ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - (exo) lone wolf | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #16 : L O N E W O L F | I don't need a weapon, I'm one.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.37K
      69
      8 ธ.ค. 59


    ? cactus




    Chapter 12

    I don’t need a weapon, I’m one.

    (ไม่ต้องการอาวุธ เพราะข้าคืออาวุธ)







              พลเรือเอกปาร์คสำลัก “ทำอะไรของแก ชานยอล!


              “อย่าให้เขายิง... ” ชายหนุ่มร่างสูงกลืนน้ำลาย “อย่าให้เขายิง... เรานะพ่อ”


              แบคฮยอนมองเขาอย่างประหลาดใจ แน่ล่ะ ก็ชานยอลพูดว่าเรานี่ ไม่ใช่ “อย่าให้เขายิงผมนะพ่อ” แต่เป็น “อย่าให้เขายิงผมกับแบคฮยอนนะพ่อ” ต่างหาก


              “ถอยออกมา!


              “ไม่! พวกเขาจะทำร้ายแบคฮยอน”


              “ก็ช่างหัวมันซีโว้ย!


              “อย่าเพิ่งยิง! ” มินโฮร้องลั่น เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นตรงกัน “อย่าเพิ่งยิง อย่าให้เกิดเหตุการณ์ไม่เป็นมงคลในวันเฉลิมฯ ”


              “ลดอาวุธ” พลเรือเอกซงสนับสนุน “และเจรจา ร้อยโทปาร์คชานยอลจะส่งตัวผู้ต้องหาให้เราโดยละม่อม”


              “ต้องหาอะไร แบคฮยอนจะไม่ไปไหน หรือกับใครทั้งนั้น! ” ชายหนุ่มร่างสูงตะโกน “โดยเฉพาะกับนาย โดยเฉพาะกับพลเรือเอกซงซอนบี”


              ทุกคนในที่นั้นสบตากันอย่างสับสน ซึ่งชานยอลไม่แปลกใจเลย ก็ร้อยโทปาร์คชานยอลคือผู้เสียหายนี่ พวกเขาจะคิดอย่างนั้น ร้อยโทปาร์คชานยอลกับพลเอกชเวดูฮวานคือผู้เสียหาย พ่อลูกซงต่างหากที่ดูจะให้ท้ายผู้ต้องหาหน่อย ๆ แล้วทำไม...


              “แบคฮยอนไม่ใช่ผู้ต้องหา” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาจึงโพล่งออกไปอย่างนั้น “แบคฮยอนเป็นเหยื่อต่างหาก”


              มือของอดีตผู้ติดตามเยียบเย็นยิ่งขึ้นในชั่วอึดใจ ชายหนุ่มร่างเล็กบีบมือเขา ร้อยโทปาร์คหันกลับไป “ไม่ใช่เหยื่อ... แล้วจะร้องไห้ทำไม”


              แบคฮยอนแตะที่เปลือกตาของตัวเองด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ความตื่นตระหนกทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าบนใบหน้ามีน้ำตาเปรอะ “ร้องไห้ทำไม กลัวใคร กลัวอะไร” ชานยอลถามอีก “ความจริงคืออะไร แบคฮยอน”


              “ฉัน... ไม่อยากอยู่ที่นี่”


              ไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน เมื่อประโยคนั้นคือความปรารถนาของคนที่เขาพอจะเรียกว่าความหวังครั้งใหม่ได้ คนที่ทำให้หัวใจของร้อยโทปาร์คเต้นแรงอีกครั้ง นับจากการแทงข้างหลังของเซฮุน เขาจึงตอบ “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพานายออกไป”


              “ส่งตัวผู้ต้องหาให้ฉัน” ร้อยตรีซงยืนกราน “แล้วฉันจะพาเขาไปสู่กระบวนการยุติธรรม แบคฮยอนจะเป็นโจทก์ของพลเอกชเวดูฮวาน และฉันจะเป็นผู้สนับสนุนเขา”


              “ฉันไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม!


              ปากและลำคอของเขาแห้งผากเมื่อพูดประโยคนั้น ได้ยินเสียงวิ้งในหู พร้อมกับที่ลมหายใจขาดห้วง เขาไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรมอย่างนั้นหรือ ลื่นไหลราวกับสายน้ำ ไม่จำเป็นต้องใคร่ครวญ ชานยอลตอกกลับอย่างเป็นธรรมชาติ กระบวนการยุติธรรมไม่มีอยู่จริง ชายหนุ่มร่างสูงรู้ดี เขาเองไม่เคยได้รับความยุติธรรม ทำไมแม่จึงอยู่กับพ่อแม้จะรู้ว่าพ่อไม่รัก ทำไมแม่จึงไม่ได้รับอนุญาตให้จากไป ทำไมเขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้รักเซฮุน ทำไมเขาจึงถูกพิพากษาว่าผิด เรื่องเล็กน้อยเท่านี้เอง แต่สะท้อนความล้มเหลว รอยด่างบนภาพอันสมบูรณ์แบบของมหานครแห่งความผาสุกสถาพร


              ดอกผลเกิดจากลำต้น ลำต้นเกิดจากราก ความอยุติธรรมย่อมมีที่มา แต่... จากอะไรกัน


              หรือมหานครอันสมบูรณ์แบบ สังคมที่มีแต่รอยยิ้ม ภายใต้การนำของมหาบุรุษผู้องอาจ ที่สืบทอดอำนาจจากปู่สู่พ่อ จากพ่อสู่ลูก... ไม่มีอยู่จริง


              “จับพวกเขา”


              เพราะไม่ว่าความยุติธรรมจะมีอยู่หรือไม่ อำนาจนั้นเป็นของจริง คำสั่งของมินโฮ หรือแม้พลเรือเอกซงจึงไร้ความหมาย เมื่อชายหมายเลขหนึ่งในประเทศชี้มาทางเขากับแบคฮยอน กระซิบอย่างโกรธจัด


