[REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สาม... - [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สาม... นิยาย [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สาม... : Dek-D.com - Writer

    [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สาม...

    ...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะทำอะไรให้กับคนๆนั้นโดยที่เขาไม่เคยร้องขอ...แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราต้องกลายเป็นศัตรูกับคนทุกคน... ...ทำไมมันไม่เคยที่จะสั้นอย่างที่อยากจะได้สักที..นะฟิกพวกนี้...

    ผู้เข้าชมรวม

    997

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    997

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 มิ.ย. 50 / 10:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      REBORN !

       

       

       : ฟิกสั้นๆ (ที่ชักเริ่มไม่ค่อยสั้นอย่างที่อยากจะได้สักที..ทำไมมันถึงยิ่งยาวขึ้นๆแบบนี้ล่ะ TT0TT) เขียนขึ้นมาด้วยความบ้าในตัวละครตัวนี้โดยเฉพาะ  เรียกได้ว่างานนี้เหตุเพราะความชอบส่วนตัวที่มีต่อตัวละครล้วนๆเลยก็ว่าได้ = =^

       

       

      หมายเหตุ :

       

       

        : ฟิกนี้เราเลิกที่จะเล่นมุก เหมาะสำหรับคนที่อ่านเรื่อง REBORN !’   แล้ว  เพราะอะไรน่ะหรือ?  ก็เพราะว่าในเรื่องเราเริ่มออกชื่อตัวละครแล้วน่ะสิ! (แต่ก็แค่ตอนต้นเรื่อง  กับท้ายเรื่องน่ะนะ  ที่เหลือก็ไปคิดกันเอาเองว่าใครเป็นใครมั่ง ^.^)

       

       : เหตุการณ์ภายในฟิกเป็นช่วงหนึ่งคืนก่อนที่จะประลองศึกชิงแหวน ในรอบของผู้พิทักษ์แหวนแห่งวายุ(พอจะเดาได้มะว่าเราจะเขียนถึงใคร  แต่รูปก็บอกอยู่แล้วนี่เนอะ)  แม้ความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครจะยังไม่แน่ชัดนัก  แต่เราจะเขียนให้พวกเขาคิดกันแบบนี้ล่ะ

       

      :  และเช่นเคย...เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เรารีเมคขึ้นมาเอง  ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด...(อีกแล้วครับท่าน)  =w=

       

       

       

       

       

                --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

       

       

       

      ...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะมอบความรู้สึกให้ใครสักคน...

       

      ...แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นเพศเดียวกันกับเรา...

       

       

       

       

       

      ...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะทำอะไรให้กับคนๆนั้นโดยที่เขาไม่เคยร้องขอ...

       

      ...แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราต้องกลายเป็นศัตรูกับคนทุกคน...

       

       

       

       

       

      ...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะซื่อตรงกับหัวใจของตนเอง...

       

      ...แม้ว่าใครคนนั้นจะเป็นน้องชายของตนเอง  และสิ่งที่เราทำคือการต้องฆ่าใครต่อใคร...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...มันไม่ผิดใช่ไหม...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                สิ่งแรกที่จดจำได้คือใบหน้ายามหลับของน้องชายฝาแฝดของตนเอง...

       

                      น้องชายฝาแฝดที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้พร้อมๆกัน...

       

                      น้องชายฝาแฝดที่ตนเคยคาดหวังไว้ว่า  แม้ยามที่ตนจะต้องสิ้นลมหายใจ  ตนก็จะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้...

       

                      ใช่...

       

                      แม้ว่าลมหายใจนี้จะต้องดับสิ้นไปก็ตามที...

