ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fallout: The return of caesar's legion (การกลับมาของซีซาร์ลีเจียน)

    ลำดับตอนที่ #2 : ยินดีต้อนรับสู่ Vault 5

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 67


    หลังจากเห็นภาพเปลวไฟที่อยู่เพียงเสียวตรงหน้าผ่านไป ความตายมากมาย บัดนี้ อยู่ภายนอกประตูยักษ์นี่แล้ว 
     

    แดนสงสัยว่าด้วยระยะเวลาอันสั้นนี้ เพื่อนของเขาจะสามารถหนีรอดได้รึไหม? 
     

    คงจะไม่มีทางรู้คำตอบเร็วนี้ๆ
     

    (“สตีฟ. . .”)
     

    เมื่อหันมองบุคคลภายในห้อง ซึ่งแต่ละคนก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
     

    เว้นแต่เจ้าหน้าที่ของ Vault ที่เดินเข้ามาพร้อมเชิญให้เดินผ่านโถงทางเดิน แสนยาว ระหว่างเดินก็มีเสียงจากลำโพงประกาศขึ้น 
     

    “สวัสดีครับท่าน สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี”
     

    “นี่คือเสียงของผู้ดูแล Vault 5 จอห์น สมิธ”
     

    “ผมขอยินดีต้อนทุกท่านรับสู่ Vault หลุมหลบภัยเพื่อมนุษยชาติ”
     

    “โปรดให้ความร่วมมือเดินตามเจ้าหน้าที่ เพื่อส่งพวกท่านทุกคนอย่างปลอดภัย”
     

    เมื่อเดินตามเจ้าหน้าที่ ถึงประตูขนาดใหญ่อีกชั้น ไม่นานเสียงแอ๊ดของประตูก็ดังขึ้น เปิดอีกครั้ง
     

    หลังประตูได้พบกับ นักวิทยาศาสตร์ และ เจ้าหน้าที่ที่เหลือยืนต้อนรับ 
     

    “ยินดีต้อนรับครับ!”
     

    “ยินดีต้อนรับค่ะ!”
     

    เสียงปรบมือแสดงความยินดี พร้อมรอยยิ้มของพวกเขาอาจทำให้คนอื่นสบายใจ  
     

    แต่สำหรับ แดน เขาไม่สามารถรู้สึกแบบเดียวกันได้
     

    (“เฮอะ เยี่ยม... ตอนนี้ฉันได้เพิ่งเข้ามาในสถานที่ ที่ฉันเกลียดเสียแล้ว...”)
     

    ค่อมาได้มีคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ ให้ผู้คนต่อแถว และ รับชุด vault uniform มีเลข 05 ด้านหลัง 
     

    โดย ชาย กับ หญิง เมื่อได้รับชุด พวกเขาจะถูกแยกไปยังห้องเปลี่ยนชุดตามเพศเฉพาะ 
     

    เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จกันหมด เจ้าหน้าที่ก็ได้นำปล่อยให้ทุกคนเดินสำรวจ ส่วนเรื่องห้องได้มีการ ใส่ชื่อตามหน้าประตูไว้แล้ว 
     

    หลังจากเดินสำรวจมาหลายชั่วโมง จนสามารถจดจำสถานที่คร่าวได้
     

    แดน ได้เดินมานั่ง พักหายใจพร้อมใจตั้งสติกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มร้องเพลง Lonely แก้เบื่อ
     

    ขณะที่ร้องมาได้ครึ่งเพลงก็มีเสียงผู้หญิงขัดจังหวะ
     

    “สวัสดีคะ?”
     

    “I have nobody for m-!? โว้ว! อะไร!?”
     

    แดน เผลอตกใจ เพราะ มีหญิงสาวเดินเข้ามาทักทายเขา 
     

    เธอมีผมสั้นสีดำ ตาสีน้ำตาล ผิวขาว อายุคาดว่าน่าจะสัก 20-25 ปี เธอมีสีหน้าที่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
     

    “ขอโทษที่รบกวนคะ ฉันมีชื่อว่า เจสสิก้า ไลลีย์” 
     

    เธอยื่นมือทักทาย แดน จับมือตอบรับอย่างช้าๆ พร้อมแนะนำตัวเอง
     

    “ครับ? มีอะไรรึเปล่าครับ? ผมเผลอรบกวนอะไรคุณรึป่าวครับ?” 
     