              “ผมยืนยัน... จับพวกเขา”


              ทหารนายหนึ่งก้าวเข้าใกล้ ชานยอลก้าวถอยหลัง ชูปืนพกสูงขึ้น เขาไม่มีเจตนาจะทำร้ายใคร ไม่มี... กระทั่งการสะอื้นอย่างรุนแรงครั้งหนึ่งของอดีตผู้ติดตามทำให้เกิดเสียงเปรี้ยง! ทหารนายหนึ่งทำปืนลั่น แล้วความอลหม่านก็ปะทุขึ้น                                                 


              ร้อยโทปาร์คยิงสวน เล็งไปที่ไมโครโฟน ขาตั้งสีดำอันบอบบางราวกับขาของแมงมุมหักสะบั้น ไมโครโฟนที่เคยถูกใช้เพื่อทำลายเขาหล่นร่วง หายไปจากสายตา พ่อแผดเสียง ผลักนายทหารที่กำลังจะลั่นไก กระสุนจึงเปลี่ยนทิศทาง ถูกเพดานและทำให้ฝ้าส่วนหนึ่งตกกระแทกศีรษะของแร้งเฒ่า กระบอกปืนและดาบปลายปืนจำนวนหนึ่งจึงหันไปสู่พลเรือเอกปาร์ค กระสุนอีกนัดหนึ่งระเบิดขึ้นใกล้กับเขา มันแฉลบผ่านใบหน้าของชานยอลไป ทำให้เกิดความร้อนอย่างร้ายกาจและเลือดที่ไหลไม่หยุดจากใต้ดวงตา


              “ถอยไป! ” แบคฮยอนที่กำลังจนตรอกเหวี่ยงกำปั้นไปทางซ้ายที ทางขวาที “ถอยไป! อย่ายุ่งกับฉัน! อย่ายุ่งกับฉัน!


              ความเจ็บปวดน้อย ๆ ถือครองพื้นที่ส่วนหนึ่งในหัวใจของเขา อีกฝ่ายไม่เคยใช้คำว่าเราเหมือนอย่างที่เขาใช้


              “วิ่ง! วิ่ง! ไป! วิ่ง! วิ่ง!


              ร้อยโทปาร์คร้องลั่นเมื่อฝ้าเพดานอีกส่วนหนึ่งจวนเจียนจะถล่มลงมา และทำให้นายทหารกลุ่มใหญ่ชะงัก ชายหนุ่มร่างเล็กหันหลังกลับ วิ่งไม่คิดไม่ชีวิต ที่น่าชื่นใจแม้จะเพียงเล็กน้อยคือแบคฮยอนไม่ปล่อยมือจากเขา คนทั้งสองกระโจนลงบันไดครั้งละสามขั้น ชานยอลทรุดฮวบลงที่ชานพักหนึ่ง ส่งเสียงครวญครางและแตะที่บาดแผลเพื่อประเมินสถานการณ์ “เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” อดีตผู้ติดตามละล่ำละลักพูด “เจ็บมากหรือเปล่า”


              “ไป... ก่อน หนีไปก่อน”


              “ไม่ได้” แม้จะพูดอย่างนั้น แบคฮยอนกลับมีท่าทีสับสน ความเคียดแค้น จงชังอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่ชายหนุ่มร่างสูงได้รับเมื่ออีกคนหนึ่งถูกเขาข่มเหงอย่างถึงขนาดไม่มีอยู่แล้ว “ฉันจะ... จะทำอย่างนั้นได้ยังไง”


              ร้อยโทปาร์คหายใจถี่ “ทำไมจะไม่ได้”


              “ไม่รู้โว้ย!


              ชายหนุ่มร่างเล็กรีบร้อนฉีกชายเสื้อตัวในเพื่อใช้ห้ามเลือด ไม่ได้ผลนัก... เขารู้ก่อนที่อีกฝ่ายจะบอกเสียอีก ผ้าสีขาวกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว และแบคฮยอนก็กัดริมฝีปากราวกับจะให้มันฉีกขาดแทนที่บาดแผลของเขา


              “ฉันได้ยินเสียงฝีเท้า... ไป! พวกเขาไม่ทำอะไรฉันหรอก”


              “ไม่ทำอะไรเล่า ดูนี่เสียก่อน! ” ผู้ติดตามจอมปลอมชูผ้าด้านที่กลายเป็นสีแดงตลอดผืนขึ้น “พวกเขาไม่สนใจอะไรหรอก ที่มูซานท่ามกลางคนของพ่อน่ะใช่ นายคือคนที่จะมีรอยขีดข่วนไม่ได้ ที่บ้านก็ใช่ แต่ที่นี่ไม่ใช่ กับประธานาบดี คนที่ชี้เป็นชี้ตายใคร ๆ ได้ เขาสำคัญกว่านาย อย่างน้อยก็สำหรับคนที่ลั่นไก เข้าใจเสียที เสมอหน้าอะไรกัน ทุกคนคือสหาย ทุกชีวิตทัดเทียม สังคมที่ปราศจากชนชั้นเรอะ เฮอะ! ตื่นเสียที ชานยอล!


