คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7 ไม่เหมือนเก่า
ตอนที่ 7 ไม่เหมือนเก่า
ผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วก็ไม่รู้ที่ผมนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนี้ รู้แต่เพียงท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิท
ครืดดด~ อดไม่ได้ที่จะมองไปบ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ติดกัน ห้องนอนของยูโตะคุงยังคงเปิดไฟอยู่ เขากำลังทำอะไรอยู่นะ?
เมื่อคืน ผมไม่ได้นอนเลย จะให้หลับได้ยังไง ในเมื่อคำพูดของยูโตะคุงลอยอยู่เต็มหัวไปหมด อีกทั้งน้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล ทำไมผมอ่อนแอแบบนี้
"ตอนนี้ฉันคบกับเอริจังอยู่ ฉัน อยากให้เราเป็น'เพื่อน'กันมากว่า" ผมเองก็อยากเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกของผมที่มี จะให้เอาไปที่ไหนล่ะ เวลากี่ปีกันที่ผมรักเขามาตลอด แล้วจะให้กลับไปเหมือนเก่า ผมทำไม่ได้หรอก ผมทำไม่ได้จริง ยิ่งตอนนี้แล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย...
ทันทีผมเดินไปส่องกระจก อ๊ากกกก นี่หน้าผมหรอ ตานี่มันอะไร บวมขนาดนี้แถมยังแดงมากด้วย ทำไงดี ต้องไปโรงเรียนอีก แต่แล้วผมก็ต้องหยุดโวยวาย เพราะผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ทุกเช้ายูโตะคุงจะต้องมารับผม แต่วันนี้เขาจะมารึเปล่า
“เรียวจัง ทำไมหน้าตาเป็นอย่างนั้นล่ะลูก” ผมได้แต่ก้มหน้าแล้วส่ายหัวไปมา และแม่เองก็คงเข้าใจ ถึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
ผมเดินออกจากบ้านมา กลับไม่เห็นใครรออยู่เลย ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ เกือบ 7 โมงแล้ว
รออีก 5 นาทีละกัน
“......” ไร้วี่แววคนตัวสูง อดตัดพ้อในใจไม่ได้ว่า ‘ไหนนายอยากเป็นเพื่อนกับฉัน’
ระหว่างเดินมาโรงเรียน ผมเหมือนคนไร้วิญญาณ โดนรถเป่าแตรไล่ตามหลัง ยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ
ปิ๊นนน ปิ๊นนนนน
หมับ~ ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสตรงเอว เงยหน้ามองขึ้นไป ‘อิโนะคุง’
“เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะ” เขาคลายมือออกจากเอวผม ผมก็ยังคงนิ่งอยู่
“เป็นอะไรรึเปล่า ยามาดะคุง”
“เปล่าครับ ขอบคุณมากนะครับ อิโนะคุง” เขายิ้มตอบกลับมา รอยยิ้มนี้น่าหลงใหลจริงๆ
เราสองคนเดินมาด้วยกันสักพักแล้ว อิโนะคุงเองก็ไม่ชวนผมคุยด้วย อึกอัดเหมือนกันนะเนี่ย
“อิโนะคุง อยู่มหาลัยแล้วหลอครับ?” ผมที่ทนความเงียบได้ไม่นาน เลยเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
“ใช่แล้ว ปี 2 แล้วด้วยนะ”
“เรียนเกี่ยวกับอะไรหลอครับ” เผื่อผมจะสนใจบ้าง
“สถาปัตน่ะ ยามาดะคุงสนใจรึเปล่า”
“ผมก็ชอบวาดรูปนะ แต่ว่าก็แค่วาดเล่นๆในชั่วโมงเรียนน่ะครับ” ถึงจะบอกว่าวาดการ์ตูน แต่มันเหมือนอะไรอย่างอื่นมากกว่าน่ะนะ
เราคุยกันมาเรื่อยๆ จนถึงโรงเรียนของผมแล้ว
“อย่าลืมมาแวะทานเค้กที่ร้านล่ะ จะรอนะ ยามะดะคุง” ช่างเป็นพนักงานที่ขยันทำงานจริงๆ
“ไม่ลืมหรอกๆ ผมชอบทานเค้กจะตาย” เขายิ้มให้ผม เอื้อมมือมาขยี้หัวอย่างที่ใครบางคนชอบทำ แต่ความรู้สึกมันต่างกันลิบลับเลย
ทันทีที่จะก้าวพ้นประตูโรงเรียน อยู่ดีๆ ขาผมเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงเอาดื้อๆ ตอนนี้ผมกลัวที่จะต้องเจอยูโตะคุง แต่ในใจลึกๆแล้ว ผมกลับอยากเจอเขาต่างหาก
อีกไม่กี่ก้าวจะเดินถึงห้องแล้ว ผมแวะสูดหายใจลึกๆอยู่สักสองสามที ทำใจก่อนไปเจอหน้ายูโตะคุง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน
‘เพราะฉะนั้น ถ้ายูโตะคุงอยากจะคบกับฉันต่อล่ะก็ ต้องอยู่ห่างยามะจังไว้ ฉันไม่ชอบให้เขามาเข้าใกล้นาย’
‘ไม่ได้หรอก เอริจัง ยามะจังเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน’
‘งั้นนายอยากจะเลิกกับฉันงั้นสิ ฉันอุตส่าห์เลิกกับเคย์มาหานายแท้ๆ’
เพียงแค่ไม่กี่ประโยคของคนสองคนที่ทะเลาะกัน เกือบทำให้ผมร้องไห้อีกแล้ว ทำไมเอริกะพูดอย่างนั้น ทำไมแค่เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้หรอ?
