คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Pain _chapter 6 (warning nc)
Pain
Nakajima Yuto x Yamada Ryosuke
Morimoto Ryutaro x Chinen Yuri
Rate PG-15 (warning nc-17)
..............................................................................................................................................
Chapter six
ก๊อก ก๊อก~ บานประตูถูกเปิดออกโดยคนที่ขอตัวออกไปก่อนหน้านี้ ผู้จัดการก้าวเท้าเข้ามาในห้องซึ่งสวนทางกับเรียวสุเกะที่วิ่งออกจากห้องไป
“เกิดอะไรขึ้น??!!” ผู้จัดการถามขึ้นอย่างสงสัยปนความกังวลเพราะอีกไม่นานคนเขียนบทและโปรดิวเซอร์กำลังจะเข้ามาในห้องนี้และพวกเขาอยากจะพบและพูดคุยกับนักแสดงนำของเรื่อง
“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวผมจะไปตามเขากลับมานะครับ” ยูโตะส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธและวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ผู้จัดการไม่ทันได้ท้วงอะไรออกไป
สมองพร่าเบลอไปกับสัมผัสที่ยูโตะมอบให้ ถึงจะรู้สึกดีแต่ความเจ็บปวดกลับมีมากกว่า เมื่อยูโตะเห็นเขาเป็นตัวแทนของจิเน็นไปแล้วจริงๆ ก็ในเมื่อยูโตะเลือกที่จะเรียกจิเน็นว่า ‘ยูริ’ ต่อหน้าเขา เพื่อจะตอกย้ำว่าคนสองคนรักกันอย่างนั้นสินะ เขาไม่อยากรู้สักนิดว่าที่ผ่านมาสองคนนั้นแสดงความรักต่อกันยังไง ไม่ได้อยากรู้ว่ายูโตะจูบกับจิเน็นแบบไหน แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อเขาเองที่เป็นคนเลือกความเจ็บปวดนี้ให้กับตัวเอง
สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายปลายทางเพียงแค่เดินปะทะลมเย็นๆไปเรื่อยๆ สบายใจบ้างขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ไล่เรื่องเมื่อครู่ออกไปไม่ได้เสียที
“กลับบ้านเลยดีไหมนะ? แต่กระเป๋าดันอยู่ที่บริษัทนี่สิ เรานี่มันแย่จริงๆ หนีงานมาเพราะความรู้สึกส่วนตัว โอ๊ยยย!!” มือขาวขยุ้มกลุ่มผมตัวเองอย่างหัวเสีย ละครไม่ได้มีมาให้เล่นบ่อยๆ เพราะการที่ได้เล่นละครก็แปลว่าตัวเขาก็ได้รับความนิยมไม่น้อย เกือบจะดีแล้วเชียวถ้าคนที่มาเล่นด้วยไม่ใช่ยูโตะ ไม่ใช่สิ...ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็คงจะดีใจมากแน่ๆที่ได้เล่นละครกับยูโตะ ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่าเดิม
“ได้อยู่ใกล้ๆยูโตะ...” เรียวสุเกะพึมเพาเบาๆ ก่อนที่เขาจะสะบัดหัวให้หยุดคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสียที สิ่งที่เขาควรทำคือ กลับไปที่บริษัท ไปขอโทษเรื่องที่วิ่งหนีมา และตั้งใจทำงานมากกว่านี้
‘ครืดดดด~’ ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ โทรศัพท์มือถือเครื่องโปรดก็สั่นครืดรั้งเขาไว้
“ยูโตะ!” ตกใจไม่น้อยเมื่อหน้าจอปรากฏชื่อคนโทรเข้ามา คนที่เขาไม่อยากจะเจอตอนนี้เสียด้วยสิ เรียวสุเกะปล่อยให้มันสั่นบนฝ่ามืออยู่สักพักด้วยความลังเลว่าจะรับหรือไม่รับดี พอช่างใจว่าจะรับสายก็ตัดไปเสียก่อน ร่างบางยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่ก็ไร้วี่แววเมื่อหน้าจอยังคงดำมืด เรียวสุเกะแค่นยิ้มให้กับตัวเองอย่างสมเพช หลังอะไรลมๆแล้งๆกัน
