ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - (exo) lone wolf | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #8 : L O N E W O L F | Rome wasn't built in a day.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.67K
      102
      23 ก.ย. 59


    ? cactus







    Chapter 6

    Rome wasn’t built in a day.

    (กรุงโรมไม่อาจถูกรังสรรค์ขึ้นในวันเดียว)
















              “ใจเย็น ๆ ” แบคฮยอนเอื้อมมือมาแตะข้อศอกเขา “ใจเย็น ๆ เอ้อ... ครับท่าน”


              มือของอีกฝ่ายเย็นเฉียบ และราวกับว่าความเย็นจากร่างกายของผู้ติดตามมีอิทธิพลเหนือชานยอล ร้อยโทปาร์คละสายตาจากโอเซฮุน คุกเข่าลง ฉุดเสือผู้หญิงแห่งเหล่าทัพขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก


              “ไม่เป็นไร เพื่อน” มินโฮยิ้ม เลือดอาบฟันซี่หนึ่งเป็นสีแดง “ไม่เป็นไร เพื่อน... รัก...


              ถ้าไม่ใช่เพราะถูกกระหนาบด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็น ทั้งร้อยตรีโอและแบคฮยอนก็กำลังมองดูเขา หน้าซีดเผือด ม่านตาขยายกว้าง บอกภาวะเครียด ชานยอลเชื่อว่าหมัดที่สองจะถูกเหวี่ยงออกไปด้วยกำลังมหาศาล นึกสงสัยว่าตัวเองเคยวิ่งพล่านอยู่ในสนามฝึกเดียวกับชายคนนี้ได้อย่างไร โดยไม่เคยใช้ปืนซึ่งบรรจุกระสุนจริงยิงแสกหน้าให้สักที


              “ฉันเผลอตัว”


              “ไม่เอาน่า... ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ”


              ชายหนุ่มร่างสูงกระซิบกระซาบลอดไรฟัน “ฉันเผลอตัวเผยกำลังหมัดให้ไอ้ชาติจิ้งจอกอย่างนายรู้ เพราะฉะนั้น พนันกันได้ว่าครั้งหน้าจะไม่จบลงด้วยเลือดไม่กี่หยด... เหมือนครั้งนี้แน่”


              “จะกี่หยดก็ไม่สำคัญ ชานยอล” ร้อยตรีซงกระซิบตอบ “เลือดของใครต่างหากที่สำคัญ”


              “ปาร์คชานยอลไม่เคยแพ้ใครในสนามฝึก”


              คราวนี้มินโฮแค่นหัวเราะ “ใช่... นายไม่เคยแพ้ แค่ไม่เคยแพ้”


              ไม่ทันได้โต้ตอบ อีกฝ่ายก็ผงกศีรษะให้ผลุบหนึ่ง ยิ้มเผล่ราวกับไม่เคยผิดใจกัน แล้วเดินเตร่ไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว ชานยอลมองตาม ไม่ช้า พลเอกชเวปรากฏตัวขึ้นระหว่างฝีเท้าอันลื่นไหลของมินโฮ เพราะอะไรบางอย่าง เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ร้อยตรีซงรู้ว่าแร้งเฒ่าแห่งเหล่าทัพกำลังมา


                รวมถึงลูกชายคนโตของพลเอกชเวด้วย


              ปาร์คชานยอล ซงมินโฮ ชเวซึงฮยอน สามดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งกองทัพบก ล้วนแล้วแต่เป็นลูกชายของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการยุวชนแนวหน้า พรรคแรงงาน และกองทัพประชาชน


              เพราะจะมีดาวเหนือมากกว่าหนึ่งดวงไม่ได้ สามตระกูลจึงตรงเข้าห้ำหั่น ผลักเด็กชายซึ่งเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มสู่สังเวียนแห่งความเป็นใหญ่ที่ไม่ช้า... กลายเป็นสมรภูมิของสามสุนัขป่า


              ตัวหนึ่งเพียบด้วยเล่ห์กระเท่อย่างสุนัขจิ้งจอก ตัวหนึ่งซ่อนเล็บ เร้นสันชาตญาณเถื่อนไว้ภายในอย่างเสือลายพาดกลอน อีกตัวทรงพลัง น่าเกรงขามอย่างราชสีห์


              คนที่เพิ่งกลับจากมอสโกยิ้มให้มินโฮ จากนั้น หันมาสบตาชานยอลจากที่ไกล ๆ อย่างจงใจ


              เสือสิงห์ประสานตา ชิงชัง หยั่งเชิง เคียดแค้น ราวจะฆ่าให้ตาย

     






              ไม่รู้ว่าระหว่างเขากับโอเซฮุน ใครซีดเซียวกว่ากัน


              นับเป็นการพบกันครั้งแรกของเขา กับคนสองคน นอกจากซงมินโฮ แร้งเฒ่า และพลเรือเอกเขี้ยวลากดินที่เกี่ยวพันกับชีวิตและความสำเร็จของร้อยโทปาร์คอย่างแยกไม่ออก หนึ่งคือร้อยตรีโอผู้เป็นบาดแผล อดีตอันมืดดำ และจุดอ่อนของชานยอล สองคือชเวซึงฮยอน ลูกชายคนโตของพลเอกชเว อีกหนึ่งคู่สงครามของผู้บังคัญบัญชา


              “ชานยอล” ผู้ติดตามจอมปลอมได้ยินเสียงเซฮุน มันไร้น้ำหนักพอ ๆ กับท่าทีของเขา “ชานยอล อย่าสนใจ... ”


              “ให้ตายสิ อย่าสนใจอะไรกัน!