ผมเห็นเอริกะวิ่งออกมา ห่างกันเพียงไม่กี่วิ ยูโตะคุงก็วิ่งตามออกมา เขาหยุดมองผมชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็ออกวิ่งต่อไป
เมื่อวานนายก็ทิ้งความรู้สึกของฉัน ตอนเช้านายก็ทิ้งฉันไว้ไม่ไปรับ ตอนนี้นายก็ทิ้งฉัน แล้ววิ่งตามแฟนนายไป ความสำคัญที่ผมเคยได้รับมันจากเขา ตอนนี้มันยังหลงเหลืออยู่รึเปล่า ยูโตะคุง
ผมเดินมานั่งบนโต๊ะ เห็นแต่กระเป๋าจิเน็น แต่ไม่เห็นเจ้าตัว ทั้งๆที่หวังให้เพื่อนคนนี้ช่วยปลอบ จิเน็นเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทุกอย่าง และเมื่อคืนนี้ผมก็โทรไประบายมันกับจิเน็น พอเล่าจบ จิเน็นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขาเองก็ไม่ได้วางสาย ปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนผมพูดขึ้นมาเองว่า แค่นี้นะ ขอบคุณมาก เจ้าตัวถึงกดวางสายไป ผมค่อยซบหน้าลงกับโต๊ะ หนังตาค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักผมก็ผล็อยหลับไป เหนื่อยเหลือเกิน ต่อจากนี้ผมจะทนไหวมั๊ยนะ?
“ยามะจัง ตื่นได้แล้ว” รู้สึกได้ถึงแรงเขย่าเบาๆที่หัวไหล่ ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมาดู แต่แล้วก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ปลุกผมด้วยเสียงกับแรงเขย่าเมื่อครู่มันคนละคนกัน
“ยามาดะ เรียวสึเกะ ถ้าครูสอนน่าเบื่อจนหลับเป็นตายได้ขนาดนี้ ก็กลับบ้านไปนอนเลยดีกว่าไหม หะ?” ซวยที่สุด ผมหันไปค้อนจิเน็นหนึ่งที ทำไมไม่ปลุกให้เร็วกว่านี้เล่า
“ขอโทษครับ อาจารย์ ผมไม่หลับแล้วครับ” ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากอีกฝั่งของยูโตะคุง ซึ่งนั่นเป็นใครไม่ได้นอกจาก เอริกะ
“ถ้าเธอนั่ง เธอจะหลับอีก เพราะฉะนั้นยืนเรียนไปซะ” ซวยซ้ำซ้อนจริงๆ ให้ตายเถอะ
ตลอดคาบ ยูโตะคุงไม่ได้หันมาสนใจผมเลย ถ้าเป็นปกติแล้ว เขาจะต้องหันมาพูดแซวและให้กำลังใจตลอด แต่คราวนี้ไม่ใช่ ทำไมผมรู้สึกว่าแผ่นหลังนั้นมันดูเย็นชาเหลือเกิน
พักกลางวัน
พวกเรา4คน ก็นั่งกินข้าวกันเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยน คือ ความอึดอัดพวกนี้ ที่ลอยคุกรุ่นอยู่ตรงกลางพวกเรา ไม่มีใครพูดอะไร เหมือนอยากรีบกินให้เสร็จๆไป แต่แล้ว
“ยามะจัง กุ้งนั่น น่ากินจังเลย ขอชิมหน่อยได้มั๊ย?” ผมออกอาการงงทันที กุ้งนี่ของผมนะ ผมทำมันเองด้วย ผมทำเป็นไม่สนใจ ก้มลงกินต่อไป
“นี่ นาย ไม่ได้ยินหลอ?” อะไรอีกล่ะ
“ก็นี่มันของฉัน ฉันทำมาเอง ฉันจะเก็บไว้กินสุดท้าย” ผมเถียงกลับไป ก็ผมไม่ยอมนี่หน่า ไม่ได้หวงของกินหรืออะไรหรอกนะ แต่แค่หมั่นไส้เท่านั้นแหละ