“ยามะจัง!!” เสียงคุ้นเคยตะโกนเรียกชื่อจากด้านหลัง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันไปทางนั้นพอดี แรงสัมผัสหนักๆมุ่งตรงมาที่แขน สร้างความเจ็บน้อยๆให้กับร่างบาง
“ยูโตะ...” เรียวสุเกะทั้งตกใจ ทั้งไม่เข้าใจ ยูโตะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ตามมาอย่างนั้นหรอ? ทั้งๆที่เขาเดินมาเรื่อยๆไร้จุดหมายเนี่ยนะ
“นายวิ่งหนีมาทำไม? รู้ไหมว่าทำให้งานเสียหายขนาดไหน?” ร่างสูงต่อว่าพร้อมๆกับเสียงหอบหายใจ เรียวสุเกะได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด แต่จะให้บอกได้อย่างไรว่าตัวเขาเสียใจก็เลยวิ่งหนีมา
“กลัวฉันหรอ? เพราะฉันทำแบบนั้น ทั้งๆที่นายเป็นคนบอกเองนะว่าจะยอมเป็นตัวแทนจิเน็นให้จนกว่าจะตัดใจได้” ถึงยูโตะไม่ต้องพูดย้ำ เขาก็รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป มานึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
“ปะ...เปล่า” เรียวสุเกะตอบตะกุกตะกัก จะว่ากลัวมันก็ไม่ใช่ เขาเจ็บปวดต่างหาก
“ถ้าจะผิดคำพูด ก็อย่าพูดมันออกมาแต่แรกสิ!!” เรียวสุเกะสะดุ้งตัว เมื่อร่างสูงตะคอกใส่ ทั้งยังเพิ่มแรกบีบที่แขนเขาอีก นี่ยูโตะโกรธมากขนาดนั้นเลยหรอ?
ฉันไม่ได้จะผิดคำพูดนะ แต่ฉันแค่...
“ไม่ใช่นะ ฉันแค่...” เรียวสุเกะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ยังไงนายก็คิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกของฉันอยู่แล้วนี่!”
“ยูโตะ ฟังฉันก่อนได้ไหม? ฉันไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึกนายเลยนะ เพราะฉันรู้ดีว่านายรักจิเน็นมากแค่ไหน ฉันก็แค่...”
“แค่?” ร่างสูงทวนคำ ทำไมต้องอยากรู้ด้วย ทั้งๆที่เขาพยายามเก็บมันเอาไว้
ที่ฉันบอก จะเป็นตัวแทน...
แค่อยากให้นายหันมามองฉันบ้าง
ก็แค่อยากให้นายรักฉันบ้าง ก็เท่านั้น
เพราะคำพูดเอาแต่ใจแบบนี้ ถ้าเผลอพูดออกไปอาจทำให้ยูโตะเกลียดเขาก็ได้
“แค่ตกใจน่ะ” กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องพยายามข่มความรู้สึกไว้ เก็บทุกคำพูดที่อยากจะบอกคนตรงหน้าไว้แล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นไร ให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ผ่านมา เพียงเพราะกลัวคำว่า ‘เกลียด’ จากคนตรงหน้านี้
ยูโตะมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบๆ ไม่พูดไม่ตอบอะไร ทั้งๆที่ร่างสูงยอมปล่อยมือจากแขนเขาแล้ว แต่ทำไมกลับเหมือนว่ายูโตะเอามือมาบีบที่หัวใจเขาเลยล่ะ ไม่ชอบสายตาแบบนั้น มันดูเหมือนยูโตะไม่เชื่อที่เขาพูด เหมือนกำลังจะลุกล้ำเข้ามาในหัวใจ
ไม่เอา
ไม่อยากให้รู้
ไม่อยากให้นายเกลียดฉัน
