[REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สาม...
...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะทำอะไรให้กับคนๆนั้นโดยที่เขาไม่เคยร้องขอ...แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราต้องกลายเป็นศัตรูกับคนทุกคน... ...ทำไมมันไม่เคยที่จะสั้นอย่างที่อยากจะได้สักที..นะฟิกพวกนี้...
ผู้เข้าชมรวม
997
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
REBORN !
: ฟิกสั้นๆ (ที่ชักเริ่มไม่ค่อยสั้นอย่างที่อยากจะได้สักที..ทำไมมันถึงยิ่งยาวขึ้นๆแบบนี้ล่ะ TT0TT) เขียนขึ้นมาด้วยความบ้าในตัวละครตัวนี้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่างานนี้เหตุเพราะความชอบส่วนตัวที่มีต่อตัวละครล้วนๆเลยก็ว่าได้ = =^
หมายเหตุ :
: ฟิกนี้เราเลิกที่จะเล่นมุก ‘เหมาะสำหรับคนที่อ่านเรื่อง REBORN !’ แล้ว เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าในเรื่องเราเริ่มออกชื่อตัวละครแล้วน่ะสิ! (แต่ก็แค่ตอนต้นเรื่อง กับท้ายเรื่องน่ะนะ ที่เหลือก็ไปคิดกันเอาเองว่าใครเป็นใครมั่ง ^.^)
: เหตุการณ์ภายในฟิกเป็นช่วงหนึ่งคืนก่อนที่จะประลองศึกชิงแหวน ในรอบของผู้พิทักษ์แหวนแห่งวายุ(พอจะเดาได้มะว่าเราจะเขียนถึงใคร แต่รูปก็บอกอยู่แล้วนี่เนอะ) แม้ความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครจะยังไม่แน่ชัดนัก แต่เราจะเขียนให้พวกเขาคิดกันแบบนี้ล่ะ
: และเช่นเคย...เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เรารีเมคขึ้นมาเอง ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด...(อีกแล้วครับท่าน) =w=
--------------------------------------------------------------------------------------------------
...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะมอบความรู้สึกให้ใครสักคน...
...แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นเพศเดียวกันกับเรา...
...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะทำอะไรให้กับคนๆนั้นโดยที่เขาไม่เคยร้องขอ...
...แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราต้องกลายเป็นศัตรูกับคนทุกคน...
...ไม่ผิดใช่ไหม...หากเราจะซื่อตรงกับหัวใจของตนเอง...
...แม้ว่าใครคนนั้นจะเป็นน้องชายของตนเอง และสิ่งที่เราทำคือการต้องฆ่าใครต่อใคร...
...มันไม่ผิดใช่ไหม...
สิ่งแรกที่จดจำได้คือใบหน้ายามหลับของน้องชายฝาแฝดของตนเอง...
น้องชายฝาแฝดที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้พร้อมๆกัน...
น้องชายฝาแฝดที่ตนเคยคาดหวังไว้ว่า แม้ยามที่ตนจะต้องสิ้นลมหายใจ ตนก็จะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้...
ใช่...
แม้ว่าลมหายใจนี้จะต้องดับสิ้นไปก็ตามที...
“อะไร..เบล นี่แกยังไม่นอนอีกเรอะ ดึกแล้วนา”
เสียงเรียกทักจากเบื้องหลังช่วยดึงสติให้ออกจากภวังค์ ความคิดรำพันที่เผลอคร่ำครวญอยู่เมื่อครู่กระจายหายไปในทันที เจ้าของร่างสูงผมสีเงินขยับตัวออกมาจากความมืดมิดรอบกาย แสงจันทร์ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดสะท้อนให้เห็นอารมณ์บางอย่างจากเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า...แต่แค่นั้นก็มากเพียงพอแล้วที่จะเรียกให้ตัวเขาก้าวเท้าเข้ามาเรียกทัก
เพราะอารมณ์ที่แสดงออกมานั้นไม่ชวนให้รู้สึกว่าไว้วางใจได้เลย...