       

       

       

       

       

       

                      อะไร..เบล  นี่แกยังไม่นอนอีกเรอะ  ดึกแล้วนา

       

                      เสียงเรียกทักจากเบื้องหลังช่วยดึงสติให้ออกจากภวังค์  ความคิดรำพันที่เผลอคร่ำครวญอยู่เมื่อครู่กระจายหายไปในทันที  เจ้าของร่างสูงผมสีเงินขยับตัวออกมาจากความมืดมิดรอบกาย  แสงจันทร์ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดสะท้อนให้เห็นอารมณ์บางอย่างจากเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า...แต่แค่นั้นก็มากเพียงพอแล้วที่จะเรียกให้ตัวเขาก้าวเท้าเข้ามาเรียกทัก 

       

                      เพราะอารมณ์ที่แสดงออกมานั้นไม่ชวนให้รู้สึกว่าไว้วางใจได้เลย...

       

                      เจ้าชายยังไม่ง่วงน่ะ  คนถูกทักเอ่ยตอบพร้อมแย้มยิ้มยิงฟันจนเห็นครบ 32 ซี่

       

                      กับคนอื่นคงไม่ทันได้รู้สึก  แต่กับเขา..ท่าทางนั่นดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย  ฝืนยิ้มอยู่ชัดๆ  รอยยิ้มนั่นดูสั่นๆอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน 

       

                      สควอนโล่เองนั่นแหล่ะ  ยังไม่นอนอีกเหรอ  เดี๋ยวบอสเขาก็โกรธเอาหรอกน่า

       

                      อ๊ะ!  เจ้านั่นมันมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ!!”

       

                      อืม~ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวซี่  ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ  นี่ นี่  เจ้าชายแค่ล้อเล่นเองนะ  สควอนโล่  เอ่ยเย้า อย่างที่รู้ว่ามันมักจะได้ผลดีกับคนตรงหน้าเสมอ  ใบหน้าขาวขึ้นสีจางๆให้ชวนมอง  จนอดที่จะยิ้มให้ไม่ได้...ท่าทางแบบนี้จะให้มองก็ครั้งก็ไม่เคยที่จะรู้สึกเบื่อเลยจริงๆ....

       

                      ไม่จำเป็นที่จะต้องมีใครบอก เขาก็พอที่จะสัมผัสได้ถึงสายใยบางๆระหว่างบอสของเขากับคนตรงหน้าเขาได้  สายใยบางๆที่เหนียวแน่น  และไม่มีวันขาด...มันเป็นเพราะอะไรกันนะ... 

       

                      อาจเพราะตัวเขาเองก็เคยมีความรู้สึกที่คล้ายๆแบบนั้นอยู่เหมือนกันล่ะมั้ง  ถึงได้รู้สึกถึงสายใยที่ว่านั่นจากทั้งสองคน...

       

                หรือไม่ก็คงเพราะ...

       

       

                      อ่า...ดึกล่ะ  เจ้าชายเข้านอนดีกว่า  หลับฝันดีนะสควอนโล่  อ้อ!แล้วก็อย่าลีมฝันถึงบอสเขาด้วยล่ะสควอนโล่

       

                      อะ..ไอ้บ้า!  จะไปนอนไหลตายที่ไหนก็ไปเลย ไป๊!!”  เสียงร้องด่าไล่หลังอีกยาวเหยียด  หากแต่เขาไม่คิดที่จะฟังแล้ว  เด็กหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดีที่ได้แหย่เย้าคนก่อนนอน  แม้ในใจจะเจ็บเสียดอย่างที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  และเพียงไม่นานใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นก็กลับกลายเป็นเศร้าสลดอีกครั้ง

       

                      เบล....

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      เด็กชายตัวน้อยวิ่งเล่นอย่างร่าเริงในบริเวณสนามกว้าง  ไม่ห่างกันนักมีเด็กชายอีกคนนั่งยิ้มอยู่กับหนังสือเล่มเล็กในมือ  เด็กชายทั้งสองคนเป็นเด็กชายฝาแฝดที่มีรูปร่าง  และหน้าตาที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก...