“ยูโตะ เลิกทำแบบนี้เถอะ ฉันไม่เอาแล้ว” หากยิ่งถลำลึกลงไป มันคงจะเป็นตัวเขาเองที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ต้องถูกจอกจำอยู่ในกรงเหล็กที่ถูกพันธนาการด้วยความเจ็บปวด ทั้งตัวยูโตะ จิเน็น ริวทาโร่และเขา จะไม่สามารถกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก
“เลิกทำ?” ยูโตะเลิกคิ้วขึ้น ไม่ใช่ความสงสัย แต่เป็นการย้ำคำพูดของเขาอีกครั้ง ย้ำความรู้สึกของเขาว่าลึกๆแล้วตัวเขาเองนี่แหละที่ต้องการมัน ต้องการที่จะได้อย่างที่จิเน็นได้
“ชะ...ใช่ ตัวแทนอะไรนั่นฉันไม่อยากเป็น!!” เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาพูดเลยไม่รู้ว่าตอนนี้คนตัวสูงยืนอยู่ใกล้เขาแค่ไหน
“นายบอกเอง จนกว่าฉันจะตัดใจได้ไงล่ะ” ร่างสูงโน้มตัวลงมา ริมฝีปากแตะใบหูเฉียดๆอย่างตั้งใจ เรียวสุเกะผงะตัวหนี ยูโตะกำลังทำให้ความรู้สึกทุกอย่างเอ่อล้นออกมา
“นี่ฉันยังคิดเรื่องจิเน็นอยู่เลย แล้วนายจะมาปัดความรับผิดชอบแบบนี้หรอ?” ก้อนสะอึกไหลมาจุกตรงอกเขา ความรู้สึกเจ็บแปล๊บวิ่งผ่านหัวใจไปไม่ทันตั้งตัว ขอบตาเริ่มรู้สึกร้อนผ่าว
ไหนล่ะริวทาโร่ ที่ว่ายูโตะจะหันมารักฉัน
ได้ยินเต็มสองหูว่ายูโตะยังคิดเรื่องของจิเน็นอยู่
ตรงไหนล่ะที่จะให้ฉันยืน
คิดบ้าอะไรอยู่ ถึงได้ยังหวังว่าจะมีสักวัน ก็เห็นอยู่ชัดๆว่ามันไม่มีทาง
“จะให้ฉันรับผิดชอบอะไร? นานแค่ไหนล่ะที่นายจะตัดใจได้??!” นานเท่าไหร่ล่ะที่เขาจะไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีก นานเท่าไหร่ล่ะที่ยูโตะจะหันมามองเขาสักที
“เพราะนายเป็นคนเริ่มก่อน วันนั้นนายจูบฉันก่อน”
“นั่นมัน...” ใบหน้าหวานแดงก่ำ ไม่อาจสรรหาคำมาอธิบาย เพราะเรื่องราวที่เกิดมันเป็นความรู้สึกของเขาล้วนๆ ไม่ใช่เหตุผล
“ตั้งแต่วันนั้นฉันก็เริ่มสับสน บ้าที่สุด!! เพราะงั้นนายต้องช่วยทำให้มันจบสิ นี่แหละที่นายต้องรับผิดชอบ!” ว่าแล้วยูโตะก็จัดแจงคว้าหมับเข้าที่แขนเรียวสุเกะ ออกแรงดึง จะเรียกว่ากระชากก็ไม่คงผิด เรียวสุเกะที่ไม่เข้าใจคำว่า ‘สับสน’ ของยูโตะ ได้แต่เซถลาตามการชักนำของร่างสูง
“เดี๋ยว!! ยูโตะจะไปไหน?”
“กลับบริษัท” พูดทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะจัดการลากร่างเล็กๆของเรียวสุเกะที่กำลังโวยวายเสียงดังจากทางด้านหลัง อารมณ์กรุ่นโกรธที่มาพร้อมความเรียบนิ่งของร่างสูง ทำให้เรียวสุเกะไม่รู้ว่าจะต้องตั้งรับอย่างไร จากการขืนแรงลากในที่แรกค่อยเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนยอมเดินตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย แม้ว่าในใจจะว้าวุ่นและคิดหาทางออกจนหัวใจเต้นรัวก็ตาม
เขาแค่ต้องการจะหยุดทุกอย่าง แค่ไม่อยากพาตัวเองจมดิ่งไปมากกว่านี้ ทำไมยูโตะไม่ช่วยทำเป็นมองข้ามเรื่องทุกอย่างเหมือนที่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของเขาเหใอนที่แล้วมา ทำไมไม่เข้าใจสักทีว่าเขาไม่อยากอยู่ในสายตาอีกฝ่ายแต่ได้รับความเกลียดชัง เพราะมันคงทรมานไม่น้อยกว่าการเป็นคนนอกสายเสียเท่าไหร่
.
.
.
เรียวสุเกะรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่แผ่นหลังตนถูกดันให้ติดบานประตูที่งับจนปิดสนิท เสียงบานประตูที่เข้าล็อคดังแกร๊กก้องในโสตประสาท
‘ไม่จริงใช่ไหม?’
(warning!!)
ลากคลุมเลยจ๊ะ
ยูโตะกุมไหล่อีกฝ่ายไว้แน่นจนเรียวสุเกะต้องเงยหน้าและถูกผูกรัดไว้ด้วยสายตาคมคู่นั้น แววตาที่สะท้อนสิ่งที่เรียวสุเกะไม่อาจคาดเดา มันขมุกขมัวและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ ใบหน้าเนียนใสเริ่มชื้นเหงื่อจากสภาพอากาศภายในห้องซ้อมเต้นที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว
“ยะ...ยูโตะ” พยายามที่จะบอกว่าเจ็บแต่อีกฝ่ายฟังเสียง
“...นาย” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา ขณะที่โน้มหน้าลงจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดกัน ดวงตากลมใสที่จ้องจะเสหลบ ทว่ามือหนากลับจับเข้าที่คางเล็กและบีบมันจนเรียวสุเกะรู้สึกปวดกราม
“ยูโตะ...ขอร้อง...ฉันเจ็บ” เรียวสุเกะฝืนพูด มือเล็กพยายามที่จะดันคนตรงหน้าออก แต่มันดูไร้ค่าเมื่อคนตรงหน้ายังคงอยู่ที่เดิม
“เพราะนายเริ่มก่อน ก็เป็นตัวแทนให้ถึงที่สุดสิ!”
“ฮึก...ไม่อะ...” เรียวสุเกะสะบัดหน้าหนีก่อนจะถูกักขังด้วยสัมผัสจาบจ้วง ริมฝีปากที่กดทับลงมาร้อนเร่าแต่ไร้ซึ่งความปราณี ไม่มีความรู้สึกใดๆนอกจากแรงอารมณ์
บอกให้เขาเป็นตัวแทน
แม้แต่เรื่องแบบนี้ยูโตะยังไม่อ่อนโยนกับเขา
....เหมือนอย่างจิเน็นเลยสินะ
ร่างบางพยายามหันหนีแต่กลับถูกล็อคไว้ทุกวิถีทาง มือทั้งสองข้างถูกรวบด้วยมือเดียวของอีกฝ่าย ขณะที่อีกข้างกำลังเลิกเสื้อยืดของเขาขึ้น
“ยะ...หยุดนะ...หยุดเถอะ” เรียวสุเกะอ้อนวอนด้วยน้ำตา ริมฝีปากแดงช้ำถูกบดขยี้ จากการจูบซ้ำๆเพื่อปิดกั้นเสียง ร่างบางขัดขืนด้วยกำลังทั้งหมดที่มีแต่ก็ต้องยอมแพ้ต่อลิ้นที่แทรกลึกเข้าในโพรงปากกวาดต้อนทุกหยาดหยดความรักและความหลงใหลผสมปนเปอยู่ด้วยกันเนิ่นนานกว่าสองนาที
ยูโตะยอมผละออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มจะเสียการทรงตัว ร่างบางหอบเสียงสะท้านปล่อยให้แผ่นอกขยับเขยื้อนขึ้นลง ค่อยๆทรุดตัวไถลไปตามแรงโน้มถ่วงพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช้า
ยูโตะค่อยๆย่อตัวตามลงมาช้า จนระดับสายตาใกล้เคียงกัน เรียวสุเกะตาปรือด้วยความเหนื่อยหอบ เหมือนลมหายใจจะถูกช่วงชิงไปหมด สัมผัสที่ไม่คล้ายความอ่อนโยนของร่างสูงแตะซับที่ข้างขมับและตามร่องแก้ม เรื่องตามรอยน้ำตาที่กำลังรินไหลของอีกคน เสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆที่ริมใบหู แต่เพราะหูเขาอื้อและตาก็ขาวไปหมด สมองก็เริ่มขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก สิ่งที่รับรู้มีเพียงสัมผัสที่คอยกดจูบเน้นย้ำบนใบหน้าเขาถ้วนทั่วแล้ววกกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับเติมเต็มสิ่งที่เขาตามหาและต้องการมานาน ร่างกายไม่อาจต่อต้านหัวใจยอมโอนอ่อนให้อีกฝ่ายได้สัมผัสตน
‘รัก...ยูโตะนะ...’