              ร้อยโทชเวหันไปทักทายมินโฮ ชายหนุ่มร่างสูงจึงหันมากระชากเสียงใส่... แบคฮยอนไม่อยากใช้คำนั้น อดีตคู่ขาได้อย่างใจ


              “นายรู้ว่ามินโฮเป็นคนยังไง”


              แวบหนึ่งนั้น ชายหนุ่มร่างเล็กคิดว่าร้อยโทปาร์คหลุบตาลง ไม่ว่าจะด้วยความละอายใจ ความเสียใจ หรือความเจ็บปวดก็ตาม “รู้พอ ๆ กับที่รู้ว่านายเป็นคนยังไงนั่นแหละ”


              เห็นได้ชัดว่าร้อยตรีโอพยายามทำใจดีสู้เสือ “นาย... สบายดีใช่ไหม”


              “อย่างที่เห็น นายล่ะ... เซฮุน”


              คล้ายจะร้องไห้ นกกระสาหนุ่มตอบค่อย ๆ “ไม่ดีนัก ฉันไม่แข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร อย่างที่นายรู้ดีกว่าใคร... เคยรู้ดีกว่าใคร”


              อา... นี่มันอะไรกันเนี่ย


                ชายหนุ่มร่างเล็กไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชานยอลกับเซฮุนเดินทางไปถึงหูอันระแวดระวังของพลเอกชเว กระทั่งนำไปสู่การจ้างวานเขาได้อย่างไร เท่าที่แน่ใจตอนนี้ คือมันเป็นของจริง จริงแท้แน่นอน จริงอย่างไม่อาจโต้แย้ง


              เพราะสายตาที่เซฮุนใช้มองชานยอล คือสายตาที่แบคฮยอนใช้มองจงแด


              ผู้ติดตามจอมปลอมอาจเติบโตมาในชนบทห่างไกล กระนั้นพิษแห่งการห้ำหั่นระหว่างสามตระกูลก็ยังเดินทางไปถึงและรัดรึงเขาราวกับบ่วงบาศ แบคฮยอนรู้ว่าพลเรือเอกเขี้ยวลากดินทำข้อตกลงบางประการ เป็นประการอันคอขาดบาดตายกับพ่อ เมื่อเขาและสามดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งกองทัพบกยังเล็ก ซงซอนบี พ่อของมินโฮ ชเวดูฮวาน พ่อของซึงฮยอน และปาร์คมินกู พ่อของชานยอลต่างขับเคี่ยวกันเพื่อตำแหน่งและอิทธิพลที่สูงกว่าอยู่แล้ว ผลัดแพ้ ผลัดชนะ ผลัดรัก ผลัดชัง ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีมิตรแท้เช่นเดียวกับที่ไม่มีศัตรูถาวร การห้ำหั่นและช่วงชิงความเป็นใหญ่ตกทอดจากพ่อสู่ลูก กลายเป็นมรดกอันคาวคลุ้ง การห้ำหั่นนี้เองบีบให้พ่อของเขาจากไปในอุบัติเหตุเหมืองถล่ม และผลักแบคฮยอนสู่สังเวียนอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่บ้าง


              ดังนั้น นอกจากการตะเกียกตะกายสู่อำนาจของสามตระกูล ซง ชเว ปาร์ค จะให้กำเนิดสามสุนัขป่าวัยฉกรรจ์แล้ว มันยังให้กำเนิดสุนัขป่าเดียวดายด้วยอีกตัวหนึ่ง


              สุนัขป่าเดียวดายคือสุนัขป่าที่ผละจากฝูงหรือถูกขับจากฝูง เพราะบาดเจ็บ เพราะชรา หรือเพราะไม่ปรารถนาจะรวมฝูงอีกต่อไป มีนิสัยดุร้าย และมักจะแข็งแรงกว่าสุนัขป่าตัวอื่น แน่ล่ะ... ก็มันต้องเอาชีวิตรอดโดยโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติอันโหดร้าย


              “แบคฮยอน” ร้อยโทปาร์คหันมาเรียกเขาเมื่อบทสนทนาระหว่างตัวเองกับเซฮุนจบลงแล้วอย่างกระอักกระอ่วน “ใจลอยไปถึงไหน ตามผมมา”


              ผู้ติดตามจอมปลอมหันไปค้อมศีรษะให้ร้อยตรีโอหน่อยหนึ่ง


              แร้งเฒ่าพาเขามาสู่สมรภูมินี้


              เพื่อกำจัดชานยอลและกรุยทางให้ลูกชายคนโต... ชเวซึงฮยอน พลเอกชเวฉวยโอกาสเมื่อมินกูสร้างบาดแผลให้กับครอบครัวบยอนจ้างวานเขา พร้อม ๆ กับที่บีบบังคับเขา นับว่าฉลาดทีเดียว แต่ไม่เฉลียว


              เพราะสุนัขป่าเดียวดายจะไม่สังหารสุนัขป่าตัวใดตัวหนึ่ง มันตั้งใจจะสังหารทุกตัวบนสังเวียน

     






              เป็นความผิดของเขาเองที่ลืมไปว่าเซฮุนจะมาปรากฏตัว เช่นเดียวกับเพื่อนทุกคนในโครงการยุวชนแนวหน้าซึ่งต่างมีบทบาทในพรรคแรงงานและกองทัพประชาชน คนละนิดละหน่อย ตามแต่สถานภาพของผู้ให้กำเนิดจะอำนวย เซฮุนมีที่ทางในกองทัพประชาชนเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาซึ่งร้อยโทปาร์คเอาแต่ขลุกอยู่ในที่ทำการพรรคแรงงาน ซ่อนตัวอยู่หลังประตูไม้ และถูกคุ้มครองจากภยันตรายทั้งปวงโดยต้นห้องผู้รอบคอบ ชานยอลจึงหนี... อย่างน้อยก็เชื่อว่าได้หนีจากอดีตและจุดอ่อนถึงตายของตัวเองมาไกลพอสมควร