              ร้อยโทปาร์คไม่ได้ขัดเลย ตลอดประโยคอันยืดยาวนั้น คำพูดของชายหนุ่มร่างเล็กที่แต่ก่อนคงจะเป็นคำผรุสวาทสำหรับเขา กลายเป็นข้อเท็จจริงที่ชวนขบคิดในชั่วเวลาไม่กี่นาที


              “ทุกชีวิต... ทัดเทียม”


              “ก็คงจะทัดเทียม แค่บางคน... บางกลุ่มทัดเทียมกว่าใคร ๆ เขาหน่อย” แบคฮยอนพึมพำ “เลือดกำลังจะหยุดไหล”


              “ฉัน... มองไม่เห็น”


              ไม่เห็นอะไรนั้น เขาตอบไม่ได้ การเสียเลือดมากและอาการบาดเจ็บที่ใกล้ดวงตาทำให้ทัศนวิสัยพร่าเลือนก็ใช่ ไม่เห็นว่าจะหาคำตอบในคำพูดของอีกฝ่ายได้ในเร็ว ๆ นี้ก็ใช่ และไม่เห็นความผาสุกสถาพรที่คุ้นเคยอีกแล้ว... ก็ใช่


              เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากสามทาง บันไดที่เขากับชายหนุ่มร่างเล็กกระเสือกกระสนลงมา รวมถึงปีกซ้าย และปีกขวาของอาคาร ในกี่ไม่อึดใจ พวกเขาจะถูกล้อมด้วยนายทหารที่กระเหี้ยนกระหือรือ รวมถึงปากกระบอกปืนและดาบปลายปืนนับสิบหรือนับร้อย


              “ฟังนะ” ชานยอลกัดฟันพลาง พูดพลาง “กอดฉัน”


              อีกฝ่ายผงะ “ไม่มีทาง!


              “กอดฉันเดี๋ยวนี้ แบคฮยอน อยากตายหรือไง!


              ดังนั้น ศีรษะของอดีตผู้ติดตามจึงตกลงที่ไหปลาร้าของเขา พร้อมกับที่แขนทั้งสองรัดรอบเอวของร้อยโทปาร์ค ชายหนุ่มร่างสูงเอี้ยวตัว หยิบปืนและยิงที่กระจกหน้าต่างสูงสิบฟุตด้านหลัง ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นพร้อมกับเสียงโหวกเหวก นายทหารกลุ่มแรกมาถึงแล้ว การดันทุรังลงบันไดต่อไปไม่มีประโยชน์


              “อย่าลืมตา”


              เสียงเปรี้ยง! ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงตะโกน ขณะที่ชานยอลโถมตัวเข้าใส่กระจกหน้าต่างซึ่งแตกร้าว ทะลุผ่านไปยังอากาศที่ว่างเปล่า เขากับแบคฮยอนลอยละลิ่ว ร่วงหล่นจากความสูงหลายสิบเมตรโดยไร้เครื่องป้องกัน


              ชายหนุ่มร่างเล็กกรีดร้อง ขณะที่ร้อยโทปาร์คแผดเสียง ป่ายมือไปยังผนังอาคารด้านที่จำได้ว่ามีธงประดับทิ้งตัวลงมาจากชั้นสูงสุดเกือบจรดพื้นดิน และเอื้อมถึงธงประดับผืนหนึ่งในวินาทีที่คิดว่าสมองจะแหลกแหลวด้วยการตกกระแทกแน่แล้ว ความเร็วในการตกลดลงอย่างกะทันหัน แบคฮยอนอ้าปากสะอื้น คนทั้งสองหมุนไปรอบ ๆ ธงประดับพร้อมกับกระสุนนับร้อยนัดจากด้านบนอาคาร ก่อนที่กระสุนนัดหนึ่งจะทำให้ธงประดับขาด มันจึงทิ้งตัวสู่พื้นเบื้องล่างจากชั้นสาม พาพวกเขาไปด้วย


              “งอเข่า! ปลายเท้าชิด! ใช้ปลายเท้าสัมผัสพื้น! ” ชายหนุ่มร่างสูงร้องลั่นเป็นครั้งสุดท้าย “ทำตามที่ฉันพูด แบคฮยอน!


              การตกกระแทกมาถึงเร็วกว่าที่เขาคาดไว้ ร้อยโทปาร์คกับอดีตผู้ติดตามกระเด็นกระดอน ชานยอลหมุนตัว พยายามให้จุดตกกระทบเป็นด้านข้างของร่างกายมากกว่าด้านหลังหรือหน้าอก เมื่อทั้งเขาและแบคฮยอนหยุดนิ่งในที่สุด ร้อยโทปาร์คจึงยืนขึ้นอย่างรีบร้อน “เร็วเข้า เรากำลังจะกลายเป็นเป้านิ่ง”


              ชายหนุ่มร่างเล็กยืนขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาคว้าข้อมือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายแล้วออกวิ่ง “ไหน... ” แบคฮยอนหอบหายใจ “รถ... ”


              “ไม่ได้ ไกลเกินไป”


              “แล้วจะ... ” อีกคนหนึ่งถามอย่างตื่น ๆ “วิ่ง... หรือไง”


              “อย่าพูดอะไรบ้า ๆ นะ ทางนี้!


              ชานยอลถลันไปยังมุมหนึ่งของจัตุรัสพร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้า ทหารม้าหลายนายสบตากันอย่างตื่นตระหนก เขายิงอีกครั้ง ชี้ปลายกระบอกปืนไปยังทหารม้านายที่อยู่ใกล้ที่สุด นายทหารผู้เคราะห์ร้ายจึงส่งบังเหียนให้ ชายหนุ่มร่างสูงกระโจนสู่หลังม้าสีดำตัวใหญ่ ก่อนจะพาแบคฮยอนขึ้นไปและให้ซ้อนอยู่ด้านหน้า


              “อย่าขวางทางผม”


              ไม่ว่าจะด้วยดวงตา หรือบาดแผลบนใบหน้าของเขา ทหารม้าเหล่านั้นหลีกทางให้อย่างหวาด ๆ ร้อยโทปาร์คกระตุกบังเหียน ขณะที่อดีตผู้ติดตามกอดคอม้า หลับตาปี๋ พวกเขาจากจัตุรัสนั้นไปด้วยความเร็วสูงสุด โจนผ่านด้านหน้าของรถหุ้มเกราะสามคันที่ต้องเบรกอย่างกะทันหันและทำให้ฝูงชนแตกฮือ