สติสัมปชัญญะที่เหลือเพียงน้อยนิด หากแต่ยังใช้การได้ คอยสะกดกลั้นความรู้สึกมากมายที่กำลังเอ่อล้น ว่าอย่าได้พูดมันออกมา อย่าได้ให้อีกคนรู้ เพียงแค่นี้เขาก็เกลียดตัวเองมากพอแล้ว เกลียดที่ยอมให้อารมณ์มาอยู่เหนือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เกลียดความดำมืดในหัวใจที่ถึงแม้ยูโตะและจิเน็นจะเสียใจมากแค่ไหน เขากลับดีใจลึกๆที่ยูโตะจะกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง
“อ๊ะ...” เรียวสุเกะเผลอตัว เมื่อยูโตะออกแรงเม้มหนักๆที่ลำคอขาวเนียนจนเกิดเป็นร่องรอยบนผิวใส มือบางพยายามดันไหล่ของอีกฝ่ายเมื่อยูโตะตั้งใจจะกดให้เขาอยู่ใต้ร่างร่างสูง เสื้อแจ็กเก็ตสีดำถูกร่างสูงปลดมันออกจากร่างกายคนใต้ร่าง เสื้อยืดตัวบางที่ถูกเลิ่กขึ้นอยู่ก่อนแล้ว สร้างความรำคาญให้ยูโตะไม่น้อยจึงจัดแจงถอดมันออกโยนทิ้งไว้แถวๆนั้น ผิวขาวเนียนปรากฏแก่สายตา ถึงแม้จะเคยเห็นอยู่บ่อยครั้งแต่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับเรียกอารมณ์ดิบของร่างสูงได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากร้อนลากไล้ตั้งแต่ลำคอเรื่อยมาจนถึงแผ่นอกที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลง ริ้วสีแดงจางๆประดับทั่วลำตัว ยิ่งทำให้ร่างตรงหน้าดูน่ามองยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ยูโตะไล้มือวนที่เอวคอดก่อนจะเลื่อนให้ต่ำยิ่งกว่านั้น สะโพกมนถูกบีบคลึงผ่านกางเกงยีนศ์เนื้อหนา เรียวสุเกะกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เมื่อลิ้นเปียกชื้นหยอกล้อกับยอดอกของเขา มือข้างที่ว่างเอื้อมมาปลดเข็มขัดให้คนตรงหน้า เสียงเข็มขัดดังกรุ๊งกริ๊งเรียกสติจากร่างบางให้กลับมาอีกครั้ง
“ไม่เอา ยูโตะ พอเถอะนะ มากกว่านี้ไม่ได้” เสียงหวานคัดค้านจากใต้ร่าง มือบางพยายามรั้งข้อมือคนตัวสูงไว้ไม่ให้ทำอะไรไปมากกว่านี้
“เกินกว่าจะหยุดแล้ว” ยูโตะรวบมือเรียวสุเกะไว้เหนือหัว ก่อนจะก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มที่บวมช้ำจากการถูกกดย้ำซ้ำๆ มือหนาปลดเข็มขัดและรูดมันออกจากกางเกงอย่างชำนาญ เรียวสุเกะบิดตัวเกร็งเมื่อยูโตะเริ่มที่จะลุกล้ำตัวเขามากเกินไป
“ยะ...ยูโตะ หยุด...ขอร้อง” เรียวสุเกะขยับตัวหนีสัมผัสนั้น ปากบางขอร้องไม่ขาดสาย ยูโตะยกยิ้มเพียงนิดกอ่นจะกระเถิบตัวตามจนเรียวสุเกะมาอยู่ใต้ร่างเขาอีกครั้ง
