คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Special Christmas Part 1
Special Christmas Part 1
(ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักแต่อย่างใด)
ผมตื่นเช้าขึ้นมาด้วยสภาพที่งัวเงียสุดฤทธิ์ เหตุเพราะเพื่อนตัวดีโทรมาปลุกตั้งแต่ไก่โฮ่ บอกว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ ให้แต่งตัวให้หล่อที่สุดเพื่อจะไปนัดบอดกับสาวสวยโรงเรียนข้างๆ จะได้มีสาวควงในคืนคริสต์มาส และผมเองก็ตอบตกลงไปเพราะเห็นว่ามันก็ดี แต่ขอโทษเถอะนี่เพิ่งหกโมงเช้า ผมที่กดวางสายโทรศัพท์ไป ทำท่าจะหลับต่อ แต่มันก็ดังขึ้นอีก เหมือนรู้ว่าผมจะนอนต่อ
“คุณเคย์โตะครับ ช่วยดูเวลาหน่อยครับ เพิ่งหกโมงเช้าเองโว้ย” กรอกเสียงใส่ด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดสุดๆ
“งั้นคุณยูโตะก็อยู่โดดเดี่ยวในคืนคริสต์มาสไปละกันนะครับ เพราะสาวๆวันนี้ผมกินเรียบ” อีกฝ่ายยอกย้อนกลับมาด้วยคำพูดแบบเดียวกัน
“เฮ้ยย ได้ไงวะ”
“เพราะผมตื่นมาแต่ตัวตั้งกะเช้า จนหล่อเฟี้ยวแล้วเนี่ย” มันยังไม่เลิก ผมยอมไม่ได้ เด้งตัวลุกจากที่นอนทันที
“เออออ ตื่นแล้วๆ เจอที่โรงเรียนละกัน” วิ่งฉิวเข้าห้องน้ำทันที ใช้เวลาทั้งหมดที่มีเพื่อทำให้ตัวเองหล่อมากที่สุด
‘ไม่มีใครให้ควงในคืนคริสต์มาสอย่างนี้ก็เสียชื่อนากาจิม่า ยูโตะหมดน่ะสิ’
เพราะผมตื่นเช้า เลยมาโรงเรียนเช้าตามไปด้วย รถไฟรอบเช้าๆเนี่ย สบายจังนะ ไม่เบียดเสียดแน่นขนัดเหมือนรอบที่ผมขึ้นทุกวัน ผมเลือกที่นั่งสบายๆติดกับกระจกใสที่วางไว้เป็นเขตแนวประตู เพื่อที่จะได้เอนพิงมัน ถัดจากผมไปไม่มากนักมีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ผมสีน้ำตาลระต้นคอพลิ้วสวยลู่ตกตามแนวใบหน้าใสของเจ้าตัวที่กำลังหลับสัปปะหงกอยู่ เมื่อลองไล่มองตามตัวเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อชุดนักเรียนที่เขาใส่อยู่มันเป็นแบบเดียวกับของผมเลย เด็กคนนี้อยู่ม.ปลายแล้วหรอเนี่ย แถมยังอยู่โรงเรียนเดียวกันอีก
ติ๊ด ติ๊ดดดด
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ละสายตาจากเด็กคนเมื่อกี๊ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนักเรียนขายาวสีเทาที่พอดีตัวผม หยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องโปรดไว้ในมือ ค่อยๆเปิดดูช้าๆ ไม่เร่งรีบนัก
‘ คืนคริสต์มาส ค่ำคืนอันแสนศักด์สิทธิ์ ถ้าหากคุณได้ใช้เวลาในคืนพิเศษนี้อยู่กับคนที่คุณรักและร่วมกันอธิษฐาน คำอธิษฐานนั้นจะกลายเป็นจริงตราบชั่วนิรันด์ เมื่อคุณอ่านข้อความนี้จบ หลังจากที่คุณเงยหน้า จะพบคนคนนึงที่นั่งอยู่ข้างๆคุณ คนคนนั้นแหละ คือ ‘คนรัก’ ตามพรหมลิขิตของคุณ ขอให้คุณมีความสุขในวันคริสต์มาสนี้ กรุณาส่งต่อเมลล์ฉบับนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้คำอธิษฐานของคุณเป็นจริง ‘
