คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [SF] たとえどんなに・・・ Part 1
[SF] たとえどんなに・・・
Nakajima yuto x Yamada ryosuke
Part 1
คุณเคยไหม? ที่เพิ่งจะมารู้ถึงคุณค่าบางสิ่งบางอย่างว่ามันสำคัญมากแค่ไหนในวันที่สิ่งนั้นหายไป และไม่ว่าคุณจะขอร้องอ้อนวอนมากเพียงใด คุณก็ไม่มีวันได้มันคืนมา ไม่มีอีกแล้ว.....
“ยามะจัง ฉันรักนาย ได้ยินไหมฉันรักนาย เพียงแค่นาย แค่นายยามะจัง ได้โปรดตื่นมาฟังทีเถอะนะ ....ฉันขอโทษ...” คำบอกรักนับไม่ถ้วนพรั่งงพรูออกมาจากปากคนร่างสูง น้ำตาหยดที่เท่าไหร่ไม่รู้ไหลลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สองมือแกร่งที่ชื้นเหงื่อจนเปียกชุ่มแต่ทว่าก็ยังคงจับมือขาวซีดของอีกคนไว้มั่นคล้ายกับกลัวว่าอีกคนจะหายไปไหน หายไปในที่ไกลแสนไกล ที่เขาไม่สามารถไปถึงได้
ร่างของคนอีกคนที่นอนนิ่งสนิทบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาและอัตราการเต้นของหัวใจที่ยังคงส่งเสียงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่ที่บอกว่าคนคนนี้ยังคงอยู่ตรงนี้ ยังคงอยู่กับผม และผมยังมีความหวัง ว่าสักวันเขาจะตื่นขึ้นมาและอยู่ข้างๆผมเหมือนเดิม
.............................................................................................................................................
“ยามะจัง เราเลิกกันเถอะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมใบหน้าที่บ่งบอกว่ารำคาญเต็มทีแล้วจากคนร่างสูงแทบจะทำให้คนตัวเตี้ยกว่าล้มทั้งยืน
“ทำไม....” แผ่วเบาราวกับกระซิบแต่อีกคนก็ได้ยินมันชัดเจน ถึงอย่างนั้นคนถูกถามก็ได้แค่เบื่อนหน้าหนี ไม่ได้มีคำตอบใดหลุดออกมา
“จิเน็นใช่มั๊ย?” เมื่อเห็นอีกคนเงียบไปนาน จึงเป็นฝ่ายถามขึ้นอีกครั้ง อีกคนที่ได้ยินก็รีบหันกลับมาแทบจะทันที
พยักหน้าขึ้นลงเพียงครั้งเดียวแทนคำพูดว่าใช่ เพียงแค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้อีกคนเจ็บปวดจนแทบจะแหลกสลาย น้ำตาไหลลงอย่างกลั้นไม่อยู่ ความเจ็บที่อกข้างซ้ายปวดร้าวมากขึ้นจนต้องเอามือกุมไว้และจิกเล็บลงไปผ่านเนื้อผ้าบาง หวังเพียงให้ความเจ็บบรรเทา
“ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่...” แต่ละคำช่างยากเย็น ลำคอแห้งผาก แต่ก็ต้องฝืนพูดออกไป
“คือ ฉัน....” ยังไม่ทันที่อีกคนจะได้พูดจนจบ คนตัวเตี้ยกว่าก็ตรงเข้ามาหา ก่อนจะใช้สองมือทุบแรงๆเข้าที่อกแกร่งของร่างสูง
“ฮืออ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไม ฮึก ทำ..ไม..ต้องเป็นอย่างนี้...ด้วย ฮืออ” ร่ำร้อง เจ็บปวด ทรมาน อยากให้อีกคนได้รับรู้มัน จึงจงใจทุบแรงๆ แต่ยิ่งทำความเจ็บในใจตนทวีเพิ่มมากขึ้น จนไม่สามารถรั้งตัวเองให้ยืนไหว ค่อยๆทรุดลงช้าๆ ไหล่บางสั่นไหวรุนแรง เสียงสะอื้นดังก้องทั่วบริเวณ
“ยามะจัง ฉันขอโทษ...” ย่อตัวลงเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกับคนที่เขาเพิ่งเรียกชื่อ ยื่นมือมาหวังจะหยุดความสั่นไหวที่ไหล่บาง แต่ก็ต้องหยุดมือไว้แค่นั้น เมื่ออีกคนโถมตัวเข้าใส่ กอดเขาเต็มแรง จนต้องล้มลงไปอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้า...ยูโตะไม่ชะ ฮึก ชอบอะไร ฉันจะ...ไม่ทำ ฉันจะไม่...ทำตัวติด ฮึก กับนาย ฉันจะไม่...แค่นะ ฮึก นายไม่บอกเลิกฉัน ฮือออ” พูดไปสะอื้นไป ไหล่กว้างเปียกชื้นจากน้ำตาคนตัวเตี้ยกว่า สองมือขาวรัดแน่นทั้งลำตัวของร่างสูง ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป
ทุกคำพูดที่ยามะจังพูดทำให้จิตใจของผมสั่นไหว น้ำตาของเขาเกือบทำให้ผมใจอ่อน ความเสียใจที่ยามะจังแสดงออกมาทำให้ผมเจ็บปวด แต่ผมจะทำให้เขาเจ็บกว่านี้ถ้าผมยังดันทุรังต่อไป
“ยามะจัง พอเถอะ ความรู้สึกของฉันมันไม่เหมือนเดิมแล้ว นะ” พยายามดันไหล่คนตัวเตี้ยให้ออกห่างและคลายอ้อมกอดเสียที แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เมื่ออีกคนไม่ได้ขยับไปไหน
“ยามะจัง...” เรียกชื่ออีกคนแผ่วเบา ออกแรงผลักมากกว่าเดิม แต่อีกคนกลับคลายอ้อมกอดเสียเฉยๆ ใช่หลังมือขาวปัดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะก้าวถอยห่างเพียงเล็กน้อย
“ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้ ฉันจะไม่ยกยูโตะให้จิเน็น ไม่มีทาง” สายตาจริงจังถูกส่งมา แต่ทว่ามันยังคงสั่นไหว คราบน้ำตาจางๆยังคงมีอยู่บริเวณหางตา เพียงแค่นั้นเจ้าตัวก็วิ่งจากไป
ผมกับยามะจังเราคบกันก่อนหน้านี้เกือบ 2 ปี มันเป็นเวลาที่ยาวนานพอสมควร และผมคิดว่าเราสองคนจะรักกันอย่างนี้ตลอดไป แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ได้พบกับจิเน็น ยูริ เด็กผู้ชายตัวเล็ก ตาโต ผิวใสขาวอมชมพู ผมใจเต้นแรงในครั้งแรกที่ได้เจอ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่คิดว่ามันใช่ความรัก ในเมื่อผมมียามะจังอยู่ข้างๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมกลับเริ่มรู้สึกแปลกๆ สิ่งที่ยามะจังเคยทำให้ผม ผมกลับรู้สึกไม่พอใจ เวลาที่ยามะจังทำตัวติดกับผม ผมกลับเริ่มรู้สึกรำคาญ หรือแม้กระทั่งเวลาที่ยามะจังบอกรักผม ผมกลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ใจเต้นเหมือนที่เคย และตอนนั้นเองผมก็ได้รู้ว่าผมหลงรักจิเน็น ยูริเข้าให้แล้ว ผมชั่งใจอยู่นานว่าผมควรจะทำอย่างไร ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้เมื่อรู้ว่าจิเน็นเองก็รักผมเช่นกัน ถึงจะรู้สึกผิดกับยามะจังมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกตัวผมเอง
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เราเลิกกันแล้ว ยามะจังยังคงทำตัวตามปกติ ทำทุกอย่างอย่างที่เคยทำ ยังคงวนเวียนมาอยู่ใกล้ๆผม แม้ว่าผมกับจิเน็นจะคบกันแล้วก็ตาม
“ยูโตะ ฉันทำข้าวกล่องมาให้ล่ะ” ข้าวกล่องใบโต ถูกยื่นมาตรงหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มคุ้นเคยที่ผมเคยหลงรัก แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันขัดตา
“ฉันมีของจิเน็นแล้ว” พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใช้มือดันข้าวกล่องกลับไป เบือนหน้าหนีจากคนตรงหน้า และยิ้มให้กับจิเน็นเบาๆ
“แต่ของฉันอร่อยกว่านะ นายเคยบอกไม่ใช่หรอ” เจ้าของข้าวกล่องยังคงตื้อไม่เลิก ยื่นข้าวกล่องใบโตมาตรงหน้าผมอีกครั้ง จิเน็นก้มหน้าลงช้าๆ คล้ายกับว่าเขากำลังข่มความเสียใจ ผมไม่อยากเห็นจิเน็นเป็นแบบนั้น
“นายเลิกทำอย่างนี้สักทีได้ไหม” ขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้าอย่างรำคาญ จนเพื่อนๆทั้งห้องหันมามอง ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจ
“เราเลิกกันแล้ว ช่วยเข้าใจได้ไหม นายทำอย่างนี้ ทำให้จิเน็นเสียใจนะ” ลดระดับเสียงลงให้ได้ยินเพียงแค่สามคนเท่านั้น เอื้อมมือไปกุมมือจิเน็นไว้เพื่อให้คนตรงหน้าเห็นและเพื่อปลอบจิเน็นไปในตัว ยามะจังก้มหน้าลง กัดริมฝีปากล่างจนมันเริ่มบวมแดง ไหล่บางเริ่มสั่นไหว มองเห็นน้ำตาหยดใสตกลงมา
“ฉะ...” เหมือนเขากำลังจะพูดอะไร แต่ผมดันพูดแทรกซะก่อน
“ถ้านายทำแบบนี้อีก ฉันจะไม่มองหน้านายอีก” ระดับเสียงถูกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เน้นย้ำประโยคหลังให้เจ้าตัวได้ยิน ถึงจะรู้ว่ามันทำร้ายจิตใจยามะจังแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ยอมตัดใจเขาจะเสียใจมากกว่านี้เป็นเท่าตัว จากนั้นยามะจังก็วิ่งออกจากห้องไป และเขาก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลยตลอดคาบบ่าย
..............................................................................................................................................
ผมพาตัวเองที่อ่อนแอวิ่งมาจนถึงสวนด้านหลังโรงเรียน ทิ้งตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรงบนเก้าอี้ไม้สีหม่น สองมือที่ยังคงถือข้าวกล่องเริ่มสั่นไหวจนคุมไม่อยู่ เผลอปล่อยมันตกลงพื้น ข้าวกล่องที่ผมตั้งใจทำมันให้ยูโตะ ทุกอย่างเป็นของที่ยูโตะชอบกิน และเขาเคยชมว่ามันอร่อยจนให้ผมทำให้ทุกวัน แต่ในวันนี้เขาไม่ต้องการมันอีกแล้ว เมื่อมีใครคนอื่นทำให้อยู่แล้ว น้ำตาไหลรินสู่พื้นดินอย่างกลั้นไม่อยู่ เสียงสะอื้นหนักๆดังเป็นระยะจนผมต้องยกมือขึ้นปิดปาก เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่วันนี้ดูหม่นกว่าทุกวันเพราะพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัว ไม่นานนักน้ำฝนหยดเล็กหยดน้อยก็ตกกะทบเข้ากับใบหน้าผม มันเย็นจนผมต้องสะดุ้งตัว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เนื้อตัวเปียกโชกจากน้ำตาและน้ำฝน ข้าวกล่องเปียกแฉะดูสกปรก เสียงสะอื้นยังคงดังต่อเนื่องแข่งกับเสียงฝนที่ตกหนักราวกับจะซ้ำเติมหัวใจของผม
ผมคิดว่าผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับยูโตะ รู้ว่าเขาชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร รู้ว่าเขาชอบส่งเมลล์มากกว่าที่จะโทรศัพท์คุยกัน รู้ว่าเขาไม่ชอบไปเดินที่คนเยอะๆแต่ก็ยังไปเป็นเพื่อนผมเวลาผมไปซื้อของ รู้ว่าเขาไม่ชอบดูหนังรักแต่ก็ยังไปดูทุกครั้งที่ผมชวน รู้ว่าเขาไม่ชอบให้คนเข้ามาวุ่นวายแต่ก็ไม่เคยว่าเวลาที่ผมเข้าไปกวน รู้ว่าเขาเป็นคนใจร้อนแต่ก็ยังติวหนังสือให้ผมอย่างใจเย็น รู้ว่าเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังแต่มักจะทำตัวเป็นเด็กเล็กๆเวลาที่เขาจะอ้อนผม... แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมกลับไม่รู้อะไรเลย เรื่องนั้นคือ ยูโตะไม่ได้ชอบผมอีกต่อไปแล้ว หัวใจของยูโตะไม่ได้มีแค่ผมอีกแล้ว แววตาที่เคยมองมาที่ผมเสมอวันนี้ไม่มีตัวผมฉายอยู่ในนั้น สองมืออุ่นที่เคยจับมือผมเอาไว้วันนี้กอบกุมมือคนอื่นไว้ ทั้งน้ำเสียงที่เคยเรียกชื่อผมอย่างอ่อนโยนวันนี้กลายเป็นชื่อของคนอื่น ยูโตะที่เป็นคนรักของผมไม่มีอีกต่อไปแล้ว....