              “ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำ... ด้วยกัน เมื่อสัปดาห์ก่อนคืออะไร ชานยอล แต่ฉันรู้สึก... ”


              ชายหนุ่มร่างสูงกลืนน้ำลาย เสียงของเซฮุนในความทรงจำกัดกินสติสัมปชัญญะของเขาอย่างช้า ๆ


                “ฉันอยาก... ทำอีก”


                ลำคอซีดเซียว ผอมบาง มองเห็นเส้นเลือดใหญ่ชัดเจน หอมกลิ่นขนมปังแม้จะโชกไปด้วยเหงื่อ คิ้วขมวดมุ่น เพียงแต่เขารู้ดีกว่าใครว่าเซฮุนตัดสินใจแล้ว


              “ฉันเอง... ” ชานยอลในอดีตเอื้อมมือไปหานกกระสาหนุ่ม “ก็ต้องการมัน”


                รีบร้อนและเร่าร้อน เสียงกระสุนสำหรับฝึกซ้อมปลิวหวือดังมาจากอีกฟากหนึ่งของผนัง เซฮุนรอเขาที่ชั้นบนสุดของม้านั่ง ไม่สวมกางเกง ชานยอลโถมตัวเข้าใส่ ศีรษะของอีกฝ่ายแหงนเงย ขยับไปมาด้วยแรงส่ง หลายครั้งที่มันกระแทกผนังสีขาวลอกล่อน


              “ไม่เป็นไร” จุดอ่อนถึงตายของเขากระซิบ “แรงอีก”


                ร้อยโทปาร์คชอบที่นั่น และรู้ว่าเซฮุนก็ชอบที่นั่น ไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามของพวกเขา มันถูกกลบด้วยเสียงตะโกนของครูฝึกและเสียงกระสุนซึ่งปลิวว่อน


              ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ดีล่ะมั้ง... ดีกระทั่งวันหนึ่ง


                “เขาเห็นหรือเปล่า!ร้อยตรีโอในวันวานละล่ำละลัก “มินโฮเห็นหรือเปล่า เขาเห็นเราหรือเปล่า”


              “ฉันไม่รู้ เซฮุน”


              “ให้ตาย” อีกฝ่ายคร่ำครวญ “ให้ตาย ให้ตาย ให้ตาย”


                “ไม่เป็นไร” เขาปลอบโยน จูบที่ต้นคอ ไหปลาร้า และริมฝีปาก “ต้องมีสักทาง”


              น่าขำ สักทางที่ว่าของเซฮุนคือการหักหลัง


     เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา ทุกสิ่งกลับตาลปัตร นกกระสาหนุ่มไม่เคยยินยอมพร้อมใจ เขาต่างหากที่ได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศเพื่อนชายอย่างจงใจ ชานยอลไม่โกรธอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าทำไม เพราะทุกคนต้องมีชีวิตรอด ต้องเอาชีวิตรอด เขาบอกตัวเองแบบนั้น เซฮุนแค่จำเป็นต้องทำ


    ถึงอย่างนั้น ความเจ็บปวดไม่มีที่มาก็ยังถาโถม กลืนกินเขา


    พ่อไม่เคยบอกว่าทำอย่างไร เรื่องนี้จึงเสื่อมซา เงียบหาย ชานยอลรู้แต่ว่าพ่อผูกไมตรี เป็นพันธมิตรกับแร้งเฒ่าอีกครั้ง อีกครั้งในรอบหลายปี เป็นรอบหลายปีที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นด้วย


    ห้าปีแล้วที่ร้อยตรีโอถูกขับไสจากชีวิตของร้อยโทปาร์ค ห้าปีแล้วที่ชานยอลหนีพ้นจากเรื่องอื้อฉาว ห้าปีแล้วที่เขาขึ้นสู่สังเวียนอย่างเต็มตัว แลกหมัดกับมินโฮและซึงฮยอน เช่นเดียวกับที่ซอนบี มินกู และดูฮวานเคยทำ


    เพียงแต่ชนักยังปักอยู่บนหลัง ไม่เคยถูกถอนออก


    “ร้อยโทปาร์ค” เสียงหนึ่งลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ เดี๋ยวดังเดี๋ยวค่อย ภาพทั้งหลายไหลผ่านสายตาของชายหนุ่มร่างสูงไป ชานยอลไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินเร็วแค่ไหน “ร้อยโทปาร์ค ท่านครับ”


    เขาไม่ตอบ


    “ท่านครับ เป็นอะไรไป เรากำลังจะไปไหน ท่านครับ” เสียงจอแจเงียบลง เขาตกอยู่ในวงล้อมของผนังไม้สีขาว “ท่านครับ ได้ยินผมหรือเปล่า... ได้ยินผม... ได้ยินฉันไหม ชานยอล


    ใครคนหนึ่งจับมือเขา ชานยอลสะดุ้ง ตื่นจากภวังค์และก้มลงมอง แบคฮยอนนั่นเอง


    “ขอโทษ” ร้อยโทปาร์คใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบใบหน้า “ขอโทษ ผมใจลอย เอ้อ... ฉันใจลอย เราอยู่ไหน แบคฮยอน”