       

                      ...สิ่งเดียวที่จะสามารถแยกเด็กทั้งสองคนนี้ให้ต่างกันได้ก็คงจะเป็นที่ลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันเท่านั้น

       

                      บนเส้นผมสีทองของเด็กน้อยมีมงกุฎอันจิ๋ววางเอาไว้อย่างน่ารัก  บ่งบอกว่าเป็นเชื้อสายองราชวงศ์ชั้นสูง  ในวันนี้ฝาแฝดคนพี่ใส่เสื้อสีดำ  ส่วนฝาแฝดคนน้องใส่เสื้อสีขาว...เหมือนกับทุกๆวัน...เพื่อง่ายต่อการแยกแยะว่าใครเป็นใคร...

       

                      เจ้าชายเพคะ  อย่าทรงวิ่งสิเพคะ  เดี๋ยวก็ทรงหกล้มกันพอดี

       

                      เหล่าพี่เลี้ยงนางในที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันวิ่งวุ่นไล่จับเจ้าชายแสนซนพระองค์น้อย

       

                      ไม่หรอกน่า  เจ้าชายน่ะ  ไม่มีทางวิ่งล้มอยู่เเล้~  เด็กชายเสื้อขาวส่งเสียงทะเล้น  พลางกระโดดกระเด้งหลบจากพี่เลี้ยงสองคนที่โผตัวเข้ามาจับ  ก่อนหันไปหาพี่ชายที่นั่งยิ้มอยู่นอกวง

       

                      วิ่งเล่นหน่อยสิพี่ชาย  เจ้าชายน่ะต้องวิ่งเล่นนะ

       

                      อย่าเลย  พี่วิ่งไปเดี๋ยวก็ล้มซะเปล่าๆ  เจ้าชายวิ่งเล่นไปเถอะ  เด็กชายเสื้อดำตะโกนกลับ  ก่อนหันเหความสนใจกลับไปที่หนังสือภายในมือ

       

                      ...นี่คือความแตกต่างของเจ้าชายพระองค์น้อยทั้งสอง  ที่องค์พี่มีนิสัยเรียบร้อยรักสงบ  ขณะที่องค์น้องมีนิสัยซุกซนขี้แกล้ง  และเรียกแทนตัวเองว่า เจ้าชาย ทุกคำ...คนหนึ่งคือสายลมอุ่นเบาอันแสนสงบนิ่ง  ส่วนอีกคนก็คือสายลมเย็นชื่นที่พัดโหมตลอดเวลา...หากแต่เจ้าชายน้อยทั้งสองต่างก็เป็นที่รักของทุกๆคนเท่าๆกัน...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      แต่แล้วเรื่องราวก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      เจ้าชายองค์น้องทรงชื่นชอบการคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่าตน  แรกๆก็เพียงแค่หนอนหรือแมลง  แต่เมื่อไม่นานมานี้  ทั้งหนู  นก  แมว  กระทั่งสุนัขแสนรัก  เจ้าชายน้อยยังเอามีปาดคอเล่นเลยทีเดียว...เจ้าชายน้อยถูกแพทย์หลวงวินิจฉัยว่าทรงเป็นโรคจิตในที่สุด...

       

                      เมื่อเรื่องถึงหูของราชา...เจ้าชายน้อยก็ถูกสั่งให้โดนกักขัง  เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันเดือนคืนใดเจ้าชายน้อยจะลุกขึ้นมาปาดคอคนเป็นๆ...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      พี่ชาย....อึก..อยู่ไหนน่ะ..พี่..ชาย....อึก..ฮือ....

       

                      นับแต่ถูกกักขัง  ผู้ที่เจ้าชายน้อยเรียกหามีเพียงพี่ชายฝาแฝดของตนเท่านั้น

       

                      และแล้ววันหนึ่งประตูห้องที่ปิดสนิทมาตลอดก็เปิดออก...