“เจ้าชายยังไม่ง่วงน่ะ” คนถูกทักเอ่ยตอบพร้อมแย้มยิ้มยิงฟันจนเห็นครบ 32 ซี่
กับคนอื่นคงไม่ทันได้รู้สึก แต่กับเขา..ท่าทางนั่นดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ฝืนยิ้มอยู่ชัดๆ รอยยิ้มนั่นดูสั่นๆอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน
“สควอนโล่เองนั่นแหล่ะ ยังไม่นอนอีกเหรอ เดี๋ยวบอสเขาก็โกรธเอาหรอกน่า”
“อ๊ะ! เจ้านั่นมันมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ!!”
“อืม~ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวซี่ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ นี่ นี่ เจ้าชายแค่ล้อเล่นเองนะ สควอนโล่” เอ่ยเย้า อย่างที่รู้ว่ามันมักจะได้ผลดีกับคนตรงหน้าเสมอ ใบหน้าขาวขึ้นสีจางๆให้ชวนมอง จนอดที่จะยิ้มให้ไม่ได้...ท่าทางแบบนี้จะให้มองก็ครั้งก็ไม่เคยที่จะรู้สึกเบื่อเลยจริงๆ....
ไม่จำเป็นที่จะต้องมีใครบอก เขาก็พอที่จะสัมผัสได้ถึงสายใยบางๆระหว่างบอสของเขากับคนตรงหน้าเขาได้ สายใยบางๆที่เหนียวแน่น และไม่มีวันขาด...มันเป็นเพราะอะไรกันนะ...
อาจเพราะตัวเขาเองก็เคยมีความรู้สึกที่คล้ายๆแบบนั้นอยู่เหมือนกันล่ะมั้ง ถึงได้รู้สึกถึงสายใยที่ว่านั่นจากทั้งสองคน...
หรือไม่ก็คงเพราะ...
“อ่า...ดึกล่ะ เจ้าชายเข้านอนดีกว่า หลับฝันดีนะสควอนโล่ อ้อ!แล้วก็อย่าลีมฝันถึงบอสเขาด้วยล่ะสควอนโล่”
“อะ..ไอ้บ้า! จะไปนอนไหลตายที่ไหนก็ไปเลย ไป๊!!” เสียงร้องด่าไล่หลังอีกยาวเหยียด หากแต่เขาไม่คิดที่จะฟังแล้ว เด็กหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดีที่ได้แหย่เย้าคนก่อนนอน แม้ในใจจะเจ็บเสียดอย่างที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร และเพียงไม่นานใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นก็กลับกลายเป็นเศร้าสลดอีกครั้ง
เบล....
เด็กชายตัวน้อยวิ่งเล่นอย่างร่าเริงในบริเวณสนามกว้าง ไม่ห่างกันนักมีเด็กชายอีกคนนั่งยิ้มอยู่กับหนังสือเล่มเล็กในมือ เด็กชายทั้งสองคนเป็นเด็กชายฝาแฝดที่มีรูปร่าง และหน้าตาที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก...
...สิ่งเดียวที่จะสามารถแยกเด็กทั้งสองคนนี้ให้ต่างกันได้ก็คงจะเป็นที่ลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันเท่านั้น
บนเส้นผมสีทองของเด็กน้อยมีมงกุฎอันจิ๋ววางเอาไว้อย่างน่ารัก บ่งบอกว่าเป็นเชื้อสายองราชวงศ์ชั้นสูง ในวันนี้ฝาแฝดคนพี่ใส่เสื้อสีดำ ส่วนฝาแฝดคนน้องใส่เสื้อสีขาว...เหมือนกับทุกๆวัน...เพื่อง่ายต่อการแยกแยะว่าใครเป็นใคร...