    “ไม่คะ ไม่เลย ฉันอยากจะถามด้วยซ้ำ คุณเป็นนักร้องรึเปล่าคะ?”
     

    “ไม่ครับ ผมเป็นแค่ครูประวัติศาสตร์ครับ ผมมักจะร้องเพลงหรือวาดรูปเวลาเบื่อครับ” 
     

    “แต่เสียงคุณนี่น่าจะเป็นนักร้องได้เลยคะ” 
     

    แดนรู้สึกดีขึ้นหลังจากได้รับคำชม แต่เขาก็ไม่อยากรับคำเยินยออะไรมากนัก ด้วยความเกรงใจ
     

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ และ ผมก็อายุปาไป 40 กว่าแล้ว อีกไม่นานก็สนิมเกาะแล้ว”
     

    เสียงขำในลำคอของ เจส ดังมากพอจะได้ยิน ซี่งถือเป็นบรรยากาศอันอบอุ่นยิ่งกว่า ที่ Vault จัดให้ 
     

    จากการทักทายเล็กน้อย ลากเข้าสู่การพูดคุย และ ความสนิทสนมที่เพิ่มขึ้น 
     

    หลังจาก 6 เดือนถัดมา 
     

    แดน กับ เจส ได้สนิทกันมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ได้รู้สึกโรแมนติกอะไรกับเธอ มันเป็นความรู้สีกเหมือนพ่อลูกมากกว่า อาจเป็นเพราะ ด้วยวัยที่ห่างกันมาก และ การที่เขาไม่เคยมีความรักกับใครในชีวิต 
     

    ถ้าชีวิตที่เหลือแค่การอยู่ไปวันๆ จนตายและให้ลูกหลาน มารับช่วงต่อ มันก็คงจะจบแค่นั้น แต่
     

    'ความมั่นคงที่แท้จริงคือความไม่มั่นคง'
     

    ได้มีการประกาศจากผู้ดูแลเรื่องโรคระบาดปริศนา เลยให้มีการกักตัวอยู่แต่ในห้อง 
     

    แดน มักจะสังเกตหลายครั้งว่าเวลาคนที่ถูกตรวจพบว่าติดโรค จะถูกลากหายไปในห้องกักกัน เพื่อหาทางรักษาและเงียบหายไปเลย 
     

    แต่ที่น่าสงสัยคือ อาการ ของโรคคืออะไร ทำไมบางคนที่ดูแข็งแรงกว่าเขายังถูกระบุว่าติดโรคได้กัน? 
     

    สุดท้ายวันนั้นก็มาถึง วันที่เขาถูกระบุว่าติดโรค แม้ว่าเบาจะพยายามอธิบายว่า เขาไม่ได้มีอาการอะไรที่ระบุว่ามีโรค แต่สุดท้ายก็ไร้ผล
     

    ขณะที่ถูกนำตัวไปห้องกักกัน เขาได้เลือกตาไปเห็นคนที่เขาไม่คาดคิด
     

    แม้แต่ เจส เธอเองก็ไม่เว้นที่ถูกระบุว่าติดโรค แต่ได้ไงกัน 
     

    เมื่อทั้งสอง ถูกลากมาไว้ในห้อง พวกเขาก็หันหน้าเขาหาคุยกัน 
     

    “แดน นี่หมายความว่าไง? นี่มันอะไรกัน” 
     

    เจสกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว 
     

    “ชู่วๆ ใจเย็นก่อน พวกเราจะไม่เป็นอะไร ถ้ามันเป็นแค่ความเข้าใจผิด พวกเราก็รู้ตัวดีใช่ไหมละ?” 
     

    “แต่ถ้าไม่ละ?”
     

    “พวกเขาเป็นถึงขั้น นักวิทยาศาสตร์เฉพาะเลยนะ แดน” 
     

    “หมอมันก็คนเหมือนกันนะแหละ พูดได้ก็พลาดไ-” 
     

    ยังไม่ทันที่จะได้คุยมากกว่านี้ นักวิทยาศาสตร์ของ Vault ก็เข้ามา พร้อมแนะนำให้พวกเขาเข้าไปในห้องฆ่าเชื้อ 
     

    “โปรดให้ความร่วมมือด้วยครับ” 
     

    เมื่อทั้งสองได้เข้าไปในห้อง แก๊สก็ถูกปล่อย แต่มันไม่ใช่แค่แก๊สฆ่าเชื้อ มันให้ความรู้สึกที่มึนและง่วงนอน 
     

    มันคือแก๊สยาสลบ แดน ได้พยายามทุบกระจกของประตู แต่สุดท้ายก็ไร้ผล สติของเขาได้เลื่อนลางและล้มลง 
     

    สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือ เจส ที่ล้มลงพร้อมกับเขาก่อนนักวิทยาศาสตร์จะเข้ามา

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    “แป๊ะ!!”

