คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : [SF] たとえどんなに・・・ Part 2
[SF] たとえどんなに・・・
Nakajima yuto x Yamada ryosuke
Part 2
“สวยจังเลย ยูโตะ” คนตัวเล็กข้างๆผมร้องออกมาอย่างดีใจ เมื่อเวลานี้สวนสาธารณะเล็กๆไม่ไกลจากบ้านผมนักถูกประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีสัน ดูสว่างสไวทั่วบริเวณ ท้องฟ้าสีมืดที่เวลานี้ปรากฏดวงดาวน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนโอบล้อมตัวเรา เป็นสถานที่ที่วิเศษจริงๆ
“ใช่ไหมล่ะ” ผมพูดอย่างภูมิใจราวกับว่าบรรยากาศรอบตัวเราสองคนตอนนี้ ผมเป็นคนทำมันขึ้นมาเองอย่างนั้นแหละ
ผมที่มองไปรอบๆเพื่อจะหาม้านั่งให้คนตัวเล็กนั่ง ก็ต้องสะดุดกับเงาอะไรบางอย่างตรงบริเวณม้านั่งไม้ข้างๆกระบะทราย
“ยูโตะ มีใครอยู่ด้วยล่ะ” และจิเน็นเองก็เหมือนจะสังเกตุเห็นเช่นกัน ในเวลาแบบนี้นี้ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด ถึงจิเน็นจะพูดด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก แต่มันก็ทำให้เงาตะคุ่มตรงม้านั่งลุกขึ้นยืน และสาวเท้าเข้ามาใกล้เราเรื่อยๆ
“ยามะจัง..” ผมเรียกชื่ออีกคนอย่างลืมตัว ระคนแปลกใจว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้
“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่” เสียงใสของจิเน็นถามขึ้นอย่างหงุดหงิด อาจจะเป็นเพราะมีคนอื่นอยู่ในวันสำคัญก็เป็นได้
“ฉันแค่...” อีกคนที่กำลังจะตอบกลับ ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนตัวเล็กข้างผมพูดแทรกขึ้นซะก่อน
“อย่าบอกนะว่า จะมาฉลองวันเกิดให้ยูโตะ” ผมที่แปลกใจกับคำพูดของจิเน็น แต่ก็ต้องกระจ่างขึ้นเมื่อมองเห็นกล่องเค้กขนาดเล็กในมือคนตรงหน้า
“ยามะจัง ทำไม...” ผมที่เป็นฝ่ายถามออกไปบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งไม่มีปฏิกริยาตอบสนองกลับมา
“ยูโตะ ไปที่อื่นกันเถอะ” จิเน็นฉุดมือผมแรงๆ ให้ผมออกเดินตามเขามา ผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่แล้วผมก็รู้สึกถึงแรงดึงที่แขนผม
“ขอร้อง อย่าเพิ่งไป ฟังฉันก่อน” เมื่อหันไปตามแรงดึงก็พบกับแววตากลมใสที่กำลังอ้อนวอนอยู่ พร้อมกับแรงสั่นน้อยๆตรงสัมผัสที่แขน
“ฉันไม่ได้คิดจะมารบกวนนายสองคน เพียงแต่ฉันยังทำใจไม่ได้ มันก็เลยเดินมาด้วยความเคยชิน” ปากอวบอิ่มของยามะจังกำลังส่งเสียงหวานใสทว่ามันกลับเศร้าสร้อยจนน่าใจหาย แรงบีบที่แขนผมเพิ่มมากขึ้นราวกับว่าเขากำลังปิดบังความสั่นไหวของสองมืออยู่
“ยามะจัง ฟังนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กอบกุมสองมือขาวของยามะจังเอาไว้หลวมๆ แต่มืออีกข้างก็ยังคงจับมือคนตัวเล็กข้างๆไว้เช่นกัน
“อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้ ถึงจะทำอย่างนั้นฉันก็กลับไปคบกับนายอีกไม่ได้แล้ว” ทำไมกันนะถึงรู้สึกเจ็บแปล๊บในใจ เมื่อต้องพูดอย่างนี้ออกไป ผมปล่อยสองมือขาวให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันหลังเดินตามแรงจิเน็นไป
“เดี๋ยว ยูโตะ อย่าเพิ่งไป ขอร้อง ยูโตะ...” เสียงยามะจังร่ำร้องรั้งผมไว้ แต่ผมกลับทำเป็นไม่สนใจมัน เดินออกห่างจากเขาไป ไม่ได้หันกลับมามองเพราะผมไม่อยากเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตานั่นอีกแล้ว
จิเน็นรีบสาวเท้ายาวๆเพื่อออกจากสวนสาธารณะนั่นให้เร็วที่สุด ผมเลยจำยอมต้องรีบก้าวให้ทันเขา และในขณะที่เราสองคนกำลังก้าวข้ามพ้นถนนเพื่อไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
“ยูโตะ เดี๋ยวก่อน ฉันแค่จะ... เอี๊ยดดดด โครม!!” เสียงรถเบรกดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ พร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างที่กระทบกันอย่างแรง ผมรีบหันกลับไปมอง ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบ เจ็บปวดทรมานและมันกำลังจะหยุดเต้นในไม่ช้า ร่างของยามะจังที่ผมคุ้นเคยลอยหวือตามแรงกระแทกรุนแรงของรถยนตร์คันหรูที่จอดหยุดนิ่งเบื้องหน้าผม ตกลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนเขาแน่นิ่งไป ผมรีบสะบัดมือจิเน็นทิ้งอย่างรวดเร็ว วิ่งไปหาร่างนั้นเร็วที่สุดที่ผมจะทำได้ ใจเต้นรุนแรง น้ำตาผมไหลอย่างห้ามไม่ได้ คุกเข่าลงข้างๆร่างที่ถูกฉาบด้วยสีแดงไปทั่วทั้งตัว ใช้มือซ้ายประคองตัวเขาขึ้นมาออกแรงเขย่าๆไม่แรงมากนัก ด้วยกลัวว่าร่างตรงหน้าจะบอบช้ำไปมากกว่านี้ ส่วนมือขวาบีบแรงที่มือขาว ก้มหน้าซบลงกับใบหน้าสวยที่ตอนนี้ซีดขาวไม่มีสีเลือด ดวงตากลมใสที่ใช้อ้อนวอนผมเมื่อครู่ปิดสนิทจนผมกลัว ต้องออกแรงเขย่าร่างในอ้อมกอดรุนแรง มืออีกข้างของยามะจังที่ผมไม่ได้กุมมันไว้ ตกลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก และค่อยๆคลายออก เผยให้เห็นของบางอย่างในมือที่เจ้าตัวกำมันไว้จนแน่น สร้อยข้อมือสายสีดำขนาดพอดีกับข้อมือเขา มีจี้รูปดาวสีเงินส่องประกายสวยสองดวงคล้องกันไว้ สร้อยข้อมือที่ผมซื้อให้ยามะจังในวันเกิดของเขาเมื่อปีที่แล้วพร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจจากเขา ผมจะรักเขาตลอดไป...
“มะ...ไม่จริง ยามะจัง ฟื้นสิ อย่าทำแบบนี้ ยามะจัง ได้โปรด ม่ายยยย!!!” ผมกรีดร้องสุดเสียง ซบหน้าลงกับร่างแน่นิ่งของเขา ปล่อยน้ำตาไหลท่วมโดยไม่อายใคร หัวใจปวดร้าวเหมือนแหลกสลายเป็นชิ้นๆ และมันยังคงเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆราวกับว่ามันกำลังจะสลายเป็นผุยผง
ผมมันโง่...ที่ไม่ซื่อตรงในความรู้สึกของตัวเอง เผลอคิดไปว่าผมไม่ได้ชอบเขาแล้ว
ผมมันโง่...ที่ทำให้เขาเสียใจ เจ็บปวดมากมายขนาดนี้
ผมมันโง่...ที่เพิ่งมารู้ตัวตอนนี้ว่าคนที่ผมรักมาตลอดและเขาเองก็รักผมมาตลอดเช่นกันคือ ยามะจังเพียงคนเดียว
ผมมันโง่...ที่เพิ่งมาเห็นค่าว่าเขาสำคัญมากแค่ไหน ก็เมื่อตอนนี้ ตอนที่เขากำลังจากผมไป
ผมยอมทำทุกอย่าง แค่เพียงให้คนคนนี้อย่าเป็นอะไร ยอมทำทุกอย่างแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม แค่เพียงให้เขารู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน แค่เพียงให้เขายกโทษให้ผม ได้โปรด...
