คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : PRIS0NER01
‘ปัง!!!’
..!!
ดวงตาสีดำเหลือบน้ำตาลเบิกโพลงท่ามกลางความมืดที่โรยตัวรอบกาย ปากเผยอขึ้นกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด ลมหายใจหอบแรงพร้อมแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลง ผิวกายเย็นเฉียบสัมผัสพื้นแข็งกระด้างไร้ความอบอุ่น
ฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอน..
เสียงปืนดังลั่นแสดแก้วหูจากเขา ..ผู้ที่เป็นคนลั่นไกปลิดชีวิตใครคนหนึ่ง
“อึก..” กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเหมือนกลืนเศษแก้ว แขนเรียวยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงผนังจากพื้นที่กลายเป็นที่นอน ชายหนุ่มชันเข่าขึ้นกอดไว้พลางซบหน้าลงไปปล่อยให้น้ำตาไหลริน ไหล่สั่นเทิ้มด้วยแรงสะอื้นและความกลัวในหัวใจที่ไม่มีวันลืมเลือน
ทุกครั้งที่หลับตาภาพเหล่านั้นยังคอยวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
กลิ่นคาวเลือด
เสียงปืน
และฆาตกรเช่นเขา.. ลู่หาน
“ไม่.. ออกไป..ออกไป!” ชายหนุ่มทึ้งเส้นผมของตัวเองพร้อมส่ายหน้าไปมาพยายามไล่สิ่งที่คอยคอยตอกย้ำอยู่ในสมองให้ออกไป ร่างกายเริ่มเกร็งแน่นด้วยความเครียดที่สั่งสมอยู่ภายใน
‘..มึงต้อง..ง ไม่..ม..ได้ตาย..ดี..อึก..ลู่หาน..น..’
“ไม่!! อย่ามายุ่งกับกู! ไม่! ออกไป!!” เขาตะโกนสุดเสียงพร้อมขดตัวลงร้องไห้กับพื้น มือยังคงจิกและทึ้งหัวของตัวเองอยู่แบบนั้น เสียงที่เกิดขึ้นจากภายในจิตใจช่างทรมานกว่าเสียงจากภายนอกหลายเท่าตัวพาลให้น้ำตาไหลเอื่อยออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“หยุดสักที..อึก..หยุด..”
ลู่หานพึมพำด้วยเสียงสั่นเครืออยู่ในความมืดที่มีเพียงแสงรำไรส่องผ่านซี่กรงเหล็ก ดวงตาสีดำเลื่อนลอยและไร้จุดหมายมีเพียงหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น ร่างกายสั่นเทาใกล้จะแตกสลายเหมือนกับหัวใจที่พังจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
‘แกร๊ง..’
เสียงกระทบกันของเหล็กเรียกเขาให้สะดุ้งสุดตัวอย่างห้ามไม่ได้ ชายหนุ่มหันหน้าไปทางต้นเสียงพลางหรี่ตาสู้แสง ลู่หานถดตัวถอยหนีทันทีอย่างรู้สึกกลัวทุกอย่างรอบกายไปเสียหมด ตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร เขารับรู้เพียงแค่ว่าเขาคือ.. นักโทษ
“ตื่นได้แล้วไอ้พวกสัตว์นรก”
ฝีเท้าหนักแน่นของใครบางคนก้าวผ่านมาตามทางเดินโถงยาวหน้าห้องคุมขังที่เรียงรายตลอดตึก กระบองเหล็กสีดำถูกลากผ่านไปตามลูกกรงต่างๆที่นักโทษทุกคนรู้ดีว่าใครเป็นคนทำ
ร่างสูงใหญ่ในชุดยูนิฟอร์มเสื้อเชิ้ตสีเทาติดป้ายชื่อตรงหน้าอก ผูกไทด์สีเข้มสีเดียวกับกางเกงขายาวและรองเท้าหนัง ใบหน้าคมเข้มดุจรูปปั้นที่พระเจ้าสร้างรับกับเส้นผมสีสว่าง ดวงตาสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความคึกคะนองคล้ายปีศาจที่ต้องการเล่นสนุกกับชีวิตของมนุษย์
ผู้คุมขังที่เล่นสนุกกับเหล่านักโทษราวกับเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง
ลู่หานนั่งขดตัวสั่นระริกอยู่ในความมืดจ้องมองหน้าห้องขังด้วยสติที่หลุดลอย เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว อยากอยู่ในโลกที่มีแค่ตัวเขาเอง ไม่มีใครทั้งนั้น ไม่มีใครเลย..
มีแค่เขาคนเดียว
“กำลังคิดจะตายอยู่รึไง?”
