ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HAEEUN - BESTFRIEND

    ลำดับตอนที่ #8 : chapter 7

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 56


     












     

    7

     

    เป็นเช้าแรกที่ฮยอกแจลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินซักร้อยกิโลทับอยู่ พลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่มนานสองนาน ก่อนจะปรือตาขึ้นมองแสงแดดอ่อนๆที่ทอดผ่านผ้าม่านสีทึบเข้ามา นั่นทำให้เขาหลับต่อไม่ลง และทันทีที่พยายามหยัดตัวขึ้นความเจ็บปวดก็แล่นวาบเข้ามาจนต้องยกมือขึ้นมากุมขมับไว้


    พิษไข้ที่ได้เป็นของแถมจากการยืนให้ฝนสาดเมื่อวานทำให้เช้านี้กลายเป็นเช้าที่ทุลักทุเลพอควร ฮยอกแจงัดตัวเองขึ้นมาจากเตียงอย่างยากเย็น ก่อนจะรีบสาวเท้าไปหากระปุกยาที่ไม่รู้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน


    ฮยอกแจพยายามเขย่งตัวมองหาบนชั้นวางของที่สูงลิ่วเกินกว่าในระดับที่เขาจะเอื้อมถึง วุ่นวายอยู่กับตัวเองจนลืมสังเกตไปเสียสนิทว่าเช้าวันนี้ไม่มีทงเฮนอนอยู่ข้างๆเหมือนอย่างเช่นทุกวัน

     

     

    โอ้ย…”

    ส่งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่อพบว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทำอะไรทั้งนั้นในเวลานี้ ฮยอกแจยอมแพ้และลงนั่งกับพื้นในที่สุด ร่างบางก้มหน้านิ่งและหวังว่าอาการปวดศีรษะอย่างจะหายไป แต่ตรงกันข้ามมันกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนต้องฟุบหน้าลงกับหัวเข่า


    ฮยอกแจ

    สาบานว่าพยายามหาเรี่ยวแรงที่จะยกหัวตัวเองขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้นแล้ว แต่เขาก็หามันไม่เจอ จึงได้แต่ครางในลำคอตอบรับไปเท่านั้น

     “มาวัดไข้ก่อน

    น้ำเสียงที่เรียบเฉยติดจะบงการอยู่นิดๆทำเอาคนผมบลอนด์ถึงกับมึนงง ก่อนจะค่อยๆประคองศีรษะตัวเองขึ้น พร้อมกับทงเฮที่ย่อตัวลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกัน

    อ้าปาก

    แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่าย แต่ก็ยอมอ้าปากคาบปรอทไว้ตามที่เพื่อนสนิทสั่ง ดวงตาคู่นั้นกระพริบถี่มองคนตรงหน้า ก่อนจะเลื่อนลงมามองถุงยามากมายที่กองอยู่ข้างๆ

    ถึงสมองจะยังไม่พร้อมคิดอะไร แต่ฮยอกแจก็ฉลาดพอที่จะเรียบเรียงได้ว่าทงเฮคงตื่นแต่เช้าไปซื้อยาแล้วก็ปรอทวัดไข้อันใหม่มาให้เขา



    สี่สิบเอ็ดองศา

    คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นตัวเลขที่ออกมา ทงเฮตวัดสายตากลับมามอง ก่อนจะคว้าถุงยาขึ้นมาโยนใส่ใบหน้านั้นจนคนป่วยแหกปากโวยวายขึ้นมาเสียงดัง


    ขี้โรค ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วก็เดินดุ่มไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วจนเกือบเต็ม กระตุกยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำจากอีกฝ่ายตามมา

    เพราะมึงไม่ใช่หรือไง

    มึงไม่แข็งแรงเอง

    เออกูผิด เอาน้ำมา

    ทงเฮนั่งมองคนป่วยที่ยอมกินยาอย่างว่าง่ายแล้วก็อดจะออกมาบางๆไม่ได้ แน่นอนว่าฮยอกแจคนเก่งไม่มีทางปฏิเสธการกินยาในขณะที่ร่างกายย่ำแย่แบบนี้ นั่นนับว่าดีแล้วเพราะทงเฮก็ขี้เกียจจะไปลงไม้ลงมือบังคับ


    เก่งมากเอ่ยปากชมแล้วรับแก้วน้ำมาถือไว้ ก่อนจะหยัดตัวขึ้นโดยไม่ลืมยื่นแขนอีกข้างให้ฮยอกแจใช้เป็นที่ยึดหยัดตัวลุกตามมา

    แล้วแฟนมึงอ่ะ

    กูวอทแอปไปบอกละว่าวันนี้ไม่ว่าง หมาไม่สบาย เค้าก็เลยติดรถไปกับพี่ชายว่าไปพลางถอดเสื้อโค้ทตัวหนาออกแขวน แล้วเดินไปจัดการเทโจ๊กที่ซื้อติดมาใส่จานให้คนป่วยที่เอาแต่นั่งทำหน้าสงสัยไม่เลิก

    เค้าไม่งอนมึงไง?”

