ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Hey! Say! JUMP

    ลำดับตอนที่ #12 : [SF] Pain _chapter 8 (ending)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 205
      2
      9 พ.ค. 56

    Pain

    Nakajima Yuto x Yamada Ryosuke

    Morimoto Ryutaro x Chinen Yuri

    Rate PG-13 (ขออนุญาตปรับเปลี่ยนเรทให้ตรงกับความยืดหยุ่นของกฏเว็บนะคะ)

     

     

    ..............................................................................................................................................


     

    Chapter eight

     

     

     
     

    "ยามะจัง ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่พูดออกไปอย่างนั้นนะ" อ้อมแขนแกร่งกอดกระชับเรียวสุเกะไว้อย่างแน่นหนา ถึงแม้ใจอยากจะลุกไปเอาเรื่องกับไอทุเรศที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น หากตัวเขามาช้ากว่านี้ หากไม่คิดจะออกตามหา เรียวสุเกะอาจจะบอบช้ำมากกว่านี้ มากกว่าที่เขาทำให้เจ็บปวด


    'เพราะนายทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ เพราะนายคนเดียวยามะจัง!!!' ตัวเขาที่พูดทิ้งไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเลือกออกวิ่งมาตามหาคนตัวเล็ก 'ยูริ' แทนที่จะคอยปลอบเรียวสุเกะ


    ริวทาโร่ที่วิ่งตามมาฉุดแขนเขาเอาไว้ เสียงหอบหายใจของทั้งคู่รัวเร็วไม่เป็นจังหวะ ร่างโปร่งโค้งตัวเล็กน้อยระบายความเหนื่อยด้วยการหายใจแรงๆ ขอพักเพียงสักครู่ก่อนจะสูดลมหายใจให้ลึกยิ่งกว่าเดิม


    "ยูโตะ นายไปตามหายามะจัง ฉันจะตามหาจิเน็นเอง" สายตาจริงจังจากรุ่นน้องน่าเชื่อถือ แต่...


    "ทำไมฉันต้อง..." ยูโตะหรี่ตามอง นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องมาฟังคำพูดของเด็กนี่!!!

    "เรื่องทั้งหมดน่ะ ฉันเป็นคนต้นคิด ยามะจังแค่ทำตามคำขอร้องของฉันเท่านั้น เขาพยายามแล้วที่จะห้าม แต่ฉันเองที่ดันทุรัง ยามะจังไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้!!!" ท้ายประโยคถูกเพิ่มระดับเสียงจนคล้ายการตะโกน เมื่อตัวเขาเริ่มแกะมือของริวทาโร่ออก


    "แล้วไง นายจะมาแก้ตัวอะไรให้ล่ะ?" ยูโตะมองอย่างจับผิด เพราะที่เขารู้...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเรียวสุเกะ


    "เปล่า คือฉัน..". ริวทาโร่เอ่ยตะกุกตะกัก


    "นายกำลังทำให้เสียเวลานะ" อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่แล้วยิ่งเพิ่มมากขึ้นพร้อมๆกับความรำคาญ


    "ยามะจังรักนาย รักนายมากจริงๆ" ริวทาโร่กลั้นใจพูดออกไป เขารู้สึกผิด เพราะเรียวสุเกะขอร้องไว้ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใครโดยเฉพาะยูโตะ แค่นี้ร่างบางก็รู้สึกเกลียดตัวเองมากพอแล้ว แต่เขากลับพูดออกไป และคนที่ได้ฟังดันเป็นยูโตะเสียอีก 


    "นาย...ว่าไงนะ?" ตกใจไม่น้อยกับคำพูดของริวทาโร่ หมายความว่ายังไงที่ว่ายามะจังรักเขา โกหกกันก็ควรให้มีขอบเขตบ้าง ข้ออ้างแบบนี้คิดว่าจะทำให้เขาหายโกรธได้รึไง?!!


    "ยามะจังน่ะ รักนายมาตลอด แต่เขาก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกไว้ และยิ่งให้ลึกกว่าเดิมเมื่อนายคบกับจิเน็น ยามะจังเสียใจมากนะ ต่อหน้านายถึงจะทำเป็นยิ้ม ให้กำลังใจนาย แต่ข้างในใกล้จะแตกสลายลงทุกที..."


    "นาย พูดเรื่องอะไร?" ยูโตะมีท่าทีอ่อนลง แต่ให้ปักเชื่อทั้งหมดในเวลานี้ช่างยากเย็นเหลือเกิน แต่ว่า...รอยยิ้มอ่อนหวานแบบนั้น คอยให้คำปรึกษาเขามาเสมอ ด้วยความรู้สึกแบบนั้นงั้นหรอ? ยามะจัง....


    "นายมันซื่อบื้อไงยูโตะ ถึงดูไม่ออกว่ายามะจังรักนายมากแค่ไหนในขณะเดียวกันนายก็ทำร้ายจิตใจจิเน็นด้วย" ร่างสูงนิ่งเงียบ 


    "จิเน็นเป็นแฟนนายก็จริง แต่นายกลับให้ความสำคัญกับยามะจังมากกว่าเขา ถ้าหากยามะจังบอกนายให้ไปหา นายจะเลือกไปหาเขาก่อนที่จะไปหาจิเน็น เวลานายไปเดทกับจิเน็น นายจะพูดถึงยามะจังเสมอ และมักจะเดินเข้าหาของที่หมอนั่นชอบ!!" ริวทาโร่พูดรวดเดียวจบ สิ่งที่เขาพูดมันอยู่ตอนนี้ เขาได้ยินมาจากจิเน็น แม้ร่างเล็กไม่เคยคิดจะมาบอกเขาสักครั้งก็ตาม


    "ฉันปะ...เปล่า" ยูโตะปฏิเสธอย่างไม่เต็มเสียงนัก ตลอดเวาลาที่ผ่านมาเรียวสุเกะคือเพื่อนที่ดีที่สุด เพื่อนที่สำคัญที่สุด...แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆน่ะหรอ? 


    "จิเน็นน่ะแอบไปปรึกษากับพี่ฮิคารุบ่อยๆ ฉันมองแต่จิเน็นเสมอก็เลยรู้ และคิดมาตลอดว่าถ้าเป็นฉันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ฉันก็เลยรู้สึกตัวทันทีว่าชอบจิเน็นเข้าแล้ว" แววตาของริวทาโร่สั่นไหว ร่างสูงมองเห็นมันและมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง แววตาแบบนี้เขาเองก็เคยเห็นมันจากเรียวสุเกะ...


    "ริวทาโร่"

    " ส่วนยามะจังน่ะ นายเคยรู้ไหมว่าเขาร้องไห้เรื่องนายบ่อยแค่ไหน ทำสีหน้าเจ็บปวดมากขนาดไหนเวลาที่นายยิ้มอย่างมีความสุขกับจิเน็น แล้วรู้อีกรึเปล่าว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่ในการยืนข้างนายในฐานะ 'เพื่อน' !!!! มันทรมานมากนะ..." ริวทาโร่เว้นวรรค ผ่อนลมหายใจเบาๆ พลางนึกถึงข้อความสั้นๆที่เรียวสุเกะส่งมาให้เขาเมื่อครู่ ก่อนจะกลั้นใจถามคำถามที่จะเป็นตัรตัดสินเรื่องราวต่อจากนี้ของพวกเขาแทนเรียวสุเกะ


    " แล้วตัวนายล่ะ คบกับจิเน็นเพราะอะไร?" 

    "ฉันคบกับจิเน็นก็เพราะฉัน..."

    "รักหรอ? เมื่อก่อนน่ะฉันไม่รู้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ลองถามหัวใจนายดูซิ ระหว่างยามะจังกับจิเน็น นายรักใครกันแน่?!!" 

    "ถ้านายยังยืนยันว่าเป็นจิเน็น ฉันกับยามะจังจะไม่มาให้นายเห็นหน้าอีก!!!" เขากับเรียวสุเกะตัดสินใจไปแล้ว เรื่องนี้มันถลำลึกมากกว่าที่พวกเขาคาด หากสุดท้ายไม่เป็นอย่างที่ต้องการ พวกเขาสองคนตัดสินใจจะลาออกจากวง!!!