เสียงที่แทรกขึ้นในโสตประสาทพร้อมร่างสูงใหญ่ที่ก้าวตรงมาหา ลู่หานนั่งนิ่งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเพราะสติที่ยังไม่กลับคืนทำให้เขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น คนมาใหม่จึงย่อตัวลงตรงหน้าพร้อมบีบคางเขาให้หันไปสบตา ลู่หานจ้องลึกไปในดวงตาคู่คมและพยายามแกะมือหนาที่ออกแรงบีบจนเจ็บระบมไปทั้งสันกรามออกแต่มันกลับไม่มีผลในเมื่อเขาไม่อาจสู้แรงของคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนได้เลย
“ปล่อย..ย” เค้นเสียงออกไปอย่างยากลำบากเพราะปากที่ไม่มีสามารถขยับได้อย่างเต็มที่
“ไม่ต้องรีบลงนรกไปหรอก เชื่อฉันสิไม่ว่ายังไงนายก็ต้องได้ไปนรกอยู่ดี”
คนตัวสูงกว่ายื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงทุ้มต่ำพาลให้ขนลุกเกรียว ลู่หานที่ไร้ทางต่อสู้เลยได้แต่ก้มหน้ายอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดจากความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของตัวเอง ใบหน้าคมกดยิ้มที่มุมปากราวกับสะใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงนักโทษลงกับพื้นอย่างไม่แยแส
“ใคร.. มึงเป็นใคร..”
“หึ.. วิญญาณกลับเข้าร่างแล้วสิลู่หาน” คนในชุดทางการเคาะกระบองเหล็กกับพื้นอย่างอารมณ์ดีให้คนที่จ้องมองอยู่ยิ่งรู้สึกแค้นเคืองจนอยากจะตายๆไปซะ
“ไม่ตอบแสดงว่าใช่” เสียงทุ้มต่ำพูดต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความเกลียดชังที่ลู่หานแผ่ออกมา ใบหน้าคมยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนเย้ยหยัน “นายมันก็แค่นักโทษคิดจะฆ่าคนอย่างฉันรึไง? ไม่มีทาง และจำไว้ให้ดีนะว่า..”
“ชื่อของฉันคือคริส จะเป็นคนที่ดูแลนายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ราวกับฟ้าผ่าลงกลางร่างกายจนมอดไหม้เป็นจุน ลู่หานเบิกตาค้างจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาเห็นเจ้าของใบหน้าคมแสร้งยิ้มอย่างอ่อนโยนหากแต่ดวงตากลับตรงกันข้าม สิ่งที่เขาเห็นในแววตาคู่นั้นมีแต่ความมืดมิดที่จงใจจะมอบให้แก่คนอย่างเขา
“ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นก็ได้” คริสประชดพร้อมเฉดหัวลู่หานอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไม่ทันให้เขาได้ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น ลู่หานเลยได้แต่นั่งกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้ออยู่กับที่
“แล้วเจอกันใหม่นะลู่หาน”
“มึง..ออกไป!” เขาพูดเสียงดังพร้อมกัดฟันแน่น ลู่หานจ้องเขม็งไปยังคนที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่อย่างกวนประสาท ยิ่งเห็นอีกฝ่ายไม่รู้สึกอะไรเลยเอาแต่มองหน้าเขาด้วยสายตาสมเพชให้กับคนที่ไม่มีทางสู้ ใจเขามันก็ยิ่งอัดอั้นอยากระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ ก่อนประโยคสุดท้ายจากคริสจะดังขึ้นพร้อมแผ่นหลังกว้างที่หายลับไปหลังลูกกรงเหล็ก
“ไม่ว่ายังไงชีวิตมึงก็เป็นของกูแล้วลู่หาน”
ลู่หานเดินลากเท้าอย่างเชื่องช้าไปตามโถงยาวหลังจากถูกปล่อยให้ออกจากห้องขังในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านกรงเหล็กผู้คุมคนหนึ่งก็สวมกุญแจมือให้กับเขาและสังเกตเห็นกำไลเหล็กสลักหมายเลขนักโทษที่ข้อมือที่มันมาอยู่บนตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใบหน้าเรียวครุ่นคิดก่อนจะนึกถึงเมื่อคืนที่เขาถูกพาตัวมาที่นี่หลังจากศาลตัดสิน ร่างกายที่ราวกับคนไร้วิญญาณทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังเดินไปในทิศทางไหน ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามคนอื่นกำหนด
พอรู้สึกตัวอีกทีภาพที่เขาเห็นกลับเป็นกรงเหล็กสูงใหญ่ที่เงามืดทอดยาวกว่าครึ่งห้อง
ขาเรียวพาก้าวเดินผ่านส่วนต่างๆของเรือนจำมาโดยไร้จุดหมาย จนถึงห้องใหญ่ใจกลางตึกที่เต็มไปด้วยนักโทษเดินกันให้ขวักไขว่พร้อมเสียงคุยดังอื้ออึง ลู่หานก้าวเข้าไปพลางไล่สายตาสำรวจรอบด้าน ผนังสีขาวถูกแบ่งเป็นห้องจ่ายอาหารให้เหล่านักโทษเข้าแถวรอรับ แต่ด้วยร่างกายและสภาพจิตใจที่ห่อเหี่ยวเขาเลยไม่รู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
ลู่หานเดินเลี่ยงไปทางมุมห้องที่ยังไม่มีใครจับจอง เขาทิ้งตัวลงกับโต๊ะพร้อมพาดขาเหยียดยาวเองหัวพิงผนังด้วยท่าทีของคนเบื่อโลก ดวงตาที่ยังคงเลื่อนลอยอย่างเคยมองเห็นแต่ภาพที่น่ารำคาญจนเขาอยากจะควักมันทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด
แค่ชื่อของเขาเอง ..เขายังไม่อยากได้ยิน
“นักโทษใหม่หรอวะ?”