    งอน

    แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูไม่สบาย

    โอ้ยยยยย เมื่อคืนนอนข้างมึงนี่กูแทบจะไหม้ว่าแล้วก็วางโจ๊กร้อนๆลงตรงหน้า ก่อนจะใช้หลังมือแตะหน้าผากคนป่วยอีกครั้ง

    ความห่วงใยที่ไม่ค่อยได้แสดงออกบ่อยนักทำเอาร่างเล็กถึงกับทำอะไรไม่ถูก ปกติแล้วเป็นฮยอกแจเองต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายคอยดูแลตัวปัญหาอย่างทงเฮ


    ร่างบางเลือกที่จะนั่งตักโจ๊กเข้าปากเงียบๆ แล้วเก็บความสงสัยมากมายไว้คนเดียว เขาอยากจะรู้มากจริงๆว่าคนไม่ชอบตื่นเช้าอย่างทงเฮทำไมถึงยอมลุกจากเตียงไปหาข้าวหายามาให้ ทำไมถึงไม่สนใจอีซองมินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักแถมยังดูรักกันมากขนาดนั้น




    ทำไมทุกอย่างมันถึงชวนให้คิดเข้าข้างตัวเองไปเสียหมด




    กินยังไม่ทันหมดชามคนป่วยก็พาตัวเองมานั่งที่เตียงด้วยความอ่อนเพลียก่อนจะผล็อยหลับไป ใช้แผ่นหลังของคนที่นอนคว่ำหน้าอ่านการ์ตูนเป็นหมอนหนุนชั่วคราว


    กว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า ฮยอกแจดีดตัวขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่ผิดที่ผิดทาง เหลียวหน้าไปมองคนที่ให้ยืมแผ่นหลังเป็นหมอนแล้วก็ถอนหายใจออกมา



    ทงเฮหลับไปแล้ว



    ใบหน้านั้นวางทับอยู่บนหนังสือการ์ตูน เปลือกตาบางที่ปิดสนิทกับจังหวะหายใจที่สม่ำเสมอทำให้ร่างบางรู้สึกผิดขึ้นมาที่เป็นต้นเหตุให้ทงเฮต้องลำบากตื่นแต่เช้าไปหาข้าวหายามาให้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากร้องขอ แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี



    ฮยอกแจค่อยๆหยัดตัวลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด เพราะกลัวว่าทงเฮจะตกใจตื่นแล้วหงุดหงิดเอา ร่างบางหายเข้าไปทำภารกิจส่วนตัวในห้องน้ำอยู่นานสองนาน พอกลับออกมาก็เจอทงเฮที่ตื่นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ร่างหนากำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่นอกระเบียง



    เหมือนจะกลายเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้วแต่ทว่าวันนี้กลับแตกต่างจากวันอื่นๆ เพราะทงเฮเอาแต่เดินวนไปวนมา ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยีหัวตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์




    ทะเลาะกันเหรอ?




    เป็นคำถามที่ฮยอกแจไม่ได้ต้องการให้ใครมาตอบ เพราะเขามองปราดเดียวก็พอจะรู้แล้วว่าคนนอกระเบียงนั่นกำลังมีปากเสียงกับคนรักทางโทรศัพท์อยู่แน่ๆ ดูจากสายตาก็น่าจะรุนแรงพอควร



    ปึง!