ผมเปิดอ่านฟอเวิร์ดเมล ที่มักจะส่งมากินพื้นที่เมมโมรี่ในโทรศัพท์ของผมตลอดเวลา
‘ใครเชื่อก็บ้าแล้ว’ พับปิดโทรศัพท์ยัดมันกลับเข้าที่เดิม ก่อนจะหันไปมองเด็กคนเมื่อกี๊ต่อ แต่สิ่งที่เห็นคือ ใบหน้าใสนั่นกำลังจะดิ่งลงสู่พื้นพร้อมกับลำตัวของเจ้าตัวด้วย
“ฟึ่บ!” ผมรีบลุกจากที่นั่ง เลื่อนตัวไปใกล้ ย่อตัวลงเพื่อที่จะใช้มือรองรับใบหน้านั้นได้อย่างถนัดก่อนที่มันจะถึงพื้น
“อ่ะ” เหมือนจะรับรู้ถึงสัมผัสที่ใบหน้า ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน หน้าของเราสองคนจึงห่างกันเพียงแค่ลมหายใจ เหมือนเวลาที่เคยเดินอย่างแข่งขันกลับหยุดเดินเสียดื้อๆ ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นใบหน้าอีกคนชัดๆ ใบหน้ากลมขาวใสยิ่งกว่าผู้หญิง พวงแก้มสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อจากกระยะห่างเพียงน้อยนิด มันดูนุ่มนิ่มจนยากจะรั้งมือไม่ให้ไปจับได้ ดวงตากลมใสบริสุทธิ์ที่กำลังจ้องผมอยู่อย่างตกใจ และริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดนั่นอีก ทุกอย่างบนใบหน้านี้ลงตัวกันอย่างพอดี ไม่ต้องสงสัยเลย คนคนนี้น่ารักสุดๆ ‘ไปอยู่ที่ไหนมานะ ทำไมผมไม่เคยเห็นเลย’
“ขอโทษครับ ขอบคุณมากครับ” คนนน่ารักรีบพูด เมื่อพูดจบก็รีบหันหน้าหนีผมทันที ผมที่ยังคงนั่งค้างในท่านั้นอยู่ ต้องจำใจลุกขึ้นยืนอย่างช่วยไม่ได้
“อืม ไม่เป็นไร” ผมไม่อยากปล่อยโอกาสนี้หลุดมือ ลองเชื่อตามเมลล์ขยะที่ส่งมาดูละกัน ผมนั่งลงข้างๆคนน่ารักอย่างถือวิสาสะ แต่ก็เว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้ไหล่ของเราชนกัน
“เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน นายรู้รึเปล่า” หันหน้าไปมองคนน่ารัก ก็เจอกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งตอบกลับมา ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูน่ารักมากขึ้นไปอีก ให้ตายเถอะ
“นายเคยเห็นฉันด้วยหรอ?” ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ผมอยากจะเอามือตบหน้าตัวเอง ทำไงดีผมไม่เห็นเขาเลย
“คะ เคยสิ” ตอบอ้ำอึ้ง เพราะผมโกหก
“จริงหรอ ฉันยามาดะ เรียวสึเกะนะ เรียกยามะจังก็ได้ ฉันขอเรียกนายว่ายูโตะคุงได้รึเปล่า” ดวงตากลมใสนั่นกำลังอ้อนผมอยู่ ทำอย่างนี้จะให้ผมปฏิเสธได้ยังไงล่ะ เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ เขารู้ชื่อผมได้ยังไง ในเมื่อผมยังไม่ได้บอกเลย
“นายรู้ชื่อฉันได้ยังไงน่ะ?” อีกคนรีบก้มหน้าลงทันที เหมือนเขาจะพูดอะไร แต่ผมได้ยินไม่ถนัด
“นายว่าไงนะ?”