    เสียงตบหน้าอยากแรงได้ถูกกระทบ บนหน้าของแดน เมื่อเขาได้สติกลับมา ร่างกายของเขาได้ถูกมัดไว้กับเตียง 
     

    “ฮืม. . เฮ้ยย!”
     

    “นี้มันบ้าอะไรเนี่ย!!!?” 
     

    แดน กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อหันสำรวจรอบตัวไปมา มันเหมือนห้องผ่าตัด และ ยาอะไรไม่รู้มากมายถูกวางไว้บนโต๊ะเข็น คนที่อยู่ในห้องนอกจากเขาคือเป็นนักวิทยาศาสตร์ของ Vault ที่ยืนรวมกันอยู่
     

    แต่ละคนถือแผ่นกระดาษจดเอาไว้ ก่อนจะมีการพูดคุยในหมู่นักวิทย์
     

    “ดังนั้นเขาจำเป็นต้องตื่นงั้นหรอ?”
     

    “จากลำดับทดลอง เขาต้องตื่นอยู่คะ”
     

    “งั้นทุกคนก็ว่าตามนั้นใช่ไหม?” 
     

    นักวิทย์ ทุกคนตอบเห็นด้วยแทบจะในทันที
     

    มีเพียงแต่ แดน คนเดี๋ยวที่ไม่เห็นด้วย เขาสามารถรู้สถานการณ์ได้ทันที ว่าเขากำลังพบเรื่องอะไร 
     

    “ไ# พวกโง่! พวกแกไม่รู้กำลังทำอะไร!?” 
     

    “โลกเพิ่งล่มสลายและนี่คือสิ่งที่พวกแกทำงั้นหรอ!? แน่ใจนะว่าที่ได้คิดออกมา ผ่านกระบวนการคิดในสมองมาแล้ว!?”
     

    “หรือ พวก Vault-tec มันให้ทำอะไรอีก? ในเมื่อสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว พวกแกยังหยุดการทดลองบ้าง นี่ไ-”
     

    แดน ได้ถูกหนึ่งในนักวิทย์ ตบหน้าเข้าให้อีกครั้ง ก่อนจะถูกเทปมาแปะปิดปากเอาไว้ 
     

    “ลุงบ้านี่ มันอะไรกันหนักหนา แค่อยู่เงียบๆ ไปก็พอเถอะ”
     

    จากนั้นเหล่านักวิทย์ เริ่มฉีดยาประหลาดแก่เขา และ ทดลองโดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ เกินกว่าจะบรรยายได้
     

    จากนาที สู่ชั่วโมง จากชั่วโมงสู่วัน และ เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ นานแค่ไหน ถึงปีรึยัง? เขาเองก็ไม่แน่ใจ ห้องที่ไร้การพูดถึงเวลามันระบุยาก 
     

    แต่วันนี้เขาจะไม่ทนอีกแล้ว เขาจะต้องหนี หรือ ฆ่าพวกมันซะ ขณะที่ตอนนี้ในห้องมีนักวิทย์ 1 คน กำลังจดไปเรื่อยและเดินมาสำรวจใกล้ๆ แดนใช้พลังที่มีตอนนี้กระชากจนที่รัดแขนของเขาได้ขาดลง
     

    มือของเขาได้จับคอนักวิทย์คนนั้น ก่อนที่จะใช้แขนอีกข้างแกะส่วนที่เหลือ เมื่อได้ยืนขึ้น เขารู้สึกถึงไขมันที่หายไป และ แทนที่ด้วยกล้ามเนื้อ 
     

    นักวิทย์นั้นกำลังจะขาดอากาศหายใจ แดน สามารถฆ่าเขาได้
     

    “แก... พวกโรคจิต พวกแกมัน!”
     

    “ได้โป- โปรด เ-เม-เมตตา...” 
     