    ไม่ได้หนี ไม่ได้ขี้ขลาด แต่ความรู้สึกเหล่านี้จะไม่จางหายไป หากยังเห็นหน้ากันอยู่ และเขาทั้งคู่ก็คงจะรับไม่ไหวหากโดนคนที่เขารักตราหน้าว่า 'เกลียด'


    "หมายความว่านายสองคนคิดจะลาออกงั้นหรอ??" ก้อนเนื้อข้างซ้ายของยูโตะเจ็บแปล๊บ เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้เจอเรียวสุเกะอีก ไม่ได้เห็นรอยยิ้มอ่อนหวานเหล่านั้นอีก ไม่จริงใช่ไหม...


    "ใช่!!!" 


    "ฉัน..." ยูโตะชะงักคำพูดแทบจะทันที เมื่อ...

    "กรี๊ดดดด ช่วยด้วย คนตีกัน!!!!" หญิงสาววัยกลางคนวิ่งหน้าตาตื่นมาหาพวกเขา เธอชี้มือชี้ไม้ไป

    ทางตรอกแคบๆ และบอกพวกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่าให้ไปช่วยที


    "!!!" ยูโตะและริวทาโร่มองหน้ากัน สิ่งที่พวกเขาทั้งคู่คิดคือ อย่าให้ใช่สองคนนั้นนะ


    สองฝีเท้ากระทบพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะทำให้หัวใจของยูโตะแทบแหลกสลาย 


    ร่างของเรียวสุเกะนอนราบกับพื้นโดยมีไอทุเรศคร่อมทับ มือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยเข็ดขัดที่รัดจนแน่นไร้ซึ่งประโยชน์ใดใด ใบหน้าของมันซุกไซ้ตรงซอกคอขาวอย่างย่ามใจ กายบางสั่นไหวตามแรงสะอื้น ดวงตาหวานปิดสนิทราวกับไม่ต้องการรับรู้อะไร และสิ่งที่ทำให้อารมณ์โกรธพุ่งทะยานจนถึงขีดสุดคือ...เสื้อยืดคอวีสีดำที่เจ้าตัวชอบใส่บ่อยๆถูกเลิ่กขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องขาวเนียน มือหยาบของไอ้ทุเรศนั่นไล้วนอย่างถือวิสาสะ!!!!


    "ยามะจัง!!!!" ไร้ซึ่งสติมีเพียงอารมณ์โกรธที่สั่งการให้พุ่งเข้าหามัน รองเท้าหนังสีน้ำตาลมีสไตล์กระทบเข้ากลางลำตัวมันอย่างจงใจ แรงกระแทกหนักๆส่งผลให้ร่างมันลอยกระเด็นห่างออกไป เมื่อเห็นมันนอนนิ่งเขาจึงตัดสินใจโผเข้าหาเรียวสุเกะ


    ยูโตะพยุงเรียวสุเกะให้ลุกขึ้นนั่ง ปลดเข็มขัดออกแล้วโยนทิ้งไป เรียวสุเกะมองหน้ายูโตะด้วยความไม่เชื่อก่อนจะโผเข้ากอดเมื่อเห็นชัดแล้วว่าเป็นยูโตะจริงๆ ปากบางเรียกชื่อเขาพร้อมกับเสียงสะอื้น กายบางสั่นเทาจนเขาต้องพยายามกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้น ส่งผ่านความอบอุ่นและความรักให้จนหมดใจ


    ร่างกายและหัวใจของเรียวสุเกะเกือบจะแหลกสลายไปแล้ว


    หัวใจของเขาก็เกือบจะหายไปเช่นกัน


    ดีจริงๆ ที่เขามาทัน


    ดีจริงๆ ที่ริวทาโร่มาพูดให้เขาได้คิด


    ในที่สุดก็รู้แล้วว่า 'หัวใจของเขาคือใคร'



    ริวทาโร่มองภาพตรงหน้านิ่ง เขายิ้มน้อยๆให้กับคนทั้งสอง ใบหน้าหวานของเรียวสุเกะระบายรอยยิ้มอ่อนโยน เช่นเดียวกับยูโตะ


    'ดีใจด้วยนะ ยามะจัง'

    แต่ตัวเขาเนี่ยสิ ริวทาโร่สอดส่ายสายตาหาร่างเล็ก พลันสะดุดกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก เสื้อผ้ามอมแมม ผมเผ้ารุงรังปิดหน้าปิดตาแต่ริวทาโร่ก็รู้ทันทีว่าคนคนนั้นคือ...

    "จิเน็น!!!" 

     

    ..............................................................................................................................................


    ไม่นานนักตำรวจก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ คาด่วาหญิงวัยกลางคนคนเมื่อครู่น่าจะเป็นคนโทรไปเรียก เหล่าเมมเบอร์จั๊มพ์รีบลงมาจากรถทันทีที่พวกเขาเห็นรุ่นน้องทั้งสี่คนในวง 

    "นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!" ยาบุถามอย่างร้อนรน ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขาด้วย ที่ปล่อยให้รุ่นน้องในวงทะเลาะกันจนมันเลยเถิด ทั้งๆที่เขาเป็นพี่ใหญ่กลับนิ่งเฉยปล่อยให้มันทับถมจนมันหนักหนาขนาดนี้ 


    ฝ่ามือเรียวแตะเบาๆอย่างให้กำลังใจ ยาบุหันมายิ้มอ่อนโยนให้ 

    ขอบใจมากฮิคารุ


    "ผมไม่เป็นไร แต่ยามะจังยังกลัวอยู่" ยูโตะตอบในขณะที่ยังกอดปลอบเรียวสุเกะอยู่ ยาบุพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "งั้นฉันจะไปบอกตำรวจให้รอก่อนแล้วกัน" ยาบุเอื้อมมือไปลูบหัวเรียวสุเกะย่างอ่อนโยน ความรู้สึกผิดเต็มประดา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเองกลับเลือกที่จะปิดหูไม่ยอมฟังที่เรียวสุเกะต้องการอธิบาย 

    "ตอนที่ผมเข้ามา ผมเห็นหมอนั่นแค่คนเดียว แต่ผมคิดว่ามันไม่กล้าทำอะไรแบบนี้คนเดียวแน่" คำพูดของรุ่นน้องอย่างยูโตะทำให้ละจากความรู้สึกผิดหันกลับมา ยูโตะชี้ไปที่หมอนั่นที่ว่าและพูดด้วยท่าทางจริงจัง ซึ่งมันก็มีเหตุผลจริงๆ

    "ฉันจะลองคุยกับตำรวจดู แล้วต้องพยายามปิดเรื่องนี้ด้วยก่อนจะกลายเป็นข่าวใหญ่ ฮิคารุนายช่วยไปดูจิเน็นกับริวทาโร่ที" ยาบุออกคำสั่งกลายๆ ฮิคารุพยักหน้ารับก่อนจะรีบวิ่งไปดูอาการคนตัวเล็กพร้อมๆกับยูยะและเคย์โตะ

    "ยาบุคุง ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ช่างมันเถอะ" เรียวสุเกะส่ายหัวน้อยๆ ใบหน้าสวยเริ่มคลายความกังวลลงบ้างแล้ว บอกปัดอย่างคนใจดี ก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นโดยมียูโตะคอยช่วยอยู่ข้างๆ

    "จะช่างมันได้ยังไง?!" เรียวสุเกะสะดุ้งตัวเล็กน้อย ไม่เว้นแม้แต่ยูโตะ ยาบุที่เห็นอย่างนั้นจึงปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ

    "เอาเถอะ ไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง" บอกพร้อมเอื้อมไปลูบหัวเรียวสุเกะอย่างอ่อนโยน 

    "ขอโทษด้วยครับ" เขาสร้างเรื่องอีกแล้ว เรียวสุเกะก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ ก่อนที่ร่างสูงจะพาออกไป 


    .........................................................................................................................................................


