คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ตอนที่ 1
บทที่ 1
ภาพของท่าอากาศยานลอนดอนอันพลุกพล่านด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติสะท้อนอยู่ในแก้วตาสีเขียวสดใส แต่มันอลหม่านไปด้วยความรู้สึกซึ่งตัวเธอเองก็ไม่สามารถจะระบุได้ว่าเป็นความตื่นตระหนก งุนงง หรือว่าหม่นหมองกันแน่
พี่ชายฝาแฝดบอก ขอร้อง หรือที่ถูกต้องคือสั่งให้เธอไปจากลอนดอนโดยเร็วที่สุดเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว แน่นอนว่าเธอถาม --
“พี่จะให้ฉันไปไหน”
และเขาตอบอย่างรวดเร็วว่า
“ต้องเป็นที่ที่เงินของเขาตามไปไม่ถึง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ในลอนดอน” เธอพูด
“หรือไม่ใช่ในอังกฤษ...” เขาพยักหน้า
“เอเรล รอนานไหม”
เธอกำลังจะหันกลับไปมองตอนที่กระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบถูกยื่นมาแนบที่ใบหน้าอย่างรวดเร็วจนสะดุ้งตกใจ
“ไม่หรอก” เอเรอาญ์ตอบ เธอไม่ถูกชะตากับน้ำอัดลมไร้น้ำตาลนัก แต่ก็ดื่มมัน “แค่ฉันนึกว่าพี่อาจจะถูกจับเรียกค่าไถ่ไปแล้ว หรืออะไรเทือกนั้น”
อาเธอร์หัวเราะ หลังจากนั้นก็เอื้อมมือมาขยี้แรง ๆ บนผมของเธอ “เธอกลับมาร่าเริงแล้วใช่ไหม”
“เก็บพวกบุคลิกหมกมุ่น คิดโน่นคิดนี่ให้คุณหมอหมาด ๆ ดีกว่า”
“สาบานได้ว่าเธอจะไม่มีทางเห็นของพวกนั้นจากฉัน”
“ฉันล่ะสงสารคนไข้ของพี่จริง ๆ -- ” เธอดื่มน้ำอัดลมเข้าไปอึกใหญ่ พยายามกลืนความรู้สึกหดหู่ตามลงไปด้วย เพียงแต่มันไม่ได้ผล “แล้วก็สงสารตัวเอง... ที่คงไม่มีโอกาสได้เห็นพี่รักษาใครอีกแล้วด้วย”
“ถ้าเป็นที่เอเธนส์”
“เอเธนส์หรือ... ”
เธอเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาแล้วล่ะ”
“เอเรล ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอไปเลยนะ... ”
“ฉันเข้าใจ” เธอพูดเสียงราบเรียบ แต่กลับฟังดูเศร้าหมองจนหมดความน่าเชื่อถือ “พี่หวังดีต่อฉันเสมอ”
อาเธอร์ไม่พูดอะไรสักคำ และเธอเองก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกต่อไป เหมือนกลัวว่าคำพูดแต่ละคำจะทำลายเวลาแต่ละวินาทีอันน้อยนิดระหว่างตนเองและฝาแฝด ไม่นานนัก อาเธอร์ก็ถอนหายใจและนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“เอเรล... ” เขาพูดช้า ๆ “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องรอนานแน่ ๆ -- สักวันฉันจะดูแลเธอกับแม่เอง ด้วยตัวของฉันเอง และเงินของฉันเองด้วย คอยดูสิ”