    “ฉันสิต้องถามว่าที่ไหน” ชายหนุ่มร่างเล็กสวน


    เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นว่าตัวเองได้พาผู้ติดตามพ้นจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของฝูงชนมาแล้วโดยบังเอิญ พวกเขาอยู่ในห้องรับรองห้องหนึ่ง ไม่ไกลจากห้องโถงนัก ผนังกรุด้วยไม้ทาสีขาว สุดผนังด้านหนึ่งมีโต๊ะเหล็ก รูปร่างอุ้ยอ้าย ใหญ่เทอะทะ และสูงพอสมควร


    ใบหน้าของเซฮุนลอยอยู่เหนือใบหน้าของแบคฮยอน เป็นเงาราง ๆ ชวนชิงชัง ร้อยโทปาร์คเกิดบ้าบิ่นขึ้นมา อยากอุ้มผู้ติดตามขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเหล็กเดี๋ยวนั้น ถอดกางเกงออกและกระแทกกระทั้น ผลักตัวตนของเขาเข้าไปในความรู้สึกนึกคิดของชายหนุ่มร่างเล็ก แบคฮยอนจะคำรามไหม และเสียงจอแจจากภายนอกจะกลบมันได้อย่างมีประสิทธิภาพพอ ๆ กับเสียงกระสุนฝึกซ้อมหรือเปล่า ถ้าศีรษะของผู้ติดตามกระแทกผนัง อีกฝ่ายจะบอกว่าไม่เป็นไร แรงอีก หรือตบหน้าเขาและบอกว่า แกมันงี่เง่า ปาร์คชานยอล



    “ชานยอล! ” ชายหนุ่มร่างเล็กร้องขึ้น “ฉันเจ็บ!


              ตื่นจากภวังค์อีกครั้ง เขาเพิ่งจะบีบมือของแบคฮยอนอย่างแรง แรงเกินไป


              “ขอโทษ” ชายหนุ่มร่างสูงพึมพำอย่างคนที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาผ่อนแรงบีบ แต่ไม่ยอมปล่อยมืออีกฝ่าย “ขอโทษ ฉันแค่... ”


              “นี่มันบ้า” ผู้ติดตามว่า “เขา... ฉันหมายถึงร้อยตรีซง คงอยากให้นายสติแตก”


              “เชื่อสิ เขาหวังมากกว่านั้น”


              แบคฮยอนไม่สบตาเขา และไม่ได้ปล่อยมือจากเขาเช่นกัน ท่ามกลางความเงียบสี่นาทีเต็ม ๆ คนทั้งคู่จับมือกัน ยืนประจันหน้ากันในห้องรับรองโดยไร้ซึ่งบทสนทนา


              “Nächste Mal wenn du kämpfst, Töten sie mit Freundlichkeit (เนคชเทอะ มาล เวนน์ ดู เคมฟสท์, เทอทเอน ซี มิต ฟรอยด์ลิคชท์ไคต์) ” ชายหนุ่มร่างเล็กเหมือนพูดลอย ๆ หรือไม่ ก็พูดกับตัวเอง “การประชันฝีมือครั้งหน้า ขอให้กำราบพวกเขาด้วยความอ่อนโยน”


              ชานยอลแค่นหัวเราะ “หมายความว่ายังไง”


              “ครูสอนภาษาชาวเยอรมันบอกฉัน” ชายหนุ่มร่างเล็กตอบ ไม่สบตาอีกเช่นเคย “ผู้ชนะที่แท้จริงคือผู้เป็นเจ้าของใจอันแกร่งกล้า ใจอันอ่อนโยนและเข้มแข็งเป็นสิ่งเดียวที่ปกป้องเราจากความเจ็บปวดและชั่วร้าย ทำให้เราเป็นผู้ชนะ”


              “เขาไม่ใช่นักการเมืองที่ดีแน่”


              เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น มองดูเขา “ฉันก็เหมือนกัน”


              ใบหน้าของเซฮุนหายไปแล้ว ความกระหายอันบ้าคลั่งก็เช่นกัน เขาปล่อยมือจากแบคฮยอน นวดขมับตัวเอง นึกอยากกอดรัดผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยวงแขนอย่างฉับพลัน แล้วก็เปลี่ยนใจ


    เพราะอะไรบางอย่าง กับประโยคนั้น ร้อยโทปาร์ครู้ว่าแบคฮยอนไม่ได้บอกเขา แต่พยายามบอกตัวเองต่างหาก และพอ ๆ กับที่ชานยอลไม่เชื่อถือมัน ชายหนุ่มร่างเล็กก็คงไม่ต่าง...


    คนทั้งสองเชื่อว่าการเอาชนะคะคานด้วยหัวใจอันอ่อนโยนไม่มีอยู่จริง





              กว่าสัปดาห์แล้วนับจากการวิวาทฝ่ายเดียวระหว่างชานยอลกับมินโฮ ร้อยโทปาร์คเงียบขรึมยิ่งขึ้น อีกฝ่ายไม่ได้คุกคามเขาอีก นอกจากจ้องดูทุกอิริยาบถด้วยสายตาอ่านยากโดยเฉพาะเมื่อแบคฮยอนเข้าไปสอนภาษาเยอรมันในห้องทำงาน บ่อยครั้งที่ผู้ติดตามสงสัย... ถ้าไม่ใช่เขา ไม่ใช่แบคฮยอนแห่งมูซานผู้จงชังปาร์คมินกูอย่างสุดหัวใจ ใครจะทนต่อสายตาจับผิดระคนแผดเผาของชานยอลได้


              จดหมายของร้อยตรีซงยังร้อนผ่าวอยู่ในความทรงจำของเขา ราวกับเมื่อวานนี้เองที่แบคฮยอนลนมันด้วยเทียนไข และเมื่อข้อความทั้งหมดปรากฏขึ้น ความพรั่นพรึงก็ลามเลียหัวใจเช่นเดียวกับที่เปลวไฟลามเลียกระดาษ


              ซงมินโฮใช้กลเดียวกับเขา แบบเดียวกับที่เขาใช้ส่งข้อความถึงพลเอกชเว!