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของเราสองคนเริ่มสวนทางกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ในขณะที่ผมรักเขา เขากลับรักคนอื่น ในขณะที่ผมทำทุกอย่างแบบที่ผมเคยทำ เขากลับไม่ชอบใจมัน จนในที่สุดเขาก็บอกเลิกผม ทิ้งความรู้สึกของผมไว้ตรงนี้ ปล่อยให้ผมเสียใจจนหัวใจแทบจะสลาย น้ำตาไหลรินมากเท่าไหร่ ยูโตะก็จะไม่สนใจอีกแล้ว
“...ยูโตะ ฮึก ยูโตะ... ฮืออ” ต่อให้ร่ำร้องเรียกชื่อเขามากมายเท่าไหร่ ยูโตะก็จะไม่มาหาผมอีกแล้ว.....
..............................................................................................................................................
นับจากวันนั้น ทุกครั้งที่ผมเจอหน้ายามะจัง เขาจะก้มหน้าลง กัดริมฝีปากล่างแรงๆอย่างที่ชอบทำเวลากลั้นความเสียใจ ใบหน้าที่เคยสดใสกลับหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด มาโรงเรียนด้วยตาที่บวมแดงทุกวัน สร้อยข้อมือที่ผมเคยซื้อให้เขา เขาก็ถอดมันออกทั้งๆที่เคยสัญญาว่าจะไม่ถอดมันเด็ดขาด เสียงใสหวานที่เคยเจื้อยแจ้วหัวเราะคิกคักก็ไม่มีให้ได้ยินอีกเลย จะได้ยินก็เพียงแค่เวลาที่ลุกขึ้นตอบคำถามเท่านั้น สายตาที่เคยมองแต่ผม วันนี้กลับมองออกไปนอกหน้าต่างเสมอ กล่องข้าวกลางวันสีแดงใบโตที่เจ้าตัวใช้เป็นประจำก็ถูกเปลี่ยนเป็นถุงขนมปังก้อนกลมกับนมสตรอเบอรี่รสโปรดที่ชอบกิน ร่างที่อวบดูมีเนื้อมีหนังวันนี้ดูผอมลงจนอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ผมที่ลั่นคำพูดนั้นออกไป ไม่กล้าพอที่จะเข้าไปหายามะจังก่อน ไม่กล้าที่จะแสดงความเป็นห่วงเป็นใย และไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคนคนนี้ตรงๆ ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในใจ สงสารจับใจเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขา และได้เพียงแค่หวังว่ายามะจังจะทำใจได้ในเร็ววัน...