“ขอนะ เรียวสุเกะ” ยูโตะเอ่ยเสียงผะแผ่ว เรียกเขาด้วยชื่อจริง ชื่อของเขาไม่ใช่ใครอื่น นี่ยูโตะไม่ได้เห็นเขาเป็นตัวแทนใครใช่รึเปล่า
“ยู...อ๊ะ!” เสียงหวานเผลอร้องโดยไม่ตั้งใจ เมื่อมือหนากอบกุมเข้าที่ส่วนอ่อนไหว ราวกับกระแสไฟฟ้าช๊อตทั่วร่างกาย และเหมือนจะเป็นปฏิกริยาอัตโนมัติมือบางทั้งสองขยำเสื้อเชิ้ตสีขาวของร่างสูงจนมันยับยู่ยี่เพื่อระบายความอึดอัด กายบางบิดเร่าจากแรงอารมณ์ ปากบางเม้มเป็นเส้นตรง พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้มีเสียงใดๆลอดออกมาอีก
ยูโตะเร่งจังหวะสลับกับผ่อนลงราวกับต้องการจะแกล้งคนใต้ร่าง ใบหน้าหวานแดงก่ำจากความรู้สึกหลากหลาย น้ำตาใสเริ่มคลอหน่วงที่เบ้าตาจากความอึดอัดที่เกิดขึ้น มือบางทุบเข้าที่ไหล่เมื่อยูโตะยอมเร่งจังหวะตามที่ต้องการ มือทั้งคู่จึงกลับมาจิกแรงที่หัวไหล่ผ่านผ้าเนื้อบาง ยูโตะยิ้มอย่างพอใจก่อนก้มลงช่วงชิงลมหายใจเรียวสุเกะอีกครั้ง ข้างบนก็ถูกปรนเปรอด้วยจูบลึกซึ้ง ข้างล่างก็เร่งเร้าอย่างรวดเร็ว กายบางกระตุกเกร็งก่อนจะปล่อยความอึดอัดนั้นออกมา เรียวสุเกะหอบหายใจอย่างหนัก สายธารความอึดอัดเมื่อครู่ถูกใช้หล่อลื่นที่ช่องทางด้านหลัง เรียวสุเกะสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ลุกล้ำเข้ามาภายในร่างกาย
“ทะ...ทำอะไร? ไม่เอานะ อึก เจ็บ!” ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บที่มากกว่าเมื่อครู่เมื่อยูโตะแทรกนิ้วเข้าไปให้ลึกยิ่งกว่าเดิม และเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก จากหนึ่งเป็นสอง และจากสองกลายเป็นสาม นิ่งค้างไว้สักพัก เมื่อสีหน้าของเรียวสุเกะเริ่มดีขึ้น ยูโตะจึงสานต่อทันที ขยับเข้าออกเป็นจังหวะ แรงตอบรับภายในกายร่างบางทำให้ยูโตะพอใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเริ่มขยับคล่องแล้วจึงถอนนิ้วออกมา เรียวสุเกะผวาสุดตัวอีกครั้งเมื่อความอึดอัดจางหายไป เรียวสุเกะหลับตาปี๋เมื่อยูโตะขยับเข้าใกล้ตัวเขามากยิ่งขึ้น
ก่อนที่ทั้งตัวและหัวใจจะกลายเป็นของคนตรงหน้านี้...
บานประตูที่ปิดสนิทจนถึงเมื่อครู่ถูกแง้มออกพร้อมๆกับเสียงโหวกเหวกคุ้นหูของเหล่าเมมเบอร์ที่น่าจะกลับไปแล้ว!!!
“ทำไมนายขี้ลืมงี้อ่ะ อิโนะจัง” คำพูดต่อว่าดังลอดเข้ามาภายใน เรียวสุเกะใจเต้นระส่ำ ทั้งกลัว ทั้งว้าวุ่น แรงอารมณ์ที่ยังไม่สิ้นสุด ร่างบางแสดงมันออกมาทางน้ำตา กายบางสั่นไหวจนยูโตะรู้สึกได้
อย่า...