    เสียงปิดประตูระเบียงรุนแรงจนคนผมบลอนด์สะดุ้ง ฮยอกแจกระพริบตาปริบๆมองเพื่อนสนิทที่เดินหน้าตึงเข้ามา มือหนาโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียง แล้วเหวี่ยงสายตากลับมามองร่างบางที่ยังยืนงงอยู่ตรงนั้น





     “ข้าวกับยาวางอยู่บนโต๊ะนั่นนะ

    อ่า…”  

    ฮยอกแจตอบรับไปไม่เต็มเสียงนัก ใครมันจะไปกล้าพูดอะไรในเวลาแบบนี้กันเล่าต่อให้ทงเฮไม่ได้โมโหเขาก็เถอะ สงบปากสงบคำไว้แหละปลอดภัยที่สุด ดีไม่ดีพูดอะไรออกไปไม่เข้าหูก็จะโดนพาลใส่เปล่าๆ



    ทงเฮไม่ได้พูดอะไรต่อ ร่างหนาก้าวฉับๆไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนคลุมโปงตัดขาดจากโลกภายนอก ทิ้งให้ฮยอกแจยืนมองอย่างมึนงง



    ครืดครืด

    เสียงเครื่องมือสื่อสารที่ทงเฮโยนทิ้งไว้สั่นเตือนว่ามีสายโทรเข้ามา ฮยอกแจจ้องมองมันอย่างลังเลว่าจะรอให้ทงเฮลุกขึ้นมารับเองหรือปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น



    ไม่ต้องรับ




    โอเค เข้าใจฮยอกแจปล่อยให้มันสั่นต่อไปตามคำสั่งของเจ้าของเครื่อง แต่เหมือนว่าปลายสายจะไม่ล้มเลิกความพยายามง่ายๆ แรงสั่นสะเทือนยังคงต่อเนื่องไม่หยุด หลายครั้งที่เงียบไปแล้วก็ดังขึ้นใหม่ วนเวียนอยู่แบบนี้จนเริ่มรำคาญ




    ปิดมันให้ที


    ทงเฮเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน พอได้รับคำสั่งแบบนั้นแล้วร่างเล็กก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งเข้าไปคว้ามันขึ้นมากดตัดสายไปอย่างไม่ใยดี ยิ่งเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคืออีซองมินด้วยแล้ว ฮยอกแจก็แทบอยากจะขยี้ๆๆๆๆให้พังจนโทรเข้ามาไม่ได้อีกเลย





    เดี๋ยวนะความคิดชั่วร้ายแบบนี้





    ฮยอกแจหัวเราะออกมากับด้านมืดของตัวเอง มือเรียวกำโทรศัพท์ทงเฮไว้แน่น นี่กะว่าถ้าซองมินยังดื้อโทรมาอีกเขาจะกดรับสายเองซะเลย



    Rrrrrrrrrrrrrrrr




    เห้ย!




    ร่างบางสะดุ้งสุดตัวจนเกือบทำโทรศัพท์ในมือร่วง พอตั้งสติได้ก็พบว่าเสียงนั่นดังมาจากโทรศัพท์ของเขาเอง


     

    -Kyuhyun-

     


     

    ตกใจหมดเลย…TvT  

    ฮยอกแจรีบวิ่งไปหยิบมันขึ้นมากดรับสาย แล้วเลี่ยงออกไปคุยข้างนอกระเบียง เพราะกลัวทงเฮจะตื่น





    เหมือนเขาจะลืมบางอย่างไป








    ฮัดชิ่ว!”

    อากาศข้างนอกไม่เหมาะกับคนที่กำลังไม่สบาย แน่นอนล่ะว่าเขาถูกคนปลายสายดุเสียยกใหญ่ คยูฮยอนเอาแต่บ่นว่าคนประเทศไหนเขาทักทายกันด้วยการจามใส่แบบนี้บ้าง แล้วพอรู้ว่าฮยอกแจออกมาคุยนอกระเบียงทั้งที่ไม่สบายอยู่ก็สวดยาวไปอีกสามจบ



    ตกลงโทรมาเพื่อด่าใช่มั้ยเนี่ย…” ถามเสียงอ่อยเหมือนเด็กเล็กๆที่โดนคุณพ่อดุ เท่านั้นคยูฮยอนก็ถอนหายใจฟึดฟัดอย่างจำยอม  เขาพ่ายแพ้ให้กับฮยอกแจโหมดนี้เสมอนั่นแหละ


    ( แล้วกินยาหรือยัง )

    ก็กำลังจะกิน แต่มีบางคนโทรมาก่อน…”

    ( เอ้า ผิดหรือไง )


    ฮยอกแจหัวเราะร่วน ก่อนจะหลับตาลงรับลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้ามา

    เขาไม่ได้เห็นท้องฟ้าที่เกาหลีสดใสแบบนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว




    ( นี่ยังอยู่ตรงระเบียงใช่มั้ย )

    รู้ได้ไง

    ( เสียงลมโกรกซะขนาดนั้นน่ะไม่รู้เลยมั้ง )

    ก็นานๆทีอากาศจะแจ่มใสแบบนี้นี่นามัวแต่อุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆแบบนั้นไม่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันบ้างก็ตายกันพอดี




    ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ

    วันนี้เขาเพิ่งเห็นถึงความจริงข้อนั้น


    ฮยอกแจมองก้อนเมฆที่เคลื่อนตัวผ่านสายตาไปอย่างช้าๆ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกล สายลมเย็นพัดโชยผ่านผิวหน้าชวนให้รู้สึกดีขึ้นอีกเป็นกอง วันนี้ท้องฟ้าสว่างสดใสตั้งแต่เช้า หลังจากที่เมื่อคืนพายุเข้าจนการจราจรติดขัดวุ่นวายกันไปหมดทั้งเมือง



    ความจริงแล้วสายฝนก็มีความสวยงามในแบบของมันเอง

    แต่สิ่งที่มาพร้อมกับฝนก็คือพิษไข้ นั่นคงจะเป็นข้อเสียอย่างเดียวที่ฮยอกแจไม่ชอบ



     “อยากไปข้างนอก

    ( บ้าหรือไง อากาศแบบนี้น่านอนจะตาย )




    เคยมีคนบอกว่าในบางครั้งพื้นหญ้าก็สบายกว่าเตียงนอนนุ่มๆ

    เพราะชีวิตของฮยอกแจในแต่ละวันผ่านไปด้วยความยุ่งเหยิงจนแทบไม่ค่อยจะมีช่วงเวลาที่ได้มานั่งทำอะไรแบบนั้น ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะลองไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะหรือไม่ก็นอนเล่นริมทะเลดูบ้าง




    ( เออนี่ฮยอกแจมึงรู้หรือยังว่า)

    ว่า…?”

    ( เมื่อวานทงเฮไปหาซองมิน )


    ฮยอกแจรู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กลงไปอีกหลายเซ็น ทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินคยูฮยอนช่วยยืนยันอีกคนแบบนี้มันก็

     “อือ รู้

    ( เห็นว่าไม่สบายหรืออะไรนี่ล่ะ )

    เหรอ

    ( ก็คงเหมือนคนอื่นที่ผ่านมา) คยูฮยอนพยายามพูดปลอบ  เขาพอจะรู้ว่าฮยอกแจคงไม่รู้สึกดีเท่าไรที่ได้ยินแบบนี้ ( มึงไม่ต้องคิดมากหรอก คนอย่างมันเคยคบใครนานด้วยหรือไง )


    ก็ไม่รู้สิ…”


    อะไรบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอจนพูดต่อไม่ออก  ความจริงแล้วฮยอกแจไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม แต่ต่อไปคงต้องยกเว้นเรื่องของทงเฮเอาไว้เรื่องหนึ่งแล้วล่ะ


    เหนื่อยจังเนอะบ่นคำเดิมออกมาให้คนเดิมฟัง นอกจากคยูฮยอนแล้วก็พี่จองซูพี่ฮีชอลแล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าไอ้เบื้องหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ทุกวันนี้จริงๆแล้วมันเป็นยังไง


    ข้างในนี้มันทั้งเหนื่อยทั้งสับสนทั้งไม่รู้จะทำยังไง จริงๆมันก็นานแล้วนะฮยอกแจอยู่กับความรู้สึกพวกนี้มานานมากจนเขาเองก็จำไม่ได้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่



    ( เหนื่อยแล้วทำไมไม่ปล่อย )




    “………..”



    ( ไม่ว่าใครก็อยากมีความสุขไม่ใช่เหรอวะ )



    “………..”



    ( มึงเลือกได้ฮยอกแจ )



    “…………”




    (  จะผลักตัวเองเข้าไปหาความเจ็บปวดทำไม? )  


    มือบางกำโทรศัพท์แน่น แล้วครุ่นคิดตามคำพูดของคนปลายสาย ฮยอกแจไม่กล้าเถียงคยูฮยอนเลยสักคำ เพราะที่คยูฮยอนพูดมาเป็นสิ่งเดียวกับที่เขาคิดเอาไว้เมื่อวานไม่มีผิด




     

     “ไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือไง

     



     

    …..!






