม่อยากให้หมอดุผู้ชายคนนี้ใช่ไหม ป๋ายเซียน”
เด็กชายพยักหน้าเร็ว ๆ
“ให้ตายสิ” ซื่อชุนสบถ “เกิดติดใจอะไรเข้านะ”
“ฉันจะเฝ้าไข้เราเอง ป๋ายเซียน” ตัวปัญหาแห่งซัวเถาว่า “ต้องอยู่ที่นี่สักพัก เข้าใจไหม สามวันเท่านั้น สามวันเท่านั้นป๋ายเซียน แล้วเราจะเป็นอิสระ! ฉันจะอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องร้องไห้ด้วย ใครเห็นจะคิดว่าฉันเป็นจอมวายร้ายอีก เฮอะ”
“คุณผู่! ”
“เลี่ยเกอ เลี่ยเกอ”
“ไม่ต้องกลัว ป๋ายเซียน หมอไม่ให้เขาเป็นคนเฝ้าไข้เราหรอก หมอต่างหาก”
“อยาก! อยาก! เลี่ยเกอ” ไอ้ตัวเล็กแบะปาก ชี้ไปทางเพื่อนของเขา “เลี่ยเกอ... ป๋าย เลี่ยเกอ ป๋าย เหมื่อน บ้าน”
หมออู๋หน้าเสีย
“ป๋ายเซียนแน่ใจใช่ไหม ว่าจะอยู่กับเขา ไม่ใช่หมอ”
“เลี่ยเกอ อื้อ! ” ลูกหมาป่ายิ้มอย่างอ่อนแรง “เลี่ยเกอ ป๋าย เหมื่อน บ้าน”
อี้ชิงไม่ใช่คนวงใน ดังนั้น จึงไม่อยากฟันธงลงไป ว่าป๋ายเซียนหมายถึงอะไรกันแน่
อยากอยู่กับชานเลี่ยเหมือนที่บ้านหรือเปล่านะ
หรือว่า... อยู่กับชานเลี่ย รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน
แต่ว่านะ แต่ว่า...
ฮาร์บิเนี่ยนอดยิ้มแกน ๆ ไม่ได้ ก็เขาทั้งประหลาดใจ ทั้งสงสัยน่ะสิ
หรือมนุษย์เมาคลีแห่งมณฑลเฮย์หลงเจียงหมายถึง... เมื่อมีชานเลี่ย และป๋ายเซียนอยู่ร่วมกันเท่านั้น จึงเรียกว่าบ้านนะ อยากรู้จริง ๆ
ป๋ายเซียนฟื้นตัวเร็ว ร่าเริงเหมือนเก่าในชั่วระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังแล้ว ชานเลี่ยไม่ขอโทษ แต่บอกกับลูกหมาป่าว่า “ต่อไปนี้นะ อะไรที่ทำให้เราเจ็บ อะไรที่ทำให้เรากลัว ฉันจะไม่ทำ จะไม่ทำเป็นอันขาด เข้าใจไหม”
“อื้อ! ข้าวจ่ายแล่ว”
“ดี... ไอ้ตัวเล็ก ว่าง่าย ๆ โตไว ๆ ”
“เลี่ยเกอ” เจ้าตัวดึงผ้าห่มขึ้นปิดปาก มองเขาด้วยดวงตาสีอำพันสุกใส แล้วส่งเสียงอู้อี้ “สั่นยา... ช่ายไหม”
“หือ... อะไรนะ”
“สัญ-ญา” ป๋ายเซียนพูดช้า ๆ ทีละคำ “ด่ายไหม”
มือหนึ่งยื่นออกมาจากใต้ผ้าห่ม มนุษย์เมาคลีชูนิ้วก้อยให้เขา “สัญญา” เด็กชายกระซิบ “นะ”
“จำมาจากไหน ละครอีกแล้วสิท่า เด็กติดละคร นิสัยไม่ดี”
พูดไปอย่างนั้นเอง ท้ายที่สุด ชายหนุ่มร่างสูงเกี่ยวนิ้วก้อยยาว ๆ ของตัวเอง เข้ากับนิ้วก้อยเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายแล้วเขย่า “หายไว ๆ นะ” เขาแสยะยิ้ม “หายไว ๆ ป๋ายเซียน”
“ฮื่อ”
“ฉันจะดูแลเราเอง” ซีอีโอตกอับพูดลอดไรฟัน “จะดูแล... เป็นอย่างดี ดี๊ดีเลยล่ะ”
ขืนเอาแต่จุมปุ๊กอยู่ในโรงพยาบาล ค่าหยูกยา ค่ารักษา ค่าห้องพิเศษ จะทับหัวผู่ชานเลี่ยเอาน่ะสิ นี่แหละน้า... ที่เขาเรียกว่าจุดจบสายโชว์พาว
คนไม่มีจะเปย์ ดีแต่เท่ไว้ก่อน ก็อย่างนี้แหละ!
