เริ่มต้นเรื่องราวการผจญภัยของพ่อหวานและผองเพื่อนคงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่โลกอีวาลิซยังถูกแบ่งออกเป็น 7 อาณาจักรได้แก่ Zeltennia, Fovoham, Lionel, Limberry, Lesalia, Gallione, Murond
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อุ๊บส์ ไม่ใช่ไฟนอลแทคติค...
ย้อนกลับไปครั้งอดีตกาลนานหลายศตวรรษ...
เมื่อครั้งที่เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของโลกอีวาลิซที่แสนจะธรรมดากำลังจะถูกเปลี่ยนไป เพราะการกำเนิดของศิลาวิเศษสามชิ้น (ผมขอเรียกมันว่า "ศิลาอาถรรพ์" ละกัน) ที่สามารถดูดซับพลังเวทย์มนต์ทุกชนิด ใครได้มันมาครอบครองจะมีพลังอำนาจอันมหาศาลเทียบเทียมพระเจ้า...
ต้นกำเนิดของศิลาอาถรรพ์มาจากไหนไม่แน่ชัด แต่ตามตำนานที่เล่าสืบทอดกันมาของ "การิฟ" เผ่าพันธุ์หนึ่งบนอีวาลิซได้กล่าวไว้ว่าศิลาอาถรรพ์ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า ครั้งแรกพระองค์ทรงมอบมันให้กับพวกการิฟ แต่การิฟกลับด้อยปัญญาเกินไปและไม่สามารถใช้ศิลาอาถรรพ์ได้ พระเจ้าจึงริบศิลาอาถรรพ์กลับคืนและส่งต่อมันให้กับ "กษัตริย์เรสวอล" ด้วยพลังของศิลาอาถรรพ์ กษัตริย์เรสวอลทรงสามารถรวบรวมดินแดนทั้งหลายให้กลายเป็นหนึ่งและทรงตั้ง "สหพันธรัฐกัลเทีย" ขึ้น นับแต่นั้นความสงบสุขก็ปกคลุมไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินของอีวาลิซ
เมื่อแผ่นดินมีความเป็นปึกแผ่นพลังของศิลาอาถรรพ์ก็ไม่มีความจำเป็นสำหรับกษัตริย์เรสวอลอีกแล้ว พระองค์ทรงแยกศิลาอาถรรพ์ทั้งสามชิ้นไปเก็บไว้ในที่ต่าง ๆ
“ศิลารุ่งโรจน์” ถูกส่งไปให้กับราชวงศ์ชั้นสูงแห่งนครนาบราเดีย “ศิลาสนธยา” ให้กับผู้ก่อตั้งสหราชอาณาจักรดัลมาสก้า และ “ศิลารุ่งอรุณ” ชิ้นสุดท้ายถูกเก็บรักษาไว้ภายในส่วนลึกของปราสาทเรสวอลที่ได้กลายเป็นที่เก็บพระศพของพระองค์ในเวลาต่อมา
ความลับเรื่องพลังอันมหาศาลของศิลาอาถรรพ์ค่อย ๆ สูญสลายไปตามกาลเวลา ต่อมาศิลาทั้งสามได้กลายเป็นเพียงราชสมบัติที่สืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นและเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการสืบสายพระโลหิตของกษัตริย์เรธวอลผู้เคยยิ่งยงเท่านั้น...
หลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์เรสวอลไม่นาน สหพันธรัฐกัลเทียก็แตกออกเป็นหลายอาณาจักร ที่สำคัญได้แก่
จักรวรรดิอาคาเดีย
ตั้งอยู่บนทวีปวาเลนเทีย อาคาเดียเป็นประเทศที่มีความรุ่งเรืองในหลาย ๆ ด้าน ใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตย มีจักรพรรดิ (ณ ปัจจุบันคือจักรพรรดิกรามิส) และวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ปกครอง กองกำลังทหารที่เข้มแข็งนำโดยจัดจ์มาสเตอร์ที่ขึ้นตรงต่อกษัตริย์โดยตรง ด้านวิทยาศาสตร์ก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว เป็นประเทศที่ริเริ่มการสร้างเรือเหาะโดยด็อกเตอร์ซิดนักวิทยาศาสตร์ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง (และเสียสติ)...
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ก็ยังคงมีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน ผู้คนที่ยากจนจะไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงและถูกบังคับให้ต้องอาศัยอยู่ที่เมืองอาคาเดียเก่าที่มีสภาพเหมือนสลัมเท่านั้น
จักรวรรดิโรซาเรีย
ตั้งอยู่บนทวีปออร์ดาเลีย ปกครองโดยราชสกุลมัลการาส เป็นอาณาจักรที่มีความเจริญทัดเทียมกับอาคาเดีย ทั้งสองอาณาจักรมักจะแข่งกันเป็นที่หนึ่งในอีวาลิซจึงทำให้มีการกระทบกระทั่งกันอยู่เสมอ ๆ...
ราชอาณาจักรดัลมาสก้า เมืองหลวงคือราบานาสต์
อาณาจักรที่พ่อหวานพระเอกของเราอาศัยอยู่ ปกครองโดยกษัตริย์รามินาส มีพระราชธิดา 1 พระองค์คือองค์หญิงอาเช่...
ราชอาณาจักรนาบราเดีย เมืองหลวงคือนาบูดิส
อาณาจักรของท่านลอร์ดเรสเลอร์ผู้อาภัพ เป็นอาณาจักรเล็ก ๆ อยู่ระหว่างจักรวรรดิและดัลมาสก้า...
