[REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สอง... - [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สอง... นิยาย [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สอง... : Dek-D.com - Writer

    [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สอง...

    ขอได้ไหมนะกันพื้นที่ข้างกายของนาย...ข้างๆนายที่ไม่เคยมีใคร... ...อีกครั้งกับฟิกสั้นๆ (ที่ไม่ค่อยสั้นได้อย่างใจคิด) เขียนขึ้นมาด้วยความหมั้นไส้ตัวละครตัวหนึ่งโดยเฉพาะ...อ่านไปก็อย่าคิดมากนะ...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,349

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.34K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    6
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ม.ค. 54 / 15:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      REBORN !

       

       

       : อีกครั้งกับฟิกสั้นๆ (ที่ไม่ค่อยสั้นได้อย่างใจคิด) เขียนขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้ตัวละครตัวหนึ่งโดยเฉพาะ  ฮึดเดี๋ยวนั้น  แต่งเดี๋ยวนั้น  และก็จบเดี๋ยวนั้นเลย (แทบตาย)  รู้สึกว่าตัวเองบ้าพลังจริงๆ = =^

       

       

      หมายเหตุ :

       

       

        : ฟิกนี้เหมาะสำหรับคนที่อ่านเรื่อง REBORN ! แล้วสามารถแยกแยะลักษณะของตัวละครในเรื่องได้โดยไม่งง  เพราะอะไรน่ะหรือ...?  ก็เพราะเรายังคงติดใจกับมุขเล่าเรื่องโดยไม่ออกชื่อตัวละครในเรื่องเลยเหมือนเช่นเคยนั่นเอง (ให้ไปคิดกันเอาเองว่าใครเป็นใครมั่ง ^.^)

       

       

       : อาจมีการสับสนในตัวละคร  และสรรพนามแทนตัวอยู่บ้าง  เนื่องจากเราแต่งในตอนที่กึ่งหลับกึ่งตื่น (แต่ดันลุกขึ้นมาปี๊งเนื้อเรื่องกลางดึก)  ซึ่งพอเราแต่งจบแล้ว  เราก็หลับต่อ...(ชั่ว)

       

       

       : เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในฟิกเป็นช่วงในอดีตที่เรารีเมคขึ้นมาเอง  โดยใช้ข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่ตัวละครบางตัวหลุดออกมา  ดังนั้นฟิกนี้จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด...

       

       

       

       

       

      ---------------------------------------------------------------

       

       

       

       

       

      ...จะขอได้ไหม...

       

      ...เพราะอย่างน้อยที่สุด...

       

      ...ฉันก็เพียงแค่อยากจะขออยู่ข้างๆนาย...

       

      ...ข้างๆของนาย...

       

      ...ที่ไม่เคยมีใคร...

       

      ...ขอที่ตรงนั้นให้ฉันได้ไหม...

       

      ...ฉันขออะไรมากเกินไปหรือเปล่า...

       

       

       

       

       

       

                     

       

       

       

       

       

                      การพบเจอกันครั้งแรก  ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นพิธีการจนน่าปวดหัว  ท่ามกลางพวกผู้ใหญ่ที่สวมหน้ากากเข้าหากัน  มีเพียงนายที่ยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม...และมีเพียงนายที่ไม่ใส่หน้ากากเข้าหาใคร...

       

                      ใจอยากจะเดินเข้าไปทัก  เพราะรอบๆตัวของนายมีแต่บรรยากาศที่เงียบ  เหงาและอ้างว้าง

       

                      แต่เพราะใครอีกคนที่เดินเข้ามาฉุดรั้งตัวฉัน  และลากตัวของฉันให้ออกห่างไปจากนาย

       

                      ใครคนนั้น...คือคนที่ฉันเฝ้าบอกกับตัวเองเสมอมาว่าเกลียดแสนเกลียดเหลือเกิน

       

       

       

       

       

       

               

       

       

       

       

       

       

      เคร้ง!

       

                      เสียงโลหะกระทบพื้น  พร้อมๆกับคมดาบเย็นเฉียบที่ทาทาบลงไปบนลำคอ

       

                      อ่า...แพ้ซะแล้วเรา  สองมือแบขึ้น  พร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนจางช่างขัดอารมณ์นัก  ชวนให้รู้สึกอยากที่จะกดคมดาบเรียกหยดเลือดสีแดงจากลำคอขาวของคนตรงหน้าเสียจริงๆ

       

                      แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้จะทำแบบนั้นไม่ได้....