              “เราจะไปที่ไหน” แบคฮยอนถามท่ามกลางเสียงลมหวีดหวิว


              “ที่เดียวที่พอจะคุ้มกะลาหัว” ชานยอลตอบอย่างอับจนถ้อยคำ “อดทนไว้ล่ะ ฉันบอกนายได้เท่านี้”

     






              ที่บอกให้อดทน เพราะอย่างนี้นี่เอง


                เขาคิดขณะส่งยิ้มอย่างไม่จริงใจให้พลเรือเอกปาร์คซึ่งยืนเอามือไพล่หลัง นิ่วหน้าทั้งร่างกายสั่นเทิ้ม “หมายความว่ายังไง ชานยอล! ” มินกูตะคอก “พามาที่นี่ทำไม!


              “แบคฮยอนจะปลอดภัย”


              “ไม่ใช่เรื่องของแก!


              “เผื่อว่าพ่อจะลืมไปแล้ว” อดีตผู้บังคับบัญชาโต้ “แบคฮยอนเป็น... ”


              “เมียของแก เออ!


                อะไรนะ! แบคฮยอนโพล่งออกไป “อะไรของนาย... นายบอก... ”


              “บอกฉัน ไอ้ลูกไม่รักดี บอกฉัน ตะโกนใส่หน้าฉัน พอใจหรือยัง บยอนแบคฮยอน!


              “พอใจอะไร ที่ตกล่องปล่องชิ้นกับลูกชายคนเดียวของสิ่งมีชีวิตที่สกปรกที่สุดน่ะเรอะ ไม่มีทาง!


              “แบคฮยอน! ” ร้อยโทปาร์คปราม “นายจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่ รู้เท่านี้ก็พอแล้ว”


              “หน้าตา ท่าทาง เหมือนพ่อไม่มีผิด” พ่อของชานยอลพูดเสียงขึ้นจมูก “ก็ล้มหายตายจากไปหลายปี ไม่คิดว่าผีของคงซูจะปรากฏตัวขึ้นในบ้านของฉัน”


              “พ่อรู้จักพ่อของแบคฮยอนด้วยหรือไง”


              พลเรือเอกปาร์คหันไปหาชายหนุ่มร่างสูงอย่างหงุดหงิด “แน่ล่ะ... หัวหน้าคนงานในเหมืองเหล็ก ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไง ลืมสี่ซ้าห้าวันในมูซานของตัวเองแล้วหรือไง”


              “ช่าย หัวหน้าคนงานในเหมืองเหล็ก บยอนคงซู” แบคฮยอนพูดเสียงเย็น “เขาตาย... ในอุบัติเหตุเหมืองถล่มเมื่อแปดปีก่อน แปลกดีนะ ว่าไหม ไม่มีใครระเบิดหินเมื่อมีคนงานอยู่ในเหมืองหรอก และพ่อก็มีอำนาจสั่งการ อยู่เหนือใคร ๆ ในเหมืองเหล็ก หมายความว่ายังไง... คนที่จะบิดเบือนคำสั่ง ยกเลิกคำสั่งของเขาได้ ต้องมีอำนาจสั่งการมากกว่าหัวหน้าคนงานกระจอก ๆ ใช่ไหมล่ะ!


              “เรอะ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”


              “รู้ดีกว่านั้นแน่ ๆ ล่ะ ปาร์คมินกู” ชายหนุ่มร่างเล็กคำราม “รู้ดี... พอ ๆ กับแร้งเฒ่า ที่สืบสาวราวเรื่องและรู้จนได้ รู้อะไร... มากกว่านั้น”


              คราวนี้พลเรือเอกเขี้ยวลากดินหมดความอดทน ปลายกระบอกปืนพกของมินกูหันมาสู่เขาอย่างมุ่งร้าย “หุบปาก!


              “พ่อ... ใจเย็น ๆ แบคฮยอน... เมื่อกี้หมายความว่ายังไง”


              แต่เสียงที่รักษาชีวิตของเขาไว้ กลับเป็นเสียงเล็ก ๆ ตื่น ๆ ของหญิงวัยกลางคน “คุณคะ ฉันขอร้อง อย่าให้เลือดตกยางออกในบ้านของเราเลย”


              แบคฮยอนหันไปหาเจ้าของเสียงซึ่งเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง แก้มตอบ และมีผมสีเทาเหมือนขนหนู ดวงตาเล็ก ๆ มีน้ำตารื้นอยู่แทบจะตลอดเวลา “ฉันรู้แล้วค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น” เธอพูดต่อ “ฉันจะพาเขาไปซ่อน จะไม่ให้ใครเห็นเขา คุณกับชานยอลจะได้หารือกัน นะคะ... ให้ฉันพาเขาออกไป”   


              “แม่พูดถูกนะพ่อ”


              อ้อ... นั่นแม่ของเขาเรอะ


                ต่างจากแม่บุญธรรมของเขาอย่างสิ้นเชิง แม่ของชานยอลผ่ายผอมพอ ๆ กับคนจำนวนมากในมูซาน เบ้าตาลึก ท่าทางหวาดกลัวและไม่มีความสุข นอกจากชุดฮันบกที่ดูมีราคา กับสร้อยไข่มุกวาววับแล้ว ไม่มีอะไรบนร่างกายซึ่งดูราวกับกิ่งไม้นั้นที่พอจะบอกได้เลย ว่าเธอเป็นภรรยาของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในเปียงยาง


              “ฉันก็ไม่อยากให้พื้นเปื้อนเหมือนกัน” พลเรือเอกปาร์คว่าอย่างเหยียดหยาม “พาไปเสีย”


              ดังนั้น แม่ของชานยอลจึงรี่เข้ามาจับที่ต้นแขนของเขาด้วยมือที่เล็กอย่างเหลือเชื่อ และมีแต่หนังหุ้มกระดูกอย่างน่าเวทนา เธอดูน่าสงสารเสียจนแม้จะเป็นแม่ของคนที่แบคฮยอนตั้งใจจะจงชังอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มร่างเล็กก็ไม่อาจออกแรงสะบัดให้หลุดหรือผลักไสได้ เขาไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับคนที่ดูเปราะบางอย่างยิ่งอย่างนี้


              “มาทางนี้” เธอกระซิบ “บาดเจ็บหรือเปล่า”


              “ไม่... ” อดีตผู้ติดตามตอบห้วน ๆ ก่อนจะเสริมว่า “ไม่ครับ”


              อีกคนหนึ่งถอนหายใจ “ดีแล้วล่ะ โลกของผู้ชาย... มีแต่ความวุ่นวาย ป่าเถื่อน” เธอพาเขามาถึงบันไดเวียนขนาดใหญ่ซึ่งทอดสู่ชั้นสองและชั้นสามของบ้านแล้วเมื่อถามว่า “หิวหรือเปล่า”


              “ไม่ อันที่จริง... หิวครับ”


              “ชอบอะไร ซุปหัวหอมกับบาแก็ตได้ไหม ชานยอลชอบอย่างนั้น”


              แบคฮยอนขมวดคิ้ว อย่างนี้นี่เอง... มื้อค่ำหรืออาหารว่างของร้อยโทปาร์คจึงมักจะเป็นซุปหัวหอมกับบาแก็ต เขาประหลาดใจมาโดยตลอดระหว่างที่อาศัยอยู่ร่วมชายคากับอดีตผู้บังคับบัญชา ทำไมหนอ... สุนัขรับใช้จอมเผด็จการที่ต่อต้านวัฒนธรรมตะวันตก จึงกระเดือกอาหารของคนขายชาติลงคอ


              “ไม่ขัดต่ออุดมการณ์ของใครหรือครับ”


              คราวนี้เธอหัวเราะเสียงแห้ง “อ้อ... นั่นสินะ เธอคงสงสัย” แม่ของชานยอลพยักหน้า “ฉันไม่รู้หรอกว่าอุดมการณ์คืออะไร คนขายชาติ ทุนนิยม อย่างที่เขาพูดกันปาว ๆ คืออะไร โลกของสามี โลกของพ่อของฉัน โลกของชานยอล โลกที่อลหม่านและป่าเถื่อนอย่างนั้น ฉันไม่เข้าใจหรอก”


              ชายหนุ่มร่างเล็กเงียบไป “แต่ว่า... คุณเป็นภรรยาของ... ”


              “ใช่ เธอพูดถูก แต่ว่านะ... บยอนแบคฮยอนใช่ไหม” เมื่อแบคฮยอนพยักหน้า เธอก็ตอบว่า “ในความเป็นแม่ ไม่มีประเทศ ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีประธานาธิบดี ชานยอลชอบมัน ลูกชายคนเดียว ดื่มน้ำซุปและเคี้ยวบาแก็ตอย่างเอร็ดอร่อย ฉันรู้เท่านั้น เธอจะเข้าใจเมื่อวันหนึ่งเป็นพ่อ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของลูกอีกแล้ว ไม่มี... ”


              เขาจึงเงียบไป และยังคงไม่ส่งเสียงอยู่อย่างนั้น แม้เมื่ออยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ปิดสนิท พร้อมกับถาดอาหารซึ่งประกอบด้วยซุปหัวหอมร้อน ๆ บาแก็ตชิ้นใหญ่ กับนมแพะแล้วก็ตาม


              เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มร่างเล็กตั้งคำถาม ครอบครัวปาร์คน่ารังเกียจจริง ๆ หรือ... เหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอย่างสุขสบาย ชนชั้นสูง... ผู้หญิงในชุดฮันบกมีราคา สวมสร้อยไข่มุกเส้นเขื่อง น่าชิงชังจริง ๆ หรือเปล่า


              แม่... ไม่ว่าจะที่ไหนก็เหมือนกัน ผ่ายผอมหรืออ้วนท้วน กล้าหาญหรือตาขาว ความสุขของลูกคือหางเสือที่กำหนดการกระทำ เธอจะหันปากประบอกปืนสู่สามี หรือแม้แต่ประธานาธิบดีก็ได้เพื่อปกป้องร้อยโทปาร์ค แบคฮยอนเชื่ออย่างนั้น อาหารของชาวตะวันตก ย่อมได้มาจากการติดต่อกับชาวตะวันตก แม่ของชานยอลเป็นขบถต่ออุดมการณ์แห่งรัฐ แม้จะเป็นขบถในระดับที่เล็กที่สุด ทั้งหมดนี้เพื่อรอยยิ้มของลูกชาย


              ในความเป็นแม่ ไม่มีประเทศ ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีประธานาธิบดี


              เป็นครั้งแรกที่เสียงนั้นดังขึ้นในหัวใจอันชืดชาของเขา... บางที ในความเป็นมนุษย์ก็เช่นกัน