“เจ้าชายเพคะ อย่าทรงวิ่งสิเพคะ เดี๋ยวก็ทรงหกล้มกันพอดี”
เหล่าพี่เลี้ยงนางในที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันวิ่งวุ่นไล่จับเจ้าชายแสนซนพระองค์น้อย
“ไม่หรอกน่า เจ้าชายน่ะ ไม่มีทางวิ่งล้มอยู่เเล้~น” เด็กชายเสื้อขาวส่งเสียงทะเล้น พลางกระโดดกระเด้งหลบจากพี่เลี้ยงสองคนที่โผตัวเข้ามาจับ ก่อนหันไปหาพี่ชายที่นั่งยิ้มอยู่นอกวง
“วิ่งเล่นหน่อยสิพี่ชาย เจ้าชายน่ะต้องวิ่งเล่นนะ”
“อย่าเลย พี่วิ่งไปเดี๋ยวก็ล้มซะเปล่าๆ เจ้าชายวิ่งเล่นไปเถอะ” เด็กชายเสื้อดำตะโกนกลับ ก่อนหันเหความสนใจกลับไปที่หนังสือภายในมือ
...นี่คือความแตกต่างของเจ้าชายพระองค์น้อยทั้งสอง ที่องค์พี่มีนิสัยเรียบร้อยรักสงบ ขณะที่องค์น้องมีนิสัยซุกซนขี้แกล้ง และเรียกแทนตัวเองว่า ‘เจ้าชาย’ ทุกคำ...คนหนึ่งคือสายลมอุ่นเบาอันแสนสงบนิ่ง ส่วนอีกคนก็คือสายลมเย็นชื่นที่พัดโหมตลอดเวลา...หากแต่เจ้าชายน้อยทั้งสองต่างก็เป็นที่รักของทุกๆคนเท่าๆกัน...
แต่แล้วเรื่องราวก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป...
เจ้าชายองค์น้องทรงชื่นชอบการคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่าตน แรกๆก็เพียงแค่หนอนหรือแมลง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งหนู นก แมว กระทั่งสุนัขแสนรัก เจ้าชายน้อยยังเอามีปาดคอเล่นเลยทีเดียว...เจ้าชายน้อยถูกแพทย์หลวงวินิจฉัยว่าทรงเป็นโรคจิตในที่สุด...
เมื่อเรื่องถึงหูของราชา...เจ้าชายน้อยก็ถูกสั่งให้โดนกักขัง เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันเดือนคืนใดเจ้าชายน้อยจะลุกขึ้นมาปาดคอคนเป็นๆ...
“พี่ชาย....อึก..อยู่ไหนน่ะ..พี่..ชาย....อึก..ฮือ....”
นับแต่ถูกกักขัง ผู้ที่เจ้าชายน้อยเรียกหามีเพียงพี่ชายฝาแฝดของตนเท่านั้น
และแล้ววันหนึ่งประตูห้องที่ปิดสนิทมาตลอดก็เปิดออก...
‘พี่ชาย’ ที่เจ้าชายน้อยเรียกหามาโดยตลอดก็ปรากฏกายขึ้น สองพี่น้องโผเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ผู้เป็นน้องพร่ำร้องกับอกของพี่ชายว่าตนไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผู้เป็นพี่ก็ได้แต่พร่ำปลอบน้องชายต่างๆนานา...
การที่เจ้าชายน้อยเรียกหาแต่พี่ชาย ไม่ใช่เพราะความรัก หรืออาวรณ์ แต่เป็นเพราะเจ้าชายน้อยรับรู้ได้ด้วยตนเองว่าจะมีเพียงพี่ชายเท่านั้นที่จะไม่มีวันปฏิเสธคำขอของตน....
...ไม่ว่าคำขอนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม...
และเป็นจริงดังที่คิด แม้จะปลดปล่อยจากที่คุมขังไม่ได้ หากแต่ทุกสิ่งที่เจ้าชายน้อยร้องขอ ผู้เป็นพี่ก็จัดหามาให้ทั้งหมด...
หลังจากนั้นหลายสัปดาห์......
สัตว์เล็กสัตว์น้อยรอบๆปราสาทเริ่มค่อยๆลดจำนวนลงอย่างน่าพิศวง แต่ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้หรือสืบสาวได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด และถึงแม้จะมีผู้ที่รู้อยู่ แต่ผู้ที่รับรู้คนนั้นก็ไม่เคยเอ่ยปากกับผู้ใด
ยิ่งนานวันเหล่าสัตว์ก็ยิ่งหดหาย จนเริ่มลามขึ้นมาจนถึงสัตว์ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ กระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดรับรู้ความจริง...
ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำจิตใจ...ว่าอีกไม่นานคงถึงคราของเหล่า...มนุษย์...
“พี่ชาย...” เสียงใสของน้องน้อยออดอ้อนเหมือนดั่งทุกครั้งที่กำลังจะร้องขออะไรที่มากมายยิ่งกว่าเคย
“หือม์?” ตอบรับอย่างหวั่นใจเพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดผู้เป็นน้องจะร้องขอร่างของมนุษย์ ‘เป็นๆ’.... เพราะเจ้าชายไม่เคยมั่นใจว่าตนเองจะสามารถปฏิเสธคำขอของน้องชายได้!!
“ช่วงอาทิตย์นี้..พี่ชายไม่ต้องมาอีกแล้วนะ...”
“เอ๋!” อดร้องออกมาไม่ได้ เมื่อคำขอที่ได้ยินคือสิ่งที่ตนหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าการที่ตนจะต้องไปฆ่าใครต่อใคร “ทำไม!?”
“เจ้าชายอยากที่จะอยู่คนเดียว...อยากจะขอลองดูสักหน่อยว่าเจ้าชายจะทนได้แค่ไหน ถ้า...ถ้าเกิดเห็นพี่ชายแล้วล่ะก็ เจ้าชาย...เจ้าชายจะต้องร้องขอให้พี่ชายหาอะไรมาให้สับอีกแน่ๆเลย เพราะงั้น...นะ พี่ชาย...นะ”
“อะ...อืม...”
และจากตอนนั้น...เจ้าชายน้อยก็ไม่ได้แอบไปที่ห้องนั้นอีก......
เจ้าชายน้อยนั่งนับวันรอ ว่าเมื่อไหร่จะครบกำหนดที่ตนได้ตกลงไว้กับน้องชายสักที แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็พึ่งจะผ่านไปได้แค่ 4 วันเท่านั้น...แค่ 4 วันที่เจ้าชายน้อยแทบลงแดง....
เจ้าชายน้อยจะไม่ขออดทนอีกต่อไปแล้ว.....
แค่ไม่ได้พบหน้า ไม่ได้พูดคุยแค่เพียง 4 วัน เจ้าชายน้อยก็แทบคลั่งเสียแล้ว ดูท่าคนที่มีปัญหาทางด้านจิตใจจะไม่ได้มีเพียงเจ้าชายองค์น้องเท่านั้น เพราะแม้แต่เจ้าชายองค์พี่ก็คงจะเป็นอยู่ไม่ต่างกัน
ด้วยความรีบร้อนเจ้าชายน้องจึงไม่ได้กลบร่องรอยของตนเหมือนอย่างที่เคยทำมาโดยตลอด ผู้คนในปราสาทจึงได้รับรู้ถึงการกระทำนั้น...ราชา ราชินี และเหล่าข้าราชการบริวาร ‘คนสนิท’ จึงได้พากันตามเจ้าชายน้อยไป...
กลิ่นคาวเหล็กที่โชยฉุนเตะจมูกยิ่งเพิ่มทวีความกังวล...สิ่งหนึ่งที่เจ้าชายน้อยพึ่งจะคิดได้ก็คือ...
...หากไร้ซึ่งสิ่งใดให้ทำลายแล้วไซร้ ผู้เป็นน้องชายจักต้องทำร้ายตัวเองอย่างแน่นอน....
เขาลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท...แถมยังไม่ได้ยึดอาวุธจากน้องชายไว้เสียด้วยสิ...
และแล้วสิ่งที่กลัวก็เป็นจริง...ร่างเล็กบางนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นที่แดงฉานไปด้วยหยาดเลือด หัวใจดวงน้อยๆหล่นวูบ ร่างทั้งร่างพุ่งถลาเข้าไปหาน้องชายในทันที...
“..พี่...ชา..ย...”
เสียงพูดแสนพร่าจางยิ่งดึงให้ผู้เป็นพี่ชายน้ำตาริน เจ้าชายน้อยไม่ทันคิดเสียด้วยซ้ำกับการที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร...อันที่จริง แค่มองดูก็รู้ว่าอย่างไรก็คงไม่รอดแน่ๆ เจ้าชายน้อยจึงไม่คิดที่จะออกห่างจากร่างของน้องชายแม้แต่น้อย...อยากที่จะอยู่ด้วย...ในวาระสุดท้าย...ของลมหายใจ...