       

              ดวงตาสีทองของผู้แพ้พราวระยินระยับเมื่ออีกฝ่ายถอนดาบออกไป  พอๆกันกับเส้นผมสีทองสวยที่สะท้อนกับแสงแดดเป็นประกาย  ท่าทีที่ไม่นำพาต่อความพ่ายแพ้ของตนเอง  ทำให้อดคิดไม่ได้จริงๆว่าฝ่ายนั้นมันจงใจที่จะแพ้หรือเปล่า...?

       

                      เกลียดจริงๆ  ทั้งแววตานั่น  รอยยิ้มนั่น  รวมทั้งท่าทางนั่น...

       

                      เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันขึ้นมาเป็นหมอนั่น  ฉันเกลียดมันทั้งหมดเลย!

       

                      จะเพราะว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน  หรือว่าจะอะไรก็แล้วแต่เถอะ  แต่ยิ่งอยู่กับหมอนั่นก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นทุกที!!

       

                      พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครอีกคนที่เดินอยู่ลิบๆ...ใคร..ที่เคยได้พบเจอแค่ครั้งเดียวเมื่อนานแสนนานมาแล้ว  หากแต่ไม่เคยลบเลือนออกจากความทรงจำแม้เพียงวินาที  ใคร..ที่แม้จะเห็นเพียงด้านหลังจากระยะที่ไกลขนาดนี้  ก็ยังคงจดจำได้ในทันที

       

                      และโดยไม่รู้ตัว  สองขาก็ออกวิ่งไป...

       

       

       

       

       

       

                     

       

       

       

       

       

       

                      ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยทอแสงอ่อนโยนแม้จะแฝงไว้ด้วยความเงียบเหงาอ้างว้าง  ในยามนี้กลับกลายเป็นดวงตาที่ดูแข็งกร้าว ดื้อรั้น ไม่ยอมใคร  เด็กหนุ่มคนที่เคยพบเมื่อนานแสนนานมาแล้ว  ได้เปลี่ยนแปลงเป็นราชสีห์หาญผู้ก้าวร้าวยิ่งกว่าผู้ใด...

       

                      ทั้งๆที่แค่เข้าไปทัก  แต่กลับถูกตอกหน้ากลับด้วยถ้อยคำที่แสนเจ็บแสบ..

       

                      พอทางนั้นแรงมา  ทางนี้ก็แรงกลับ  สุดท้ายก็จบลงที่กำปั้น...หมัดของมันโคตรจะหนักเลย

       

                      เฮ้ย!  พอแล้วน่า  พอแล้ว  ไม่เอาๆ เพื่อนๆกันทั้งนั้น  จู่ๆเจ้าหมอนั่นที่เผลอลืมไปแล้วก็โผล่พรวดเข้ามาแทรกตรงกลาง  พอเห็นหน้าของคนที่แสนจะเกลียดนั่นก็อดไม่ได้ที่จะซัดเข้าไปซักที

       

                      โอ๊ย!!”  พอกรรมการห้ามมวยลงไปกองกับพื้น  มวยคู่เอกก็หยุดชะงักเหมือนมีใครมาตีระฆังหมดยก  ไม่รู้ว่าหมอนั่นจงใจที่จะโดยชกหรือเปล่า  เพราะทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาหมอนั่นก็ยิ้มเผล่

       

                      เกลียดรอยยิ้มนั่นจริงๆ  ให้ตาย

       

                      ถึงพวกเราจะยังไม่ใช่ผู้ใหญ่  แต่เราก็โตๆกันแล้วนะ  ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้  พอหมอนั่นลุกขึ้นตั้งหลักได้ก็เริ่มเทศนา นายน่ะ  มีชื่อว่าเป็นนักดาบอัจฉริยะทีเก่งมหาเก่งอยู่ไม่ใช่เรอะ  มาดวลกำปั้นแบบนี้มันใช้ได้หรือไง

       

                      อึก...รู้สึกเหมือน...จะเถียงไม่ออก...

       

                      แล้วนาย  หมอนั่นหันไปหาคู่กรณีอีกคน  เป็นถึงลูกชายของรุ่นที่ 9 ที่เป็นหัวหน้า วองโกเล่ เฟมิลี่ แท้ๆ  แยกแยะไม่เป็นเลยหรือไงว่าอะไรควรไม่ควรน่ะ

       

                      หา!!!

       

                      สะบัดหน้ามองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจอย่างที่สุด  ไอ้เจ้านี่อ่ะนะ  ลูกชายของรุ่นที่ 9 ผู้แสนจะอ่อนโยนคนนั้น!  ไม่...ต้องเข้าใจอะไรผิดไปสักอย่างแน่ๆ  ไม่มีทาง

       

                      แต่ว่า...