“กูว่าคงใช่ไม่งั้นมันไม่มานั่งตรงนี้หรอก”
เสียงคุยกันดังขึ้นตรงหน้าโต๊ะทำให้ลู่หานต้องหันไปมอง ผู้ชายสองคนในชุดนักโทษเก่าๆยืนถือถาดอาหารพร้อมมองมายังเขาที่พอจะเดาได้ว่าสิ่งที่ได้ยินคงจะหมายถึงตัวเอง ลู่หานตีสีหน้านิ่งพลางจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างเรียบเฉย
“มึงนั่งที่ใครมึงรู้ตัวมั้ย?” ถาดอาหารถูกกระแทกลงกับโต๊ะจนของในถาดกระเด็นออกมาและไม่ทันจะให้ลู่หานตั้งตัวอะไร น้ำเย็นจากแก้วในมือของคนพวกนั้นก็สาดเข้าเต็มใบหน้าของเขา
“ตรงนี้มันเป็นที่ของพวกกู!”
ประโยคนั้นย้ำเต็มสองหูถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ ลู่หานปาดหยดน้ำบนใบหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเขาจะปีนข้ามโต๊ะและกระโดดเข้าใส่ผู้ชายหนึ่งคนในสองคนนั้น
“มึงมีสิทธิอะไรมาทำกู!!” ลู่หานตวาดพร้อมคว้าคอเสื้อมันไว้และต่อยใบหน้านั่นอย่างสุดแรง ลำแขนเรียวเงื้อขึ้นอีกครั้งเตรียมจะปล่อยหมัดต่อไป แต่ตัวเขากลับถูกกระชากไปด้านหลังด้วยโซ่จากกุญแจมือที่มันยาวพอจะให้ขยับมือได้อย่างปกติ ซึ่งตอนนี้มันกำลังรั้งอยู่ที่คอของเขา
“อั่ก!”
“มึงอยากตายนักใช่มั้ย!! มึงอยากตายใช่มั้ย!!” คนที่ล็อคคอเขาไว้พูดพร้อมกระชากโซ่อย่างแรง ลู่หานดีดดิ้นและพยายามเอื้อมมือไปด้านหลัง แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่คนด้านหลังก็ยิ่งดึงโซ่แรงมากขึ้นเท่านั้น
“คิดจะลองดีกับพวกกูรึไงห้ะ!!”
ภาพที่มองเห็นเริ่มพร่าเลือนด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ ลู่หานอ้าปากเอาอากาศเข้าปอดเพราะลมหายใจเขาเริ่มขาดห้วงจนรู้สึกเหมือนจะตายแล้วจริงๆ ไม่นานหมัดหนักก็ถูกกระหน่ำใส่หน้าของเขาไม่ยั้งจากพวกมัน รสเลือดขมปร่าเต็มปากจนน่าขยะแขยง เสียงโห่เชียร์ของเหล่านักโทษดังก้องพร้อมกับเดินล้อมเข้ามาหาพวกเขาราวกับมันเป็นเรื่องสนุก
ที่นี่มันคือดินแดนที่มีแต่สัตว์นรกอาศัยอยู่
“มึง..!!”
“พอได้แล้ว!”