    เสียงเข้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำเอาร่างบางถึงกับเบิกตากว้าง  

    มือเรียวลดเครื่องมือสื่อสารลงไว้ข้างตัว ก่อนจะแอบกดวางสายโดยไม่มีบอกลาใดๆทั้งสิ้น


    ฮยอกแจหมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว เห็นทงเฮยืนพิงประตูระเบียงด้วยสีหน้าที่เขาเองก็อ่านไม่ออก  ตอนนั้นเองรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก แล้วก็หาเสียงตัวเองไม่เจอขึ้นมาเสียดื้อๆ ความหวาดกลัวพลุ่งพล่านจนต้องกำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น



    ทงเฮมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

    แล้วเมื่อกี้เขาพูดอะไรออกไปบ้าง




    ฮยอกแจพยายามนึกทบทวนคำพูดของตัวเองอย่างเป็นกังวล ถ้าทงเฮรู้ว่าเขาคิดยังไงขึ้นมาทุกอย่างก็จบ




    ถามว่าไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วออกมาทำอะไรตรงนี้


    ร่างหนาถามเสียงห้วน ฮยอกแจคิดว่าอารมณ์ของทงเฮคงเหมือนสภาพอาศตอนนี้ล่ะมั้ง แปรปรวนไปมาทุกวันจนตามไม่ทัน เดี๋ยวฝนเดี๋ยวหนาววันดีคืนดีหิมะตกซะงั้น


    แค่ออกมายืนคุยโทรศัพท์ตรงระเบียง ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมต้องทำเสียงใส่อารมณ์ด้วย ไม่เข้าใจ


    ฮยอกแจ


    ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว


    จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง ว่าแล้วก็เลื่อนมือไปทาบลงใบหน้าขาวที่เริ่มซีดเซียว ก่อนจะตบลงไปเบาๆ ไอความร้อนลามเลียมาที่ฝ่ามือหนาจนทงเฮรู้สึกได้ว่าพิษไข้ยังคงไม่จางหายไป



    เนี่ยน่ะเหรอคือคำว่าไม่เป็นอะไรของฮยอกแจ?




    แล้วทำไมไม่กินข้าวกินยา

    ลืม

    จะมาลืมอะไร ก็บอกแล้ว ทำไว้ให้ทุกอย่างแล้ว แค่เดินไปหยิบมากินนี่มันจะตายหรือไง!?”

    แล้วมึงหงุดหงิดอะไรถึงมาลงที่กู


    ประโยคเดียวของฮยอกแจที่หยุดพายุอารมณ์ของทงเฮไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งสองสบตากันเงียบๆด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน ฮยอกแจไม่รู้ว่าทงเฮคิดอะไรอยู่ เขารู้แค่เพียงว่าสมองของตัวเองตอนนี้ว่างเปล่า แล้วมันก็หนักมาจนอยากจะทิ้งตัวล้มลงไป




    กูทะเลาะกับซองมิน


    ประโยคบอกเล่าที่ทำให้ฮยอกแจรู้สึกเหมือนถูกกระชากอย่างแรงจนชาไปทั้งตัว ทงเฮก้มหน้ามองพื้นนิ่งๆ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ


    เมื่อวานที่กูรีบออกไปนั่นล่ะ เขาบอกว่าไม่สบายมากแต่พอไปถึงมันกลับไม่ใช่แบบนั้น แล้วเราก็ทะเลาะกันนิดหน่อย


    แล้ว?” เลิกคิ้วถามเสียงสูง ฮยอกแจมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้แสดงความสั่นไหวใดๆออกไปทางสายตาเลยแม้แต่น้อย


    แล้วเมื่อกี้เขาก็โทรมาพูดเรื่องเดิมที่ทำให้เราทะเลาะกันเมื่อวาน



    ฮยอกแจไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้านี้จะมาเล่าให้เขาฟังทำไมมันมีอะไรตรงไหนที่เขาควรจะรับรู้อย่างนั้นเหรอ อีกอย่างคำที่ทงเฮใช้มันคือว่า เราที่หมายถึงซองมินกับทงเฮไม่เกี่ยวอะไรกับฮยอกแจเสียหน่อย



    หรือทงเฮคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ไว้ใจ ก็เลยอยากจะเล่าทุกอย่างให้ฟังแบบนั้นสินะ






    มึงรู้มั้ยว่าเราทะเลาะกันเรื่องอะไร

    คำถามที่ทำเอาคนฟังต้องเบือนหน้าหนี ฮยอกแจรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองขาดห้วงจนข้างในเจ็บร้าวไปหมด กระทั่งทงเฮเริ่มพูดประโยคถัดไปหลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าแทรกซึมอยู่เนิ่นนาน  




     ซองมินบอกกูว่า...” 