       

                      ถ้าหากว่าเป็นเด็กหนุ่มผู้มีบรรยากาศแสนจะเงียบเหงาแต่แฝงเร้นไว้ด้วนความอ่อนโยนคนนั้นล่ะก็...

       

                      มันก็..น่าเชื่ออยู่หรอก....

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      ยิ่งได้รู้จักกัน  ภาพพจน์ของเด็กหนุ่มผู้อ้างว้างโดดเดี่ยวก็ยิ่งจางหาย...

       

                      จนท้ายที่สุด  ภาพพจน์ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงราชสีห์หนุ่มผู้ไม่ยอมลงให้ใคร...

       

                      แม้กระนั้นก็ตาม...

       

                      ในทุกๆครั้งที่ฉันได้มองแผ่นหลังของนายในยามที่อยู่ท่ามกลางผู้คน  ทุกครั้ง  ทุกครา  มันก็จะมีภาพของเด็กหนุ่มผู้รายล้อมด้วยความเหงาซ้อนทับขึ้นมาเสียทุกที...

       

                      และในทุกครั้ง  ก็มักจะอดไม่ได้ที่ฉันจะก้าวเข้าไปยืนข้างๆกับนาย  เพื่อลดทอนภาพนั้นให้จางลง...

       

                      จนบางทีก็เผลอคิดไปเองว่า...

       

                      ที่ข้างๆของตัวนาย  คือที่ของฉัน...

       

                      ก็แค่...

       

                      เผลอคิดไปเองฝ่ายเดียว...

       

       

       

       

       

       

       

                      จนกระทั่ง...

       

                      ข้างกายของนายมีใครคนหนึ่งเข้าไปยืนอยู่จริงๆ...

       

                      จึงได้สำนึกรู้เป็นครั้งแรก...

       

                      ที่ตรงนั้น..มันไม่เคยเป็นของฉันมาก่อนตั้งแต่แรกแล้ว...

       

       

       

       

       

       

       

                     

       

       

       

       

       

       

                      ทำไมถึงได้รู้สึกหดหู่ขนาดนี้นะ  รู้สึก..ไม่อยากจะทำอะไรเลย

       

                      ในช่วงที่เผลอนั่งกอดเข่า  เอาดาบเขี่ยๆพื้นเล่นอย่างหมดมาดนักดาบอัจฉริยะ  มือคู่หนึ่งก็กดทิ้งน้ำหนักลงมาบนบ่าทั้งสองข้างจนทรุดยวบ  แล้วเจ้าหมอนั่นก็โผล่หัวสีทองๆมาตรงหน้าในลักษณะกลับหัวกลับหาง...

       

                      ที่แกเห็นฉันเป็นคานทรงตัวเหรอวะเนี่ย

       

                      เป็นอะไรไป  ทำหน้าไม่เสบยเลยนะนาย  เสียงจากคนที่เกลียดแสนเกลียดเอ่ยถาม  แปลกนะ  ทั้งๆที่ถ้าเป็นอย่างทุกๆทีล่ะก็  จะต้องตะบั้นหน้ามันให้หงายไปแล้ว  แต่คราวนี้ไม่ยักอยากจะทำเลย

       

                      เปล่า  แครู้สึกว่ามันเนือยๆยังไงชอบกล

       

                      เอนหลังพิงร่างของคนที่เอาบ่าไปเป็นคานทรงตัว  หมอนั่นก็ไม่ว่าอะไรนอกจากเลื่อนมือที่กดไว้บนบ่าเมื่อครู่  เปลี่ยนเป็นโอบรอบคอแทนซะอย่างนั้น

       

                      เหรอ

       

                      รู้สึกไปเองหรือเปล่านะ  เหมือนกับว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองอยู่เลย

       

                      จริงสิ!”

       

                      หวอ! อุ๊บ!”

       

                      จู่ๆหมอนั่นก็ลุกพรวด  เลยทำให้หงายหลังลงไปนอนแอ้งแม้งเพราะพิงมันอยู่  หมอนั่นของโทษด้วยรอยยิ้มแหยๆ  หลังจากฉุดให้ลุกขึ้นนั่ง  ก่อนที่จะบอกเหตุผลที่มันยืน

       

                      ซ้อมดาบกันเถอะ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      เคร้ง!  เคร้ง!