                เวลาผ่านไปยิ่งกว่าเชื่องช้า เขาไม่ได้รับอนุญาตให้พบแบคฮยอน เช่นเดียวกับอีกฝ่าย บ้านเดิมของร้อยโทปาร์คมีขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังปัจจุบันมาก จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ชานยอลกับอดีตผู้ติดตามจะเผอิญสวนกันบนระเบียง หรือพบกันที่โต๊ะอาหาร ชายหนุ่มร่างสูงกลับไปอาศัยในห้องเดิม ใกล้กับห้องของพ่อและแม่ แปลกใจที่ห้องนั้นยังสะอาดสะอ้าน เครื่องเรือนทุกชิ้น หนังสือทุกเล่ม ยุทโธปกรณ์ขนาดจิ๋วทำจากเรซิ่น อยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ผิดเพี้ยน


              ก่อนจากบ้านไปเมื่อสี่ปีก่อน เขามีปากเสียงกับพ่อขณะชื่นชมเครื่องแบบฤดูหนาวของนายทหารชั้นสัญญาบัตรแห่งสหภาพโซเวียต จนเดี๋ยวนี้ หนังสือสารานุกรมภาพเครื่องแบบในสงครามโลกครั้งที่สอง ยังแผ่หลาบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีซึ่งมีคำว่า ปาร์คชานยอล เก่งกาจ สลักไว้อย่างหยาบ ๆ ด้วยวงเวียน ร้อยโทปาร์คแตะปลายนิ้วลงอย่างนุ่มนวลบนหน้ากระดาษซึ่งส่งเสียงกรอบแกรบ เครื่องแบบฤดูหนาวที่เขาเคยชื่นชมมีสีซีดจางด้วยแสงแดดและกาลเวลา แต่ความทรงจำในวันวานกลับแจ่มชัด


              “เซฮุนชอบมัน” เขาชี้ไปที่หมวกขนแกะสีเทาทรงสูง แม่พยักหน้าแม้จะไม่เข้าใจ “แต่... หัวของเขาเล็กเกินไป ไม่เหมาะกับมันหรอก แม่ว่าอย่างนั้นไหม”


              “โอเซฮุน โอเซฮุน โอเซฮุน” พ่อคำรามขึ้นที่ประตูห้อง “ร้องหาคนที่แทงข้างหลังไม่เว้นวัน แกมันโง่”


              ชานยอลไม่ตอบ ดังนั้นพลเรือเอกปาร์คจึงย่างสามขุมตรงมา


              “อ้อ แกต่างหากที่ แทงข้างหลัง อย่างนั้นใช่ไหม ลูกรัก”


                “คุณคะ!


                เขาหันกลับไปพร้อมกับมีดโกนและแผดเสียง“พ่อไม่มีวันรู้ ไม่มีวันเข้าใจ!จากนั้น...


              “ชานยอล!


              ชายหนุ่มร่างสูงตื่นจากภวังค์ พบว่ากำลังกำด้ามมีดโกนแน่น ประจันหน้ากับตัวเองซึ่งมีครีมโกนหนวดเปรอะคางในกระจกเหนืออ่างล้างหน้า ประตูห้องน้ำเปิดอยู่ และตอนนี้ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออกด้วยแม่ผู้กระวนกระวาย


              “กลัวว่า... ” หญิงวัยกลางคนอึกอัก “ลูกจะทำอะไร... บ้า ๆ ”        


              “ไม่มีทาง” ชานยอลถอนหายใจ “ผมจะไม่ทำอีก”


              วันนั้น ความเดือดดาลทำให้ร้อยโทปาร์ค หรือขณะนั้นคือร้อยตรีปาร์ค จรดใบมีดโกนกับลำคอ พ่อสำลักลมหายใจ ขณะที่แม่กรีดร้อง “อย่านะ! ” มือที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกกำรอบอาวุธนั้น รวดเร็วด้วยสันชาตญาณ มันบาดฝ่ามือของหญิงวัยกลางคนเป็นแผลลึก ก่อนชานยอลจะหุนหันจากบ้านไปในไม่กี่นาทีให้หลัง


              “แบคฮยอนอยู่ที่ไหน” เขาถามขณะล้างครีมโกนหนวดจากคาง “ได้โปรด... แม่ บอกผม”


              “ไม่ได้หรอก ลูกไม่ควรพบเขา”


              ชานยอลพ้อ “ไม่ยักรู้ว่าแม่เห็นด้วยกับพ่อ”


              “เปล่า” อีกฝ่ายตอบอย่างหนักแน่น “พ่อไม่พอใจมาก และจะยิ่งไม่พอใจ ถ้าลูกพบกับแบคฮยอนระหว่างที่อะไร ๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง” แม่ถอนหายใจอีกหน่อยหนึ่ง “ระหว่างพ่อกับลูก ระหว่างลูกกับแบคฮยอนจะยิ่งเลวร้าย ไม่ต้องห่วง เขามีสุขภาพดี แม่... ทนไม่ได้ ต้องขุนเขาหน่อย ดูเถอะ ผอมอย่างกับอะไร”


              ร้อยโทปาร์คแค่นหัวเราะ “แม่ไม่โกรธเขาหรือไง”


              “โกรธ... โกรธอะไร ไม่มีเหตุผลเลย”


              “แม่ก็รู้” ชายหนุ่มร่างสูงไม่กล้าสบตาผู้ให้กำเนิด เมื่ออีกฝ่ายซับน้ำจากใบหน้าของเขาด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กอย่างเบามือ “สามวันที่แล้ว เมื่อผมพาแบคฮยอนมาที่นี่ แม่ว่า... แม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”


              แม่หันหลังให้ ก้าวช้า ๆ กลับไปที่โต๊ะไม้มะฮอกกานี สัมผัสรอยขรุขระ ปาร์คชานยอล เก่งกาจ อย่างใจลอย “แบคฮยอนบอกความจริงที่พ่อและลูกปฏิเสธต่อสาธารณชน บอกด้วยท่าทีตื่นกลัว ถูกพลเรือเอกซงกระตุ้น ถูกพ่อของลูกและพลเอกชเวขู่อาฆาต จับพลัดจับผลูต้องหลบหนี และลูกตัดสินใจช่วยเหลือเขา”


