ตอนที่ 1 : บทนำ
บทนำ
รู้อะไรไหม ความโชคร้ายก็เหมือนกับจังค์ฟู้ด ตรงที่เราไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไหร่หายนะจะมาถึง กินเข้าไป และกินเข้าไป ก็มันอร่อยนี่นา... กว่าจะตื่นจากฝัน กางเกงก็คับจนอึดอัด ทุกส่วนในร่างกายบวมฉุ ทั้งเนื้อทั้งตัว... ดูแล้วเหมือนดุ้นไส้กรอกขนาดยักษ์มากกว่ามนุษย์จริง ๆ
ความโชคร้ายก็เป็นแบบนั้น เริ่มจากความคิดอ่านและพฤติกรรมที่ (ดูจะ) ไร้พิษภัย สั่งสมกลายเป็นนิสัย เป็นสันดอนสันดาน เอ้า... แก้ยากล่ะซิทีนี้ จากนั้นก็ตูม! พระเจ้าเกิดหมดความอดทนขึ้นมา เลยทิ้งระเบิดนาปาล์มลงกลางกระหม่อมเรา
“แต่พฤติกรรมของลื้อไม่ใช่พฤติกรรมเฉย ๆ อาเลี่ย พฤติกรรมของลื้อคืออาชญากรรม คือการก่อการร้าย คือเรื่องหยำฉ่า”
“เตี่ย! พูดยังงี้ตัดพ่อตัดลูกกันเลยดีกว่า”
“ตัดก็ได้ มรดงมรดกก็ยกให้คนข้างบ้านไป”
“เตี่ย... ใจเย็น ๆ ” ม้ารีบตักเคาหยก วางลงข้าง ๆ หมั่นโถวในจานของเตี่ย “อาเลี่ยน้อยใจ ก็เลยพูดอะไรไม่เข้าท่า”
“อ้อ... มันน้อยใจมาทั้งชีวิต ยังงั้นด้วยใช่ไหมม้า” เตี่ยสวน “เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เตี่ยไม่เคยเห็นมันพูดอะไรเข้าท่าเลยสักหน”
“เตี่ยก็น้อยใจกงกับม่าด้วยล่ะซิ แก่จนปูนนี้ ยังพูดอะไรเข้าทีไม่เป็น” ชานเลี่ยว่าพลางถลึงตาใส่บ้าง
“อาเลี่ย... ไม่เอาลูก”
“ดู๊ดูมันพูด ม้า... เตี่ยไม่เอาแล้วนา ไม่ไหวล่ะแบบนี้”
“ไม่เอาแล้วเตี่ยจะทำยังไง” เขายักคิ้ว กวนประสาท “จะเอาขี้เถ้ายัดปากผมตอนนี้ ก็ไม่ทันแล้วด้วย”
“อาเลี่ย ม้าบอกว่าไม่เอาแล้ว! ”
ชานเลี่ยคีบเคาหยกชิ้นสุดท้าย โยนเข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วม ๆ อย่างท้าทาย “เตี่ยจะเอาอะไรอีก” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ยอมแพ้ “อาเพ่ยก็ยอมความแล้ว อี้ฝานก็หมอบราบคาบแก้ว เจ็กเองก็รับรอง ว่าเงินที่สูญไป เตี่ยจะได้คืนแน่ ๆ ”
เพ่ยเพ่ยเป็นนางแบบ ก็คนเคยเคียง เคยคั่ว เคยควงของชานเลี่ยแหละ นึกว่าพออะไร ๆ แตกแล้วก็แยกทาง ที่ไหนได้ เพ่ยเพ่ยไม่ยอมให้เรื่องจบลงที่เตียง กลับพาเขาขึ้นเขียงไปด้วยการแถลงข่าวว่ามีความสัมพันธ์กัน แม่เจ้าประคุณปาดน้ำตา ร้องไห้ซิก ๆ บอกว่าที่ต้องออกมาพูด เพราะกลัวจะป่องไม่มีพ่อ งานนี้หุ้นของบริษัทตกยับ ตกยิ่งกว่าฝนในฤดูมรสุม เตี่ยเนื้อเต้นริก ๆ ร้อนถึงเจ็กกับซิ่มต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าว บีบให้แม่หน้าหยกตรวจครรภ์ โชคดีที่ผลออกมาปุ๊บ ชานเลี่ยเป็นอันรอดตัวปั๊บ แปลว่าถุงยางอนามัยที่ใช้ในคืนนั้นมีคุณภาพ