    ด้วยความอ่อนล้าเรียวสุเกะเอนหัวซบไหล่ร่างสูงตลอดทาง ไม่นานนักรถของทางบริษัทก็ขับมาจอดหน้าบ้านเรียวสุเกะพอดี ยูโตะเขย่าตัวร่างบางเพื่อเป็นการปลุกคนข้างๆ แต่เรียวสุเกะหลับสนิทเขาจึงตัดสินใจอุ้มร่างบางเข้าบ้านเอง ยูริมองการกระทำของยูโตะมาตลอด เขาเพิ่งมารู้ว่าเรียวสุเกะเกือบต้องเจอกับอะไรตอนที่เข้ามาช่วยเขา เรียวสุเกะวิ่งมาหาเขาอย่างไม่ลังเลแม้ว่ามันอันตรายแค่ไหน เรียวสุเกะที่คิดถึงแต่คนอื่น เรียวสุเกะที่เป็นอย่างนี้เขาไม่มีวันโกรธลง

    ยูริยิ้มเศร้าๆ พร่ำบอกกับตัวเองว่ายูโตะรักเรียวสุเกะไม่ได้รักเขาอีกแล้ว ริวทาโร่ที่อยู่ข้างๆกอบกุมมือคนตัวเล็กไว้แน่นอีกครั้ง ยูริหันมามองและยิ้มให้อย่างอ่อนหวานแต่มันดูเศร้ามากเหลือเกินในสายตาริวทาโร่....

    "ยูริ...." 

    "ไม่เป็นไรหรอกริว ก็ฉันมีริวอยู่ข้างๆแล้วนี่" จิเน็นส่ายหน้า ก่อนจะกระชับจับมือริวไว้แน่น

    "ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ ฉันไม่อยากให้นายฝืนแล้วไปร้องไห้ในที่ที่ฉันไม่มองเห็น" ริวทาโร่ดันศีรษะมนเข้าหาไหล่ตน ลูบกลุ่มผมนั้นอย่างอ่อนโยน พร้อมก่บที่พร่ำบอกตัวเองในใจ ไม่เป็นไร...สักวันความรักของเขาจะส่งไปถึงหัวใจของยูริ

    "ฮึก ริว...ยูโตะบ้าที่สุด!!" อีกไม่นานเขาจะไม่ร้องไห้อีก จะสามารถมองดูความรักของยูโตะและเรียวสุเกะอย่างยินดี และในตอนนั้นหัวใจเขาเองจะมีเพียงริวทาโร่เท่านั้น



    "เรียวสุเกะ!!!" ทันทีที่ร่างสูงกดออด คุณแม่ของเรียวสุเกะก็วิ่งมาเปิดประตูแทบจะทันที เรียกชื่อลูกชายตัวเองอย่างห่วงหา คงจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะยาบุคุงคงจะโทรมาบอกแล้ว

    "หลับเพราะเหนื่อยครับ" ยูโตะตอบก่อนที่คุณแม่ของเรียวสุเกะจะถามขึ้น เพื่อคลายความกังวลของเจ้าตัว

    "ฝากอุ้มเรียวจังขึ้นไปบนห้องทีนะ" ยูโตะพยักหน้ารับ สองเท้าก้าวด้วยความเคยชินกับที่ทางภายในบ้านหลังนี้
    นานพอสมควรที่ตัวเขาไม่ได้มาที่บ้านร่างบาง จะว่าทะเลาะกันก็ไม่ใช่ มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น ให้ทะเลาะกันแบบเมื่อก่อนยังดีซะกว่า 

    ประตูห้องเปิดออกช้าๆด้วยความทุลักทุเล ยูโตะวางร่างบางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เจ้าตัวยังคงหลับสนิทอยู่อย่างนั้น มือแกร่งไล้ใบหน้าหวานแผ่วเบา ปัดเส้นผมที่ปรกหน้าอยู่ออก ใบหน้าขาวใสที่ใครๆก็ว่าน่ารักถึงแม้เจ้าตัวจะโตขึ้นแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน 

    ก๊อก ก๊อก 

    ยูโตะสะดุ้งเล็กน้อย ชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คุณแม่ของเรียวสุเกะจะเปิดประตูเข้ามา กะละมังแสตนเลสใบใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะข้างๆเตียง พร้อมๆกับที่คุณแม่ก็นั่งลงบนเตียงเช่นกัน มือขาวที่ดูมีเนื้อมีหนังคล้ายกับของเรียสุเกะจัดแจงบิดผ้าในกะละมังนั้นให้หมาด ก่อนจะนำมาเช็ดตามใบหน้าและลำคอ เรียวสุเกะขยับใบหน้าหนีเพียงนิด ยูโตะมองการกระทำเสียเพลินจนกระทั่งคุณแม่กำลังจะถอดเสื้อของร่างบางออกเขาถึงเพิ่งได้สติ


    "เอ่อ..งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ยูโตะโค้งตัวตามมารยาท ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวพ้นห้อง คุณแม่ก็เรียกเขาไว้เสียก่อน

    "ยูโตะคุงจ๊ะ แม่มีอะไรจะคุยด้วยหน่อย เราลงไปรอข้างล่างก่อนได้ไหม?" คุณแม่หยุดการระทำไว้ชั่วครู่หันมาบอกเขาพร้อมรอยยิ้ม 


    "ครับ.." ร่างสูงพยักหน้ารับและเดินออกจากห้องไป


    ยูโตะนั่งรอเพียงครู่ คุณแม่ของเรียวสุเกะก็เดินลงมา เธอไปที่ห้องครัวก่อนจะออกมาพร้อมกับแก้วน้ำสองใบ เธอวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าร่างสูง และพาตัวเองไปนั่งลงที่โซฟาตัวถัดจากเขาไป ไอเย็นที่เกาะรอบแก้วน้ำชวนให้รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา ร่างสูงเอื้อมมือหยิบขึ้นมาดื่มมัน 

    "ขอบคุณมากจ๊ะ ที่ช่วยดูแลเรียวจังมาเสมอ" คุณแม่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ช่างคล้ายกับเรียวสุเกะเสียจริงๆ


    "เอ๊ะ? อ่อครับ" ยูโตะรีบกลืนน้ำเย็นๆลงคออย่างรวดเร็ว และหันมาตอบรับคำพูดของคุณแม่

    "คนเป็นแม่น่ะ ก็พอจะมองอะไรออกบ้างเหมือนกันนะ" คุณแม่อมยิ้มน้อยๆอย่างคนนึกสนุก

    "ครับ?"

    "ยูโตะคุงคิดยังไงกับเรียวจังหรอจ๊ะ?" ยูโตะแทบจะสำลักน้ำเย็นๆออกมา หัวใจเต้นระส่ำเหมือนตอนที่ทำแจกันใบโปรดของแม่แตกแล้วแม่จับได้ไม่มีผิด

    "เอ๊ะ!! คือผม..." ร่างสูงอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าคนเป็นแม่ต้องการสื่อถึงอะไร? หรือแค่อยากรู้ว่าเวลาทำงานเรียวสุเกะเป็นอย่างไรงั้นหรอ?

    "ว่ายังไงจ๊ะ? เราชอบเรียวจังบ้างมั๊ย?" คุณแม่ถามย้ำอย่างอารมณ์ดี อมยิ้มเล็กๆกับท่าทางของคู่สนธนาอย่างเขา

     

     

    ชอบ...หรอ? เราชอบเรียวสุเกะ เรื่องนั้นรู้อยู่แล้ว ก็วันนี้เขาเกือบหัวใจสลายไปแล้ว ยังจำได้ดีว่าชั่วขณะที่ร่างบางกำลัง... ตัวเขารู้สึกเช่นไร

     

     

    ความรู้สึกเขาตอนนี้มันเลยคำว่า ชอบไปแล้ว

    "ผม...รักเขาครับ" นี่คงจะเป็นคำตอบคำตอบเดียวภายในหัวใจของเขา ยูโตะลอบมองใบหน้าที่แสดงถึงความใจดีของคนๆนี้อย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกังวล หากคำตอบที่เขาพูดออกไป ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกแย่กับตัวเขาแล้วล่ะก็ คงยากที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเรียวสุเกะ

    "อย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นแม่ฝากเรียวสุเกะด้วยนะจ๊ะ อ้อ ยูโตะคุง นี่ก็ดึกมากแล้วค้างที่นี่เถอะ" เธอยิ้มกรุ้มกริ่มให้ ก่อนจะยกแก้วน้ำที่ไม่มีน้ำเหลือเดินเข้าห้องครัวไปอีกครั้ง

     

    ยูโตะยิ้มรับ เขาก้มหัวขอบคุณคุณแม่ที่กรุณาให้เขาค้างที่นี่คืนนี้ เผื่อเขาจะได้ใช้เวลากับเรียวสุเกะให้นานกว่านี้ เพื่อปลอบประโลมหัวใจของเขาให้มากกว่านี้ แต่ทว่ามือถือก็สั่นครืดในกระเป๋ากางเกงหยุดความคิดสวยหรูของเขาลงทันที เขาลืมเรื่องสำคัญนี้ไปได้อย่างไร?

