เจ้าสาวซามูไร (แนวจีนย้อนยุค ชุดเจ้าสาวห้าแผ่นดิน) - นิยาย เจ้าสาวซามูไร (แนวจีนย้อนยุค ชุดเจ้าสาวห้าแผ่นดิน) : Dek-D.com - Writer
×

    เจ้าสาวซามูไร (แนวจีนย้อนยุค ชุดเจ้าสาวห้าแผ่นดิน)

    คำพูดหวานหูของเขาหวานล้ำไปถึงหัวใจที่กำลังเต้นรัวของนาง และยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด นางอยากจะลิ้มรสปากหวานๆ นั้นนัก

    ผู้เข้าชมรวม

    13,817

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    59

    ผู้เข้าชมรวม


    13.81K

    ความคิดเห็น


    43

    คนติดตาม


    115
    จำนวนตอน :  22 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ย. 58 / 12:44 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตัวอย่างเจ้าสาวซามูไร

     

    “ข้านึกว่าเจ้าจะคุยจนน้ำอุ่นกลายเป็นน้ำเย็นแล้วค่อยเข้ามาซะอีก”เพียงแค่ประตูห้องปิดลง เสียงทุ้มเสนาะหูก็ดังขึ้นอย่างประชดประชัน

    หญิงสาวที่ถูกประชดคลี่ยิ้มกว้าง ไม่ได้ถือสากับคำพูดของเขา และไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขาเหมือนเช่นวันแรกๆ อีกแล้ว ช่วงเวลาสิบกว่าวันที่ได้ใกล้ชิดกับเขาในทุกๆ เช้า ทำให้นางรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างที่คิด แต่มันคงเกิดจากนิสัยของคนที่เป็นผู้นำ คนที่ไม่เคยก้มหัวให้ใคร การแสดงออกจึงดูเผด็จการและเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่

    “ข้านึกว่าท่านยังไม่ตื่นนี่ คราวหน้าก็บอกสิเจ้าคะว่าตื่นแล้ว ข้าจะได้รีบเข้ามาปรนนิบัติ” หญิงสาววางอ่างน้ำลงบนตั่งข้างที่นอน

    “ปรนนิบัติ” เขาเหลือบสายตาอันสุขุมไปมองนาง แล้วเริ่มล้างหน้าล้างตาจนเสร็จเรียบร้อย “ก็ดีนะ.. ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หน้าที่ของเจ้าเริ่มตั้งแต่ข้าตื่นนอน ถ้าไม่มาข้าจะหักค่าแรงสามวัน”

    “ท่าน!.. ท่านทำให้ข้าผิดหวังนัก ตัวข้าเปรียบเสมือนปูที่ไม่มีเลือด ส่วนท่านเปรียบเสมือน...” เหมือนอะไรดีนะ นึกๆๆๆๆ อ้อ! “เหมือนฉลามขาวจ้าวแห่งท้องทะเล มันคุ้มแล้วเหรอที่ฉลามขาวจะมากินเลือดปู”

    คำพูดเปรียบเปรยของนางทำให้เขายิ้มได้ แต่นางจะไม่มีโอกาสได้เห็นเด็ดขาด เขาลุกจากเตียงนอนแล้วหันไปบิดกายทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อน

    “ข้าว่าก็คุ้มนะ เพราะเจ้าอาจจะเป็นพญาปูแห่งท้องทะเลก็ได้ ถึงไม่มีเลือดแต่ก็มีเนื้อมีไข่ให้ข้ากิน”

    จะใจร้ายใจดำเกินไปหน่อยแล้ว นางเพิ่งจะได้ค่าแรงเพิ่มเป็นวันละหนึ่งหยวน แต่พอไม่มาทำงานจะหักครั้งละตั้งสามหยวน มันไม่คุ้มเอาซะเลย

    “ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน ข้าอยากได้ความยุติธรรม”

    “ความยุติธรรมที่เจ้าเรียกหามันอยู่ที่ข้านี่แหละ ถ้าเจ้ารู้จักตรงต่อเวลามันก็ยังอยู่ตลอดไป”

    “แบบที่ท่านทำเขาไม่ได้เรียกว่ายุติธรรม เขาเรียกว่าเผด็จการต่างหาก” นางพึมพำเบาๆ ไม่มีเจตนาให้เขาได้ยิน

    “เจ้าว่าอะไรนะ”

    “เปล่าเจ้าคะ”

    “หวีผมให้ข้าหน่อย” เขาไม่พูดเปล่า แต่โยนหวีให้นาง

    “ข้ารวบผมไม่เป็น”

    “แล้วเจ้าหวีผมเป็นไหม”

    “เป็นเจ้าคะ”

    “ถ้าอย่างนั้นก็หวีให้เสร็จแล้วข้าจะเกล้าให้ดู”