หมัดที่เตรียมจะซัดเข้ากับใบหน้าที่บอบช้ำหยุดค้างกลางอากาศด้วยมือของใครอีกคน พวกมันหยุดชะงักทันทีที่มองเห็นคนมาใหม่ ร่างสูงใหญ่ในชุดเครื่องแบบตีสีหน้าดุพลางไล่สายตามองนักโทษสองคนที่กำลังก่อเหตุ รวมถึงนักโทษคนอื่นๆที่มุงดูต่างหยุดส่งเสียงโห่
คนที่จับตัวลู่หานไว้รีบปล่อยเขาออกทันทีและเตรียมจะวิ่งหนี แต่ก็โดนผู้คุมอีกสองนายเข้ามาล็อคตัวกดกับพื้นไว้เสียก่อน ทั้งสองต่างโวยวายพร้อมพยายามเอาตัวรอดจากการจับกุมอย่างโมโห
“คิมซองอู 098217 ปาร์คแทวอน 091544 เอาตัวมันไปห้องสอบสวน”
“ครับ!” ผู้คุมขังชายอีกสองคนรับคำพร้อมลากตัวนักโทษสองคนนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
ลู่หานนอนหอบอยู่กับพื้นอย่างหมดสภาพ ใบหน้าของเขาแตกยับเยิน ปากแดงฉ่ำเต็มไปด้วยเลือด เขาจ้องมองรองเท้าหนังที่หยุดลงตรงหน้า แม้จะมองเห็นไม่ชัดแต่เขาก็รู้ดีว่าอีกคนเป็นใคร
“เกือบได้ตายสมใจแล้วมั้ยล่ะ” คริสเอ่ยพร้อมหัวเราะในลำคอเบาๆ ลู่หานที่รู้สึกเกลียดอีกฝ่ายจับใจและไม่มีความคิดที่อยากจะขอบคุณเลยหันหน้าหนีและพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งแม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยเลยก็ตาม
“อย่าอวดเก่งให้มาก มันน่าสมเพช”
คนตัวสูงกว่าตอกย้ำก่อนจะดึงเขาขึ้นจากพื้นด้วยสภาพที่น่าสมเพชเกินกว่าจะทนไหว คริสบีบแขนเขาแน่น ก่อนจะลากเขาผ่านกลุ่มนักโทษที่ยอมแหวกทางให้อย่างรู้ดีว่าไม่ควรต่อกรกับผู้คุมขัง ลู่หานที่ไม่มีแรงแม้แต่จะดิ้นขัดขืนเลยปล่อยให้อีกคนพาเขาออกไปตามใจ ทั้งที่รู้สึกรังเกียจจนแทบจะอาเจียน
“มึงจะพากูไปไหน..” เขาถามขึ้นแต่ก็ไร้คำตอบจากอีกคน คริสกำลังพาเขาเดินมาทางด้านหลังของเรือนจำที่เขายังไม่เคยมา มันเป็นผืนหญ้ากว้างและโล่งสร้างความแปลกใจให้กับลู่หาน เขาจึงรวบรวมแรงทั้งหมดและสะบัดตัวเองออกมาจนได้ คริสตวัดหน้ากลับมาจ้องเขาอย่างเดือดดาล
“มึงมันก็แค่เศษสวะที่กูจะทำอะไรก็ได้! อย่าคิดจะต่อต้านกู!!”
คริสตะคอกอย่างเหลืออด มือหนาที่บีบคางของเขาอย่างแรงเหมือนในครั้งแรกจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าคมดูโกรธเกรี้ยวจนแทบจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ร่างของลู่หานถูกเหวี่ยงลงกับพื้นก่อนคนสูงใหญ่จะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“แค่กๆ..” ลู่หานไอโขลกออกมาเป็นลิ่มเลือดทันทีที่ได้หายใจอย่างสะดวก ร่างกายที่บอบช้ำไปทุกส่วนกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างหมดสภาพ
“มาอยู่แค่วันเดียว.. มึงจะตายแล้วหรอลู่หาน..หึ”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลก้มหน้านิ่งพร้อมยิ้มทั้งน้ำตาให้กับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เพียงแค่วันแรกในหนทางที่ไร้แสงสว่างทุกอย่างกลับดูโหดร้ายเกินกว่าจะอยู่บนโลก ทั้งร่างกายและหัวใจที่บอบช้ำเกินกว่าจะเยียวยา ลมหายใจที่มีอยู่ตอนนี้กลับไม่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่เลยสักนิด
ผู้คนรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป คนแปลกหน้ามากมายที่เข้ามาในชีวิต
ทุกอย่างมันคือบทลงโทษของคนที่ทำลายชีวิตของคนอื่น
มันคือบทลงโทษของแดนนรกแห่งนี้
“ชีวิตมึงจบแล้ว.. ลู่หาน.. มึงไม่เหลืออะไรแล้ว..”