     

     

    ร่างสูงเดินขึ้นไปบนห้องเรียวสุเกะอีกครั้ง ร่างบางที่หลับสนิทอยู่ทำให้เขาสบายใจ ยูโตะจึงตัดสินใจบอกลาคุณแม่แล้วไปเคลียร์ทุกอย่างให้จบเสียที

     

     

    โทรศัพท์แบรนด์ดังที่ยังคงสั่นครืดในมือ ปรากฏชื่อคนโทรเข้าคนเดิม ยูโตะถอนหายใจก่อนเลื่อนหน้าจอรับสาย

    "ยูริ..."

    "อ่ะ ยูโตะอยู่ที่ไหนน่ะ? แล้วยามะจังเป็นยังไงบ้าง? ยามะจังโกรธฉันมากไหม? ว่าไงยูโตะ" คนในสายรัวคำถามใส่เขาแบบไม่ยั้ง น้ำเสียงยูริดูปกติเหมือนทุกครั้ง ทำให้ร่างสูงไม่ต้องเกร็งเช่นตอนแรก


    "ฉันน่ะออกมาจากบ้านยามะจังแล้ว ตอนที่ฉันออกมายามะจังกำลังหลับอยู่ แล้วก็เขาคงไม่มีทางโกรธยูริแน่ๆ แล้วนายเป็นยังไงบ้าง?" ร่างสูงไล่ตอบทีละคำถาม เสียงยูริงึมงัมตอบกลับเป็นระยะ


    "ฉันหรอ? ไม่เป็นไรหรอก ริวจังอยู่ด้วยกันตลอดน่ะ แต่ตอนนี้กลับไปแล้ว" น้ำเสียงที่ดูไม่ค่อนขอด ทำให้ร่างสูงขมวดคิ้ว


    "ขอโทษนะ...ยูริ" ความรู้สึกผิดที่มีตั้งแต่แรก ทำให้เขาควรพูดคำนี้ออกไป แม้มันจะช้าไปเสียหน่อย


    แต่คำว่า 'ขอโทษ' ของยูโตะ มันหมายถึงทุกเรื่องที่ผ่านมา

    "ถ้าอยากขอโทษฉันพูดต่อหน้าดีกว่านะยูโตะ" และเหมือนยูริเองก็เข้าใจความหมายนั้น คนตัวเล็กเองก็อยากเคลียร์ทุกอย่างให้มันจบไปเสียที

    "อ่า...นั่นสินะ" ร่างสูงตอบรับเหมือนรู้ตัว

    "หิวข้าวจังเลย ยูโตะได้กินอะไรบ้างรึยัง?"

    "งั้นไปกินราเม็งเจ้าประจำเอามั๊ย?"

    "อื้อ เอาสิ"


    ยูโตะเลือกที่จะนั่งแท็กซี่เพื่อไปให้ถึงเร็วกว่าเสียหน่อย เหตุเพราะเขายังคิดไม่ตกว่าควรจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดว่าอย่างไร

    "กี่ที่คะ?" ทันทีที่กระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น พนักงานต้อนรับก็ยืนตรงหน้าเขาพอดี ร่างสูงสะดุ้งตกใจเล็กน้อย

    "อ่ะ สองที่ครับ"

    มากี่ครั้งก็ยังไม่ชินกับความเร็วของพนักงานต้อนรับที่นี่สักที

    อาจจะเป็นเพราะเริ่มดึกแล้ว ลูกค้าจึงไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นักผิดจากตอนกลางวัน ที่ร้านนี้เป็นร้านที่พวกจั๊มพ์มานั่งทานกันบ่อยๆก็เพราะว่า โต๊ะแต่ละตัวถูกจัดให้วางห่างกันมากกว่าร้านอื่นๆเพื่อความเป็นส่วนตัวในการทานอาหาร

    พนักงานเดินนำมาที่โต๊ะเกือบจะด้านในสุดข้างๆกันมีฉากกั้นแบ่งครึ่งกระจกร้านไว้ ทั้งคนด้านนอกและภายในร้านจะมองเห็นเพียงศีรษะส่วนบนของกันและกันเท่านั้น หากตัวสูงตามมาตรฐานล่ะก็นะ

    "รับอะไรก่อนไหมคะ?" พนักงานสาวถามด้วยท่าทีสุภาพ

    "ผมขอชาก่อนละกันครับ" เธอพยักหน้ารับและยิ้มให้

    เมื่อน้ำชาถูกยกมาเสิร์ฟแล้ว ยูโตะก็ต้องเข้าสู่ความคิดเดิม ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่กับตัวเอง แม้แต้น้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะยังไม่มีท่าทีพร่องลงไป กว่าจะหลุดจากความคิดตัวเอง ยูริก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงข้ามเขาแล้ว แถมยิ้มหวานให้อีกด้วย


    "ยังไม่สั่งอะไรเลยหรอ?" ยูริว่าพลางกวาดสายตามองเมนูที่วางอยู่แล้วตั้งแต่เขามาถึง

    "ฉันรอนายอยู่น่ะ"

    ร่างเล็กเพียงเสมองยูโตะ แล้วยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์

    "อ่อ ผมเอาชุดนี้ ยูโตะล่ะ?" ยูริชี้นิ้วที่ภาพตัวอย่างราเมงหน้าตาน่าทาน

    "สองเลยครับ" พนักงานพยักหน้า ก่อนจะขอเก็บเมนูไป

    บรรยากาศเงียบๆปกคลุมรอบตัวเราทั้งคู่ตลอดมื้ออาหารนี้ ยูริดูจะหิวจริงอย่างที่ว่า เพราะตั้งแต่ราเมงถูกวางบนโต๊ะคนตัวเล็กก็เอาแต่สนใจมันอย่างเดียว จนทำให้เขาที่ไม่ได้หิวอะไรมากนักเริ่มที่จะหิวขึ้นมาบ้างแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทานอย่างเอร็ดอร่อย

    "ฮ้า~ อร่อยเหมือนเดิมเลยเนอะ" ยูริว่าทันทีที่ตะเกียบถูกรวบให้เข้าคู่กันบนชามราเมง

    "นั่นสินะ" ยูโตะสนับสนุน

    "ไปเดินย่อยอาหารกันหน่อยมั๊ย?" ยูริชักชวน พร้อมๆกับหยิบเงินจากกระเป๋าตัวเองเพื่อจ่ายค่าราเมงของตน ร่างสูงยกมือปรามแล้ววางเงินค่าอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะ

    ถนนที่ทอดยาวร้างผู้คนในเวลานี้ ร่างสองร่างเดินคุยกันอย่างออกรส ยูริที่ทำตัวปกติเสียจนยูโตะเกือบลืมเรื่องสำคัญนั้นทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย ใจหนึ่งก็อยากถามให้เคลียร์แต่อีกใจก็คิดว่าปล่อยไว้แบบนี้น่ะดีแล้ว การเซ้าซี้ไม่ใช่เรื่องดีนัก ยูริเป็นคนมีเหตุผล หากอยากบอกก็คงพูดออกมาเองนั่นแหละ

    เรื่องราวในอดีตถูกขุดคุ้ยโดยคนตัวเล็กตลอดทาง หลายเรื่องหลายราวที่ร่างสูงเองก็จำไม่ได้แล้ว แต่ยูริยังคงจำได้ดี รอยยิ้มไร้เดียงสาปรากฏขึ้นทุกครั้งที่ยูโตะตอบรับเรื่องราวเหล่านั้นด้วย เพียงเวลาไม่นานทั้งสองก็หยุดยืนตรงหน้าประตูบ้านคนร่างเล็ก

    "อุตส่าห์มาส่ง ขอบคุณนะ"

    "อืม มันดึกแล้ว" ยูโตะพยักหน้ารับ

    "เพราะยูโตะใจดีแบบนี้ ฉันถึงเกลียดนายไม่ลง" ยูริยิ้มหวาน แต่ยูโตะมองว่ามันคือการฝืนยิ้มมากกว่า ร่างเล็กหันหลังเดินเข้าบ้านทันทีที่พูดจบ แต่ข้อมือบอบบางกลับถูกรั้งไว้ ยูริกลับฝีนตัวเองที่จะจะหันกลับมามองคนข้างหลัง

    "ฉันขอโทษ..." ร่างสูงเอ่ยเสียงผะแผ่ว ทว่ายูริก็ได้ยินมันชัด ร่างเล็กๆสั่นไหวจนน่าใจหายแล้วสะบัดมือของเขาทิ้ง ก่อนจะถลาตัวเข้ามากอดยูโตะไว้ แขนเล็กๆโอบรอบร่างของเขาแน่น ยูโตะลูบหัวปลอบโยน กอดกระชับให้ร่างสองร่างใกล้กันยิ่งขึ้น หวังเพียงน้อยนิดว่าจะชดใช้เรื่องราวทั้งหมดได้

    แม้เพียงนิดก็ยังดี...