    “ทำเองก็เป็น แล้วทำไมต้องให้คนอื่นทำให้ด้วย” นางทำปากขมุบขมิบแต่ก็ยอมขยับไปยืนด้านหลัง แกะผมของเขาแล้วสางให้ใหม่จนคลายเป็นระเบียบ แล้วตั้งใจดูการเกล้าผมของเขาอย่างจดจ่อ

    “คิดว่าทำได้ไหม”

    “คิดว่าได้เจ้าคะ”

    “ถ้าอย่างนั้นก็ลองทำดู ทำจนกว่าจะดี” เขาคลายผมที่เกล้าเอาไว้จนเข้าทรงทิ้งก่อนจะพูดจบด้วยซ้ำ

    แกล้งกันชัดๆ... กรรณิการ์อยากจะเอาหวีเสนียดในมือสับใส่ศีรษะของเขาให้รู้แล้วรู้รอด แต่สิ่งที่ทำคือรับคำอย่างอ่อนน้อมแล้วทำตามคำสั่งของเขาไปเงียบๆ

    ฮันโจมองหญิงสาวผ่านกระจก นางตั้งใจทำจนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกมอง รู้สึกพอใจที่มีนางมาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ... แต่แล้วคำพูดของอิงฮวาก็ลอยเข้ามา ทำให้ความสุขของเขาหลุดลอยไปทันที

    “เมื่อวานไปทำงานที่อื่นเป็นอย่างไรบ้าง”

    “ก็เหมือนทุกครั้ง ทำงานเสร็จก็รับเงินกลับบ้าน”

    “ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยเหรอ”

    “ไม่มีเจ้าคะ” ไม่มีเรื่องตื่นเต้นแต่ก็มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่งที่ยังค้างคาใจนางอยู่ แต่นางจะไม่ถามและไม่พูดอะไรทั้งนั้น “ท่านถามทำไมเจ้าคะ หรือว่ารู้จักกับลอร์ดคาร์ลอส” แม้จะห้ามใจตัวเองแล้วแต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี นี่แหละหนามนุษย์ อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องคนอื่น

    “ทำไมเหรอ เจ้าคิดว่าข้าควรรู้จักลอร์ดอะไรนั่นด้วยเหรอ”

    เขาสบสายตากับนางผ่านบานกระจก แต่นางรีบหลบสายตาอย่างรวดเร็วจนคำถามที่คิดว่าถามเล่นๆ เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา...

    คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อยกับอาการนั้น เพราะหลายวันมานี้นางกล้ามองสบตากับเขามากขึ้นเวลาคุยกัน แต่ครั้งนี้นางหลบแทบจะทันทีที่ถูกถาม... ถ้าเป็นแบบนี้นางต้องรู้อะไรมาใช่ไหม

    “บอกข้ามาตรงๆ เถอะ ข้าไม่ว่าอะไรหรอก”

    “บอกอะไรเจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ”

    นางกำลังเสแสร้งใส่เขา “เจ้าคงบอกเขาไปแล้วสิว่าข้าอยู่ที่นี่”

    “เปล่านะ!” นางปฏิเสธด้วยท่าทางตกใจก่อนจะชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขาเมื่อตั้งสติได้ “ข้าไม่ใช่คนปากโป้งนะเจ้าคะ อย่ามากล่าวหากันแบบนี้ ข้าไม่ชอบ” แล้วเท้าเล็กๆ ก็ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติเมื่อเขาลุกขึ้นยืน เขาจะฆ่านางหรือเปล่า ปากหนอปากทำไมถึงไวกว่าสมองทุกทีเวลาถูกยั่วยุ

    “ข้าขอโทษที่ก็แล้วกันที่มองเจ้าผิดไป”

    เอ๊ะ! นางมองเขาตาไม่กะพริบเมื่อสิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันต่างกัน

    “ถ้าอย่างนั้นข้าจะถามเจ้าใหม่ ถ้าหากข้ากับลอร์ดคาร์ลอสเป็นศัตรูกัน เจ้าเลือกจะอยู่ฝ่ายไหน”

    “ทำไมข้าต้องเลือกด้วยล่ะ มันไม่เกี่ยวกับข้านี่”

    เกี่ยวสิ เพราะความรู้สึกของข้ามันเกี่ยวกับเจ้าไปแล้ว “เจ้าต้องเลือก ข้าหรือว่าลอร์ดผู้นั้นเพียงคนเดียว” ทำไมนางต้องทำสีหน้าลำบากใจขนาดนั้น ทำไมต้องอ้ำอึ้งอึกอัก หรือว่านาง... “เจ้าไม่ต้องตอบก็ได้ เพราะข้าคิดว่ารู้คำตอบแล้ว” ลอร์ดคาร์ลอสผู้นั้นเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง รูปร่างหน้าตาก็ดูดีไร้ที่ติ อีกทั้งนิสัยที่สุภาพอ่อนโยน ใบหน้าก็เปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา แบบนั้น สตรีหน้าไหนจะไม่หลงใหลบ้างล่ะ

    อยากรู้นัก ถ้ารู้ธาตุแท้ของมันแล้วยังจะรักจะหลงกันลงอีกไหม

    “ท่านฮันโจรู้อะไรเจ้าคะ”

    “ออกไปได้แล้ว ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”

    “ไม่ออก จนกว่าท่านจะพูดว่ารู้อะไร”

    “เจ้าก็พูดมาก่อนสิว่าจะอยู่ข้างใคร ข้าหรือมัน”

    “ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ข้าด้วยล่ะ พูดกับข้าดีๆ ก็ได้นี่” ถึงนางจะเป็นแค่ขี้ข้าแต่นางก็โมโหเป็นเหมือนกันนะ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของนาง... “ว๊าย!