อี้ฝานเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของเตี่ย ถ้าเตี่ยของชานเลี่ยเป็นมังกรฟ้าแห่งซัวเถา อี้ฝานก็เป็นพยัคฆ์ขาว ชานเลี่ยประมาท ทั้งที่เป็นถึงซีอีโอ กลับเห็นทั้งบริษัท ทั้งเงินของตระกูลผู่เป็นลูกข่าง เป็นของเล่น จับหมุนเอา ๆ แล้วก็ถูกอี้ฝานตลบหลัง ขาดทุนป่นปี้ มันบดในร้านเคเอฟซียังไม่ละเอียดเท่า พนักงานบริษัทหยุดงานประท้วง บอกว่าเขาได้กินตำแหน่งซีอีโอเพราะเป็นลูกเตี่ย ไม่ใช่เพราะความสามารถ (เอ๊ะ... ที่ว่ามาก็ถูก) ทั้งเตี่ย ทั้งม้า ทั้งเจ็ก ทั้งซิ่ม อาจจะรวมถึงกงและม่า เหล่ากง เหล่าม่าบนสวรรค์ด้วย พากันเต้นผาง เจ็กต้องทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต หาเงินเข้าบริษัท ชดเชยที่ชานเลี่ยทำสูญไป เตี่ยก็โมโหโทโส ปวดหัวตุบ ๆ ด้วยไมเกรนไม่เว้นวัน
“ลื้อน่ะ... ต้องถูกดัดหลังเสียมั่ง”
“ดัดยังไง ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ผมแก่แล้ว ไม่ต้องดัดร้อก... เสียเวลา”
“ไฮ้! เลิกต่อปากต่อคำเสียที อาเลี่ย! ” เตี่ยขึ้นเสียง “ในเมื่อเป็นซีอีโอ ก็เป็นได้ไม่ดี เป็นเพลย์บอย ก็เป็นได้ไม่ดี กระทั่งเป็นลูกชาย ก็เป็นได้ไม่ดี เตี่ยให้ลื้อไปทำอย่างอื่นดีกว่า เผื่ออะไร ๆ จะงอกเงย”
“อาร้าย... เตี่ยจะให้ผมเป็นอะไรอีก ทุกวันนี้เป็นคนเฉย ๆ ก็ว่าลำบากแล้ว”
ม้าอ้าปากค้าง จะต่อว่า ก็ต่อว่าไม่ทัน
“ลื้อเห็นข่าว สองสามวันที่ผ่านมานี้ไหม” เตี่ยพยักเพยิดไปทางหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งแผ่หลาอยู่บนโต๊ะอาหาร “อ่านมั่งหรือเปล่า หนังสือพิมพ์น่ะ”
“มันอ่านสนุกเหมือนหนังสือโป๊เมื่อไหร่ ผมถึงจะอ่าน”
คราวนี้ม้าสำลักหมั่นโถว ส่วนเตี่ยถอนหายใจ “เออ... ก็ไม่หวังให้ลื้ออ่านหรอก บอกเลยง่ายกว่า คือยังงี้... มีคนพบมนุษย์เมาคลีที่มณฑลเฮย์หลงเจียง”
“มนุษย์เมาคลี... เมาคลีแบบในนิทานเร้อเตี่ย แบบที่โตมากะหมาป่าน่ะนะ” ชานเลี่ยทำหูผึ่ง
“ใช่... มีคนพบมนุษย์เมาคลีตัวจริงเสียงจริงที่ชายป่า ติดกับพรมแดนรัสเซีย” เตี่ยแจง “ตอนนี้ เขานำมารักษาตัวที่ศูนย์อนุเคราะห์... ศูนย์วิจัย อะไรของเขานี่แหละ ที่เฮยเหอ มณฑลเดียวกัน ชีวิตจริงยิ่งกว่านิทาน อาเลี่ย... มนุษย์เมาคลีไม่ได้โตมากับคน เลยสื่อสารกับคนไม่ได้ ใช้ชีวิตอย่างคนปกติไม่ได้ น่าสงสาร”
“อ้อ... จำได้แล้ว เคยเห็นแวบ ๆ ในเวยป๋อ ใช่เด็กผู้ชาย ตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ พูดไม่ได้ เดินสองขาก็ไม่ได้ ร้องจะกินแต่เนื้อสด ๆ ไหมเตี่ย นักวิจัยตั้งชื่อให้ว่าอะไรนะ... ป๋ายเซียนหรือเปล่า”
“ใช่... ป๋ายเซียน”
“เออ แล้วเกี่ยวอะไรกะผม”
“เอ๊ะ ถามได้ เตี่ยจะส่งลื้อไปเป็นอาสาสมัคร ดูแลป๋ายเซียนนั่นน่ะซิ”
ม้าไม่กินแล้วหมั่นโถว ม้าไม่กินอะไรทั้งนั้น ม้ามองเตี่ย สลับกับมองลูกชายคนเดียวด้วยอารมณ์พรั่นพรึง “เตี่ยว่าอะไรนะ”