    แม้เขาจะไม่เคยฆ่าใครมาก่อนในชีวิต แต่เขาเลือกที่จะปล่อยให้มันรอดไม่ได้จริงๆ กับ สิ่งที่มันได้กระทำ เขาจึงได้รีบหักคอมันให้พ้นทุกข์ 
     

    “อะนี่... ความเมตตา...” 
     

    เขารีบค้นตัวนักวิทย์คนนั้น ซึ่งมันมี key card และ ไปหยิบพวกมีดในห้องมาป้องกันตัว 
     

    เมื่อเขาได้ใช้คีย์การ์ดสแกน และ เดินออกมามันดันมียามอยู่ข้างๆ เฝ้าประตู 
     

    ต่างฝ่าย ต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ ยามไม่ทันได้ทำอะไร หมัดของ แดน ก็พุ่งใส่ยามไปจนสลบเสียก่อน 
     

    แดนแทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเอง ว่าจะหมัดเร็วและแรงขนาดนี้ แต่นี้ไม่ใช่เวลาตกใจ เขารีบหยิบปืนพกของยามมาใช้ และ วิ่งไปตามทางเดิน 
     

    แม้ว่าจะอยู่ใน Vault มาหลายเดือน แต่แน่ใจว่าไม่เคยเห็นทางเหล่านี้แน่ เหมือนทางลับ สุดท้ายมาถึงทางเลี้ยวสู่อีกประตูที่มียาม 2 คน เฝ้าอยู่
     

    “หยุด! อย่าขยับ!”
     

    กระสุนจากยามทั้ง 2 ได้เริ่มเปิดฉากยิง แดน รู้สักคัวเร็วเขารีบหมุน ตัวเองหลบ และ ใช้ปืนของตน ยิงโต้กลับ แน่นอนเขาไม่ใช่ทหารหรือตำรวจที่ยิงแม่น เขาต้องรออย่าเสี่ยง
     

    เขารอจนจังหวะที่ยามทั้ง 2 รีโหลดกระสุน ตอนนั้นเขารีบโชว์ตัวออกไป และ ใช้กระสุนยิงใส่ขา และ ลำตัวของทั้ง 2 
     

    เสียงโอดโอย ของยามแสดงถึงความเจ็บปวด แดน รีบใช้ปืนจัดการพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนตามจากเสียง 
     

    เมื่อใช้ คีย์การ์ด เปิดประตูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ประตูทางออก แต่มันคือห้องขัง ซึ่งในห้องก็มีนักวิทยาศาสตร์หลายคน พร้อมกับ ผู้คนที่ถูกมัด เอาไว้ 
     

    แดน เล็งปืนไปยังเหล่านักวิทยาศาสตร์ทันที พร้อมชี้ไปยังมุมของห้อง
     

    “มารวมกันตรงนี้!!!” 
     

    “ได้โปรคะ อย่-”
     

    “#ู บอกให้มารวมกันตรงนี้!” 
     

    เสียงปืนจากแดนได้ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการยิงขู่ ซึ่งเหล่านักวิทย์ก็หวาดกลัว จนต้องปฏิบัติตาม 
     

    “และ อย่าขยับ. . . หากมีใครคนหนึ่ง...” 
     

    แดนรีบไปดูสภาพของแต่ละคน เขาได้ตามหาชื่อ เจส และ ได้พบ แต่สภาพของเธอช่างไม่น่าอภิรมย์ เธอสภาพแย่ลงมากจากครั้งสุดท้ายที่ได้พบ 
     

    เขาใช้มือจับเขย่าตัวของเธอเบาๆ เพื่อให้รู้สึกตัว
     

    เธอใช้แรงอันน้อยนิดลืมตามามองเขาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า 
     

    “ค-คุณ. . .เป็นใคร? . . .คุณ คือ เทวาดา?” 
     

    “ใช่... เจส ฉันคือเทวดาของเธอ” 
     

    เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ 
     

    “ฮึ... แดน นาน... เหลือเกิน... กี่ปีแล้วนะ...คุณดู... หล่อ... ขึ้น... ฮึ...” 
     

    ก่อนที่เธอจะหลับตาลงอีกครั้ง และ นิ่งไป เธอยังไม่ตายแค่สภาพร่างกายก็เหนื่อยล้าเกินจะทำอะไรไหว 
     

    แดน หันมายังนักวิทย์ อีกครั้ง พร้อมเล็งปืนขู่ 
     

    “อธิบายมาเดี๋ยวนี้! หากใครอธิบายไม่รู้เรื่อง ตาย!” 
     