“ฉันรู้”
“ฉันสัญญา” เขาย้ำ
“ฉันรู้อยู่แล้ว”
แล้วโลกก็เงียบงัน จนกระทั่งตัวเธอเองที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ -- อ้างว้างเหมือนเด็กหญิงตัวน้อย ๆ
“แต่... พี่ไปกับฉันไม่ได้หรือ”
อาเธอร์โอบรอบตัวเธออย่างอ่อนโยนที่สุด “เธอก็รู้ว่าเราทิ้งแม่ไว้คนเดียวไม่ได้”
“แต่ฉันกลัวเหลือเกิน -- ”
“ฉันก็กลัว เอเรล” อ้อมแขนของอาเธอร์แนบแน่นขึ้น “เราไม่ควรต้องแยกจากกันแบบนี้เลยสักนิด”
“อย่ามาทำให้ฉันอยากร้องไห้สิ”
“เธอนั่นแหละ” เสียงของเขาก็สั่นเครือไม่ต่างกัน
เธอพิงศีรษะลงกับบ่าของพี่ชายฝาแฝด เนื้อตัวสั่นเทา ขณะที่สีสันของโลกพร่าเลือนด้วยน้ำตา เอเรอาญ์มองเห็นเข็มนาฬิกาเป็นรูปร่างยาวรีมัว ๆ แต่ที่น่าเจ็บปวดก็คือมันกำลังเคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอ และคงจะไม่มีวันผ่อนปรนให้ใครเลยสักคน
“พี่ -- ” เธอกระซิบในที่สุด “ถึงเวลาแล้วล่ะ”
อาเธอร์คลายอ้อมกอดและฉุดให้เธอยืนขึ้น เขายิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่เธอรู้ว่ามันขมฝาด
“เขาคงจะช่วยเหลือเธอได้ไม่มากนัก” เขาบอก “แต่เธอน่ะเก่งจะตายไป จะต้องดูแลตัวเองได้ดีแน่ ๆ”
“พี่ดูแลแม่ด้วยนะ”
“ไม่ต้องบอกก็จะทำอยู่แล้ว”
“ฉัน... ” เธอเบ้หน้า มีก้อนขวางอยู่ในลำคอจนแทบจะเปล่งเสียงไม่ได้ “ฉันจะรอวันนั้นนะ”
“เชื่อมือฉันเถอะ”
อาเธอร์ยิ้มกว้างออกมาในที่สุด เพียงแต่เธอกลับรู้สึกว่าโลกกำลังมืดมิดลง และแล้ว เพราะไม่อยากจะเอ่ยคำอำลา เอเรอาญ์โถมตัวใส่เขา แล้วสองพี่น้องก็โอบกอดกันเอาไว้แน่น -- เหมือนจะแน่นที่สุดในชีวิต
ผืนดินมั่นคงค่อย ๆ ห่างหายไปจากสายตา และเมื่อไกลเกินกว่าจะแยกแยะสีสันของลอนดอนออกจากกลุ่มเมฆได้แล้ว เอเรอาญ์ก็ละสายตาจากบานหน้าต่างของเครื่องบิน
“เอเรล...”
เสียงของอาเธอร์ยังคงดังก้องอยู่ในห้วงหนึ่งของภวังค์ที่เฉื่อยชาและเหนื่อยอ่อน
พี่ชายฝาแฝดจะยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอตั้งแต่จำความได้ เป็นฝาแฝดที่คอยปกป้องและดูแลเธอมาโดยตลอด และเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่เหลืออยู่ใน ‘ครอบครัว’ ของเธอ
คำว่าครอบครัวทำให้เธอแค่นยิ้มอย่างขมขื่นอยู่เสมอ มันเชื่อมโยงกับอีกหลายคำตามหลักการปกติ ไม่ว่าจะเป็น -- ความผูกพัน ความเสียสละ หรือความรัก...