“วะ... ม้าก็พลอยตื่นตูมไปด้วย” เตี่ยหัวเราะหึ ๆ อย่างคนที่มีแผนร้ายในใจ “เตี่ยจะส่งลื้อไปเฮยเหอ ไปอยู่กับป๋ายเซียน ไปดูแลป๋ายเซียน ไม่คิดเงิน เป็นการกุศล ให้กลายเป็นข่าวเอิกเกริก ทีนี้แหละ ภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นอันดีขึ้นทันตา หุ้นมีอันขึ้นเห็น ๆ”
“มันเรื่องอะไรที่ผมต้องเลี้ยง... ไม่ใช่ซิ... ดูแลเขา”
“ไม่ดีหรือไงอาเลี่ย ลื้อจะได้เป็นผู้เป็นคนกะเขามั่ง แถมยังดีกะบริษัทด้วย นี่ไม่คิดจะใช้กรรมที่ทำไว้กับบริษัทหน่อยหรือไง”
“พูดเป็นเล่นไป ป๋ายเซียนคนนี้เดินสองขาไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่พูดจากันเลย” ชายหนุ่มกระแทกตะเกียบลงกับโต๊ะ ท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“ไม่รู้แหละ ขืนไม่ทำล่ะก็ ลื้อกะเตี่ยขาดกัน ขาดกันแน่เชียว ๆ ซีอีโอก็ไม่ต้องเป็น มรดกก็จะยกให้คนข้างบ้านจริง ๆ ด้วย”
“แล้วต้องทำเรื่องบ้า ๆ พรรค์นั้นไปกี่เดือน กี่ปี เตี่ยถึงจะพอใจ”
“ยากอาร้าย ทำไปเรื่อย ๆ ให้เป็นกระแสเกรียวกราว หุ้นขึ้นพรวด ๆ แล้วเตี่ยจะเรียกตัวกลับ เป็นอันสิ้นเรื่องสิ้นราว ดีไหม”
“จริงนะเตี่ย”
“จริงซิ”
“เก๊าะได้! ”
คราวนี้ชานเลี่ยเป็นฝ่ายหัวเราะหึ ๆ อย่างคนที่มีแผนร้ายในใจบ้าง เล่นเอาเตี่ยผงะ ม้าก็ผงะ เอาล่ะเหวย... เอาล่ะหว่า... ไม่รู้มันคิดจะทำท่าไหนอีก
“ทำไม... ทำไมลื้อยอมง่าย ๆ ”
“พนักงานบริษัทเขาเกลียดขี้หน้าผมนี่ หนีไปเลี้ยงหมาสักพัก... ท่าจะดี เลี้ยงจนกว่าหมาจะกลายเป็นคนก็น่าสนุก เสียอย่างเดียว ไกลถึงเฮยเหอ หนาวจะตายหะ”
“เฮ้ย! ดูแลเขา ให้เขากลับมาเป็นคนนาโว้ย ไม่ใช่แกล้งเขา ออกจากป่าจากดงมายังงี้ ไม่รู้ร่างกายเป็นยังไง ขืนเล่นพิเรนทร์ ป๋ายเซียนตายขึ้นมา นักวิจัยทั้งแผ่นดินใหญ่จะเอาลื้อลงหลุมไปด้วย”
“เชื่อมือเหอะน่า”
พอลุกจากโต๊ะอาหารแล้ว จึงหันกลับมายิ้มให้เตี่ยและม้าเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมประกาศกร้าว
“คอยดูนะเตี่ย ระหว่างผมกับเจ้าเมาคลีนี่ ไม่ใครก็ใคร ต้องอกแตกตายไปข้างหนึ่ง! ”
น่านไง... ว่าแล้วเชียว! เตี่ยตบอกผาง แทบจะฟุบหน้าลงกับเคาหยกชิ้นสุดท้ายในจานอย่างกลุ้มใจ ชานเลี่ยก็เป็นเสียอย่างนี้ เห็นอะไรเป็นเรื่องบันเทิงเริงใจไปหมด นี่มังกรฟ้าแห่งซัวเถา ส่งอะไรไปให้ป๋ายเซียน มนุษย์เมาคลีแห่งเฮย์หลงเจียงหนอ...
เทวดา รึซาตานกันแน่!
เป็นยังไงบ้าง กระซิบบอกกันได้นะคะ
#ฟิคเมาคลี
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

-เลี่ยเนี้ยก็กวนตี..ชิบ...าย
ต่อปากต่อคำได้แบบสะใจมากกก
"ม้า"แบบนี้หมายถึงสัตว์สี่ขา
แก้ด้วยนะคะ