นครลอยฟ้าบิวเยอร์บา
ปกครองโดยดยุคโอดอร์ (ที่ 4) เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่สวยงาม มีวิทยาการทางด้านเรือเหาะที่ก้าวหน้าอย่างมาก สามารถทำให้แผ่นดินลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ บิวเยอร์บาเป็นประเทศที่อ้างว่าวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใด โอดอร์ที่ 4 มีความสัมพันธ์อันดีกับกษัตริย์รามินาส องค์หญิงอาเช่ก็ทรงให้การเคารพดยุคโอดอร์เสมือนพระปิตุลา (คุณลุง) ของเธอ...
อาณาจักรที่เจริญรุดหน้าและโดดเด่นกว่าใครเพื่อนได้แก่จักรวรรดิและอาณาจักรโรซาเรีย ทั้งสองตั้งอยู่คนละทวีป เปรียบได้กับเสือสองตัวอยู่คนละถ้ำกันครับ บางวันเกิดออกจากถ้ำมาพร้อมกันก็มีฮึ่ม ๆ ใส่กันบ้างประปราย ไม่ถึงขนาดฟัดกันตายไปข้างหนึ่งอย่างปัจจุบันหรอก เพราะลึก ๆ แล้วใคร ๆ ก็รักสันติและเกลียดสงครามกันทั้งนั้น จริงมั้ย ? ประการสำคัญคือระหว่างอาณาจักรทั้งสอง มีสหราชอาณาจักรนาบราเดียและดัลมาสก้าตั้งขวางเป็นรัฐกันชนอยู่ครับ แม้จะเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ แต่ความเข้มแข็งทางการทหารของทั้งสองอาณาจักรเองก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน...
สถานการณ์มันมาเลวร้ายเอาตอนยุค "จักรพรรดิกรามิส" ครับ ลำพังตัวกรามิสเองน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ "เวน" บุตรชายคนโตของกรามิสสิครับตัวแสบ ไอ้เวรนี่มันบ้าอำนาจของจริง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองเป็นใหญ่ให้ได้ โดยหลังจากเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ เอ๊ย เข้าไปควบคุมอำนาจทหารในจักรวรรดิได้อย่างเบ็ดเสร็จเขาก็เดินหน้าลุยเลยครับ ซึ่งอาณาจักรแรกที่โดนไปก่อนก็คือนาบราเดียของ "ท่านเรสเลอร์" สุดหล่อนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นท่านลอร์ดเดินทางมาเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์หญิงอาเช่ที่เมืองราบานาสต์...
เมื่อนาบราเดียที่เปรียบเสมือนปราการด่านแรกของท่านชายล่มสลายไปแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คืออาณาจักรดัลมาสก้า กองกำลังของจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ค่อย ๆ รุกคืบหน้ามาเรื่อย ๆ จนถึง "นัลบีนา" เมืองหน้าด่านสำคัญของดัลมาสก้า หากนัลบีหน้าแตกเมื่อไหร่ ดัลมาสก้าต้องตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของจักรวรรดิเป็นแน่ กษัตริย์รามินาสทรงตัดสินพระทัยส่งกองทัพหลักนำโดยนายพลแบชผู้เลื่องชื่อและท่านลอร์ดเรสเลอร์ผู้เลอโฉม เอิ๊ก...ไปยังนัลบีนาเพื่อยันกับทัพของจักรวรรดิ แต่สุดท้ายก็ต้านทานความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ลอร์ดเรสเลอร์เสียชีวิตกลางสนามรบ (ถูกศรปักอก = =') กษัตริย์รามินาสถูกปลงพระชนม์ องค์หญิงอาเช่หายสาบสูญ และในที่สุดดัลมาสก้าก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิ...
กษัตริย์รามินาสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำสัญญาสงบศึกตามเงื่อนไขของจักรวรรดิ บาชรู้ว่าหลังการทำสนธิสัญญาดังกล่าวทหารของจักรวรรดิต้องไม่ปล่อยกษัตริย์รามินาสเอาไว้แน่ เขารวบรวมทหารผู้จงรักภักดีได้กลุ่มหนึ่ง หนึ่งในนั้นมี "เร็กซ์" พี่ชายของวานรวมอยู่ด้วย...
เร็กซ์รับหน้าที่รั้งท้ายซื้อเวลาทหารจักรวรรดิให้บาชล่วงหน้าไปก่อน หลังจากกำจัดศัตรูจนหมดเล็กซ์รับติดตามเพื่อนทหารไปยังท้องพระโรง...
ภาพที่เขาพบก็คือร่างอันไร้วิญญาณของทหารดัลมาสก้า และกษัตริย์รามินาส!!!
ก่อนที่ความรู้สึกนึกคิดใด ๆ จะเกิดขึ้น เขาก็รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งร่าง ดาบเล่มหนึ่งได้เสียบเข้าที่หน้าอกของเขาเสียแล้ว...
"นายพลบาช ทำไมท่าน..."
"วาน..."
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เพื่อความสงบสุขของดัลมาสก้า ดยุคโอดอร์ตัดสินใจประกาศให้ทุกคนวางอาวุธ บาชคือผู้ทรยศและเป็นคนปลงพระชนม์กษัตริย์รามินาส และองค์หญิงอาเช่ได้สิ้นพระชนม์แล้ว...
2 ปีหลังจากการล่มสลายของดัลมาสก้า เรื่องราวการผจญภัยของวานก็ได้เริ่มต้นขึ้น...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น