“..พี่ชาย..มาที่นี่...มา...ทำไม..?....เจ้า...ชาย...บอก...บอ..กแล้ว...นี่..นา วะ..ว่า..อย่า..มา......”
กว่าจะจบได้สักประโยคผู้เป็นพี่ชายก็แทบอยากที่จะกลั้นใจตายแทนร่างเล็กในอ้อมแขนไปเสียให้ได้
“ไม่....ขอโทษนะที่ผิดสัญญา ขอโทษ ขอโทษ”
“พี่ชาย...เจ้า..ชาย...จะตายไหม....?....เจ้า..ชาย...ยะ..ยังไม่อยาก....ตาย..เลย....ไม่อยากเล....ย...”
“..ไม่...ไม่...”
“..พี่ชายต้อง..ช่วยนะ....พี่ชาย...ช่วย..ช่วยเจ้าชาย..แล..แล้วเจ้าชาย..จะ...ไม่ตา..ย....”
ไม่มีใครอยากที่จะเชื่อภาพตรงหน้า...
เจ้าชายน้อยนักสับนั่งหัวเราะร่าราวกับคนบ้าอยู่เหนือร่างกายของพี่ชายที่ไร้ซึ่งลมหายใจ เสื้อสีขาวถูกย้อมด้วยสีของเลือดจนกลายเป็นสีแดงฉานตั้งแต่ช่วงข้อมือจนถึงข้อศอก รวมทั้งบริเวณเสื้อด้านหน้าทั้งหมดก็เปื้อนเลือดแดงคล้ำราวตักมาเทราดบนร่างกาย ขณะที่เสื้อสีดำชุ่มโชกคาวคลุ้งไปด้วยเลือดทั้งตัว...
...ในที่สุดเจ้าชายน้อยจิตวิปลาสก็ได้สังหารพี่ชายฝาแฝดของตนเอง....
ก็แค่กลง่ายๆที่ง่ายแสนง่าย...
ในวันนั้นผู้เป็นน้องสวมเสื้อสีดำอยู่แต่แรกแล้ว ตัวเขาก็แค่เปลี่ยนมาใส่สีขาวเท่านั้นเอง...
เพราะความคิดฝังจิตจึงไม่มีใครทันคิดถึงข้อนี้เลย...
ไม่มีใครทันคิดว่าผู้ที่รอดชีวิตในวันนั้นคือฝาแฝดคนพี่...
ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้ที่ฝาแฝดคนน้องฉุดคร่าชีวิตคือตัวเอง...
ไม่มีใครรับรู้ถึงความจริงข้อนั้นเลย...
“เบล...”
คำขอสุดท้ายของน้องชาย คืออยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป...
และเขาก็ให้ในสิ่งที่น้องต้องการ...
แม้ไม่อาจเรียกชีวิตคืนกลับมาได้...
แต่น้องชายของเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่...
ตรงนี้....
ในร่าง...ของเขา...
“เฮ้! เบล!!”
อีกครั้งที่เสียงเรียกทักจากเบื้องหลังเสียงนี้ทำให้ความคิดรำพันที่เผลอคร่ำครวญอยู่เมื่อครู่กระจายหายไป ดึงสติให้ออกจากภวังค์ได้ในทันที
เสียงนี้...ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มักจะดังขึ้นในยามที่เขาคำนึงคิด ถึงน้องชายด้วยความอาลัย...ในยามที่เขาอยากที่จะมีใครสักคนมายืนอยู่ข้างกาย...เสียงๆนี้ ของคนๆนี้...
...เสมอเลย...
“อะไร?”
ร่างสูงผมยาวอึกอักเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกไป...เพราะไม่อย่างนั้นการที่เขาอุตส่าห์เดินตามมาจนถึงนี่ก็คงไร้ความหมาย...หรือแม้แต่ความจริงที่เขารับรู้มาก็คงไร้ค่า....