     





     

    “…………”



     

    มึงชอบกู

     






     

    เหมือนโลกหยุดนิ่งไป

    ฮยอกแจไม่มั่นใจว่าหูฝาดไปเองหรือเปล่า แต่เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ว่าหลังจากที่ทงเฮพูดประโยคนั้นออกมา ทุกๆอย่างรอบตัวก็เงียบลงจนได้เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นโครมครามเหมือนกำลังตกลงไปในเหวลึก  



    ร่างบางกระพริบตาถี่ๆมองคนตรงหน้าราวกับต้องการจะถามย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่พูดมานั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่พระเจ้าคงไม่เข้าข้างอีฮยอกแจคนนี้เป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ยังไม่เห็นคำว่าล้อเล่นจากแววตาของเพื่อนสนิทเลย



     “คือ…” ทงเฮเว้นช่วง บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกที่คนไม่แคร์โลกอย่างเขาไม่สามารถประคองน้ำเสียงของตัวเองให้มั่นคงได้ ซองมินเค้าไม่อยากให้กูอยู่กับมึง




    เหตุผลง่ายๆที่คนเป็นแฟนมีสิทธิ์เรียกร้อง แน่นอนว่าฮยอกแจเข้าใจดีที่สุด ใครมันจะไปอยากปล่อยให้แฟนอยู่ร่วมห้องกับคนที่คิดไม่ซื่อแบบนี้ ฮยอกแจหัวเราะก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเขายังกำโทรศัพท์ของทงเฮไว้



    ร่างบางส่งโทรศัพท์คืนให้ หน้าจอสี่เหลี่ยมขึ้นโชว์มิสคอลหลายสิบสายที่พยายามโทรเข้ามาไม่หยุด ทงเฮจึงตัดปัญหาด้วยการรับมาแล้วกดปิดเครื่อง ก่อนจะยัดเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าต่อ




    นั่นล่ะ แล้วเราก็ทะเลาะกัน


    ง่ายๆก็คือ มึงแค่จะขอให้กูย้ายออกไป



    ไม่ใช่ทงเฮรีบสวนกลับหน้ายุ่ง เมื่อร่างบางทำท่าว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ เพราะกูไม่อยากให้มึงต้องย้ายออกไป ถึงได้ทะเลาะกับเขานี่ไง



    ฮยอกแจอยากจะรับฟังคนตรงหน้าให้มากกว่านี้ แต่เขาคิดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่วิธีการหายใจง่ายๆก็เหมือนจะลืมไปแล้ว



    ทงเฮ  



    แล้วยิ่งกว่านั้นคือการจะเรียกชื่ออีกฝ่ายให้เต็มเสียงได้ในเวลาแบบนี้มันช่างยากเย็น  ฮยอกแจเลือกใช้กำแพงโล่งๆเป็นที่วางสายตาเช่นเดียวกับที่ทงเฮเอาแต่เสมองไปอีกทาง


    ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก ฮยอกแจกลืนก้อนบางอย่างที่ขึ้นมาจุกตรงลำคอให้กลับลงไป แล้วกลั้นใจพูดประโยคหนึ่งที่ขัดแย้งกับความรู้สึกแท้จริงของตัวเองออกมา กูอยู่คนเดียวได้


    พอได้ยินแบบนั้น คนที่เอาแต่มองไปทางอื่นรีบหันขวับมาเหวี่ยงสายตาไม่พอใจใส่ทันที


    มึงอยู่ได้ แต่กูอยู่ไม่ได้



    มึงไม่ได้อยู่คนเดียว ฮยอกแจเถียงกลับไปเสียงอ่อน  อย่าลืมสิว่ามึงยังมีใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆนะทงเฮ



    “…………….”




    เพราะมึงมีกูมาตลอดไงทงเฮกูคนที่ดูแลมึงทุกอย่างตั้งแต่ตื่นนอนยันมึงเข้านอน มึงทำห่าอะไรกูก็ไม่เคยโกรธ แค่มึงยิ้มให้กูก็ลืมทุกอย่างแล้ว กูอยู่ตรงนี้กับมึงมาตลอด ไม่เคยทิ้งเลยสักครั้ง แต่รู้รึเปล่า...