       

                      เสียงดาบกระทบกันเป็นจังหวะ  ฝีมือของหมอนั่นดีขึ้นมากกว่าที่คิด  สีหน้าเรื่อยเฉื่อยสบายๆกลายเป็นเด็จเดี่ยวจริงจังอย่างที่พึ่งเคยได้เห็น

       

                      แต่แค่รุกรับไม่กี่กระบวนท่าก็รู้ฝีมือมันแล้ว...

       

                      ความรู้สึกหดหู่เฉื่อยชาเมื่อครู่เหมือนว่ามันเป็นแค่ความฝัน  ทั้งๆที่เกลียดหมอนั่นมากมายถึงขนาดนั้นแท้ๆ  แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเหมือนจะสบายใจเวลาอยู่ใกล้ก็ไม่รู้...

       

              อีกครั้งที่รับรู้ได้ถึงสายตาของใครสักคนที่จ้องมองมา...คราวนี้คนไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ...

       

       

       

       

                      แล้วในที่สุดก็หาเจอ

       

       

       

                      แต่คิดอีกที...หาไม่เจอน่าจะดีกว่า...

       

       

       

       

      โครม!

       

      เคร้ง!  เคร้ง!  เคร้ง!

       

                      ดาบกลิ้งโค่โล่อยู่ทางซ้าย  ขณะที่ร่างทั้งร่างโดนแรงเหวี่ยงจากดาบของอีกฝ่ายลงไปกองอยู่กับพื้นทางด้านขวา  หยดเลือดแดงฉานกำลังรินเป็นสายจากโคนแขนที่มีแผลลากยาวมาจนเกือบจรดปลายนิ้วเรียว

       

                      เพียงชั่ววินาทีที่สมาธิถูกหันเห  ฝีดาบที่เคยได้ชื่อว่ากล้าแกร่งกลับกลายเป็นอ่อนด้อย...

       

                      ป่ะ..เป็นอะไรมากมั๊ย!”  หมอนั่นร้องเสียงหลงหน้าซีดสนิท  วิ่งรี่เข้ามายกแขนขึ้นไปดู  พอเห็นบาดแผลหน้าที่ซีดอยู่แล้วก็ยิ่งซีดสนิทยิ่งกว่ากระดาษ

       

                      อะไร?  อย่าบอกนะว่านายกลัวเลือดน่ะ?”

       

                      เปล่าๆ  ไม่ใช่หรอก  ไม่ใช่

       

                      ผ้าเช็ดหน้าสีขาวถูกยกขึ้นซับเลือด  หม้าของหมอนั่นดูซีดมากจริงๆนะ มากเสียยิ่งกว่าตัวคนที่เจ็บซะอีก..จะเป็นอะไรไหมนะ...

       

                      พอแล้วล่ะ นายน่ะกลับไปพักเถอะ  เดี๋ยวฉันก็จะกลับไปทำแผลเหมือนกัน  ท่าทางของหมอนั่นทำให้อยากที่จะยกมือขึ้นไปวางบนหัว...และก็เผลอทำลงไปจริงๆซะด้วย...ผมสีทองถูกขยี้ไปมาจนพอยุ่ง  แล้วก็ขอโทษโดยการจัดสานเส้นผมให้เข้าที่เดิม  ไม่นานหมอนั่นก็เดินหน้าซีดๆจากไป  หลังจากที่ต้องยืนยันไปหลายต่อหลายครั้งว่าสามารถกลับเองได้...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

              น้ำที่ไหลผ่านบาดแผลชะเอาเลือดไหลลงไปจนนองพื้น  ความรู้สึกเจ็บชากลับสดใหม่ขึ้นมาอีกครั้งจึงทำได้แค่กัดฟันแน่น  ข่มความเจ็บเพื่อที่จะไม่ให้เผลอหลุดเสียงร้องออกมา

       

                      กล่องยาถูกยกมาวางที่เตียงนอน

       

      ก๊อก  ก๊อก

       

                      ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยคำ  หรือทันได้ขยับตัว  บานประตูก็เปิดออก  ใครคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะมาที่ห้องนี้  กำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่เหมือนจะไม่มั่นใจ

       

                      เสียงประตูปิดไล่หลัง  หากแต่คนที่เปิดเข้ามา  ตอนนี้เดินมาจนถึงที่เตียงแล้ว

       

                      เนื่องจากเลือดจากบาดแผลยังไม่หยุดไหล  ประกอบกับเมื่อครู่เดินพล่านหากล่องยาไปทั่วห้อง  เลยมารอยเลือดหยดอยู่เป็นทาง  จุดนู้นบ้าง  จุดนี้บ้าง  ให้บรรยากาศของห้องที่พึ่งจะเกิดการฆาตกรรมดีแท้....