“ก็นายออกจะดังนี่หน่า” หะ ผมเนี่ยนะ ความจริงแล้วก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ใช่ว่าผมจะหน้าตาขี้เหร่สักหน่อย เรียกได้ว่าหล่อเลยต่างหาก ถึงผมจะเคยมีแฟนมาก่อน แต่ก็คบกันได้ไม่นาน
แถมพ่อกับแม่ยังบังคับให้ผมเข้าเรียนในโรงเรียนชายล้วนนี่อีก ถ้าจะหาแฟนสักคนก็ต้องอาศัยเจ้าเพื่อนตัวดีช่วยจัดนัดบอดให้ แต่ผมควรจะดีใจไหมเนี่ย ที่เป็นคนดังในโรงเรียนชายล้วน
“’งั้นหรอ” พยักหน้าขึ้นลงสองสามที ทำเหมือนเข้าใจ แต่ผมก็ไม่เชื่อเท่าไหร่นัก
“ไม่เชื่อกันหรอ” คนน่ารักทำหน้าค้อนใส่ผม แล้วยังมีการอมลมไว้ในปากอีก แก้มกลมๆนั่นก็ยิ่งดูพองขึ้นไปอีก
“ฮะ ฮะ” ผมอดหัวเราะให้กับความน่ารักของคนคนนี้ไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมกลับคุยกับเขาได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าถูกคอเลยมากกว่า บางทีแล้วผมคงไม่ต้องนัดบอดไปมองหาสาวคนไหนไกล ในเมื่อโรงเรียนผมมีเด็กหน้าตาน่ารักขนาดนี้อยู่แล้ว
ตลอดระยะทางการเดินทางไปโรงเรียนวันนี้ ผมมีความสุขมากทีเดียว ใจผมเต้นเร็วทุกครั้งที่คนคนนี้ตอบกลับด้วยคำพูดและท่าทางที่เจ้าตัวคงใช้จนชินแล้ว เผลอคิดถึงเมลล์ขยะนั่น คนคนนี้บางทีอาจจะเป็นคนรักตามพรหมลิขิตของผมก็ได้ ว่าไหม?
“ฉันเรียน 3-c งั้นแยกกันตรงนี้นะ” เวลาที่เคยเดินเชื่องช้า วันนี้กลับเร็วผิดปกติ ผมต้องแยกกับคนน่ารักซะแล้ว เพราะเราเรียนกันคนละห้อง คนน่ารักที่ชื่อยามะจัง โบกมือบ๊ายบายอยู่ตรงหน้าผม พร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาที่ทำให้ใจผมเต้นผิดจังหวะ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าห้องไป ผมรีบดึงแขนคนตรงหน้าไว้ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไป ยามะจังทำหน้าแปลกใจ
“มีอะไรหรอ ยูโตะคุง” นั่นสิ เมื่อกี๊ผมคิดแค่อยากจะรั้งคนคนนี้ไว้เท่านั้น อยากอยู่ด้วยนานกว่านี้สักหน่อย
“อะ อ่อ คือ...” ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะไม่ได้เตรียมตัวไว้ตั้งแต่ต้น
“หืม?”
“กลับบ้านด้วยกันไหม วันนี้” อีกคนทำหน้าแปลกใจ เขาดูตกใจมากกับสิ่งที่ผมพูด นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรอ มันอาจจะเร็วไปหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ว่าผมอยากรู้จักเขามากกว่านี้
“ได้สิ ฉันดีใจจังเลย” สีหน้าแปลกใจเปลี่ยนไปด้วยรอยยิ้มดีใจที่บ่งบอกตามที่พูด เมื่ออีกคนตอบรับ ผมเองก็ยอมปล่อยแขนเขาเพื่อให้เจ้าตัวเดินเข้าห้องไป
ผมยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เขินเรื่องเมื่อกี๊ พร้อมกับระบายยิ้มบนใบหน้า อย่างนี้เขาเรียก ‘รักแรกพบรึเปล่าน้า’
“ยิ้มหน้าบานไรหนักหนาวะ” เดินพ้นประตูห้องไม่ทันไร เพื่อนตัวดีของผมก็ทักทายอย่างเป็นมิตรสุดสุด
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ เออ เคย์โตะ สาวๆวันนี้ นายจะกินเรียบใช่ไหม” ผมถามกลับ เมื่อนึกได้ว่าวัดนี้มีนัดบอด
“แน่ดิ ฉันหล่อขนาดนี้” ผมหันไปทำหน้าเซ็งๆใส่คนที่พูดออกมาไม่อาย
“หรอ งั้นวันนี้นายก็เอาไปคนเดียวนะ”
“หมายความว่าไง?” เบิกตาโต แม้มันจะไม่โตขึ้นเลยก็ตาม
“ฉันเจอคนรักตามพรหมลิขิตแล้ว” พูดไปก็อมยิ้มไปด้วย
“หะ? ฮ่าๆๆ” คนฟังหัวเราะพรืดเสียงดัง มันน่าขำนักรึไง
“ยามาดะ เรียวสึเกะ ห้องc” ผมหันไปพูดชัดๆ ว่าคนรักตามพรหมลิขิตของคือใคร
“ใครนะ ไม่เห็นรู้จัก” เหมือนผมเลย ผมก็ไม่เคยเห็นเขามาก่อน อาจจะเป็นเพราะผมกับเคย์โตะสนแต่พวกผู้หญิงล่ะมั้ง
“ฉันก็เพิ่งเจอวันนี้ น่ารักโคตร” ผมกำลังหลงคนคนนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น