    นักวิทย์ ต่างหวาดกลัว ก่อนจะเริ่มแย่งกันพูด จนฟังไม่รู้เรื่อง 
     

    “พูดทีละคน ทีละคนโว้ยย!” 
     

    จากนั้นนักวิทย์หญิง ที่ดูเป็นหัวหน้านักวิจัยได้เริ่มพูด 
     

    “เรา-เรา แค่ทำตามคำสั่ง” 
     

    “คำสั่งใคร!?” 
     

    “Vault-tec! คนใหญ่คนโตนายทุน ทั้งหมด พวกเขาสั่งให้เราทำ!” 
     

    “พวกเขาให้เราทำ ให้พวกเราทุกคน ทุก Vault ทำการทดลองกับผู้อยู่อาศัย ตามแต่ที่พวกเขากำหนด”
     

    “และ Vault 5 คือการสร้างยอดมนุษย์ เหมือนพวก ฮีโร่ตามการ์ตูน แต่ผลลัพธ์มันเป็นไปไม่ได้ มันเหนือธรรมชาติเกินไป ใกล้เคียงมากสุดคือ ค-คุณ”
     

    “แล้ว Vault อื่นละ!? ทำการทดลองอะไร เช่น Vault 6”
     

    “เราไม่รู้ๆ! พวกเรารู้แค่หน้าที่ของพวกเรา” 
     

    จากนั้นนักวิทย์ชายอีกคนได้พูดแทรกขึ้น
     

    “แต-แต่ นั้นก็ทำให้คุณถือว่าพิเศษกว่าคนอื่น จนเราเก็บรักษาดูแลคุณอย่างดี คุณลองดูที่กระจกสิ” 
     

    แดน ได้ลองหันไปยังกระจกสะท้อน ภายในห้อง และ เมื่อมองมันเขาพบว่าตอนนี้ ร่างกายที่เคยดูอวบและแก่ของเขาได้หายไป 

     

    ถูกแทนที่ด้วยกล้ามที่แน่น ผิวหนังที่ไร้รอยเหียวยน และ ผมที่ดูเด่นชัด หน้าตาและอายุของเขาเหมือนจะถูกย้อากลับไปตอนอายุ 27-30 ต้นๆ ได้ 
     

    แดนจับหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะที่เขายังต้องหน้านั้น เขาๆด้เห็นเงาสะท้อนของ นักวิทย์ชายคนนั้นอีกครั้งที่กำลังจะใช้ ไม้ช๊อตไฟฟ้า มาใส่เขา 
     

    เขากลิ้งหลบอย่างไวแล้วยิงปืนใส่นักวิทย์คนนั้นจนล้มลง ขณะที่เขาสนใจแต่นักวิทย์บ้านั้น คนอื่นๆ ก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องอย่างไม่มีรอ 
     

    แดนรีบยิงปืนใส่ แต่กระสุนเขาก็ไม่มากพอจะฆ่าพวกมันทั้งหมด 
     

    และ จู่ๆ ความรู้สึกของเข็มบางอย่างถูกฉีดที่เท้า แดน ก้มหน้าลงไปมอง มันคือนักวิทย์คนเดิมที่ยังไม่ตาย มันได้ใช้เข็มฉีดบางอย่างใส่เขา 
     

    และ ไม่นานความรู้สึกมึนเมา ก็เริ่มอีกครั้ง จนล้มลง ทุกอย่างเริ่มพร่ามมัว เมื่อเขากระพริบ
     

    เขารู้สึกตัวเหมือนกำลังโดนลาก เมื่อกระพริบอีกครั้ง 
     

    ครั้งนี้เขากำลังถูกยัดใส่ แคปซูลบางอย่าง ก่อนน้ำแข็งจะเริ่มเกาะ ตามตัวเขาและกระจก 
     

    (“ไม่. . . ไม่ . . . มันจะต้องไม่เป็นแบบนี้...”)
     

    และ ทุกอย่างก็มืดลง... 
     

    ในความมืดมิดนั้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอย ลอยอยู่ในความว่างเปล่า 
     

    นี่เขากำลังอยู่ในโลกความตายรึเปล่า? 
     

    “หรือ มันจะเป็นการลงโทษของพระเจ้า...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×