    ฉันอยู่ข้างเดียวกับนาย เสือผู้หญิงมีชื่อว่าอย่างนั้น มาพบฉันที่ห้องน้ำ ชั้นเดียวกับที่นายทำงานอยู่ ที่ทำการพรรคแรงงาน ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า


                เมื่อหายตกตะลึงแล้ว ชายหนุ่มร่างเล็กในขณะนั้นแค่นหัวเราะ


              ซงซอนบีและปาร์คมินกูแห่งกองทัพเรือ ชเวดูฮวานแห่งกองทัพบก จะว่าไปแล้วก็เหมือนซุนกวน เล่าปี่ และเตียวหุยในวรรณคดีสามก๊ก ที่บางครั้งแพ้ บางครั้งชนะ บ่อยครั้งที่ร่วมหัวจมท้าย ทั้งสามจับมือ โอภาปราศรัย โดยมักซ่อนกระบี่ไว้ในใจ ใต้รอยยิ้ม เมื่อสบโอกาสก็จะชักออกมา เชือดอีกฝ่ายในดาบเดียว


              จะพ่อของมินโฮ พ่อของชานยอล หรือพ่อของร้อยโทชเวก็เหมือนกัน ตั้งใจจะร่วมมือกับใครคนใดคนหนึ่งเพื่อกำจัดอีกคนหนึ่ง จากนั้นจึงกำจัดอดีตพันธมิตรให้สิ้นซาก ที่ชานยอลและมินกูยอม... ทั้งที่ไม่เต็มใจ ให้เขาเป็นผู้ติดตามของร้อยโทปาร์ค ส่วนหนึ่งก็เพื่อตบตาใครต่อใคร... โดยเฉพาะซอนบีคู่แข่ง ว่าระหว่างนายพลทั้งสองยังกลมเกลียว พร้อมกับการแสดงออกถึงความเป็นมิตรนั้น พลเอกชเวปล่อยงูพิษคือแบคฮยอนสู่สนามแห่งการทำลายล้างตระกูลปาร์ค ปัญหาก็คือ... ตระกูลซงจะแก้ลำอย่างไร มินโฮจะมาไม้ไหนกันแน่...


              “ไม่มีทางรู้จนกว่าจะพบเขา” ผู้ติดตามจอมปลอมของร้อยโทปาร์คบอกตัวเองในเช้าวันนัดหมาย “ไม่มีประโยชน์จะฟุ้งซ่าน”

             






              “แบคฮยอนหายไปไหน”


              “ห้องน้ำครับท่าน” คยองซูตอบรวดเร็ว “เขาว่าจะไปห้องน้ำ”


              “นานเกินไป” ร้อยโทปาร์คขมวดคิ้ว “แบคฮยอนใช้เวลาในห้องน้ำ ไม่เคยเกินสิบนาที”


              “เขาอาจท้องเดินก็ได้”


              “โทรศัพท์ของแบคฮยอนอยู่ไหน คยองซู”


              “ไม่ได้อยู่ในห้องหรือครับท่าน”


              “ไม่... แบคฮยอนพกไปด้วย”


              เลขานุการต้นห้องค้อมศีรษะให้ “รอสักครู่ ผมจะรีบตรวจสอบกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์”


              ชื่อของปาร์คชานยอลใช้การได้ดีพอ ๆ กับชื่อของพ่อ ภายในไม่กี่วินาที คยองซูก็หันกลับมา ท่าทางพอใจ “ภายในอาคารที่ทำการพรรคแรงงานครับท่าน ที่ห้องน้ำ ชั้นเดียวกันนี้เอง”


              แบคฮยอนอาจจะท้องเดินจริง ๆ อย่างที่อีกฝ่ายบอก เพียงแต่ชานยอลไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม เขารู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น บางอย่างที่ไม่ดีต่อเขา... ไม่ดีเอามาก ๆ


              “ท่านจะตามเขาไหมครับ ผมจะไปตามให้”


              คิดมากไปล่ะมั้ง... ชายหนุ่มร่างสูงลูบใบหน้า “ไม่เป็นไร คยองซู” เขาตอบ “ไม่มีอะไรหรอก”


              ที่รู้สึกไม่ดี เพราะได้ยินว่าวันนี้ซงมินโฮมาที่นี่ต่างหาก ร้อยตรีซงมักขลุกอยู่ในกองทัพประชาชน หรือไม่ ก็สำนักงานลึกลับ (ซึ่งมินโฮโม้เหม็นว่ามีความสำคัญเหลือหลาย) ที่อยู่ไกลออกไป มากกว่าจะเตร่เข้ามาในที่ทำการพรรคแรงงานซึ่งเจ้าตัวออกปากว่า “จอแจเหลือทน”


                แบคฮยอนไม่ทำหรอก ไม่สุงสิงกับหมอนั่นหรอก แบคฮยอนรู้ว่าไอ้ชาติจิ้งจอกเป็นตัวอันตราย


                ร้อยโทปาร์คบอกตัวเอง พยายามสงบใจ


              สัญญาณจากโทรศัพท์เครื่องที่ชานยอลซื้อให้ คงกะพริบอยู่ในจุดเดิมเป็นเวลานาน


              โชคร้ายที่ทั้งชายหนุ่มร่างสูงและต้นห้องผู้รอบคอบไม่รู้ว่ามันคือห้องน้ำที่ถูกล็อกจากข้างใน ขณะผู้ติดตามจอมปลอมหนีออกไปกับซงมินโฮนั่นเอง...