    เพียงชั่วครู่คนตัวเล็กก็ผละออกจากเขา มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ

    "นากาจิม่า ยูโตะ จากนี้เราจะเป็นเพื่อนรักกัน อย่าทำให้ยามะจังเสียใจอีกนะ ไม่งั้นฉันจะฆ่านาย" ยูริยื่นมือมาตรงหน้าเขา ยูโตะจับมือนั้นไว้แล้วพยักหน้าเบาๆ

    "ขอบคุณนะ"

    ความรักของเราถึงจะจบลง แต่นั่นไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะจบลงตามไปด้วย เพียงแค่ลดฐานะลงจากคนรักเป็นเพื่อนรัก เพราะจิเน็นคนนี้รักจั๊มพ์ รักยามะจัง ที่สำคัญเขารักยูโตะมาก หัวใจของคนที่เขารักจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ถ้ามันเจ็บปวดเพราะตัวเขาแล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางยอมแน่ๆ

    ยูริยืนส่งจนร่างสูงลับสายตาไป น้ำตามากมายไหลท่วมอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่เขาคิดว่ามันทุเลาลงไปแล้ว แต่ทว่ามันไม่ใช่ มันกลับยิ่งตอกย้ำให้ลึกลงกว่าเดิม เมื่อแผ่นหลังกว้างเดินจากเขาไปอีกครั้ง...


    ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็โล่งใจ

    ทำไมถึงสวนทางกันนะความรู้สึกของคนเรา


    ยูริปล่อยเวลาให้เดินผ่านไปอย่างช้าๆ เพียงแค่ไม่กี่ก้าวจากประตูบ้าน ร่างเล็กกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายลมเย็นๆผ่านพัดรอบตัวช่วยอยู่เป็นเพื่อนร่างเล็กในเวลานี้ เพื่อนที่ไม่มีแม้แต่คำปลอบโยน ไม่มีมือที่คอยโอบกอดเวลาเจ็บปวด หรือไม่มีแม้กระทั่งความอบอุ่นเลยสักนิด


    ครืด~ ครืด~

    มือถือสั่นครั้งแล้วครั้งเล่า ยูริไม่ได้รับรู้ถึงมัน

    ไม่สิ...เขาแค่ไม่อยากรับรู้อะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว


    ...

    ...


    ...

     





    แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าตรู่ส่องผ่านผ้าม่านเนื้อบางมาแยงตาคนที่กำลังหลับอยู่บนเตียง เรียวสุเกะพลิกตัวหนีด้วยความรำคาญ แต่เพียงไม่นานนักเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังถาโถมจนเขาต้องยันกายขึ้นนั่ง


    มือบางเอื้อมไปหยิบมือถือมากดเลื่อนเพื่อปิดเสียงเตือน

    เจ็ดโมงแล้ว...

    วันนี้เขามีนัดสำคัญ ต้องเข้าบริษัทก่อนเก้าโมงเช้า ต้องไปคุยบท แนะนำนักแสดง  นัดแนะวันถ่ายทำ รวมทั้งซ้อมขึ้นคอนเสิร์ตขึ้นปีใหม่ของจั๊มพ์ และที่สำคัญ...

    ต้องเจอยูโตะ

    ร่างบางหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอีกครั้ง ไม่อยากลุกไปไหน อยากทิ้งให้ตัวเองอยู่กับความฝันไปตลอด ความจริงมันโหดร้ายเสียจนเขาอยากจะหนีไปให้พ้น

    ไม่อยากไปเจอทุกคน ไม่อยากเห็นสายตาของเมมเบอร์ที่รู้สึกผิดหวังในตัวเขา ไม่กล้าสู้หน้าจิเน็น และไม่อยากทำร้ายยูโตะอีกแล้ว...


    ...เพื่อให้ทุกอย่างจบลง ฉันจะเป็นคนไปเอง...


    ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นอีกครั้ง และเดินอย่างเลื่อนลอยไปที่ห้องน้ำ


    กระจกบานใหญ่ที่สะท้อนตัวตนของเขาในเวลานี้


    มันช่างน่าสมเพช


    มือไม้สั่นจนควบคุมไม่ได้ทันทีที่เขาจับขวดเสปรย์แต่งผม ทรงผมที่ถูกเซตทุกวันจนติดเป็นนิสัยทว่าวันนี้เรียวสุเกะกลับเพียงแค่หวีให้เรียบไม่ชี้ฟูเท่านั้น ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าต่อให้ใช้เครื่องสำอางค์ก็ปกปิดมันไม่ได้ ร่างบางได้แต่ถอนหายใจ


    เกือบแปดโมงครึ่ง เขามาถึงที่บริษัท วันนี้ทุกคนดูตื่นตัวเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ช่วยให้เรียวสุเกะรู้สึกเช่นนั้นตามสักนิด ร่างบางก้าวเท้าอย่างช้าๆเข้ามารอในห้องซ้อมเต้นดังเช่นทุกวัน


    มีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้


    กระเป๋าใบโตถูกวางลงตรงมุมห้องที่ประจำ เรียวสุเกะทรุดตัวนั่งลงและกอดเข่าตนไว้


    จากนี้ไปจะเป็นยังไงนะ?


    ถ้าไม่ได้อยู่ตรงนี้


    ถ้าไม่ได้เจอทุกคนอีก ฉันจะเป็นยังไงนะ


    จะไม่ได้เป็นยามาดะ เรียวสุเกะแห่งเฮย์เซย์จั๊มพ์อีกแล้วงั้นหรอ...


    ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ


    เพียงแค่คิด น้ำตาก็พาลจะไหล ใบหน้าสวยจึงซบลงบนเข่าตนช้าๆ


    แอ๊ดดดด~ ประตูห้องซ้อมถูกเปิดออกอีกครั้ง เรียวสุเกะผวาตัว รีบเช็ดน้ำตาออกก่อนที่ใครจะเห็น


    "ยามะจัง มาเร็วเหมือนเคยเลยนะ" ไดจังทักทายผมอย่างเช่นทุกวัน เขาเดินมาทางนี้ วางกระเป๋าลงใกล้ๆกับกระเป๋าผมและถอดแว่นกับหมวกออก


    "อืม ไดจังก็มาเร็วนะ" ผมเอ่ยทักทายด้วยท่าทางที่ผมคิดว่ายิ้มแย้มแล้ว


    "จริงๆนายพักต่อก็ได้นะ" เขานั่งลงข้างๆกันกับผม เอื้อมมาพลิกใบหน้าผมให้หันไปทางนั้นทีทางนี้ทีและพูดออกมาด้วยความห่วงใย


    ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ไดจังเลยตบไหล่ผมเบาๆอย่างให้กำลังใจ


    รู้สึกอยากร้องไห้อีกแล้ว


    ไดจังที่แสนดีจะโกรธผมมากไหมนะ? ถ้าเขารู้ว่าผมจะลาออก


    แต่ไดจังไม่เคยโกรธใครเลยสักครั้งนี่หน่า


    "นายร้องไห้ทำไม?!!" ไดจังตกใจ รีบรวบตัวผมเข้าไปกอดไว้ ทันทีที่หยดน้ำตาไหลลงตามร่องแก้ม ผมยังไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำ พอเขาทำอย่างนี้ผมก็ยิ่งร้องหนักขึ้น


    เสียงสะอื้นของผมดังไปทั่วห้อง ไดจังไม่พูดอะไรเพียงแต่กอดผมไว้เท่านั้น แต่เพราะแรงสั่นเล็กๆจากตัวเขาทำให้ผมรู้ทันทีว่าเขาเองก็กำลังร้องไห้