..............................................................................................................................................
ผมที่นั่งก้มหน้าราวกับคนที่หมดอาลัยตายยากอยู่หน้าห้องไอซียู เสื้อผ้าเลอะเทอะเต็มไปด้วยเลือด ความเย็นเฉียบจากร่างกายของอีกคนที่ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียูยังคงหลงเหลือในสองมือของผม หัวใจผมสั่นไหวขึ้นทุกครั้งเมื่อก้มดูนาฬิกาข้อมือ ที่พบว่าเข็มสั้นเลื่อนจากเลขแปดไปจนเกือบจะถึงเลขสิบเต็มที มันผ่านไปแล้วกว่าสองชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีแม้ใครสักคนที่เดินออกมาจากห้องนี้ ถึงเข็มนาฬิกายังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าเวลาของผมเริ่มเดินช้าลง ช้าลงเรื่อยๆจนใกล้จะหยุดเต็มที
“คุณเป็นญาติคุณยามาดะใช่ไหมครับ?” เสียงเข้มของคุณหมอสูงวัยดูภูมิฐานดังขึ้นใกล้ตัวผม ในเวลานี้มีเพียงผมคนเดียวที่อยู่ตรงนี้ พ่อแม่ของยามะจังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ กว่าจะมาถึงก็คงราวๆช่วงเช้าในวันพรุ่งนี้ ผมจึงหันไปพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคุณหมอ หัวใจเต้นแรง ความกลัวเริ่มก่อตัวอีกครั้ง เผลอกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บทั่วทั้งฝ่ามือ
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่...” ทันทีที่ได้ผมได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ยามะจังของผมปลอดภัยแล้ว ผมดีใจมากจนเผลอตัวพูดแทรกคุณหมอสูงวัยออกไป
“จริงหรอครับ ขอบคุณมากครับ” โค้งจนลำตัวเกือบจะขนานกับพื้นทางเดินขาวสะอาดของโรงพยาบาล
“...แต่หมอบอกไม่ได้ว่าคนไข้จะฟื้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหมอเลยอยากให้คุณรับรู้ไว้ก่อน หมอขอตัวครับ” คุณหมอสูงวัยโค้งเพียงเล็กน้อยก่อนจะขอตัวจากไป ทิ้งคำพูดที่พรากเอาความดีใจของผมออกไปเกือบครึ่งไว้ ผมทิ้งตัวนั่งลงอย่างหมดแรงตรงเก้าอี้ตัวเดิม ถึงจะรู้สึกโล่งใจ แต่ผมก็กลัว กลัวว่ายามะจังจะไม่ตื่นขึ้นมา กลัววันเวลาต่อจากนี้ที่ผมจะต้องอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหน...
ไม่นานนักบุรษพยาบาลสองสามคนก็เดินออกมาพร้อมกับเข็นเตียงผู้ป่วยผ่านผมไป ผมรีบลุกขึ้นสาวเท้าให้ทันความเร็วของล้อเตียง เพียงไม่กี่นาทีคนป่วยก็ถูกอุ้มวางลงบนเตียงนุ่มในห้องพักผู้ป่วย โดยมีผมที่นั่งลงข้างๆเตียงนั้น มองใบหน้าสวยที่ผมคุ้นเคยอย่างดีหลับนิ่งอยู่บนเตียง ผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งขาวมากกว่าเดิมเนื่องจากเสียเลือดไปมากในอุบัติเหตุนั่น ปากบางที่เคยอิ่มสวยบัดนี้แห้งผากและมีรอยแตกรอบๆ แขนและขาถูกพันรอบด้วยผ้าพันแผลจนดูน่าอึดอัด รอยแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวที่ยังเด่นชัดนั่นบีบหัวใจผมจนเจ็บร้าว เอื้อมมือไปกุมมือนุ่มไว้ ก้มหน้าลงซบกับมือคู่นั้น ปล่อยน้ำตาไหลลงช้าๆ
“ฉันขอโทษ ขอโทษ ยามะจัง...” ความรู้สึกผิดที่ท่วมท้นอัดแน่นในอกผม แค่คำว่าขอโทษ ผมรู้ว่ามันไม่พอ แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ผมอยากจะโทษคนขับรถคันนั้นที่ขับไม่ดีมาชนยามะจังของผม อยากจะโทษคนที่มาสร้างถนนไว้ตรงนั้น อยากจะโทษจิเน็นที่ลากผมให้ออกจากสวนสาธารณะ อยากจะโทษฟ้าที่ทำให้เกิดเลวร้ายนี้ขึ้น แต่จะโทษได้อย่างไรในเมื่อความผิดทั้งหมดมันเป็นของผม ของผมเพียงผู้เดียว ถ้าเพียงผมคิดจะฟังเขาสักนิดหรือถ้าเพียงผมรั้งตัวเองไว้ไม่ให้เดินจากเขาไป มันคงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ยามะจังคงไม่ต้องเป็นอย่างนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะผม....