น่าเสียดายที่ไม่มี ‘ความสุข’ ปรากฏอยู่ในหลักการนั้นของเธอ
แม่และ ‘เขา’ มีเธอกับพี่ชายฝาแฝดเมื่อตอนที่คนทั้งคู่ยังไม่พร้อม และแล้วในวันที่สองฝาแฝดมีอายุครบสิบสี่ปี ของขวัญที่ได้รับกลับกลายเป็นความทรงจำที่เขาเดินออกจากประตูบ้านไป มือขวาลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ และไม่กลับมาอีกเลย เขาไม่เคยพูดถึงเหตุผลของมัน และแม่ก็ไม่ทำอะไรนอกจากร้องไห้ ดังนั้นแล้ว ในสายตาของเด็กหญิงและเด็กชาย สิ่งที่เขา -- หรือ ‘พ่อ’ ทำ จึงมีค่าเท่ากับคำว่า ‘ทอดทิ้ง’ อย่างชัดเจน
แล้วในไม่กี่ปีให้หลัง แม่ก็ตัดสินใจแต่งงานกับริชาร์ด ดาลตัน เศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพล ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างมองดูสวยงามและเลิศหรู มันกลับเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเดินทางตัดข้ามฟากฟ้าตรงไปหา ‘เขา’ ของเธอและพี่ชายฝาแฝด
“เธอกับแม่คงยังไม่รู้สินะ ว่าจริง ๆ แล้วริชาร์ดคิดจะทำอะไร”
อาเธอร์บอกกับเธอในวันหนึ่งซึ่งลมพัดแรง ใบหน้าของเขาถมึงทึงและเคร่งเครียด
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะอาเธอร์ -- ” เธอถามอย่างประหลาดใจ
“ริชาร์ดแต่งงานกับแม่เพราะรู้ว่าเราจะไม่มีวันขัดขืนเขา เขารู้ว่าเราต้องการเงินกับความช่วยเหลือของเขามากขนาดไหน และ... รู้อะไรไหม -- ”
ความกราดเกรี้ยวของอาเธอร์ดูจะพลุ่งพล่านขึ้นอีก แต่เสียงของเขาเบาลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ต้องการให้ใครได้ยิน หรือเพราะอยากจะปฏิเสธว่ามันไม่เป็นความจริง
“ตอนนี้ – เขาต้องการ ’ตัว’ เธอ”
ฟังดูเลวร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เพราะคนพูดคืออาเธอร์ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่เชื่อเขา ความช่วยเหลือจากพี่ชายฝาแฝดทำให้เธอปลอดภัย หรืออย่างน้อยเธอก็คิดว่าปลอดภัยดีมาโดยตลอด และแล้วเมื่อความร้ายกาจกำลังจะก้าวข้ามความพยายามของเขาไป ทางที่เขาเลือกคือการส่งเธอหนีไปให้ไกลเกินกว่าที่อิทธิพลของพ่อเลี้ยงจะตามไปถึง และเพราะว่าไม่สามารถจะประเมินความยาวนานของการหลบหนีได้ อาเธอร์จึงต้องการจะให้เธอไปในที่ที่เธอจะไม่โดดเดี่ยวหรือเคว้งคว้าง
ที่นั่นคือเอเธนส์
และ ‘เขา’ อยู่ที่นั่น
เอเรอาญ์ถอนหายใจยาวเหยียดเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นก็เอนหลังพิงกับเบาะนั่ง กอดอก และพยายามครุ่นคิด แต่ถึงแม้จะพยายามอย่างหนักแล้ว ใบหน้าของพ่อที่เลือนรางก็ไม่ปรากฏขึ้นในความทรงจำ
ก่อนจะผล็อยหลับ เอเรอาญ์ปลอบตนเองว่าฟ้าหลังฝนจะสดใสเสมอ แม้จะไม่มีความมั่นใจอยู่เลยก็ตาม
ถ้าปราศจากควาหม่นหมองบนสีหน้า เขาจะดูน่ามองถึงมีเสน่ห์ระดับพอใช้ เพียงแต่สีเทา ๆ ที่ดูเหมือนจะระบายอยู่ทั่วตัวกลับเพิ่มมากขึ้น ๆ ตามความห่างไกลของเครื่องบินลำหนึ่งซึ่งกำลังจะหายไปจากระยะสายตา
แล้วอาเธอร์ก็มองบนหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังกะพริบเป็นจังหวะ
‘Richard’
ความคิดเห็น