     






              “ฉันควรมาที่นี่หรือเปล่า”


              “เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่แปลกพิลึก” มินโฮว่าพลางกระชากป้ายห้ามสูบบุรี่ออกจากผนังห้องรับรองเก่าโทรม ก่อนจะจุดบุหรี่สูบ ค่อนข้างรีบร้อน “ถามว่าควรทำอย่างนี้จริง ๆ หรือเปล่า ทั้งที่ทำลงไปแล้ว”


              แบคฮยอนถามเยาะ ๆ เขาไม่กลัวฝ่ายตรงข้ามเลย ไม่แม้แต่นิด แบคฮยอนไม่ใช่ชานยอล ไม่มีความหลังกับเสือผู้หญิงแห่งเหล่าทัพ จึงไม่ใช่คนที่อีกฝ่ายจะยั่วยุได้โดยง่าย “เสี้ยนนักหรือไง นิโคตินน่ะ”


              “เอาหน่อยไหม คนสวย” แทนคำตอบ อีกฝ่ายยื่นบุหรี่ให้ ไฟอันลุกเรืองเฉียดปลายจมูกไปหน่อยหนึ่ง ชายหนุ่มร่างเล็กปฏิเสธ “ไม่ใช่แค่นิโคติน” มินโฮเสริม “มีของดีอย่างอื่น... สองสามอย่าง”


              กลิ่นเขียว ๆ คล้ายใบไม้ไหม้ไฟทำให้แบคฮยอนรู้ว่าหนึ่งในสองสามอย่างนั้นคือกัญชา กัญชาจริง ๆ ซึ่งถูกกฎหมายและมีใช้แพร่หลายโดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงเพื่อผ่อนคลายความเครียด ไม่ใช่อิบดัมแบหรือยาสูบราคาถูกซึ่งชนชั้นแรงงานใช้แก้ขัดแทนพืชชนิดที่ว่าเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอกจากกัญชาแล้ว... ผู้ติดตามจอมปลอมทำจมูกฟุดฟิด ลิ้มรสกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร


              “ได้มาจากไหน”


              “ที่ทำงานส่วนหนึ่ง เลดาอีกส่วน ครูสอนภาษาชาวอเมริกันน่ะ หล่อนถึงใจจริง ๆ อย่างที่ชานยอลว่านั่นแหละ”


              “ร้อยโทปาร์คเรียกนายว่าคนขายชาติเพราะสมสู่กับคนอเมริกันอย่างนั้นหรือ”


              “คำว่าสมสู่น่ะ ไม่เหมาะกับปากเล็ก ๆ สีชมพูเหมือนดอกท้อของนายเลย” ร้อยตรีซงวิจารณ์ “และ ใช่ เรื่องบนเตียงของฉันเป็นส่วนหนึ่ง... เป็นส่วนใหญ่เสียด้วย ที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาของนายกล่าวหาฉันด้วยข้อหาร้ายแรงที่ว่า แต่จะโทษฉันไม่ได้หรอกนะ บยอนแบคฮยอน ก็ฉันไม่อยากกอดผู้หญิงที่มีแต่กระดูกนี่”


              “ที่ทำงาน... หมายถึงกองทัพประชาชนหรือเปล่า”


              “ไม่เอาน่า นายไม่ได้โง่เหมือนชานยอลเสียหน่อย ที่ห้องหมายเลขสามสิบเก้าต่างหาก” อีกฝ่ายหมายถึงสำนักงานลึกลับซึ่งเจ้าตัวบอกใครต่อใครว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งนั่นเอง “ช่างเถอะ นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันพานายมาที่นี่ วันนี้ เข้าเรื่องเลยดีกว่า”


              แบคฮยอนพ่นลมหายใจออกทางปาก ได้ยินเสียงดังวิ้ว “เรื่องอะไร”


              “ฉันรู้ว่านายกำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่าแร้งเฒ่าว่าจ้างนายให้ทำอะไร รู้ว่านายเป็นใคร มาจากไหน และเพราะอะไรจึงรับข้อเสนอของพลเอกเชว ที่จะพูดก็คือ ซงมินโฮคนนี้ และพลเรือเอกซง พ่อของฉัน มีข้อเสนอที่... ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดมาฝาก อยากให้นายรับไว้”


              “ที่ว่ารู้น่ะรู้อะไร ร้อยตรี” ชายหนุ่มร่างเล็กหยั่งเชิง “ใครก็พูดว่ารู้ได้ สาธยายมาซิ ฉันอยากฟัง อยากรู้ว่านายรู้เรื่องของฉันจริง ๆ หรือเปล่า ถ้าไม่ล่ะก็... อย่าพูดถึงข้อเสนอนั่นอีกเลย”


              ร้อยตรีซงยิ้มน้อย ๆ อย่างมั่นใจ “พ่อของนายทำงานให้มินกู และนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องตาย”


              ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้แสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างสะดุ้งกับสบถออกไป