ไม่จริง
ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที สั้นเกินกว่าที่คนทั้งสองจะขยับออกห่างกัน
“โหย ไดจังอ่ะ ฉันแค่ลืมกระเป๋าตะ...เฮ้ยย!!” บานประตูเปิดกว้างพร้อมๆกับเหล่าสมาชิกจั๊มพ์ก้าวเท้าเข้ามา โดยมีอิโนะและไดกิเดินนำหน้า ร่างเล็กๆที่เดินตามหลังมาชะงักค้าง ดวงตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนที่ม่านตาจะพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา ซึ่งแตกต่างกับริวทาโร่ที่ยืนมองอยู่นิ่งๆ
ทั้งยูโตะและเรียวสุเกะรีบผละออกจากกัน ร่างสูงรีบลุกขึ้นยืน ในขณะที่เขารีบคว้าเสื้อผ้าตนมาสวมใส่ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น คล้ายกับว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่เลวร้ายมากอย่างนั้น
ไม่ใช่คล้าย...แต่เขาทำมันลงไปจริงๆ ทำมันลงไปแล้ว
ร่างบางหันกลับมาและรีบลุกขึ้นยืน หมายจะเดินตามยูโตะเพื่อจะไปอธิบายให้จิเน็นฟัง แม้จะรู้ว่าคนตัวเล็กคงไม่ยอมรับฟังอะไรแน่ๆ
‘เพี๊ยะ!!’ เสียงฝ่ามือปะทะใบหน้าหวานอย่างแรง เรียวสุเกะเซถลาและล้มลงกองกับพื้น ความรู้สึกชาวาบแผ่กระจายลามมาถึงหัวใจ ยามที่มองสบเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่เอ่อไปด้วยน้ำตาของจิเน็น
“นายทำแบบนี้ลงไปได้ยังไง? นายหักหลังฉันได้ยังไง?!!!” จิเน็นตะโกนจนสุดเสียง ตรงเข้ามาเขย่าร่างบางอย่างบ้าคลั่ง เรียวสุเกะตัวสั่นคลอนตามแรงนั้นไม่แม้แต่จะต้านแรงคนตัวเล็กสักนิด
“ยูริ...ฟังก่อนได้ไหม?” เป็นยูโตะที่เข้ามาห้าม สองแขนแกร่งโอบรอบร่างเล็ก และออกแรงดึงเพื่อให้ออกห่างจากเรียวสุเกะ
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ อย่ามาจับฉัน ฉันเกลียดนาย เกลียดพวกนายสองคนมากที่สุด!!! ” สองมือเล็กตรงเข้าทุบอกร่างสูงอย่างไม่ปราณี ทั้งๆที่พยายามทุกอย่างเพื่อจะได้กลับไปยืนข้างยูโตะในฐานะคนรักอีกครั้ง เขาต้องฝืนพูดคำว่า ‘ห่างกันสักพัก’ กับยูโตะ เจ็บปวดจะเป็นจะตายเพียงเพื่อให้ริวทาโร่ไปจากเขาสักที แล้วทั้งหมดนี่อะไร ทำไมถึงหักหลังความรู้สึกของเขาอย่างนี้
“ขอโทษ...ฮึก ฉันขอโทษ” เรียวสุเกะร้องไห้จนตัวโยน พร่ำบอกคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนริวทาโร่ต้องเป็นคนเข้ามาปลอบ สงสารร่างบางจับใจ เรื่องทั้งหมดมันเพราะตัวเขา เพราะเขาทำให้เรียวสุเกะต้องเป็นอย่างนี้
“อย่ามาขอโทษ พวกนายสองคนมันเลวที่สุด!!! รวมทั้งนายด้วยริวทาโร่ ฉันไม่มีวันรักนาย!!!” จิเน็นว่ากราดคนทั้งสามอย่างแค้นเคือง หอบหายใจรุนแรงจากการตะโกนติดต่อกัน ทิ้งคำพูดที่บาดลึกหัวใจริวทาโร่ไว้ ก่อนจะวิ่งผ่านสมาชิกจั๊มพ์ที่เหลือที่ยังคงอึ้งกับเหตุการณ์นี้อยู่
“ริวทาโร่เกี่ยวอะไรด้วย?” รุ่นพี่ใหญ่ของวงถามขึ้นบ้าง ถึงแม้อยากจะเข้ามาห้าม แต่ก็ทำเพียงแค่มองดูอย่างที่คนอื่นๆทำ เพราะรู้มาเสมอว่ายูโตะกับจิเน็นคบกันอยู่ ถึงพักหลังจะดูห่างกันก็ตาม ไม่ว่าใครที่เห็นแฟนตัวเองกำลังกอดกับคนอื่นอยู่ เป็นใครก็คงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ทั้งนั้น รวมถึงเรื่องวันนี้ที่พวกเขาคุยกัน ปักใจเชื่อไปเกินครึ่งเรื่องที่ว่าเรียวสุเกะทำให้สองคนมีปัญหากัน แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจะถามให้แน่ใจ เพราะเท่าที่รู้จักกันมา เรียวสุเกะไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันทำให้เชื่อสุดหัวใจ ว่าเรียวสุเกะเป็นคนทำให้เป็นอย่างนี้
“เพราะนายทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ เพราะนายคนเดียว!!” ยูโตะตอกย้ำความรู้สึกผิดของเรียวสุเกะให้ลึกลงกว่าเดิม น้ำตาใสรินไหลหนักกว่าเดิม หอบสะอื้นจนตัวโยนแต่ยูโตะก็ทิ้งเขาไว้ตรงนี้แล้วเลือกที่จะวิ่งตามจิเน็นไป
นี่คือสิ่งที่เขากลัว...