“แล้วจะไม่ไปสินะ วันนี้” เคย์โตะทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
“โทษที” เคย์โตะเอง เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรผม พร้อมกับลุกเดินไปหาเพื่อนคนอื่นในห้อง ไม่ใช่ว่าเขาโกรธหรือไม่พอใจอะไร เพียงแต่ต้องไปหาคนมาแทนผม จะได้ครบคู่ก็เท่านั้น
ในช่วงเวลาอย่างนี้ ผู้ชายที่อยู่ในโรงเรียนชายล้วนอย่างพวกผม ต้องตื่นตัวเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครปฏิเสธการนัดบอดครั้งนี้ นอกเสียจากว่ามีคนรักอยู่แล้ว
ระหว่างที่นั่งรอให้ถึงเวลาเรียน ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเมลล์ขยะเมลล์เดิมนั่น อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบ ลองนึกทบทวนดู ผมที่วันนี้ดันตื่นเช้ากว่าทุกวัน ได้นั่งรถไฟเที่ยวที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเด็กนักเรียนขึ้นเลย เพราะมันเช้าเกิน แต่กลับได้เจอกับยามะจัง แถมยังอยู่โรงเรียนเดียวกันอีก ถึงแม้จะคนละห้องก็เถอะ นี่มัน ‘พรหมลิขิต’ ชัดๆ เป็นวันคริสต์มาสอีฟที่โชคดีสุดๆเลยไม่ใช่หรอเนี่ย ผมยิ้มมีความสุขกับเรื่องเมื่อเช้า เฝ้ารอเวลาหลังเลิกเรียนที่จะได้กลับบ้านกับคนน่ารัก
รู้สึกไหม ว่าวันนี้เวลาเดินช้าไปรึเปล่า ผมก้มลงดูนาฬิกาข้อมือเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ การเฝ้ารอเรื่องอะไรบางอย่างทำให้ผมร้อนรนได้ขนาดนี้เชียว คิดแล้วก็แอบขำตัวเอง ในชีวิตผม ผมไม่เคยตกหลุมรักใครก่อน จะมีก็แต่พวกผู้หญิงเข้ามากันเอง ผมก็แค่คบๆไป ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ไม่ได้ใจเต้นกับใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์พวกนั้นเลยสักนิด แต่ผมกลับใจเต้นแรงเมื่อเห็นใบหน้าใสๆของผู้ชายด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นความรักไม่ได้กำหนดหรอกว่าจะเป็นชายหรือญิง แค่เพียงเรารู้สึกรักใครเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว และตอนนี้ผมก็รู้สึกรัก ยามาดะ เรียวสึเกะ จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วมั้ง เผลอคิดว่ามันง่ายไปรึเปล่านะ กับการรักใครสักคน แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้แน่ชัดพอสมควร คงไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะ ผมจะทำตามความรู้สึกของผมในตอนนี้
อ๊อด อ๊อดดด
“เฮ้อ เลิกสักที” ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจสองสามที คว้าสมุดสองสามเล่มบนโต๊ะ รวบใส่กระเป๋านักเรียนอย่างรวดเร็ว รูดซิปหยิบขึ้นพาดบ่า
“ไปล่ะ ขอให้ได้ควงสาวสวยๆนะ” ยิ้มแป้นให้เคย์โตะ รีบสาวเท้าออกจากห้อง เป้าหมายของผมคือ ห้องc
“รีบเชียวนะ เออ โชคดีเช่นกัน” เคย์โตะพูดไล่หลังผมไม่ไกลนัก ผมโบกมือเป็นเชิงว่า ‘อืม’ ในขณะที่หันหลังให้เขาอยู่
ห้อง 3-c
“ยามะจัง บ๊ายบายน้า”
“บาย จิเน็น อะ..” ในขณะที่หันไปบ๊ายบายเพื่อน คนน่ารักก็เดินชนกับผมที่ยืมพิงขอบประตูหน้าห้องอยู่
“ขอโทษนะ” ก้มหัวขอโทษผมใหญ่ อยากจะบอกว่าที่จริงผมก็เห็นแล้วล่ะว่าเขาจะชน แต่ผมแค่ไม่หลบเท่านั้นเอง
“โอ๊ย เจ็บชะมัดเลย” แกล้งแหย่คนน่ารักกลับ ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“จริงอ่ะ” ดูสิ ทำหน้าตกใจใหญ่เลย
“ฮะ ฮะ ล้อเล่นน่ะ ไม่เจ็บหรอก” อดขำไม่ได้กับท่าทางของยามะจัง
“โธ่ อย่าเล่นแบบนี้สิ”
“ขอโทษนะ กลับกันเถอะ” ถือวิสาสะจับข้อมือขาวของคนตัวเล็กกว่า เพื่อให้ออกเดินตามมา
“อืม >///<” เจ้าของข้อมือขาวก้มหน้างุด แต่ก็ยอมเดินตามโดยดี
ถ้าใครมาเห็นอย่างนี้ คนเขาจะคิดว่าเป็นแฟนกันรึเปล่าเนี่ย พวกเราดูเหมือนไม่ใช่คนที่เพิ่งรู้จักกันเลยสักนิด ว่าไหม?