“ยูโตะ ใกล้จะถึงวันเกิดยูโตะแล้วเนอะ เราไปฉลองกันที่ไหนดี?” เสียงใสของคนตัวเล็กเอ่ยอยู่ข้างๆหูไมได้เบามากนัก แต่ผมที่กำลังคิดอะไรหลายอย่างเลยไม่ได้ยิน จนจิเน็นต้องยื่นมือมาตรงหน้าผม พร้อมกับปัดไปมาเพื่อให้ผมรู้สึกตัว
“หะ? โทษที ว่าไงนะ?” ผมที่รู้สึกตัวจึงหันมาให้ความสนใจ จิเน็นทำปากบู้เล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผมไม่ได้ฟังในสิ่งที่เขาพูด
“ฉันบอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดยูโตะแล้วนะ เราไปฉลองที่ไหนกันดี เหม่ออะไรอยู่เนี่ย” นั่นสินะ ใกล้จะถึงวันเกิดของผมแล้ว ปีนี้ผมต้องฉลองกับจิเน็น ไม่ใช่ยามะจัง
“ว่าไง” คนตัวเล็กเร่งเร้าเอาคำตอบด้วยการเขย่าแขนผมเบาๆ
“ที่ไหนดีนะ อ่ะ ฉันมีที่นึงสวยมาก ไปที่นั่นละกันนะ” ผมยิ้มให้กับคนตัวเล็กข้างๆ ที่ที่ผมจะไปนั่นเป็นที่ที่ผมไปเป็นประจำทุกครั้งเพราะบรรยากาศรอบข้างทำให้ผมมีความสุข และไม่มีใครรู้นอกจากยามะจัง
“อื้ม” คนตัวเล็กเองก็เปลี่ยนจากปากบู้เป็นรอยยิ้มกว้างเพราะความดีใจ ผมควรจะเลิกคิดถึงคนอื่น และสนใจแต่คนตัวเล็กตรงหน้ามากที่สุดต่างหาก
.............................................................................................................................................
ผมที่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำให้คล้ายกับว่าผมหลับ แต่ว่าที่จริงผมแค่อยากหลีกหนีจากอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเสียงดังคึกคักของเพื่อนร่วมห้องที่คุยกันอย่างสนุกสนาน หรือเพื่อนบางคนที่จะเข้ามาคุยกับผมเรื่องเมื่อวันก่อน หรือแม้กระทั่งภาพของคนสองคนที่กำลังยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมันทำให้ผมรู้สึกแย่ จนรู้สึกว่าตัวเองจะอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว น้ำตาที่เหือดแห้งไปตั้งแต่เมื่อคืน กลับไหลลงอีกครั้ง เมื่อได้ยินบทสนทนาที่ไม่ได้อยากฟังสักนิดเข้ามาที่หูของผม
‘ฉันบอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดยูโตะแล้วนะ เราไปฉลองที่ไหนกันดี เหม่ออะไรอยู่เนี่ย’
‘ว่าไง’
‘ที่ไหนดีนะ อ่ะ ฉันมีที่นึงสวยมาก ไปที่นั่นละกันนะ’
‘อื้ม’
บทสนทนาเพียงไม่กี่ประโยคของคนสองคนกลับทำให้หัวใจของผมเจ็บปวดได้มากเท่านี้ สถานที่นั้นไม่ต้องเดาให้ยากผมก็รู้ว่ามันคือที่ไหน ผมจะไม่รู้ได้อย่างไรในเมื่อทุกครั้งที่ยูโตะไปมักจะมีผมไปด้วยเสมอ ทั้งๆที่สถานที่นั้นมีความทรงจำของเราสองคนตั้งมากมาย
‘ที่ที่ฉันจะได้เห็นนายหัวเราะ ได้เห็นรอยยิ้มของนาย ที่ที่นายกอดฉันอย่างอบอุ่น บอกรักฉันซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน หรือแม้กระทั่งจูบแสนหวานนั่น แต่ทำไมกัน ทำไมนายถึงจะพาเขาไปในที่ที่เป็นความทรงจำของเรา’
TBC.
..............................................................................................................................................
จะปีใหม่แล้วค่า เลยแต่งSFมาฝากอีกตอนหนึ่งค่ะ
แต่ดันดราม่าซะงั้น 555
อารมณ์คนแต่งช่วงนี้ขุ่นมัวแบบสุดๆ ฟิกก็เลยออกมาตามอารมณ์นั้นเลย
ช่วงนี้มีอะไรหลายอย่างที่แย่ๆประดังเข้ามาพร้อมกันหมด
เล่นเอาปวดหัวไปหลายวันเลย แต่ก็ยังมาแต่งฟิกได้อีก ^___^
ส่วนเรื่องหลักก็... พักไว้สักครู่ เนื่องจาก ‘ตัน’ T T
แต่จะพยายามแต่งจนจบให้ได้ V(- -)V
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ในตอนที่แล้วมากเลยค่า
ดีใจสุดๆเลยอ่ะ >///< กำลังใจของคนแต่งเลยนะนั่น
ความคิดเห็น