       

                      พี่ชาย ที่เจ้าชายน้อยเรียกหามาโดยตลอดก็ปรากฏกายขึ้น  สองพี่น้องโผเข้าหากันอย่างรวดเร็ว  ผู้เป็นน้องพร่ำร้องกับอกของพี่ชายว่าตนไม่ไหวแล้ว  ไม่ไหวแล้วจริงๆ  ผู้เป็นพี่ก็ได้แต่พร่ำปลอบน้องชายต่างๆนานา...

       

                     

       

       

       

       

       

                      การที่เจ้าชายน้อยเรียกหาแต่พี่ชาย  ไม่ใช่เพราะความรัก  หรืออาวรณ์  แต่เป็นเพราะเจ้าชายน้อยรับรู้ได้ด้วยตนเองว่าจะมีเพียงพี่ชายเท่านั้นที่จะไม่มีวันปฏิเสธคำขอของตน....

       

       

       

       

       

       

                      ...ไม่ว่าคำขอนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม...

       

       

       

       

       

       

                      และเป็นจริงดังที่คิด  แม้จะปลดปล่อยจากที่คุมขังไม่ได้  หากแต่ทุกสิ่งที่เจ้าชายน้อยร้องขอ  ผู้เป็นพี่ก็จัดหามาให้ทั้งหมด...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      หลังจากนั้นหลายสัปดาห์......

       

                      สัตว์เล็กสัตว์น้อยรอบๆปราสาทเริ่มค่อยๆลดจำนวนลงอย่างน่าพิศวง  แต่ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้หรือสืบสาวได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด  และถึงแม้จะมีผู้ที่รู้อยู่  แต่ผู้ที่รับรู้คนนั้นก็ไม่เคยเอ่ยปากกับผู้ใด

       

                      ยิ่งนานวันเหล่าสัตว์ก็ยิ่งหดหาย  จนเริ่มลามขึ้นมาจนถึงสัตว์ขนาดกลาง  และขนาดใหญ่  กระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดรับรู้ความจริง...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำจิตใจ...ว่าอีกไม่นานคงถึงคราของเหล่า...มนุษย์...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      พี่ชาย...  เสียงใสของน้องน้อยออดอ้อนเหมือนดั่งทุกครั้งที่กำลังจะร้องขออะไรที่มากมายยิ่งกว่าเคย

       

                      หือม์?”  ตอบรับอย่างหวั่นใจเพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดผู้เป็นน้องจะร้องขอร่างของมนุษย์ เป็นๆ.... เพราะเจ้าชายไม่เคยมั่นใจว่าตนเองจะสามารถปฏิเสธคำขอของน้องชายได้!!

       

                      ช่วงอาทิตย์นี้..พี่ชายไม่ต้องมาอีกแล้วนะ...

       

                      เอ๋!”  อดร้องออกมาไม่ได้  เมื่อคำขอที่ได้ยินคือสิ่งที่ตนหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าการที่ตนจะต้องไปฆ่าใครต่อใคร  ทำไม!?”

       

                เจ้าชายอยากที่จะอยู่คนเดียว...อยากจะขอลองดูสักหน่อยว่าเจ้าชายจะทนได้แค่ไหน  ถ้า...ถ้าเกิดเห็นพี่ชายแล้วล่ะก็  เจ้าชาย...เจ้าชายจะต้องร้องขอให้พี่ชายหาอะไรมาให้สับอีกแน่ๆเลย  เพราะงั้น...นะ  พี่ชาย...นะ

       

                      อะ...อืม...

       

       

       

       

       

       

       

                      และจากตอนนั้น...เจ้าชายน้อยก็ไม่ได้แอบไปที่ห้องนั้นอีก......

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      เจ้าชายน้อยนั่งนับวันรอ  ว่าเมื่อไหร่จะครบกำหนดที่ตนได้ตกลงไว้กับน้องชายสักที  แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็พึ่งจะผ่านไปได้แค่ 4 วันเท่านั้น...แค่ 4 วันที่เจ้าชายน้อยแทบลงแดง....