“ยามะจัง ชอบดูไฟต้นคริสต์มาสรึเปล่า” นึกขึ้นได้เมื่อเดินผ่านสวนสาธารณะที่ไม่เล็กมากแห่งเดียวในละแวกนี้ กลางสวนสาธารณะมีต้นไม้ใหญ่ที่ทุกวันจะเป็นสีเขียวชะอุ่ม แต่ตอนนี้มองเห็นเพียงดวงไฟดวงเล็กดวงน้อยหลากสีสันประดับอยู่เต็มต้น ยามะจังหยุดยืนดูมันอย่างตั้งใจ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบคำถามผม
“สวยเนอะ ^__^” ผมชอบเวลาที่เขายิ้มเพราะทั้งปากและดวงตานั่นจะยิ้มไปพร้อมกัน
“อืม ใช่” ที่จริงผมควรจะสนใจไฟที่ประดับบนต้นไม้ใหญ่แต่ผมกลับมองเห็นใบหน้าด้านข้างของยามะจังมากกว่า
“งั้นพรุ่งนี้ไปดูไฟในเมืองกันไหม” ขณะที่พูดชวน ใจผมก็เต้นระรัวกับคำตอบของอีกคน
“แล้วยูโตะคุงไม่มีนัดกับใครหรอ?” ตอบผมกลับแต่สายตาก็ยังคงมองที่ต้นไม้ใหญ่อยู่
“ที่จริงก็มีนะ” ยามะจัง รีบหันกลับมามองผมทันที
“งั้นหรอ” ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย ผมจะแอบคิดได้ไหมนะ ว่าเขาก็อยากไปกับผม
“นัดกับยามะจังไว้ไง” สีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อกี๊เหมือนเรื่องโกหก เพราะตอนนี้ยามะจังยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว
“แต่ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลย” ตัวคนพูดรีบหันหน้ากลับไปดูไฟต่อ เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอยิ้มกว้างออกมา
“แต่จากหน้าตาตอนนี้ดูยังไงก็ตกลงนี่หน่า” พูดพร้อมกับเดินอ้อมไปหยุดยืนข้างหน้าคนน่ารัก ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ระดับใบหน้าเราเสมอกัน เมื่อยามะจังเห็นอย่างนั้นก็รีบก้มหน้าลงต่ำมากว่าเดิมอีก
“อืม” พึมพำเบาๆในลำคอ แต่ผมเองก็ได้ยินมันนะ
“ถ้าอย่างนั้น ก็เจอกันหน้าห้องนะ แล้วอย่าเดินชนอีกล่ะ”
“รู้แล้วน่า” เมื่อได้ยินคำตอบตกลง ผมก็เลยเดินอ้อมกลับมายืนที่เดิม ตรงข้างๆเขา ปล่อยให้ยามะจังดูไฟต่อไป โดยไม่คิดจะเร่งเร้า เพราะผมเองก็อยากใช้เวลานี้มองหน้าคนคนนี้ให้มากกว่าเดิมด้วย
“ยูโตะคุงไม่มีคนที่ชอบหรอ?” หลังจากที่ตั้งใจดูไฟสักพัก ยามะจังก็เอ่ยถามคำถามที่ทำให้หัวใจผมเต้นระรัว
“ถ้าตอนนี้ก็มี แล้วยามะจังล่ะ” ผมตอบกลับไป โดยที่ไม่ได้มองหน้าคนถาม
“อืม ฉันก็มี เป็นคนที่แอบชอบมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนมาเรียนที่นี่ใหม่ๆ” ไม่จริงน่ะ ยามะจังมีคนที่ชอบแล้วงั้นหรอ ผมรีบหันกลับมามอง แต่ยามะจังกลับหันไปมองไฟต่อ ทำให้สายตาของเราคลาดกัน
“ฉันย้ายมาเรียนตอนกลางเทอมปีสอง ยังไม่รู้ที่ทางในโรงเรียนเท่าไหร่ ก็เลยหลงหาห้องไม่เจอ แล้วคนคนนั้นก็มาช่วยฉันไว้ พาฉันไปส่งถึงห้องเลยล่ะ” ใบหน้าของยามะจังดูมีความสุขมากเมื่อเล่าเรื่องนี้ ผิดกับผมที่หน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ‘คนคนนั้นไม่ใช่ผมสินะ’