“ชะช้า! หาได้แค่นี้เรอะหมอ เป็นห่วงป๋ายเซียนจริงอ๊ะป่าววว เนอะ ป๋ายเซียน เนอะ เนอะ! ”
อี้ชิงกลอกตา สองวันแล้ว มาเยี่ยมไข้ป๋ายเซียนเมื่อไหร่ เป็นได้ยินเสียงแจ๋น ๆ เต็มไปด้วยจริตจะก้านของชานเลี่ยเมื่อนั้น “อาหารเพื่อสุขภาพทั้งนั้นครับ รสชาติดีกว่าอาหารของโรงพยาบาลด้วย” หมออู๋โต้ “คุณผู่ ยอมรับเสียเถอะ ผมรู้ดีกว่าคุณว่าอะไรดี หรือไม่ดีต่อป๋ายเซียน”
“อย่าท่าเลาะก่าน”
ฮาร์บิเนี่ยนได้แต่หันไปลูบหูลูบหัวเด็กชาย เห็นใจเหลือจะกล่าว พูดไปก็ไม่มีใครฟัง อ้าว... เหมือนฉันเลยนี่หว่า
“อะไรเนี่ย ลูกพลับแห้ง” เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากทำเสียงขึ้นจมูก “กับน้ำผึ้งเดือนห้า กับน้ำผลไม้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โธ่! หมอ เห็นป๋ายเซียนเป็นอะไร ตาลุงแก่งั่ก อายุร่วมศตวรรษเรอะ”
“ของคุณไม่เห็นจะดีกว่... ”
“อ๊ะอ๋า... พูดผิดพูดใหม่ได้นะหมอ” ไอ้ตัวดีรีบผายมือไปยังชั้นวาง “เมื่อวานนี้ ผมยังไม่ทันตั้งตัว เก๊าะเลยให้อะไรเขาไม่ได้นอกจากขนมปังโฮลวีตกับทูน่ากระป๋อง แต่วันนี้... เอ้า... แหก เอ้ย! เบิกตาดูเถอะหมอ”
ก็น่าภูมิใจหรอก ของเยี่ยมบนชั้นวางซึ่งตัวปัญหาแห่งซัวเถาเสาะแสวงหามาให้มนุษย์เมาคลีนั้น ประกอบด้วยเบอร์รีป่าราคาแพง นมแกะพาสเจอร์ไรซ์กล่นวานิลลา สลัดต้นอ่อนทานตะวัน แซลมอนรมควัน ขนมเตอร์กิช ดีไลท์กลิ่นกุหลาบกับชาอู่หลงอย่างดี
ขณะที่เจ้าตัวซ่อนถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับตัวเองไว้ในห้องน้ำ...