       

                      เป็นไงบ้าง  น้ำเสียงอย่างที่ไม่เคยได้ยินถูกเอื้อยเอ่ย  พลอยทำให้รู้สึกเหมือนหัวใจถูกแกว่งไกว  เจ้านั่นเดินมานั่งลงที่ตรงปลายเตียงโดยไม่นำพาหย่อมเลือดที่กระจายอยู่ทั่วห้องสักนิด...

       

                      เจ็บมากไหม

       

                      แขนซ้ายถูกดึงเข้าไปดู  ก่อนที่จะลงมือทำแผลอย่างแผ่วเบาอย่างที่สุด

       

                      นายมาทำไม  เอ่ยออกไปอย่างที่ไม่รู้ว่าทำไมจึงได้เอ่ย  เหมือนมีก้อนแข็งจุกขึ้นมาในลำคอ  เมื่อต้องกล้ำกลืนมันลงไป  เสียงที่พูดจึงฟังดูนิ่งเย็นกว่าที่ต้องการให้เป็นอีกมากโข 

       

              แล้วทิ้ง เธอ ไว้แบบนั้น  ไม่เป็นอะไรหรือไง

       

                      ...ความเงียบทิ้งตัวลงมาอย่างน่ารังเกียจที่สุด...

       

                      แขนซ้ายที่ถูกทำแผลแล้วอย่างเรียบร้อยถูกจับมาวางไว้ที่ตัก  ท่ามกลางความเงียบของคนสองคนภายในห้อง  ร่างของเจ้านั่นขยับเข้ามานั่งเสียจนใกล้...

       

                      ใกล้...จนเกินไป...

       

                      เธอคนนั้นกลับไปแล้ว  เสียงนุ่นทุ้มทำลายความเงียบอันแสนอึดอัดจนแตกกระจาย  เจ้าแก่นั่นบอกให้ฉันช่วยดูแลในช่วงที่เธอคนนั้นอยู่ที่นี่  เพราะเธอเป็นทูตเจรจาของเฟมิลี่พันธมิตรน่ะ

       

                      อ่ะ..

       

                      สองแขนถูกยกขึ้นมากันคนที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เสียจนน่ากลัว  เพราะว่าเสียเลือดมากไปหรือไงก็ไม่รู้  แต่ตอนนี้ไม่มีแรงเลยจริงๆ

       

                      เจ้านั่นขยับโน้มหน้าเข้ามาใกล้ใบหูก่อนกระซิบเสียงแผ่วจาง

       

                      ที่ข้างๆตัวของฉันน่ะ  ยังไม่มีใครอยู่หรอกนะ..ตอนนี้

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...อาจจะเป็นเพราะความบ้า...

       

      ...หรือจะแค่เป็นเพียงความโง่งมงายก็ไม่รู้...

       

      ...แต่ภาพของเด็กหนุ่มผู้เงียบเหงายังคงติดตรึงอยู่ในใจ...

       

      ...และกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้ตัวฉันก้าวเดินไปยังเบื้องหน้า...

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...แม้ว่าภาพนั้นจะซ้อนทับอยู่กับราชสีห์หนุ่มผู้องอาจก็ตามที...

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...หรือบางที...

       

      ...อาจจะเป็นทั้งความบ้า  ทั้งความโง่งมงายก็เป็นได้...

       

      ...ที่ผลักดันให้ฉันอยากที่จะก้าวขึ้นไปอยู่เคียงข้างนาย...

       

       

       

       

       

       

       

      ...จะขอได้ไหมนะ...

       

      ...กับที่ข้างๆตัวของนาย...

       

      ...จะเป็นอะไรไหมนะ...

       

      ...ถ้าวันหนึ่งวันใดตัวฉันจะขึ้นไปยืนที่ตรงนั้น...

       

      ...เพราะอย่างน้อยที่สุด...

       

      ...ในตอนนี้...

       

      ...ฉันก็คือคนที่อยู่ใกล้กับตัวของนายมากที่สุด...

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...ฉันก็เพียงแค่อยากจะขออยู่ข้างๆนาย...

       

      ...ข้างๆของนาย...

       

      ...ที่ไม่เคยมีใคร...

       

      ...ขอที่ตรงนั้นให้ฉันได้ไหมนะ...

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...ฉันขออะไรมากเกินไปหรืเปล่า...

       

       

       

       

       

       

       

                           **************************************************************            

          
       

      End......




      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×