       

                      เจ้าชายน้อยจะไม่ขออดทนอีกต่อไปแล้ว.....

       

                      แค่ไม่ได้พบหน้า  ไม่ได้พูดคุยแค่เพียง 4 วัน  เจ้าชายน้อยก็แทบคลั่งเสียแล้ว  ดูท่าคนที่มีปัญหาทางด้านจิตใจจะไม่ได้มีเพียงเจ้าชายองค์น้องเท่านั้น  เพราะแม้แต่เจ้าชายองค์พี่ก็คงจะเป็นอยู่ไม่ต่างกัน

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      ด้วยความรีบร้อนเจ้าชายน้องจึงไม่ได้กลบร่องรอยของตนเหมือนอย่างที่เคยทำมาโดยตลอด  ผู้คนในปราสาทจึงได้รับรู้ถึงการกระทำนั้น...ราชา ราชินี  และเหล่าข้าราชการบริวาร คนสนิท  จึงได้พากันตามเจ้าชายน้อยไป...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      กลิ่นคาวเหล็กที่โชยฉุนเตะจมูกยิ่งเพิ่มทวีความกังวล...สิ่งหนึ่งที่เจ้าชายน้อยพึ่งจะคิดได้ก็คือ...

       

                      ...หากไร้ซึ่งสิ่งใดให้ทำลายแล้วไซร้  ผู้เป็นน้องชายจักต้องทำร้ายตัวเองอย่างแน่นอน....

       

                      เขาลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท...แถมยังไม่ได้ยึดอาวุธจากน้องชายไว้เสียด้วยสิ...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      และแล้วสิ่งที่กลัวก็เป็นจริง...ร่างเล็กบางนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นที่แดงฉานไปด้วยหยาดเลือด  หัวใจดวงน้อยๆหล่นวูบ  ร่างทั้งร่างพุ่งถลาเข้าไปหาน้องชายในทันที...

       

                      ..พี่...ชา..ย...

       

                      เสียงพูดแสนพร่าจางยิ่งดึงให้ผู้เป็นพี่ชายน้ำตาริน  เจ้าชายน้อยไม่ทันคิดเสียด้วยซ้ำกับการที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร...อันที่จริง  แค่มองดูก็รู้ว่าอย่างไรก็คงไม่รอดแน่ๆ  เจ้าชายน้อยจึงไม่คิดที่จะออกห่างจากร่างของน้องชายแม้แต่น้อย...อยากที่จะอยู่ด้วย...ในวาระสุดท้าย...ของลมหายใจ...

       

                      ..พี่ชาย..มาที่นี่...มา...ทำไม..?....เจ้า...ชาย...บอก...บอ..กแล้ว...นี่..นา  วะ..ว่า..อย่า..มา......

       

                      กว่าจะจบได้สักประโยคผู้เป็นพี่ชายก็แทบอยากที่จะกลั้นใจตายแทนร่างเล็กในอ้อมแขนไปเสียให้ได้

       

                      ไม่....ขอโทษนะที่ผิดสัญญา  ขอโทษ  ขอโทษ

       

                      พี่ชาย...เจ้า..ชาย...จะตายไหม....?....เจ้า..ชาย...ยะ..ยังไม่อยาก....ตาย..เลย....ไม่อยากเล....ย...

       

                      ..ไม่...ไม่...

       

                      ..พี่ชายต้อง..ช่วยนะ....พี่ชาย...ช่วย..ช่วยเจ้าชาย..แล..แล้วเจ้าชาย..จะ...ไม่ตา..ย....

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                ไม่มีใครอยากที่จะเชื่อภาพตรงหน้า...