    ไดจังไม่เห็นต้องร้องไห้เลย


    มาเสียน้ำตาให้คนอย่างผม มันไม่คุ้มค่าเลยนะ


    ผมพยายามอย่างหนักให้หยุดร้องไห้ และผมก็ทำมันสำเร็จในเวลาต่อมา และโชคดีที่มันหยุดไหลก่อนที่เมมเบอร์คนอื่นๆเริ่มทยอยมากัน ยูโตะมาถึงก่อนหน้าจิเน็นและริวทาโร่เล็กน้อย เราสบตากันครู่นึง และเป็นผมที่ละสายตาไป ต่อจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย


    ตลอดการซ้อมไดจังคอยอยู่ข้างๆผมตลอด ส่วนริวทาโร่เองก็ส่งสายตาห่วงใยมาให้เสมอ เพียงแค่ผมทำได้แค่ฝืนยิ้มตอบรับกลับไปเท่านั้น


    ผ่านมาเกือบสองชั่วโมง ก็ถึงเวลาพัก ไดจังหยิบน้ำเดินมาให้ผม เขาจัดแจงเปิดฝามาให้เสร็จสรรพ ผมรับมาดื่มอย่างไม่เกรงใจ เพราะการซ้อมเต้นอย่างหนักหน่วงทำให้หัวผมไม่ว่างคิดเรื่องอื่นนอกจากคอนเสิร์ต ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมกลายเป็นคนเก่าได้ช่วงเวลาหนึ่ง


    ผมหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋ามาซับเหงื่อ เพราะผมเป็นคนเหงื่อออกเยอะมากๆ เลยไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาหา กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไดจังปลีกตัวจากผมไป


    "ยามะจัง เป็นยังไงบ้าง?" เสียงคุ้นเคยดังอยู่บนศีรษะผมก่อนที่ใครคนนั้นจะย่อตัวลงและเอาผ้าขนหนูของเขามาช่วยซับเหงื่อบนใบหน้าผมให้


    รอยยิ้มอ่อนโยนที่ผมรู้จัก ยูโตะอยู่ตรงหน้า...


    ผมทำได้เพียงเงียบและปล่อยให้เขาเช็ดจนพอใจ ยูโตะหยุดการกระทำลงและพาตัวเองมานั่งข้างกันกับผม เขาถือวิสาสะฉวยน้ำของผมและเอาไปดื่ม ผมเสมองเพียงนิดและหันกลับอย่างรวดเร็วทันทีที่เขากระดกน้ำจนเกือบหมดขวด

    "เมื่อวานฉันไปส่งนายที่บ้าน แต่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนนายหลังจากนั้น ขอโทษนะ" ผมได้แต่รับฟังคำพูดเขาและพยักหน้ารับ อาจจะเป็นเพราะผมเหนื่อยล้ามากเกินหรือเพราะหัวใจของผมมันกำลังร้องไห้อยู่จนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรให้คนตรงหน้าได้เลย


    "ฉันเป็นห่วงนายมากนะ" ยูโตะพูดมันด้วยเสียงผะแผ่ว ห้องซ้อมเต้นที่เมมเบอร์ทุกคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง แต่ผมกลับได้ยินคำว่า 'ห่วง' ของเขาได้อย่างชัดเจน


    อาจเพราะรับรู้ได้ถึงความห่วงใยในน้ำเสียงนั้น ผมเลยเผลอหันไปหาเขา ยูโตะมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ผมเองไม่เข้าใจ มันดูเศร้าสร้อยและดูคาดหวังในเวลาด้วยกัน


    "ขอบคุณนะ" ผมยิ้มให้เขาและลุกออกจากตรงนั้น มองเห็นจิเน็นที่กำลังมองมาทางผมและยูโตะแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บกลางอก


    ผมที่ไม่รู้จะเดินไปหาใคร เพียงแค่อยากออกห่างจากยูโตะเลยกลายเป็นว่าผมยืนนิ่งอยู่กลางห้อง ได้สติอีกทีก็ตอนที่ริวทาโร่คว้าแขนแล้วพาเดินออกจากห้องไป


    "เดี๋ยวริว จะไปไหน?!" ผมถามเขาและรั้งตัวเองไว้ เพราะทางที่เขาพาไปมันดูเงียบและร้างผู้คน


    ริวทาโร่ไม่เพียงแค่ไม่ตอบเขายังออกแรงลากจนพาผมมาไกลเกือบถึงห้องน้ำ เขาหยุดยืนและหันกลับมาถามผมด้วยใบหน้าจริงจังปนเป็นห่วง


    "นายดูใจลอย เกิดอะไรขึ้น?"


    "เปล่าหรอก ฉันแค่เหนื่อยๆ" ผมตอบเขา เพราะผมเหนื่อยมากจริงๆ


    "ยามะจังให้ฉันช่วยเถอะนะ บอกมาเถอะ" ริวทาโร่คะยั้นคะยอผม แววตาของเขาบอกผมว่าเขากำลังสำนึกผิด และอยากชดใช้เรื่องราวทั้งหมดให้ผม


    "นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ ไม่ต้องเลยจริงๆ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ก้อนสะอื้นเริ่มจุกตรงลำคอจนเจ็บแสบ เมื่อเรื่องราวทุกอย่างถูกย้ำเตือนอีกครั้ง


    "ขอโทษ..." ริวทาโร่บอกผม และคว้าตัวผมไปกอดไว้


    ตลอดเวลาริวเป็นเด็กแสบในสายตาผม ทั้งไม่เคยเคารพผม และชอบสรรหาวิธีมาแกล้งผมเป็นประจำ แต่ริวรู้ไหมว่าผมรักและเป็นห่วงน้องชายคนนี้มาก...มากถึงขนาดยอมช่วยเขาทำในเรื่องที่ผิดและไม่สมควรให้อภัย


    แต่ผมไม่เคยกล่าวโทษริวเลยสักนิด เพราะผมเองที่ยอมให้ความรู้สึกตนมามีอำนาจเหนือกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดี


    ริวไม่ผิด


    คนที่ผิดคือผม...


    "กับจิเน็น นายมีความสุขไหม?" ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ผมสบมองแววตากลมที่ดูใสซื่อนั้นทว่าตอนนี้มันกลับฉายชัดว่าริวทาโร่กำลังรู้สึกเช่นเดียวกับผม


    "มันทั้งสุขและทุกข์..." เพียงแค่ผมทุกข์มากกว่าและอ่อนแอกว่า


    "ฉันอยากให้มันจบลงเสียที" สายตาผมมันเริ่มเหม่อลอยออกไปไกลแสนไกลเหลือเกิน ริวมองผมด้วยแววตาสงสัยแต่แฝงไปด้วยความกลัว


    "ฉันจะลาออก"


    สิ้นคำพูดของผม เราปล่อยโฮออกมาทั้งคู่ ริวทาโร่พร่ำบอกคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนผมก็ทำได้เพียงแค่ปฏิเสธความรู้สึกผิดในใจริวทาโร่เท่านั้น


    เราสองคนจัดการตัวเอง ลบร่องรอยน้ำตาออกไปให้หมด และเดินข้างกันจนถึงห้องซ้อม ผมสัญญากับริวว่าจากนี้ผมจะเข้มแข็ง และเราสองคนก็ยิ้มให้กัน


    รอยยิ้มธรรมดาๆ แต่มันคือกำลังใจในวันข้างหน้าของกันและกัน...