“งั้นหรอ แล้วยามะจังไม่ไปบอกชอบเขาล่ะ”
“อืม ฉันเคยคิดจะไปบอก แต่ว่าคนคนนั้นก็มีคนอื่นเดินข้างๆแล้ว ฉันเสียใจนะ แต่ต่อมาเขาก็เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาก็เดินคนเดียว” ละสายตาจากไฟสีสวยข้างหน้าหันกลับมามองผม ด้วยสายตาที่ผมเดาไม่ออก
“แต่เขาก็มีคนที่ชอบแล้ว” เพียงแวบเดียวที่ผมเห็นนัยย์ตาของเขาสั่นไหว แค่แวบเดียวจริงๆ เพราะตอนนี้เจ้าตัวหันกลับไปมองไฟสีสวยอีกครั้ง
“คนคนนั้นโชคดีจังนะ” ผมอิจฉาคนคนนั้น คนที่ยามะจังชอบ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีโอกาสสินะ ในเมื่อคนคนนั้นมีคนที่ชอบแล้ว
อากาศเย็นที่โปรยอยู่รอบตัว ทำให้ผมต้องกระชับเสื้อสูทนักเรียนให้แน่นขึ้น ลอบมองคนข้างๆ ก็เห็นว่าจมูกโด่งได้รูปเริ่มขึ้นสีเรื่อๆแล้ว
“กลับกันเถอะยามะจัง เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” อีกคนทำหน้าตาหมือนเด็กเล็กๆที่ต้องเลิกเล่นเมื่อแม่มารับ เสียดายขนาดนั้นเลยหรอ ผมอดไม่ได้ที่จะเอามือไปขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลประกายสวยเบาๆ
“พรุ่งนี้ค่อยมาดูใหม่นะ ไปดูต้นใหญ่เลย” อีกคนถึงยอมละสายตา หันกลับมามองผม
“พรุ่งนี้นะ ยูโตะคุงห้ามลืม ห้ามแอบไปนัดกับใครไว้ด้วย” ทำปากเชิดๆใส่ผม แล้วสาวเท้าออกเดินนำไปก่อน
“ไม่ลืมหรอกน่า” ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อเดินตามให้ทัน
หลังจากที่ผมเดินตามเขาไป ไม่นานนักเจ้าตัวก็หันมาบอกผมว่าส่งแค่นี้พอ ไม่ต้องเดินเข้าไปหรอกมันลึก ให้ผมรีบกลับบ้าน เพราะดูท่าคืนนี้หิมะอาจจะตกก็ได้ ตอนแรกผมก็อิดออดไม่ยอมท่าเดียว แต่เห็นสีหน้าลำบากใจของอีกคน ผมก็ต้องจำยอมเดินกลับออกมาทั้งๆที่เสียดาย อะ!! ให้ตายเถอะ ผมลืมขออีเมลเขาเฉยเลย เวรจริงๆ โธ่ เสียดายโอกาสชะมัด แต่แค่นี้ผมก็มีความสุขจนนอนฝันดีได้แน่ๆ
“ขอให้ยามะจังเปลี่ยนใจมาชอบผมด้วยเถอะ” ระหว่างทางกลับบ้าน ผมเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าที่เริ่มจะมืดสนิทแล้ว มองเห็นดวงจันทร์ลอยเด่น อดไม่ได้ที่จะภาวนาออกมาเบาๆ
TBC. ตอนหน้านะคะ ^___^
............................................................................................................................................
ขออินเทรนกับช่วงเทศกาลคริสต์มาสหน่อยนะ
วันนี้ก็เลยแต่งสเปเชี่ยลมาฝากค่ะ
ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักแต่อย่างใด
เอาไปอ่านเพลินๆก่อนนะคะ >w<
ความคิดเห็น