ชั่วครู่หนึ่งกลับมีเงาดำมาทอดทับร่างกายพร้อมเท้าคู่หนึ่งที่หยุดยืนเหนือหัว ลู่หานค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ แสงแดดจ้าบดบังใบหน้าที่เขาควรจะมองเห็น ก่อนทุกอย่างจะเด่นชัดเมื่อใครคนนั้นย่อตัวลงมาหา
ใบหน้าที่ดูอ่อนวัยกว่าเขา ..ผู้ชายคนหนึ่งในชุดสีน้ำเงินเข้มปรากฏขึ้นในสายตา
“จะร้องไห้ไปทำไม? มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก” เสียงหวานจากเจ้าของดวงตาเรียวเล็ก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไหวไปตามสายลมอ่อน ใบหน้าของนักโทษหนุ่มที่แม้จะไม่ได้รับการดูแลดีนักแต่กลับดูไม่เหมือนนักโทษคนอื่นๆที่เขาเคยเห็น
ลู่หานที่ไม่รู้จะทำอะไรจึงได้แต่นั่งนิ่งจ้องมองอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น
ความรู้สึกแปลกๆจากผู้ชายคนนี้.. จู่ๆร่างกายก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แทบจะแห้งเหือดไปหมดใจ
อะไรกัน?
“พี่จะนั่งอยู่แบบนี้จนตายเลยรึไง?” คนตรงหน้าพูดขึ้นอีกครั้งเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์ ลู่หานเม้มปากแน่นไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำแค่นั่งอยู่เหมือนเดิม จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา
“เป็นใบ้ไปแล้วหรอ? เมื่อกี้ผมยังได้ยินพี่พูดกับตัวเองอยู่เลย”
เสียงเจื้อยแจ้วอันสดใสของเด็กคนนี้สร้างความแปลกใจให้กับลู่หานจนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรหรือยังไงจริงๆ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ที่นี่ จากทุกอย่างที่เจอมาช่างเทียบไม่ได้กับคนข้างกายราวกับอยู่คนละโลก
“โอเค ถ้าพี่ไม่พูดไม่เป็นไร ผมรู้ว่าพี่คงแปลกใจกับผมแน่ๆ” ใบหน้าน่ารักแหงนขึ้นมองฟ้าพร้อมยกยิ้มกว้างขัดกับชุดนักโทษที่เขาสวมใส่
“...”
“พี่ชื่อลู่หานใช่มั้ย?” อยู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นโดยที่ไม่หันมามองหน้า ลู่หานลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะยอมเปิดปากตอบเป็นครั้งแรก
“ช..ใช่”
“อ้าว พูดได้แล้วหรอ?” แม้คำถามจะดูกวนประสาทเพียงใดแต่ใบหน้าหวานใสที่หันมายิ้มกว้างใส่เขากลับกลบความรู้สึกแย่ๆไปได้หมด ทำเอาคนมองอยู่ถึงกับใจกระตุกจากรอยยิ้มนั่น ลู่หานกระพริบตาปริบๆพลางจ้องมองลึกไปยังดวงตาคู่ใสที่ดูเปล่งประกาย
ลู่หานไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาไม่สามารถละสายตาจากเด็กหนุ่มคนนี้ได้เลย
“อ่า..ผมชื่อแบคฮยอนนะ บยอนแบคฮยอน” คนที่เห็นว่าลู่หานเริ่มนิ่งค้างไปอีกครั้งจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นต่อ แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นพลางเกาท้ายทอยแก้เก้อหลังจากถูกจ้องนานเกินไป
แบคฮยอน.. งั้นหรอ?
“ยินดีที่ได้รู้จักนะพี่ลู่หาน”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กผู้ชายตรงหน้าเขาเป็นใคร มาจากไหน หรือมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
แล้วทำไมถึงมานั่งอยู่ใกล้ๆเขาแบบนี้
เขาไม่รู้เลย..
แต่ลู่หานรู้เพียงแค่ว่า เด็กคนนี้..
“..น่ารัก”
xx xx xx
" คิดดูแล้วกันว่าจะอยู่เอาชีวิตรอด หรือจะยอมตายไปเลยง่ายๆ "
" ไม่ใช่พี่คนเดียวหรอกที่จะตาย.. เชื่อผมสิ "
" จะทนอยู่ที่นี่ไปทำไม.. แค่อากาศที่ใช้หายใจยังเป็นพิษ "
ความคิดเห็น