    ผมกับริวเดินกลับเข้ามาในห้องซ้อมอีกครั้งและเราปลีกตัวออกจากกัน ริวทาโร่เดินไปหาจิเน็นส่วนผมไปมุมเดิมที่ประจำซึ่งตอนนี้ไร้วี่แววยูโตะแล้ว


    ยาบุคุงเดินมาบอกผมว่าเรื่องการถ่ายทำละครถูกเลื่อนไปหลังคอนเสิร์ตจบเพราะกลัวว่าร่างกายของผมกับยูโตะจะรับไม่ไหว ซึ่งมันก็เป็นผลดีในการยกเลิกภายหลัง ผมพยักหน้ารับและเริ่มซ้อมเต้นต่ออีกครั้ง


    ส่วนคอนเสิร์ตครั้งนี้ผมต้องทำให้เต็มที่ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ ผมโหมซ้อมอย่างหนักและพยายามทำตัวให้เป็นปกติ เมมเบอร์ทุกคนเองก็เข้ามาหาผมเช่นเดิม ทุกคนทำเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น แต่ผมรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่...ก็บาดแผลนั่นมันยังฝังลึกในใจผมอยู่เลย หากสะกิดเพียงนิดแผลก็เปิดลึกลงกว่าเดิม สิ่งที่ไหลไม่ใช่หยดเลือด หากแต่เป็นหยดน้ำตามากกว่า


    ยูโตะยังคงวนเวียนมาหาผมอยู่เสมอ มารับผมในตอนเช้า พามาส่งในตอนเย็น โทรมาหาถี่จนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ยิ่งช่วงใกล้แสดงคอนเสิร์ตพวกเราจำต้องค้างที่บริษัท ยูโตะดูแลผมอย่างดีจนไดจังและริวทาโร่แทรกเข้ามาไม่ได้เลย แต่ทว่าทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้กัน ผมมักจะมองเห็นสายตาของจิเน็นอยู่เสมอ สายตาที่ผมเดาไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ผมจะรู้สึกเจ็บปวดและเกลียดตัวเองมากยิ่งขึ้นเมื่อเผลอสบสายตานั้น อยากจะเดินไปบอกกับจิเน็นว่าไม่ต้องห่วง ผมจะไม่อยู่ให้รบกวนใจของเขา แต่ไม่รู้ทำไมเราสองคนถึงไม่คุยกันเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้น


    ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับยูโตะในสายตาของทุกคนคือ 'คนรัก' แต่แท้จริงแล้วมีเพียงแค่ผม ยูโตะ และริวทาโร่ที่รู้ดีว่ามันไม่ได้ขยับก้าวไปข้างหน้าเลยสักนิด เพราะระหว่างผมและยูโตะเรากำลังเดินสวนทางและห่างไกลออกจากกันเรื่อยๆ ผมไม่รู้หรอกว่ายูโตะต้องการอะไร? แต่ผมรู้สึกผิดและเจ็บปวดเกินกว่าจะให้โอกาสตัวเองได้เริ่มใหม่ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามเช่นไร ผมก็ยิ่งมีแต่ออกห่างมากยิ่งขึ้น


    ผมพยายามพยุงตัวเองมาจนถึงวันแสดงคอนเสิร์ตขึ้นปีใหม่ พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ ผมซึมซับช่วงเวลาตื่นเต้นเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาข้างนอกตอนที่แฟนๆทุกคนตะโกนเรียกจั๊มพ์ ซึมซับใบหน้าที่ชื้นเหงื่อและเสียงเหนื่อยหอบของทุกคนเอาไว้ ซึมซับบรรยากาศรอบตัวที่ผมคงจะไม่ได้เห็มมันอีก...


    พวกเราแสดงคอนเสิร์ตออกมาได้ดีเยี่ยมอย่างเคย จนกระทั่งถึงซิงเกิ้ลใหม่ของพวกเรา ซึ่งมีผมและยูโตะเป็นตัวเด่นพร้อมกับท่าเต้นใหม่ที่เพิ่งถูกคิดค้นก่อนขึ้นแสดงเพียงไม่กี่ชั่วโมง


    คือการที่ผมกับยูโตะต้องหันหน้าเข้าหากัน และเขยิบเข้ามาใกล้ชิด นิ้วของผมต้องแตะบนแก้มของยูโตะเช่นเดียวกับนิ้วของเขาที่จะจิ้มลงบนแก้มผม พวกเรายิ้มให้กันและกันอย่างเป็นธรรมชาติ เสียงกรี๊ดในฮอล์ดังสนั่นจนผมลืมเรื่องสำคัญที่จะต้องทำต่อจากนี้ไปเสียสนิท


    ผมหยุดพักหอบหายใจตรงด้านหน้าของเวทีหลักเพราะตอนนี้สมาชิกคนอื่นทยอยเดินกลับไปหลังเวทีกันหมดทันทีที่การแสดงซิงเกิ้ลใหม่จบลง ไฟสปอร์ตไลท์ฉายทาบมาบนตัวผมเพียงจุดเดียว เสียงกรี๊ดเงียบลงทันตาเมื่อผมเริ่มขยับไมค์เข้ามาใกล้ริมฝีปาก


    "วันนี้ทุกคนสนุกกันรึเปล่า?" ผมถามคำถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แฟนๆส่งเสียงตอบกลับมาว่าสนุกเหมือนอย่างเคย


    "ขอบคุณมากๆเลยครับที่ติดตามพวกเราจนถึงทุกวันนี้ ผมดีใจจริงๆที่ตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของวงที่ดีขนาดนี้ ผมมีความสุขตลอดเวลาที่ได้ทำงานในฐานะจั๊มพ์ มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ซึ่งผมคิดว่าผมหาไม่ได้อีกแล้วหากไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ รวมถึงความสนิทสนมกับเมมเบอร์ทุกคน ความอ่อนโยน ความใจดี เอาใจใส่ หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราทะเลาะกันจนร้องไห้ เพียงไม่นานพวกเราก็จะหัวเราะให้กันและลืมเลือนสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดไป ทั้งๆที่ผมสนิทกับพวกเขามากถึงขนาดนั้น แต่ผมกลับทำให้พวกเขาผิดหวังและเสียใจ มันเป็นเรื่องไม่สมควรได้รับการอภัย...ทางออกที่ผมคิดได้และไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี ในวินาทีนี้ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วครับ..." ผมเว้นวรรคประโยคทั้งหมดด้วยการสูดลมหายใจ ฮอล์ทั้งฮอล์เงียบสงัดราวกับมีเพียงแค่ผมที่อยู่ลำพังในสถานที่นี้


    เสียงผมสั่นมากจนมือที่ผมจับไมค์อยู่ก็สั่นตามไปด้วย สายตาที่เริ่มพร่ามัวและเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาของผมเหม่อมองไปยังแฟนๆทุกคน ที่นั่งแต่ที่ พัดให้กำลังใจแต่ละอัน รอยยิ้มที่พวกผมร่วมกันสร้างขึ้นมา จากนี้ก็อยากจะให้ยิ้มไปด้วยกันตลอดแท้ๆ ผมก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตาที่คั่งค้างตลอดเวลาที่ผ่านมาไหลลงเปรอะใบหน้า หัวใจผมเจ็บปวดจวนจะขาดใจ ผมได้ยินเสียงสะอื้นของแฟนๆดังมาจากที่ไกลๆ รวมถึงเสียงโหวกเหวกหลังเวทีของเหล่าเมมเบอร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย แต่สมองของผมว่างเปล่าไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก ไม่รับรู้เลยว่ามีใครบางคนพยายามวิ่งกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง


    "ผม...ยามาดะ เรียวสุเกะตัดสินใจแล้วว่าจะขอออกจากที่ตะ....อื้อ..."


    ผมตื่นตระหนกและแทบจะไร้สติทันทีที่ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากอุ่นนุ่มของยูโตะ เขากลืนทุกคำพูดและสติสัมปชัญยะผมไปจนหมดสิ้น ผมมองเห็นเสี้ยวหน้าของเขาเพียงแวบเดียวก่อนที่เขาจะถาโถมกดจูบเน้นย้ำจนผมเริ่มทรงตัวไม่ไหว เผลอปล่อยไมค์ตกลงพื้น เสียงหวีดร้องของไมค์ดังสนั่นพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดที่ดังจนหูผมอื้อของแฟนๆ เพียงแค่เสี้ยวนาทีก่อนที่ไฟทั้งฮอล์จะดับลง...


    ยูโตะกดจูบให้ลึกและแนบชิดกันยิ่งขึ้น มือแกร่งช้อนท้ายทอยร่างบางให้แหงนเงยสัมผัสกันมากขึ้น มือบางพยายามผลักไสร่างสูงให้พ้นตัว เสียงประท้วงดังในลำคอเมื่ออากาศที่มีเริ่มจะหมดไป แต่ยูโตะไม่คิดจะหยุดเขาพยายามอย่างมากที่จะแทรกลิ้นร้อนเข้ามาภายใน หากแต่เรียวสุเกะฝืนมันไว้และขบฟันแน่น ยูโตะไม่ได้ละออกจากเขาเพียงแต่เขาใกล้จะหมดลมจึงเผยอปากเพียงนิดสูดเอาอากาศแต่นั่นกลับเป็นการเปิดทางให้ร่างสูง ลิ้นร้อนชื้นแทรกตัวเข้ามาภายในควานหาความหวานที่เรียวสุเกะพยายามปิดกั้นไว้เช่นเดียวกับหัวใจของตน


    จูบลึกซึ้งและเนิ่นนานทำให้หัวสมองของร่างบางเริ่มขาวโพลน ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่ปะปนกันจนเริ่มสับสน อารมณ์อุ่นเอมในหัวใจราวกับถูกเติมเต็มทุกสิ่งที่เรียวสุเกะต้องการมาตลอดกำลังทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่หมิ่นเหม่ในหัวใจเริ่มจะหมดไป...