“แซลมอนรมควันมีโซเดียมสูง และขนมเตอร์กิช ดีไลท์ก็มีน้ำตาลสูงด้วย ป๋ายเซียนยังเล็ก ไม่ควรดื่มชา”
“จนได้สิน่า” ซีอีโอตกอับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “อย่าห่วงเลยหมอ ผมไม่ให้เขายัดลงไปเยอะหรอก แต่... ชาก็ด้วยเรอะ เล็กเลิ้กอะไรกัน ป๋ายเซียนอายุยี่สิบปีแล้ว ผมจำที่ผู้ดูแลบอกได้ แล้วก็... ” ชานเลี่ยทำเต๊ะจุ๊ย “อย่างอื่น... ดีทั้งนั้น ผ่านตลอด ใช่ไหมล่า! ”
“เพราะคุณมีเงินเท่านั้นเอง”
“คุณสมบัติที่ต่างกันต่างหาก! พร็อพเพอร์ตี้ (Property) ไง ควอลิฟิเคชัน (Qualification) ยูโน้ว์ (You know? ) คุณปากหวาน ผมปากเสีย คุณไม่มี ผมมี ก็แค่นั้น”
หมออู๋ส่ายหน้า ไม่ต่อความยาวสาวความยืดต่อไป หันไปหาเด็กชายในความดูแลแทน “คุณผู่ดูแลเราดีไหม ป๋ายเซียน”
“ดี ดี” ลูกหมาป่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะชี้มาที่เขา “อี้... อี้ก่อดี อี้ใจ่ดี อี้ดี”
“ป๋ายเซียนเรียกผมว่าอี้น่ะครับ”
“ครับ เขายังออกเสียงชอได้ไม่ดีนัก ที่ออกเสียงคำว่าชอบ กับไม่ชอบได้ ก็น่าแปลกใจแล้ว” ซื่อชุนค้อมศีรษะให้นิด ๆ “ขอบคุณที่ช่วยดูแลป๋ายเซียน มีคุณจางอยู่ด้วย ผมก็เบาใจ และคงจะเบาใจยิ่งขึ้น ถ้ามีคุณจางคนเดียว ไม่มีคุณผู่”
“แพ้แล้วพาล”
“ไม่เอาน่า เลี่ย” อี้ชิงปราม “ไม่เป็นไรครับ ผมพอมีเวลาว่าง และเด็กคนนี้ก็น่าเอ็นดู”
“อี้ใจ่ดีจังเล่ย! ”
หมออู๋อยู่ปะทะคารมกับชานเลี่ยไม่กี่คำก็ขอตัวกลับ ทันทีที่หลังไว ๆ ของซื่อชุนลับตาไป ตัวปัญหาแห่งซัวเถาก็ถอนหายใจเหยียดยาว
“ทำยังไงดีว้า ทำยังไงดี! ”
ฮาร์บิเนี่ยนแบะปาก พยักเพยิดไปทางชั้นวาง “ไอ้คนขี้อวด ถามจริง ๆ เถอะ บนชั้นนั้น อะไรบ้างที่มาจากเงินของแก”
“คือว่า... ”
“ไม่มี้! ” อี้ชิงล้อเลียน “มันเงินฉันทั้งนั้น ทำเบ่งใส่เขาไปได้”
“พรุ่งนี้ ป๋ายเซียนจะออกจากโรงพยาบาลแล้วน่า” เพื่อนของเขาต่อรอง “แล้วฉันจะใช้คืนทุกหยวน ทุกเฟิน ไม่เบี้ยวหรอก ดอกเบี้ยเท่าไหร่เท่ากัน”
“ไม่คิดดอกหรอกเพื่อน จะคืนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ว่านะ ไอ้เลี่ย... ”
“แต่ว่าอะไร”
“ก้มหัวให้มังกรฟ้าแห่งซัวเถาเถอะ” เขาเสนอ “ยอมลงให้เตี่ยสักครั้งนะเลี่ย หรือไม่... ก็หางานทำ จะมาทำมือเติบตีนเติบไปวัน ๆ ไม่เวิร์กหรอก”
“ฉันไม่เคยทำงานนี่หว่า” อีกฝ่ายทำหน้ายุ่ง “มีงานอะไรบ้าง ที่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ เย็นฉ่ำ เซ็นเอกสารฉับ ๆ ไม่กี่กริ๊ก ง่วงนักก็มีกาแฟให้ดื่ม มีคนคอยคะ คอยขาด้วย”
“แต่ก่อน แกเป็นอย่างนั้น แต่จะบอกให้นะเลี่ย ซีอีโอจริงๆ ไม่มีใครเขาทำอย่างแก ทุกคนมีหน้าที่ มีงานต้องทำ ไม่มีแรง ก็ใช้สมอง ไม่มีสมอง ก็ใช้แรง ไม่มีทั้งแรง ทั้งสมอง ก็... ”
“ก็เป็นอย่างฉันล่ะสิ ไอ้บ้า! ”
“ไม่มีแรง ไม่มีสมอง ไม่มีงาน จะเป็นคนหลักลอย ไม่มีเป้าหมาย หาดีไม่ได้ ค่าของคน อยู่ที่ผลของงานนะเลี่ย”