เงยหน้าขึ้นมองไปยังกระจกใสบานใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นหน้าต่าง ท้องฟ้าภายนอกมืดสนิท มีเพียงดาวไม่กี่ดวงที่ยังคงส่องประกายให้เห็นรำไร ขยับปากอ้อนวอนต่อท้องฟ้า ต่อดวงดาว ต่อโชคชะตาของตัวเอง และต่อคนตรงหน้า เพียงแค่เขาจะตื่นขึ้นมาและมาอยู่ข้างๆผมเช่นเดิม
“ได้โปรด...” แหบพร่าแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ แต่ผมก็หวังว่าจะมีอะไรหรือใครสักคนได้ยินมัน และทำให้มันเป็นจริง...
............................................................................................................................................
ทันที่ที่ยูโตะเดินจากผมไป หัวใจของผมเจ็บร้าวทรมาน สมองสั่งการเพียงอย่างเดียวคือต้องวิ่งตามคนข้างหน้าไป ขาของผมเริ่มทำตามนั้น มือสั่นไหวจนเริ่มชาเผลอปล่อยกล่องเค้กที่ผมตั้งใจซื้อมาเพื่อจะฉลองวันเกิดให้เขาตกลงพื้นตรงนั้น เมื่อมือว่างเปล่า ผมก็ล้วงเอาของสำคัญที่ผมใส่มันไว้ติดตัวมาตลอดรวมถึงคำสัญญาของยูโตะที่อยู่ในใจของผมเสมอมา กำแน่นไว้ในมือ เห็นแผ่นหลังของยูโตะอีกฝั่งหนึ่งของถนน เพียงแค่ผมวิ่งข้ามถนนนี้ไปก็จะถึงตัวยูโตะ ก้าวลงถนนโดยที่ไม่ได้มองดูรถให้ดีเสียก่อน สนใจเพียงคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น
“ยูโตะ เดี๋ยวก่อน ฉันแค่จะ... เอี๊ยดดดด โครม!!” ทันทีที่ผมรู้สึกถึงแรงปะทะอย่างจัง ภาพตรงหน้าผมก็ดำมืดลงในพริบตา ได้ยินเสียงวุ่นวายจากรอบข้าง เปลือกตาหนักอึ้งจนฝืนลืมต่อไปไม่ไหวต้องปล่อยให้ปิดลง รู้สึกเจ็บตามเนื้อตัวจนมันเริ่มชา สัมผัสหนักข้างๆผมพร้อมเสียงที่ผมคุ้นเคยลอยอยู่ใกล้หูแค่เอื้อม แต่ผมเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดโต้ตอบได้ ผมรู้สึกถึงหยาดน้ำตาตกกระทบใบหน้าผมก่อนที่สติจะดับวูบลง
‘ฉันแค่อยากจะบอกนาย ถึงแม้นายจะไม่รักฉันแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะรักนายตลอดไป ยูโตะ...’
TBC.
..............................................................................................................................................
มาต่อแล้ววว แต่สั้นได้อีก...
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ =/ll\=
วันปีใหม่ใครจะไปเที่ยวไหน เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ
ปีหน้าฟ้าใหม่ ขอให้เป็นปีที่มีแต่เรื่องดีๆ
เป็นปีที่สดใสของทุกๆคนนะคะ ^___^V
Happy new year 2012 เน้อออ~
ความคิดเห็น