              “แม่... รับได้ใช่ไหม”


              หญิงวัยกลางคนตอบคำถามด้วยประโยคบอกเล่า “ลูกรักเขา”


              “รัก... ใคร อะไร”


              “ลูกรักแบคฮยอน” แม่ย้ำ “โดยไม่แยแสว่าเขาเป็นใคร ทำอะไรลงไป หรือกำลังจะทำอะไร ลูกเจ็บปวดที่ทำให้เขาเจ็บปวด และลูกยินดีให้แบคฮยอนเกลียด มากกว่าให้เขาเผชิญสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นว่าเลวร้าย


              “ผม... ” ชานยอลทวนราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ทำให้เขาเจ็บปวด”


              “แบคฮยอนเดินกะเผลก” อีกฝ่ายพูดเท่านั้น


              “แม่” ภายในลำคอของร้อยโทปาร์คขมปร่า “โกรธผมหรือเปล่า กับเซฮุนก็หนหนึ่งแล้ว ยังจะ... ” ชายหนุ่มร่างสูงเบือนหน้าหนี ดวงตาของผู้ให้กำเนิดทำให้หัวใจของเขาถูกบีบรัดด้วยมือที่มองไม่เห็น และมือนั้นทำให้ชานยอลหายใจไม่ออก “ระหว่างผมกับเขาไม่ถูกต้อง และแบคฮยอนกับพ่อยังมีความลับที่ผมไม่รู้... หายนะชัด ๆ ด้วยมือของผมเอง”


              มือของแม่แตะลงที่แก้มของเขาอย่างอ่อนโยน “อะไรที่ว่าไม่ถูกต้อง” หญิงวัยกลางคนถาม “ทุกสิ่งมีราคาต้องจ่าย ไม่ว่าพ่อของลูกเคยทำหรือกำลังจะทำอะไร เขาเองต้องรับผลที่ติดตามมา ลูกไม่จำเป็นต้องรับน้ำหนักของสิ่งที่ไม่ได้ก่อ”  แม่ให้เหตุผล “ความรักที่แท้จริงจะทำให้ลูกมีความสุข แม่ดีใจมากกว่า ที่ลูกชายคนเดียวยังไม่สูญเสียหัวใจของตัวเองไป อ่อนโยนต่อตัวเองเท่ากับที่อ่อนโยนต่อคนรอบข้าง ชานยอล คือสิ่งเดียวที่แม่ต้องการจากลูก”


              “ความรักที่แท้จริง... อะไรกัน” ร้อยโทปาร์คพูดเสียงขึ้นจมูก “ผมทำร้าย... ”


              แม่ขัด “ลูกอ่อนโยน แต่ถูกทำให้เชื่อว่าความอ่อนโยนคือเนื้อร้าย คือความอ่อนแอ ยิ่งปฏิเสธธรรมชาติของตัวเอง ชานยอลของแม่ยิ่งเจ็บปวด ใช่ไหม หือ... ”


              “ผมไม่รู้... ไม่รู้จริง ๆ ว่ารักเขาหรือเปล่า”


              “เวลาจะให้คำตอบ” ผู้ให้กำเนิดสวมกอดเขา “ลูกคือความสุขหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของแม่เมื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ เพราะฉะนั้น แม่อยากให้ลูกมีความสุขนะ ชานยอล”


              หัวใจของชายหนุ่มร่างสูงสงบลงขณะกอดตอบอีกฝ่าย ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน สิ่งที่ทรงคุณค่าเหนือกว่าคำแนะนำอันชาญฉลาดจากผู้รู้คือกำลังใจจากผู้คนที่รัก ซึ่งจะปลุกเร้าให้ผู้ที่ล้มเข้มแข็ง เพียงพอจะฟันฝ่าอุปสรรคและเติบใหญ่ในที่สุด ความรักจึงเป็นอารมณ์ที่ลึกซึ้งและทรงพลังอย่างยิ่ง แม้สำหรับร้อยโทปาร์ค ผู้ไม่เชื่อถือในความรัก ไม่คาดคิดว่าจะรัก หรือถูกรักได้ก็ตาม


              “ฉันก็อยากให้แกมีความสุขเหมือนกัน”


              หญิงวัยกลางคนสะดุ้งสุดตัว เงาอันสูงใหญ่ของมินกูทอดยาวจากธรณีประตูสู่โต๊ะไม้มะฮอกกานี เช่นเดียวกับในวันวาน “คุณคะ ฉันไม่ได้... ” แม่กระซิบ เพียงแต่พ่อโบกมือ


              “และความสุขของฉัน จะไม่ทำให้แกสูญเสียความสุขอื่น ๆ ในชีวิต”


              “พ่อต้องการอะไร” ชานยอลว่าเสียงเย็น “ผมไม่ใช่พลเรือเอกเขี้ยวลากดิน ปาร์คชานยอลเล่นลิ้นไม่เป็น”


              “ความสุขของผู้ชาย... ลูกผู้ชาย”


              เขาควรจะรู้ว่าพ่อไม่มีหัวใจ หรือเคยมี... แต่ได้สูญเสียหัวใจนั้นไปแล้วในอดีตอันไกลโพ้น พลเรือเอกปาร์คผายมือไปยังหญิงสาวสวยสด ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ซึ่งนำไปสู่ความสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า หน้าอกได้รูปนั้นเต่งตึง สะโพกกว้าง เป็นแม่พันธุ์ที่พึงปรารถนาอย่างไม่ต้องสงสัย