              “พ่อของนายเป็นหัวหน้าคนงานในเหมืองเหล็ก และเป็นผู้ฟอกเงินให้พลเรือเอกเขี้ยวลากดิน ปาร์คมินกูค้าของเถื่อนโดยใช้เหมืองเหล็กบังหน้า อ้างว่าเงินทั้งหลายนั้นได้มาโดยสุจริต” มินโฮว่าต่อ “ปีจูเชที่ 97 (2008) หรือแปดปีที่แล้ว เขากำลังจะถูกเปิดโปง มินกูจึงปิดปากหัวหน้าคนงานผู้น่าสงสาร โดยการทำให้เขาตายในอุบัติเหตุปลอม ๆ นั่น เหมืองถล่มอย่างนั้นเรอะ เฮอะ... แบคฮยอน นายก็รู้ว่ามัน... ไม่เป็นความจริง”


              “นายรู้อะไรอีก”


              “ปีจูเชที่ 99 (2010) ฉันบังเอิญ... ผ่านไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างฝึกซ้อมและเห็นบทรักของชานยอลกับคู่ขาของเขาเข้า เป็นฉันเองที่ไขข่าว คาบไปบอกแร้งเฒ่าและทำให้มันกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวของตระกูลปาร์ค แต่แร้งเฒ่าก็คือแร้งเฒ่า เขาฉลาดพอจะรู้ว่าการเป็นพันธมิตรกับมินกู ปลอดภัยกว่าการร่วมมือกับพ่อของฉัน พลเอกชเววิ่งเต้นปิดข่าว ทำให้ชานยอลยังมีที่ทางในกองทัพ แร้งเฒ่ากับมินกูเป็นพันธมิตรกันมาห้าปีแล้ว นานเท่ากับเวลาที่นายได้รับทุนการศึกษา เพราะอะไร... แบคฮยอน เพราะเขาพบแล้ว อาวุธร้ายที่จะใช้ทำลายชานยอลและเบิกทางให้ซึงฮยอน ลูกชายของเขาน่ะ”


              ผู้ติดตามจอมปลอมกลืนน้ำลาย “ก็คือฉัน”


              “ใช่... ก็คือนาย เมื่อรู้ว่าหัวหน้าคนงานผู้ทำหน้าที่ฟอกเงินให้มินกูตายในอุบัติเหตุเหมืองถล่ม แร้งเฒ่าก็ได้กลิ่นตุ ๆ เขาจมูกไวนะ ว่าไหม ถึงได้ตามไปสืบหา และพบนาย ลูกชายของหัวหน้าคนงาน ผู้มีรสนิยมแบบเดียวกันกับชานยอล เขาให้ทุนการศึกษานาย ใช้เวลาห้าปีสร้างระเบิดเวลา ห้าปีที่ไร้ความเคลื่อนไหว ทำให้มินกูตายใจว่าเขาจะไม่หักหลัง จากนั้นก็... ตู้ม! เขาบอกอะไรนาย... แบคฮยอน ทำให้ชานยอลตกหลุมรักนายให้ได้ใช่ไหม ทำให้ชานยอลต้องทุรนทุรายเมื่อไม่มีนายใช่ไหม จากนั้นนายก็จะหนีไปพร้อมกับเงินก้อนใหญ่ ขณะที่ร้อยโทปาร์คถูกส่งขึ้นตะแลงแกงในข้อหาผิดเพศ ล่วงละเมิดทางเพศสองครั้งติดกันในหกปี ก็การยัดข้อหาข่มขืนให้ผู้ชายน่ะ มันง่ายกว่าอะไรในโลก ใครจะรู้ว่าที่ยัดเข้าไปในรูคือไอ้หนูของเราหรืออย่างอื่น แรงหรือเบา เจ็บหรือเปล่า... ว่าไง ชานยอลทำเจ็บไหม แบคฮยอน”


              “เขายังไม่ได้ทำอะไร” แบคฮยอนตอบห้วน ๆ ขณะที่ใบหน้าร้อนวูบวาบ พิจารณาจากแรงซึ่งผู้บังคับบัญชาใช้ฉีกกระชากเสื้อผ้า แน่ล่ะ... มันต้องเจ็บแน่ “การทำให้คนคนหนึ่งเสพติดรสชาติของอีกคนหนึ่ง ต้องอาศัยเวลา ฉันไม่รีบร้อน”


              “ฉันพูดถูกทั้งหมดใช่ไหม” มินโฮยืดตัวขึ้น ทิ้งบุหรี่ลงบนพื้นและใช้ปลายเท้าขยี้แรง ๆ “อยากฟังข้อเสนอของฉันหรือยัง”


              “ว่ามา”


              “เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าแร้งเฒ่าจะเล่นไม่ซื่อ”


              หัวใจของเขาเต้นแรง “หมายความว่ายังไง”


              “พลเอกชเวยังกำจัดพ่อของฉันไม่สำเร็จนะ แบคฮยอน มีความเป็นไปได้ที่เขาจะยังเป็นพันธมิตรกับมินกู เมื่อเรื่องระหว่างนายกับชานยอลแดงขึ้นมา ร้อยโทปาร์คจะถูกส่งขึ้นตะแลงแกงจริง ๆ หรือ ไม่ใช่ว่ามินกูจะหันมาร่วมมือกับพ่อของฉันแทนหรือ แร้งเฒ่าจะสูญเสียพันธมิตร เสียไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลปาร์คจะถูกถอนรากถอนโคนจริง ๆ หรือเปล่า เขาไม่เสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเองแน่ แร้งเฒ่าจะหักหลังนายอีกต่อ แบคฮยอน เชื่อฉันซี่”


              คำทำนายนั้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของแบคฮยอน ชายหนุ่มร่างเล็กเลียริมฝีปาก “พูดต่อ”