       

                      เจ้าชายน้อยนักสับนั่งหัวเราะร่าราวกับคนบ้าอยู่เหนือร่างกายของพี่ชายที่ไร้ซึ่งลมหายใจ  เสื้อสีขาวถูกย้อมด้วยสีของเลือดจนกลายเป็นสีแดงฉานตั้งแต่ช่วงข้อมือจนถึงข้อศอก  รวมทั้งบริเวณเสื้อด้านหน้าทั้งหมดก็เปื้อนเลือดแดงคล้ำราวตักมาเทราดบนร่างกาย  ขณะที่เสื้อสีดำชุ่มโชกคาวคลุ้งไปด้วยเลือดทั้งตัว...

       

                      ...ในที่สุดเจ้าชายน้อยจิตวิปลาสก็ได้สังหารพี่ชายฝาแฝดของตนเอง....

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      ก็แค่กลง่ายๆที่ง่ายแสนง่าย...

       

                      ในวันนั้นผู้เป็นน้องสวมเสื้อสีดำอยู่แต่แรกแล้ว  ตัวเขาก็แค่เปลี่ยนมาใส่สีขาวเท่านั้นเอง...

       

                      เพราะความคิดฝังจิตจึงไม่มีใครทันคิดถึงข้อนี้เลย...

       

                      ไม่มีใครทันคิดว่าผู้ที่รอดชีวิตในวันนั้นคือฝาแฝดคนพี่...

       

                      ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้ที่ฝาแฝดคนน้องฉุดคร่าชีวิตคือตัวเอง...

       

                      ไม่มีใครรับรู้ถึงความจริงข้อนั้นเลย...

       

       

                      เบล...

       

       

                      คำขอสุดท้ายของน้องชาย  คืออยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป...

       

                      และเขาก็ให้ในสิ่งที่น้องต้องการ...

       

                      แม้ไม่อาจเรียกชีวิตคืนกลับมาได้...

       

                      แต่น้องชายของเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่...

       

                      ตรงนี้....

       

                      ในร่าง...ของเขา...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      เฮ้!  เบล!!” 

       

                      อีกครั้งที่เสียงเรียกทักจากเบื้องหลังเสียงนี้ทำให้ความคิดรำพันที่เผลอคร่ำครวญอยู่เมื่อครู่กระจายหายไป  ดึงสติให้ออกจากภวังค์ได้ในทันที 

       

                      เสียงนี้...ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มักจะดังขึ้นในยามที่เขาคำนึงคิด ถึงน้องชายด้วยความอาลัย...ในยามที่เขาอยากที่จะมีใครสักคนมายืนอยู่ข้างกาย...เสียงๆนี้  ของคนๆนี้...

       

                      ...เสมอเลย...

       

                      อะไร?”

       

                      ร่างสูงผมยาวอึกอักเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกไป...เพราะไม่อย่างนั้นการที่เขาอุตส่าห์เดินตามมาจนถึงนี่ก็คงไร้ความหมาย...หรือแม้แต่ความจริงที่เขารับรู้มาก็คงไร้ค่า....

       

                      เพราะบังเอิญผ่านมาจึงได้เห็นใบหน้าที่แสดงตัวตนจริงๆเป็นครั้งแรก...

       

                      เพราะตัดสินใจเดินตามมาจึงได้เห็นท่าทีที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดใจของคนตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยเห็น...

       

                      เพราะงั้นจึงได้คิดที่จะพูดออกไป...

       

                      สำหรับฉัน...ไม่ว่านายจะเป็น ใคร ....แต่นายก็คือนาย  ไม่มีใครที่จะสามารถแทนที่ใครไปได้ตลอดหรอกนะ...

       

                      ประโยคเดียว...แค่ประโยคเดียวเท่านั้น  ความเจ็บปวดที่จางไปเมื่อครู่พุ่งกลับเข้ามาเจ็บแปล๊บในจิตใจ  หากแต่เด็กหนุ่มยังคงตีหน้าซื่อแม้จะไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอีกแล้วก็ตาม

       

       

                      ...รู้หรือ...