              “อีกคนหนึ่งถูกส่งไปพบเด็กเหลือขอ” พ่อทำราวกับชื่อของแบคฮยอนเป็นของมีคมที่อาจบาดลิ้นได้ทุกเมื่อ “ฉันจะถอนรากถอนโคน กำจัดปัญหาที่ต้นเหตุ จะได้ตื่นจากฝันร้ายนี้เสียที”


              “พ่อจะ พ่อจะ พ่อจะ แล้วผมล่ะ! ” ชานยอลตะโกน ขณะที่แม่ถูกพาถูลู่ถูกังไปอีกทางหนึ่งโดยสามี “ผมเป็นอะไรสำหรับพ่อ”


              แต่พลเรือเอกเขี้ยวลากดินกลับตอบอย่างไม่ลังเลเลย “เลือดและเนื้อของฉัน” มินกูว่า ก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาว “อย่าออกจากห้องนี้จนกว่าฉันจะได้รับคำยืนยันว่า เขามีความสุข


              “ผมไม่ยอมหรอก!


              “อ้อ... ยอมซี่” พ่อบอกอย่างใจเย็น “คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมัน ถ้าแกยังดีดดิ้น ไม่เชื่อฟังฉัน ทำไม... หยาดฟ้ามาดินอย่างนี้ ไม่ถึงใจหรือไง”


              ไม่จำเป็นต้องบอก ร้อยโทปาร์คก็รู้ว่า มัน ที่ว่าหมายถึงใคร “เลิกยุ่งกับผม กับแบคฮยอนเสียทีพ่อ!


              “ฉันทำอย่างนั้นแน่ ชานยอล แต่หลังจากที่ปัญหาของแกและฝันร้ายของฉันถูกกำจัดแล้ว”


              แสงสว่างจากประตูริบหรี่ลงทุกขณะ ชายหนุ่มร่างสูงคำราม ทำลายสิ่งที่อยู่ใกล้มือท่ามกลางความหวาดผวาของหญิงสาว ได้ยินเสียงสะอื้นค่อย ๆ ของผู้ให้กำเนิด กระทั่งเมื่อประตูปิดลง ก่อนจะได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋งของกุญแจ ชานยอลกลับได้ยินอีกเสียงหนึ่ง เร่งร้อนกว่า และอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าด้วย


              “ท่านครับ” คยองซูละล่ำละลัก “เรา... ถูกฟ้อง”


              “อะไร หมายความว่ายังไง”


              “พลเอกชเวดูฮวาน” ต้นห้องของเขาบอกอย่างหวาด ๆ “ร้อยโทปาร์คชานยอลและผู้ติดตามตกเป็นจำเลยร่วม ฐานหมิ่นประมาทและขัดขวางเจ้าพนักงาน หมายศาลจะมาถึงในห้านาที ที่สำคัญ... ”


              “ที่สำคัญอะไร” คราวนี้เป็นเสียงของแม่


              “พลเรือเอกซงซอนบีและร้อยตรีซงมินโฮเสนอความช่วยเหลือ พวกเขาจะเป็นผู้ว่าความ หรือจัดหาผู้ว่าความให้ และ... ”


              เห็นได้ชัดว่าคยองซูไม่ต้องการพูดประโยคนั้น


              “ได้ยินว่า ร้อยตรีโอเซฮุนจะเป็นหนึ่งในพยานของเรา”


              เข่าของร้อยโทปาร์คสั่น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบตัวเองบนพื้นห้อง ริมฝีปากชา และแขนก็หนักอึ้ง น้ำลายปรากฏขึ้นที่มุมปากเป็นฟอง หญิงสาวกรีดร้องขึ้นว่า “เขากำลังชัก! เขากำลังชัก!


              กำลังใจจากแม่ไม่เพียงพอต่อกรสิ่งที่เผชิญ ชานยอลต้องการอีก โดยเฉพาะจากใครคนหนึ่ง คนที่อย่าว่าแต่ส่งมอบกำลังใจเลย กระทั่งส่งยิ้มให้เขา ชายหนุ่มร่างสูงก็เชื่อว่ายากเย็น


              ร้อยโทปาร์คอ้าปาก ยังไม่ทันที่ชื่อนั้นจะหลุดร่วง สติสัมปชัญญะของเขาก็กลับถูกพัดพาไปในความโกลาหล







    #ฟิคเปียงยาง 

    เพราะอย่างนี้ ร้อยโทปาร์คถึงรักแม่มากค่ะ =)

    แต่ก็ไม่อยากให้มองว่าคุณพ่อคือผู้ร้ายสมบูรณ์แบบเนอะ เรายังมีเวลาทำความรู้จักปาร์คมินกูอยู่




    (พื้นที่ให้เครดิต)

    ประโยค "เท่าเทียมกัน แต่มีบางกลุ่มเท่าเทียมกว่ากลุ่มอื่น ๆ "

    เราเอามาจากเรื่อง animal farm ของคุณจอร์จ ออร์เวลล์ค่ะ ซึ่งจริง ๆ คงต้องให้เครดิตกันอีกหลายหน 

    เพราะเรื่อง animal farm กับ 1984 ของเขา เราใช้เป็นวัตุดิบในการเขียนเรื่องนี้เยอะอยู่


    อีกอย่างคือกลอนของร้อยโทปาร์ค ไอ้สามอย่างที่มนุษย์ยอมศิโรราบอะไรนั่น

    ทหารเกาหลีเหนือเขาไม่ได้ท่องกันจริง ๆ หรอกน้า 555

    เป็นบทกลอนของยักษ์ในตะเกียง จากหนังเรื่อง the thief of bagdad ค่า




    เป็นหนังเก่าพอสมควร ไม่พอสมควรอ่ะ เก่ามาก 555 สนุกนะก๊ะ ดูเพลิน ๆ ได้

    ขอแสดงความขอบคุณมา ณ โอกาสนี้นะคะ =)















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×