    “………………”





    ทั้งหมดนี้ซองมินก็ทำให้มึงได้





    ทงเฮนิ่งอึ้งไป ก่อนจะเริ่มต้นถามตัวเองว่าทำไมอยู่ดีๆหัวใจของเขาถึงได้เต้นรัวขึ้นมากับคำพูดของเพื่อนสนิท และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเอะใจว่าทำไมแววตาของอีฮยอกแจถึงได้สั่นไหวรุนแรงถึงเพียงนั้น




    เขารักมึงแค่ไหนมึงไม่รู้หรอกเดี๋ยวกูจะทำเรื่องย้ายออกเอง บอกแฟนมึงว่าขอเวลาซักสองสามวันแล้วกัน



    ประโยคยาวๆที่คนตัวเล็กพยายามเปล่งมันออกมาอย่างยากลำบากทำให้ทงเฮต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง



    ฮยอกแจทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพราะเริ่มรู้สึกว่าลมหนาวจะทำให้ร่างกายของเขาแย่ลงเรื่อยๆ



    ในขณะที่ฮยอกแจกำลังจะก้าวเท้าเดิน ความคิดมากมายก็พากันไหลเข้ามาในหัวจนต้องกำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น ทงเฮไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองมั้ยว่าร่างบางดูเหมือนกำลังภาวนาให้เขารั้งไว้แค่เพียงสักนิด



     

     “มีบางอย่างที่มึงไม่รู้นะฮยอกแจ…”






     

    และทงเฮตัดสินใจได้ในวินาทีนั้นเอง





     

    สำหรับกูแล้วความรักไม่ใช่ทุกอย่าง

     


     

    “……………...”

     



     

    ซองมินไม่ใช่คนที่นอนอยู่ข้างๆกูมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูชอบอะไรไม่ชอบอะไร เค้าไม่ใช่คนที่บ่นเยอะชิบหายตอนกูโดดเรียน แต่สุดท้ายแม่งก็วิ่งตามมาด้วย เค้าไม่รู้แม้กระทั่งวิธีทำให้กูหายโกรธ…”



     

    ไม่รู้ว่าอะไรทำให้พูดออกไปแบบนั้น

    ทงเฮรู้แค่ว่าเขาจะยอมเสียฮยอกแจไปไม่ได้

     



     

    เค้าไม่รู้หรอกว่ากูโคตรเกลียดการคุยโทรศัพท์นานๆ ซองมินน่ะไม่เคยนั่งข้างกูแล้วพยายามเล่นมุกฝืดๆเวลากูมีปัญหา แล้วเค้าก็ไม่เคยยืนชี้หน้าด่ากูยันโคตรตอนกูเป็นบ้าอยากตายเพราะอกหัก เค้าไม่ใช่คนที่กูนึกถึงอยู่ตลอดเวลา…”


               

    กว่าจะรู้ตัวอีกที ร่างบางก็อยู่ห่างเพียงแค่คืบเดียว ทงเฮจ้องมองใบหน้านั้นไม่วางตา ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะระบายรอยยิ้มบางเบา


     

    เพราะนั่นคือซองมิน…” ปลายนิ้วเรียวเลื่อนขึ้นสัมผัสผิวเนียนละเอียดอย่างเชื่องช้า “…ไม่ใช่ฮยอกแจ



     

    ชั่วขณะหนึ่งทงเฮหลงลืมสถานะแท้จริงของตัวเองไป แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์และความรู้สึก เขาจะไม่มานั่งคิดหาเหตุผลอีกแล้วว่าทำไมถึงอยากทำแบบนั้นแบบนี้ เขาจะไม่อยากรู้อีกแล้วว่าความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไรกันแน่





    เพราะในบางเรื่องเหตุผลก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น

     


     

    อย่าคิดว่าตัวเองไม่สำคัญอีก…”

     




    ทงเฮก้มหน้าลงไปจนปลายจมูกชิด

    เป็นการย้ำเตือนให้อีกฝ่ายมั่นใจในตัวเขาอีกครั้ง

     




     

    จำไว้นะฮยอกแจ…”

     




     

    “……………”

     





     

    ไม่มีใครเข้าใจกูเท่ามึงอีกแล้ว”          

     

     

     

     

     

     




    TBC

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×