เพราะบังเอิญผ่านมาจึงได้เห็นใบหน้าที่แสดงตัวตนจริงๆเป็นครั้งแรก...
เพราะตัดสินใจเดินตามมาจึงได้เห็นท่าทีที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดใจของคนตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยเห็น...
เพราะงั้นจึงได้คิดที่จะพูดออกไป...
“สำหรับฉัน...ไม่ว่านายจะเป็น‘ ใคร’ ....แต่นายก็คือนาย ไม่มีใครที่จะสามารถแทนที่ใครไปได้ตลอดหรอกนะ...”
ประโยคเดียว...แค่ประโยคเดียวเท่านั้น ความเจ็บปวดที่จางไปเมื่อครู่พุ่งกลับเข้ามาเจ็บแปล๊บในจิตใจ หากแต่เด็กหนุ่มยังคงตีหน้าซื่อแม้จะไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอีกแล้วก็ตาม
...รู้หรือ...
...พูดแบบนี้...รู้...อย่างนั้นหรือ...
...ถ้าอย่างนั้น...
...ได้ไหมนะ...
...ถ้าจะขอกลับเป็นตัวเอง...
...อย่างน้อยแค่เฉพาะต่อหน้าคนๆนี้...
...ได้ไหมนะ...
...ถ้าจะขอกลับเป็นตัวเองจริงๆ...
...ที่ไม่ใช่น้องชาย...
...ได้ไหมนะ...?
“พูดเรื่องอะไรน่ะ สควอนโล่ เจ้าชายไม่เห็นจะเข้าใจเลยนะ”
...ไม่ได้...
...ไม่ได้หรอก...
...แม้จะเป็นคนๆนี้ก็ไม่ได้...
...แค่คิดก็ไม่ได้...
...ไม่ได้...
รอยยิ้มกว้างแย้มชัดขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้งอย่างเคยชิน เด็กคนนั้นมักจะยิ้มแบบนี้ ดังนั้นเขาก็จะยิ้มแบบนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวเขาเองเลยก็ตามที
หากแต่ร่างสูงที่นิ่งมองรอยยิ้มนั้นอยู่กลับทำท่าทางเหมือนจะเจ็บปวดขึ้นมาแทน รอยยิ้มที่เคยแนบเนียนมาตลอด ไม่เคยใช้ได้เลยกับคนตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม...แต่เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจจริงๆ...
กลัว...ว่าสักวันเขาจะ.....
...ไม่!!...
“เฮ้~อ...เอาเถอะ ช่างนายก็แล้วกัน เอาเป็นว่าศึกชิงแหวนผู้พิทักษ์พรุ่งนี้นายก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ‘เจ้าชาย’ ไม่มีวันแพ้อยู่แล้ว”
...ใช่...
...เบลจะไม่มีวันแพ้...
...ไม่ผิดใช่ไหม...
...หากว่าจะขอดันทุรังอีกสักนิด...
...หากว่าจะขอฉุดรั้งชีวิตของเบลเอาไว้อีกสักระยะหนึ่ง...
...หากว่าจะขอใช้ตัวตนในฐานะของเบลต่อไปแบบนี้อีกสักครู่...
...ไม่นานหรอก...
...แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น...
...ไม่ผิดใช่ไหม...
...อีกแค่นิดเดียวเอง...
...แล้วจะขอกลับไปเป็นตัวของตัวเอง...
...จนกว่าจะถึงตอนนั้น...
...ขอพี่เล่นเป็นเราต่อไปอีกสักนิดนะเบล...
...ขอพี่ฉุดรั้งตัวน้องไว้อีกนิด...
...เบลเฟกอล...
...ไม่ผิดใช่ไหม...
...แล้วหลังจากนั้น พี่จะขอตามน้องไป...
...อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น...
...เบล...
...มันไม่ผิดใช่ไหม...
--------------------------------------------------------------------------------------------------
End......TT_TT....
...จบเถอะเนอะ...รู้สึกพักนี้เขียนได้แต่แนวนี้อ่ะ....TT0TT...แต่ฉันรักเธอนะเบล......
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ Chal ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chal
ความคิดเห็น