       

                      ...พูดแบบนี้...รู้...อย่างนั้นหรือ...

       

                      ...ถ้าอย่างนั้น...

       

                      ...ได้ไหมนะ...

       

                      ...ถ้าจะขอกลับเป็นตัวเอง...

       

                      ...อย่างน้อยแค่เฉพาะต่อหน้าคนๆนี้...

       

                      ...ได้ไหมนะ...

       

                      ...ถ้าจะขอกลับเป็นตัวเองจริงๆ...

       

                      ...ที่ไม่ใช่น้องชาย...

       

                      ...ได้ไหมนะ...?

       

       

                      พูดเรื่องอะไรน่ะ  สควอนโล่  เจ้าชายไม่เห็นจะเข้าใจเลยนะ

       

       

                      ...ไม่ได้...

       

                      ...ไม่ได้หรอก...

       

                      ...แม้จะเป็นคนๆนี้ก็ไม่ได้...

       

                      ...แค่คิดก็ไม่ได้...

       

                      ...ไม่ได้...

       

                      รอยยิ้มกว้างแย้มชัดขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้งอย่างเคยชิน  เด็กคนนั้นมักจะยิ้มแบบนี้  ดังนั้นเขาก็จะยิ้มแบบนี้  แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวเขาเองเลยก็ตามที

       

                      หากแต่ร่างสูงที่นิ่งมองรอยยิ้มนั้นอยู่กลับทำท่าทางเหมือนจะเจ็บปวดขึ้นมาแทน  รอยยิ้มที่เคยแนบเนียนมาตลอด  ไม่เคยใช้ได้เลยกับคนตรงหน้านี้  ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม...แต่เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจจริงๆ...

       

                      กลัว...ว่าสักวันเขาจะ.....

       

       

       

                      ...ไม่!!...

       

       

       

                      เฮ้~อ...เอาเถอะ  ช่างนายก็แล้วกัน  เอาเป็นว่าศึกชิงแหวนผู้พิทักษ์พรุ่งนี้นายก็ระวังตัวด้วยล่ะ

       

                      ไม่ต้องเป็นห่วง  เจ้าชาย  ไม่มีวันแพ้อยู่แล้ว

       

       

       

                      ...ใช่...

       

                      ...เบลจะไม่มีวันแพ้...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...ไม่ผิดใช่ไหม...

       

      ...หากว่าจะขอดันทุรังอีกสักนิด...

       

      ...หากว่าจะขอฉุดรั้งชีวิตของเบลเอาไว้อีกสักระยะหนึ่ง...

       

      ...หากว่าจะขอใช้ตัวตนในฐานะของเบลต่อไปแบบนี้อีกสักครู่...

       

      ...ไม่นานหรอก...

       

      ...แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น...

       

      ...ไม่ผิดใช่ไหม...

       

      ...อีกแค่นิดเดียวเอง...

       

      ...แล้วจะขอกลับไปเป็นตัวของตัวเอง...

       

      ...จนกว่าจะถึงตอนนั้น...

       

      ...ขอพี่เล่นเป็นเราต่อไปอีกสักนิดนะเบล...

       

      ...ขอพี่ฉุดรั้งตัวน้องไว้อีกนิด...

       

      ...เบลเฟกอล...

       

      ...ไม่ผิดใช่ไหม...

       

      ...แล้วหลังจากนั้น  พี่จะขอตามน้องไป...

       

      ...อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น...

       

      ...เบล...

       

       

       

       

       

       

       

      ...มันไม่ผิดใช่ไหม...

       

       

       

       

       

       

       

                      --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

      End......TT_TT....

       

      ...จบเถอะเนอะ...รู้สึกพักนี้เขียนได้แต่แนวนี้อ่ะ....TT0TT...แต่ฉันรักเธอนะเบล......

       

       

                      --------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×