“พอแล้ว พอ! ” ชานเลี่ยโบกไม้โบกมือ “คนอื่นพูดไม่เท่าไหร่ เป็นแกพูดแล้วเจ็บกระดองใจ”
“ก็แล้ววัน ๆ แกทำอะไรมั่ง อย่าตอบว่ากิน ขี้ ปี้แล้วก็นอน ฟังแล้วกลุ้มโว้ย” อี้ชิงเสียงดังขึ้นอย่างเหลืออด “เลี่ยเอ๊ย ไม่ใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือยแล้วนา ไม่เห็นแก่ใคร ก็เห็นแก่ไอ้ตัวเล็กเถอะ ป๋ายเซียนไม่รู้เรื่อง แกจะปฏิเสธ ไม่รับน้องมาอยู่ด้วยก็ได้ ดันหน้าบาง เป็นพวกฆ่าได้ หยามไม่ได้ ยอมหักไม่ยอมงอเอง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ขืนยังจะทำทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอม เลือกเอา จะกลับไปกอดขาเตี่ย หรือจะหางานทำ”
“ชิ” ไอ้ตัวดีจิ๊ปาก “ไอ้เรื่องจะก้มหัวให้ใคร ไม่มีอยู่ในสมองฉันหรอก ทำงานก็ได้ แกมีตำแหน่งว่างไหมเล่า”
“เลี่ย! ” แทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ “บ้านจางถือหุ้นเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของบริษัท ให้ทะลึ่งยัดแกเข้าไป ใครจะเห็นด้วย”
“ก็แล้วมีอะไรให้ทำนักว้า ในเมืองนี้”
“ทำอะไรได้บ้างล่ะ วาดรูป เขียนหนังสือ เอ๊ะ... หรือเป็นช่างภาพ กล้องล่ะ มีกล้องไหม”
ชานเลี่ยแลบลิ้น “ไม่ได้เลย และต่อให้มีกล้องดี ๆ ก็ใช้ไม่เป็น”
“กวาดหิมะ กับพนักงานเสิร์ฟแล้วกัน”
“ไม่เอ๊า! ” ตัวปัญหาแห่งซัวเถาค้านหัวชนฝา “เล่นดนตรีได้ ขี่ม้าเป็น อะไรอีกล่ะ ไม่มีแล้วนี่หว่า”
เฮ้อ... ก็อะไรที่ลูกเศรษฐีมักจะถูกจับให้เรียนแหละ
“ฉันจะหางานในสตูดิโอให้ อย่าเอาแต่ใจกับเพื่อนร่วมงานนักล่ะ”
“เลี่ยเกอ! ” เสียงเล็ก ๆ แทรกขึ้น “เลี่ยเกอจา... จาไปไหน”
ชานเลี่ยหันขวับ แวบหนึ่งนั้น อี้ชิงเห็นสิ่งที่เรียกว่าความใจอ่อน แม้จะเพียงแวบเดียวก็ตาม
“ไปทำงาน กลับมาหาเราทุกเย็น ข้าวปลาจะหาให้ น้ำก็จะอาบให้ เหมือนเคยแหละ ไม่ดีหรือไง”
“เลี่ยเกอจา” ริมฝีปากน้อย ๆ สั่นระริก “หมายอยู่บ้าน”
“ลองไม่ทำงานดูสิ ไอ้เลี่ยจะอยู่กับเราไม่ได้” อี้ชิงอธิบาย “เพราะฉะนั้น ให้มันออกไปทำงานเถอะป๋ายเซียน”
ลูกหมาป่าหดคอ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
“ขอบใจนะ ชิง”
“เออ... ไม่เป็นร... เอ๊ะ!”
นึกยังไงถึงขอบคุณหว่า ผีเข้าหรือเปล่าหว่า ขอบคุณเรื่องอะไรหว่า หรือว่า...
เห็นมนุษย์เมาคลีทำตาแป๋ว ขณะที่เพื่อนของเขาสะดุ้งโหยง รีบพูดว่า “อย่ามองฉันแบบนั้นนะ! ” อี้ชิงพอจะเดาออก พอจะเห็นเค้าลาง... ขอบคุณที่ทำให้ป๋ายเซียนสบายใจนั่นเอง
ไอ้เลี่ยเปลี่ยนหมาเป็นคนอยู่คนเดียวที่ไหน หมาเอง ก็กำลังเปลี่ยนคนเป็นคนด้วยหรอก!
#ฟิคเมาคลี
ตอนน้าพี่เลี่ยจะหัดทำการทำงานแล้วน้า
สู้เพื่อป๋าย ฮึบฮึบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.น้องป๋ายน่าร๊ากกก
ชานเลี่ยต้องดูแลน้องดีๆนะ ย้ำ!
ตอนหน้าจะทำงานแล้วเหรอ ว้าว *0*