ยูโตะเกลียดเขาไปแล้ว
เกลียดคนเลวอย่างเขาไปแล้ว
“ไดจัง ผมฝากยามะจังด้วย ยามะจังไม่ใช่คนแบบนั้น เชื่อเขาด้วยเถอะ” ริวทาโร่ตบเข้าที่ไหล่ไดกิครั้งนึง แล้ววิ่งตามริวทาโร่ออกไป โดยไม่ลืมที่จะโทรคนที่ตัวเองรัก ถึงแม้จิเน็นจะไม่รับสายเขาเลยก็ตาม
“ยามะจัง...” ไดกิที่ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่เห็นเรียวสุเกะที่เสียใจขนาดนี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะเข้ามากอดปลอบคนคนนี้ น้องชายคนสำคัญที่เขารักยิ่งกว่าใคร ที่ให้ความสำคัญยิ่งกว่าใคร ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้
“ช่วยบอกทีเถอะนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ยาบุถามขึ้นอย่างหัวเสีย ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ทำไมเด็กพวกนี้ไม่คิดจะบอกอะไรเขาเลย
“ยาบุ ใจเย็นหน่อยเถอะ ยามะจังกำลังเสียใจอยู่นะ” ยูยะที่นิ่งเงียบอยู่นาน ปรามยาบุ
“ไดจัง...ผมต้องไปตามจิเน็น” เรียวสุเกะผลักไดกิออกเบาๆ สองมือขาวปาดน้ำตาที่ไม่ท่าทีว่าจะแห้งเหือดไป วิ่งไปคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วออกจากห้องไป
ตัดสินใจแล้วล่ะ ริวทาโร่
เพื่อให้ทุกอย่างจบลง
เขาจะเป็นคนออกไปเอง...
..............................................................................................................................................
กว่าจะกลับมาอัพตอนนี้ กินเวลาเกือบสองเดือนกว่าเลยทีเดียว ขอโทษจริงๆนะคะ
เนื่องจากตอนที่แล้วแต่งสั้นมากจริงๆ ตอนนี้เลยขอแก้ตัวค่ะ ={}=
ก็ไม่ได้ยาวขึ้นมากเท่าไหร่?? =_=a
คาดว่าตอนหน้าก็คงจะจบแล้วค่ะ เฮ้ออ~
ในตอนนี้ยูโตะไร้เหตุผลมากค่ะ ขนาดแต่งเองยังแบบ
เฮ้ย ทำไมบทยูโตะกลายเป็นแบบนี้ไปล่ะ
ส่วนยามะจังก็คล้อยตามง่ายจังเลยน้า~ 5555
ตอนนี้ไม่ได้พูดถึงริวทาโร่เท่าไหร่เลยค่ะ จะมาก็ตอนหลังๆ
พูดถึงฉากเอ็นซีนิดนึงดีกว่าเนอะ
เพราะเป็นการแต่งครั้งแรกทั้งคำที่ใช้บรรยายคงรู้สึกแปลกๆไม่น้อย
แต่ก็พยายามอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ
ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนึงด้วยล่ะ
พอบอกว่าอยากได้แบบนี้นะ เขาก็พิมมาให้เลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยน้า
ส่วนเราก็เอามาเพิ่มเติมและแต่งต่อจนถึงที่เห็นแหละค่า
ขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตามมาจนถึงตรงนี้ ^__^
ยังไงก็ติชมกันได้ตามสบายเลยค่า จะได้เอามาพัฒนาตัวเองต่อไป
ความคิดเห็น