    "อื้ออออ..." เรียวสุเกะขัดขืนเมื่อลมหายใจที่เพิ่งสูดเข้าไปเริ่มจะหมดลงอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ยูโตะยอมผละออกไปแต่โดยดี ร่างบางทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ยังไม่ทันจะขยับตัวไปไหน ลำตัวบางก็ถูกร่างสูงดันให้นอนราบลงกับพื้นเวที!! และตามมาคร่อมทับไว้ สองแขนที่พยายามจะผลักคนตัวสูงไว้ถูกรวบขึ้นด้วยมือแกร่งเพียงข้างเดียว


    ใบหน้าที่โน้มลงมาและแววตาของยูโตะที่ผมสบมองจากใต้ร่างแม้จะมืด แต่ผมก็เห็นว่ามันช่างดูเศร้าสร้อยและทรมานเสียเหลือเกิน...


    ยูโตะขยับริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคำบางคำที่มันทำให้ทุกอย่างที่ผมพยายามสร้างมาปิดกั้นพังทลายลงไปหมด


    "อย่าไปจากฉัน ฉันขอร้อง อย่าพูดว่าจะหายไปอีกได้ไหม เรียวสุเกะ...ฉันรักนายมากนะ..."


    ผมรู้สึกถึงหยดน้ำตาที่ตกลงกระทบกับใบหน้าผม เพียงแค่นั้นตัวผมก็ถูกรวบไปกอดเอาไว้ ใบหน้าหล่อคมซบลงที่ไหล่ของผม ความเปียกชื้นแทรกซึมผ่านเสื้อและเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ยูโตะเก็บงำเอาไว้


    ยูโตะร้องไห้...

    .

    .

    .

    ยูโตะกอดผมแน่นเหมือนเขากำลังกลัวว่าผมจะไปจากเขาจริงๆ


    สิ่งที่ผมได้ตัดสินใจไปแล้วกลับเริ่มลังเล กำแพงที่ผมพยายามก่อมันไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องทำผิดซ้ำสองกำลังจะพังทลายลง หัวใจผมกำลังเริ่มสั่นคลอนและหวั่นไหว ความคิดมากมายไหลปนเปสับสน เหตุผลนับร้อยที่ผมมีเริ่มถูกทิ้งขว้าง


    ผมรักยูโตะได้จริงๆใช่ไหม?


    มันไม่ผิด


    ไม่ได้ทำร้ายใครอีกแล้วใช่ไหม?


    หากจะมีใครตอบคำถามเหล่านี้ได้ นั่นคงเป็น ตัวผม


    "ยูโตะ..." ผมเรียกชื่อเขาผะแผ่ว เอื้อมมือกอดกระชับร่างตรงหน้าไว้ อยากกอดให้แน่นมากกว่านี้แต่ทว่ามือมันสั่น สั่นเสียจนมันเริ่มชาแต่กระนั้นผมก็เลือกที่จะโอบกอดยูโตะไว้ ผมไม่ได้ยินเสียงสะอื้นกับความเปียกชุ่มเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ผมผละตัวออกจากเขา เงยหน้าสบตายูโตะแววตาของเขามันช่างสั่นไหวระคนคาดหวังซึ่งคงไม่ต่างอะไรกับตัวผมนัก


    "ฉันก็รักยูโตะมากนะ รักจนฉันทำผิดต่อนายและจิเน็น หากนายยังให้โอกาสคนอย่างฉันอยู่ ได้โปรด...ให้ฉันอยู่ตรงนี้รักนายเถอะนะ..."


    จบคำพูดของผม แววตาของเขาก็เปลี่ยนไป จากความสั่นไหวแปรเปลี่ยนความสุข ยูโตะยิ้มกว้าง เขาพยักหน้ารัวเร็วแล้วกอดผมไว้อีกครั้ง ผมอมยิ้มในขณะที่หัวใจพองโต


    ความรักที่ผมเฝ้ารอ คนรักที่ผมเคยได้แต่แอบรักมาตลอด ตอนนี้ทุกอย่างกำลังถูกเติมเต็มอย่างช้าๆแล้ว ความเจ็บปวดที่ผมเคยได้รับและน้ำตาที่ผมเคยสูญเสียไปมันไม่ได้เป็นเศษเสี้ยวที่ทำให้ผมเปราะบางเสียจนไม่สามารถรับรู้ถึงความสุขได้อีก ก็แค่เป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าตัวเราจะมีความสุขและความรักที่สวยงามได้มากขนาดไหนต่างหาก


    ขอบคุณมากนะริวทาโร่


    นายน่ะพูดถูกมาเสมอเลยล่ะ ถึงวิธีการมันจะไม่เท่ห์และไม่ได้ถูกต้องก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันน่ะมีความสุขมากเลยนะ แล้วนายล่ะ? คงมีความสุขเช่นเดียวกับที่เคยบอกไว้สินะ


    เพราะริวทาโร่ทำให้ผมตระหนักได้ในเวลานี้ว่า...เรื่องราวของความรักหากใช้เหตุผลแล้วล่ะก็มันอาจไม่สวยงามดังเช่นใช้ความรู้สึก...

     


    TBC  8.5 (NC จ๊ะ)
    .....................................................................................................................................................................

     



    คือจริงๆยังไม่จบนะคะ เพราะมีเนื้อเรื่องอีกเล็กน้อยต่อจากนี้ซึ่งเราตั้งใจเขียนเอ็นซีค่ะ...


    เนื่องจากตอนนี้ฉากเอ็นซีกำลังเป็นประเด็นนะคะ ซึ่งจริงๆฟิคเราไม่ได้สุ่มเสี่ยงให้โดน เพราะไม่ได้กว้างขนาดนั้นค่ะ แต่เพื่อให้เป็นไปตามกฏเราจะขอส่งเมลล์แทนการลงในนี้แล้วลากคลุมหรือการลิ้งค์เว็บนะคะ เพราะว่ามันผิดกฏค่ะ ส่วนตอนก่อนหน้านั้นคงปล่อยไว้อย่างนั้นก่อน ส่วนเมลล์ที่ว่าก็คือเนื้อหาตอนต่อนั่นละค่ะ ทำให้ยุ่งยากเลย ขอโทษด้วยนะคะทุกคน ถึงเอ็นซีเรามันจะมั่วซั่วไปบ้างแต่ถ้าใครอยากอ่านแปะเมลล์ไว้ได้นะคะ เดี๋ยวเราส่งไปให้น้า~ หรือถ้าใครอ่านแล้วคิดว่ามันจบแค่ตรงนี้ก็ได้น้า เราก็พยายามให้มันจบได้ตรงนั้นเหมือนกันค่ะ คิดว่านะ ฮ่าๆ


    ลงตอนวันเกิดยามะจังพอดีเลยค่ะ (จริงๆตั้งใจ) ยามะจังอายุ 20 แล้ว โตเป็นหนุ่มแล้ว อายุเท่ากันแล้ว ปกติแก่กว่า 555 คงได้ทำในสิ่งที่เคยอยากทำแล้วนะ ขอให้เจอแต่ความสุข ขอให้มีรอยยิ้มตลอดไป จะคอยเป็นกำลังให้และเติบโตไปด้วยกันนะ เป็นกำลังให้ริวจังแล้วก็หนุ่มๆทุกคนเล้ยย~!!!!
     

     

     

     


    พอถึงวันเกิดยามะจัง เราจะลืมพี่ชายสุดหล่อคนนี้ไปไม่ได้เลย โยโกยูคร่า~ ปีนี้พี่ยูก็32แล้วเนอะ ห่างจากยามะจังรอบนึงพอดิบพอดี อยากเห็นพี่ยูกับยามะจังเล่นละครด้วยกันอีก ขอให้พี่ยูมีแต่ความสุข หล่อวันหล่อคืน ทำเพลงออกมาเยอะๆนะคะ 
     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×