    ภาพชายหนุ่มใบหน้าถมึงทึงที่หันหน้าไปจากนางแล้วถอดเสื้อออกจนเหลือแต่ร่างเปลือย ทำให้นางตกใจจนเผลอร้องออกมาดังลั่น วินาทีนั้นนางไม่อาจจะทนยืนได้อีกต่อไปแล้ว รีบวิ่งออกไปอยู่หลังฉากกั้นทันที

    “ห้ามออกไปจากห้องข้าเด็ดขาดถ้าข้ายังไม่อนุญาต”

    เสียงที่ดังตามหลังออกมาทำให้เท้าที่กำลังวิ่งไปทางประตูต้องหยุดชะงัก ไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปถึงแม้จะรู้ว่าพ้นจากจุดนั้นมาแล้ว

    “ท่านทำอย่างนั้นต่อหน้าข้าได้อย่างไร ข้าไม่ใช่เมียท่านนะ”

    “ที่เกาะชิงหลงข้าก็ทำแบบนี้ต่อหน้านางต้นห้อง พวกนางไม่ใช่เมียข้าสักคน”

    “แต่ข้าไม่ใช่นางต้นห้องของท่านนะ”

    “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเสียเลยสิ”

    “ไม่!” นางตะเบ็งเสียงกลับไป หันไปเพ่งที่ฉากกั้นเหมือนจะให้ทะลุถึงด้านใน ใบหน้ายังร้อนวูบวาบไม่หาย ใจก็ยังเต้นแรงไม่กลับเข้าจังหวะเดิม แต่อาการที่ว่าก็เพิ่มระดับขึ้นมาอีกเท่าตัว เมื่อเขาเดินออกมาพอดี

    ตุบ!

    ขาของนางพันกันเองด้วยความประหม่าจนทำให้ล้มลงไป รู้สึกทั้งเจ็บทั้งอายจนอยากจะดำดินหนีไปซะ

     


    แนะนำตัวละคร

     


    ฮันโจ เฟ่ย  อายุ 32 ปี  สูง 8 เซียะ ลูกผสมซามูไรเชื้อสายริวกิยะผู้เรืองอำนาจของฮนจู รูปร่างสูงใหญ่กำยำ หน้าตาไม่ได้หล่อเหลาแต่มีคิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งเป็นสันยาวดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล ปกครองเกาะชิงหลง (เป็นเกาะที่ไม่มีส่วนใดติดกับแผ่นดินลั่วอาน ต้องเดินทางด้วยเรือเท่านั้น) แต่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรลั่วอาน เป็นเมืองหน้าด่านทางน้ำที่สำคัญที่สุดของอาณาจักร 

    กรรณิการ์ – นิ (คนรอง) อายุ 26 ปี                 ข้าราชการครูผู้อ่อนโยน เอาใจใส่ความรู้สึกของคนอื่น รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาแต่ไม่ใช่คนอ่อนแอ รูปร่างโปร่งระหงได้สัดส่วน งานอดิเรกคืองานฝีมือ (สูงแค่ไหล่ของฮันโจ) เหตุการณ์บางอย่างทำให้หลงไปในยุคอดีตของจีนถึง 400 กว่าปี รอดชีวิตมาได้เพราะเด็กสาวที่มีพ่อเป็นผีพนันช่วยชีวิตเอาไว้ (ในสายตาของกรรณิการ์ ฮันโจหน้าตาขี้เหร่ที่สุดถ้าเทียบกับองครักษ์ แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดกว่าใครๆ โดยเฉพาะเรือนร่างของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว)

    โยชิมะ อดีตซามูไรพเนจรรูปงามวัย 28 ปี องครักษ์ประจำตัวของฮันโจ แข็งแรงว่องไว ฝีมือการต่อสู้ร้ายกาจ

    เจียชู่ อายุ 27 ปี องค์รักษ์สอดแนมของฮันโจ
    เกาชิ่ง  อายุ 40 ปี  พ่อบ้านผู้เก่งกาจของปราสาทฮันโจ

    เย่-อวี่  เด็กหญิงวัย 14 ปีที่ช่วยชีวิตกรรณิการ์เอาไว้

    อิงฮวา เจ้าสำนักหอบุบผา

    ลอร์ดคาร์ลอส ศัตรูของฮันโจ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น