“เอ้า” กุ้งลอยจากกล่องข้าวผมไปวางบนกล่องข้าวของยัยนั่นซะแล้ว
“อย่าหวงนักเลยน่า นายมีอีกตั้งตัวหนึ่ง” เป็นใครไม่ได้นอกจากยูโตะคุงที่คีบเอามันไปให้ยัยนั่น ผมเจ็บแปล๊บในใจทันที รวดเร็วจนผมต้องเอามือแตะที่อกตัวเอง และผมกำลังของขึ้น
“โอ๊ยย” ผมปากุ้งอีกตัวที่เหลือในกล่องข้าวผมใส่หน้ายัยเอริกะทันที จนคนที่โดนร้องออกมา
ไม่กี่วินาทีต่อมา ผมปิดฝากล่องข้าวยัดใส่เกะ วิ่งออกจากห้องไปทันที โดยไม่สนใจเสียงฮือฮาจากเพื่อนในห้อง และเสียงของยูโตะคุงที่วิ่งไล่หลังมา
หมับ จับเข้าที่ข้อมือผมเต็มแรง และกระชากตัวผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา
“โอ๊ย เจ็บนะ” ผมร้องโอดครวญเมื่อคนตรงหน้าออกแรงบีบมากขึ้น
“ขอโทษ” เขาลดแรงบีบลง แต่ไม่ปล่อยข้อมือผมสักที
“ทำไมนายทำอย่างนั้น ยามะจัง” ตามมาเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบกันแค่นี้หรอ
“ก็นายอยากเอากุ้งไปให้ยัยนั่นทำไม” โกรธจนลืมเรื่องเมื่อวานไปซะสนิท
“แค่กุ้งตัวเดียว นายจะหวงทำไม”
“มันไม่ใช่แค่กุ้งตัวเดียวนี่หน่า” นายมันงี่เง่ายูโตะคุง ไม่เข้าใจความรู้สึกฉันสักนิด
“ถ้าไม่ใช่กุ้ง แล้วอะไร?” ผมนิ่งเงียบ ไม่รู้จะพูดยังไง ตอนนี้กำลังสับสน นี่ผมโกรธเพราะอะไร
“เพราะนายนั่นแหละ เพราะนายมันงี่เง่า” ผมสะบัดข้อมือออก แล้วรีบวิ่งไป หาที่เงียบๆเพราะตอนนี้น้ำตาผมกำลังไหลออกมา ไม่อยากให้มันไหลต่อหน้าเขา
นายไม่เข้าใจ ยัยนั่นไม่ได้อยากกินกุ้ง แค่ต้องการแสดงออกว่า ความสำคัญของเขามีมากกว่าฉันและนายก็ทำมันให้ฉันเห็น ไอบ้ายูโตะ นายมัน....นายกำลังเปลี่ยนไป
‘ในเมื่อความรู้สึกของเราสองคนไม่เท่ากัน ฉันรักนาย แต่นายไม่ใช่ เพราะฉะนั้นมันไม่มีทาง
เหมือนเก่าได้หรอก ยูโตะคุง ’
.................................................................................................................................................
ในที่สุดอิโนะจังก็โผล่มาแล้ว แบบสุภาพบุรุษด้วย 555
เข้าใจอารมณ์ของยามะจังใช่มั๊ยคะ ไม่ได้โมโหเพราะหวงของกิน
แต่โมโหที่ยูโตะคีบกุ้งไปให้คนอื่นน่ะค่ะ
ไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นจะมีการลงโทษแบบนี้มั๊ย
แต่เคยโดนมาเองเลยค่ะ 555 พออาจารย์มาเห็น เขาก็บอกให้ไปล้างหน้า
แต่คนมันง่วงล้างยังไงมันก็หลับอ่ะค่ะ เลยโดนให้ไปยืนหลังห้อง
แล้วต้องถือหนังสือเอาไว้ด้วย รสชาติชีวิตดีค่ะ 5555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาลองอ่านดูนะ ขอบคุณทุกคอมเม้น ถึงจะน้อยนิด
แต่ก็ดีใจมากๆเลย >w<
ความคิดเห็น