              “พลเอกชเวมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่เมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่ภารกิจของนายหมดอายุ ชานยอลจะถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกสาวของแร้งเฒ่า เป็นทองแผ่นเดียวกันกับบ้านชเวเพื่อสยบข้อกล่าวหาที่ว่าเขาผิดเพศ แร้งเฒ่าจะหมดเสี้ยนหนาม หันมาเล่นงานพ่อของฉันได้เต็มที่ ส่วนนาย จะถูกส่งขึ้นตะแลงแกงในข้อหาผิดเพศและล่อลวง จะไม่มีใครช่วยนาย... นายจะเป็นแค่โชล (เบี้ย) บนกระดานจังกีที่เขาส่งไปตายโดยไม่เสียดมเสียดายอะไรเลย”


              นั่นเองคือเหตุผล... เหตุผลที่จงแดอยู่ในที่ปลอดภัย เหตุผลที่จงอินทำอะไรบางอย่าง เหตุผลที่คนรักจริง ๆ ของเขาได้รับเงินจำนวนหนึ่ง... ครึ่งหนึ่งของทุนการศึกษาของแบคฮยอนเป็นประจำทุกเดือน ตลอดห้าปีในมหาวิทยาลัย


              เพราะแบคฮยอนไม่ใช่คนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งอาจถูกหักหลัง ชนชั้นสูงไม่ใช่อะไรที่เขาไว้ใจ ชายหนุ่มร่างเล็กจึงสร้างทางหนีทีไล่ไว้รอท่า เพียงแต่... ทางไหนนะที่ปลอดภัยกว่ากัน ระหว่างทางที่เขาแผ้วถางไว้กับทางที่มินโฮจะเสนอ


              “อะไรคือข้อเสนอของนาย”


              “เมื่อถึงวันที่ภารกิจของนายหมดอายุ” ร้อยตรีซงว่า “แทนที่จะกล่าวหาชานยอล บอกว่าเขาขืนใจนาย ให้เปิดเผยว่าพลเอกชเวคือผู้จ้างวานนาย แล้วพลเรือเอกซงซอนบี พ่อของฉันจะเป็นผู้คุ้มครองนายเอง”


              “คุ้มครอง... ยังไง”


              “นายและครอบครัวจะได้ไปตั้งรกรากในประเทศใหม่ ดีกว่าข้อเสนอของแร้งเฒ่าไหม ไม่ใช่แค่นาย... แต่เป็นนายและครอบครัว”


              ดีกว่าจริง ๆ เพราะการหลบหนีออกจากประเทศนั้นมีโทษหนัก และครอบครัวของผู้ต้องหาก็มักเป็นผู้รับโทษแทนผู้จากไป


              จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าน้ำลายในปากเหนียวขึ้น “ไม่ใช่ข้อเสนอที่ฉันจะตอบรับได้ในทันที”


              “ฉันเข้าใจ... ต้องอาศัยเวลา” บุหรี่หมดมวนแล้ว อีกฝ่ายยื่นกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งให้ เพียงแต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่กระดาษเปล่า ข้อความบนนั้นถูกเขียนขึ้นด้วยน้ำส้มสายชูต่างหาก “เบอร์โทรศัพท์ของฉัน กับแผนที่ไปยังห้องหมายเลขสามสิบเก้า ฉันจะไม่ได้มาที่นี่สักพัก”


              ร้อยตรีซงจากห้องรับรองไปก่อน ขณะที่แบคฮยอนรออยู่เพื่อจากไปภายหลัง ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ห้องหมายเลขสามสิบเก้าอย่างนั้นหรือ... ชายหนุ่มร่างเล็กอดตื่นเต้นไม่ได้ หน่วยงานที่ลึกลับที่สุดในมหานครแห่งนี้ เขาเองอยากเห็นกับตาสักครั้ง


              ก่อนจะจากห้องไปนั่นเอง โทรศัพท์ของแบคฮยอนสั่น ไม่มีใครติดต่อมาตลอดสัปดาห์ที่มันอยู่ในความครอบครองของเขา ขณะที่สมาร์ตโฟนซึ่งชานยอลซื้อให้นั้น ทั้งผู้บังคับบัญชาและเลขานุการต้นห้องติดต่อมาไม่ขาดสาย


              เขาก้าวเร็ว ๆ กลับไปที่ห้องน้ำ พร้อมกันนั้นก็กดรับโทรศัพท์ ได้ยินเสียงกุกกักที่ปลายเสียงครู่หนึ่ง ต้องฟังให้ดีจึงรู้ว่าเป็นเสียงยวดยานบนท้องถนน บอกการจราจรอันพลุกพล่าน ซึ่งในประเทศนี้ไม่มี...


              “แบคฮยอน”


              เขาจำเสียงนั้นได้ทันที “จงแด! นั่นนายใช่ไหม”


              ปลายสายหัวเราะ แล้วก็เงียบไป ก่อนจะถามไถ่ด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง


              “ไม่ได้กำลังทำร้ายตัวเองเพื่อมาพบฉันใช่ไหม แบคฮยอน เพราะทำอย่างนั้น ถ้าทำอย่างนั้น... ” อีกฝ่ายถอนหายใจ เท่ากับนายทำร้ายหัวใจ... ของฉันเอง”








    #ฟิคเปียงยาง

    เหอ ตอนนี้ดูไม่มีอะไรเลยอ่ะ 555 เครียดดั้วะ 

    เก๊าผิดไปแล้ว ขอโต๊ดดด ._. จะพยายามเขียนเรื่องนี้ให้เครียดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

    มันดีต่อทุกคนรวมถึงเราด้วย 555

    สัญญาว่าจะมีฉากกุ๊กกิ๊กตอนหน้าน้าาา สัญญาาา






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×