คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : - LITTLE BOY ♡ ( DH ) - 6
ฮยอกแจขับรถเข้ามาในตรอกแคบๆตามที่ทงเฮบอกว่ามันเป็นทางลัด ข้อมือบางบังคับพวงมาลัยอย่างยากลำบาก แต่หากว่ามันช่วยเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้ก็นับว่าคุ้ม พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงจากโรงพยาบาลจนถึงที่หมาย ทงเฮยังคงอยู่บ้านหลังเดิมหลังเดียวกับที่ฮยอกแจเคยมาส่งเมื่อครั้งที่อีกฝ่ายยังคงเป็นเพียงเด็กอนุบาลตัวอ้วนๆ
ฮยอกแจเอ่ยคำบอกลาสั้นๆแล้วจอดรถโดยไม่ได้ดับเครื่อง ร่างบางยังคงนั่งนิ่งและไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน จนทงเฮต้องขมวดคิ้วใส่เป็นเชิงถามว่าจะไม่ลงไปด้วยกันเหรอ
“ต้องเข้าไปด้วยเหรอ?” คนหัวหมอเลิกคิ้วถาม
“ก็พี่สัญญาแล้วนี่!”
“ตลกเถอะ ฉันไม่ได้พูดอะไรสักคำ”
“แต่พี่พยักหน้า”
“ไม่เห็นจะจำได้เลย”
“ขี้โกง”
“แล้วจะทำไม? ฟ้องหม่าม๊ามั้ย?” ฮยอกแจว่าพลางเบ้ปากล้อเลียน ก่อนจะหันไปยักคิ้วแล้วแกล้งดัดเสียงกวนอารมณ์อีกฝ่าย “พี่ฮยอกแจแกล้งทงเฮอะฮื่อออออออออออออ”
ทงเฮขมวดคิ้วจ้องมองการกระทำของคนอายุยี่สิบแปดอย่างนึกหมั่นเขี้ยวอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากเบนสายตาไปทางอื่นแล้วถอนหายใจยาว
“กวนตีน” พูดไว้แค่นั้น ก่อนจะตัดสินใจก้าวลงมาจากรถ
ไม่กี่วินาทีถัดมาเขาก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถดังตามมา แม้จะไม่ได้หันไปมองแต่ทงเฮก็รับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าหนักๆที่ก้าวเข้ามาใกล้ ตอนนั้นเองที่ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง
- - - - - - - -
ฮยอกแจคิดว่าคืนนี้เขาคงไม่สามารถนอนหลับสนิทได้
หลังจากถูกแม่ของทงเฮคะยั้นคะยอให้กินมื้อดึกด้วยกันอีกรอบ ร่างบางก็พบว่าชุดที่สวมใส่อยู่นี่มันน่าอึดอัด เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าได้กินอาหารอร่อยๆและรู้สึกอิ่มขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านไป ฮยอกแจก็เดินตามหลังทงเฮขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านพลางบ่นพึมพำไม่หยุด เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองมาทำอะไรอยู่ที่นี่ และไม่รู้ว่าอะไรทำให้เลือกที่ไว้ใจเดินตามเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้นไปบนห้องนอนแบบนี้
“ปกติกลับบ้านกี่ทุ่ม” ฮยอกแจถามออกไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบชวนให้อึดอัดเกินไปนัก
“ห้า”
“ทุกวัน?”
“อือฮึ”
“อายุแค่สิบแปดแต่กลับบ้านห้าทุ่มทุกวันเนี่ยนะ มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหน”
“แล้วพี่จะมาสอบสวนผมทำไมเนี่ย” ทงเฮหันมาถามกลับด้วยน้ำเสียงติดตลก “หม่าม๊ายังไม่เคยถามขนาดนี้เลยนะ”
ก็เพราะไม่ถามน่ะสิ ถึงได้ไม่รู้ว่าลูกตัวเองไปทำอะไรบ้าง
ฮยอกแจคิดในใจแล้วแอบเบ้ปากเบาๆคนเดียว ครอบครัวส่วนใหญ่ก็มักจะเจอปัญหาแบบนี้ทั้งนั้น บางครั้งพ่อแม่ไม่มีทางรู้เลยว่าลูกตัวเองไปทำอะไรอยู่ที่ไหน และพวกเขามักจะตกหลุมพรางคำโกหกต่างๆที่เด็กวัยรุ่นหยิบยกขึ้นมาอ้าง
“ขมวดคิ้วอยู่ได้”
สัมผัสหนักๆที่ตรงหว่างคิ้วทำให้ฮยอกแจสะดุ้งขึ้นจากห้วงความคิด ร่างบางกะพริบตาปริบๆมองเจ้าของเสียง ก่อนจะหันมองรอบๆพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องนอนสีขาวสะอาดของคนตรงหน้าแล้ว
ห้องของทงเฮเรียบร้อยกว่าที่ฮยอกแจจินตนาการไว้ มันไม่ได้มีสื้อผ้าและข้าวของวางระเกะระกะเหมือนอย่างที่เขาคิด ร่างบางถอดเสื้อคลุมออกแล้วแขวนไว้บนผนักเก้าอี้ ก่อนจะหันไปหาเจ้าของห้องที่วุ่นวายอยู่กับการปรับอุณหภูมิอากาศ
“พรุ่งนี้คงต้องไปแต่เช้านะ”
“หื้อ? ทำไม?”
“แวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อน จะให้ใส่ซ้ำหรือไงล่ะ”
ฮยอกแจยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้มันวุ่นวายขนาดนี้ หากเพียงแต่ตอนแรกเขาปฏิเสธไปซะทงเฮก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว…แต่ถ้าลองคิดอีกแง่ สมมติว่าเขาเลือกที่จะไม่ตอบตกลง และแยกย้ายกันไป ป่านนี้ทงเฮอาจจะยังไม่ถึงบ้านก็ได้
…บางทีเขาอาจจะทำถูกแล้ว…
“พี่จะอาบน้ำก่อนมั้ย”
ทงเฮถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ไม่ล่ะ อาบไปก่อนเลย” ฮยอกแจสั่นหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเบนสายตาไปทางโต๊ะตัวเล็กๆที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง “ขอใช้คอมหน่อยได้มั้ย?”
เมื่อทงเฮพยักหน้าอนุญาตร่างบางจึงตรงไปยังโต๊ะที่ว่า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ในแบบที่เขาคุ้นเคย…ส่วนประกอบทั่วไปก็ไม่เหมือน…คืออันที่จริงฮยอกแจไม่ค่อยได้ตามเทคโนโลยีใหม่ๆพวกนี้เท่าไหร่น่ะนะ
“พี่” ทงเฮหลุดหัวเราะออกมาหลังจากที่จ้องมองอยู่นาน ”จะบ้าหรือไง มันต้องกดเปิดตรงนี้”
ไม่ว่าเปล่า ใช้ปลายนิ้วดันศีรษะของฮยอกแจด้วยความหมั่นเขี้ยว
“บอกดีๆก็ได้นี่!”
ฮยอกแจฟาดมือลงบนไหล่ของอีกฝ่ายเป็นการเอาคืน และตอนนั้นเองที่ภาพความทรงจำเก่าๆตอนที่เขาเคยให้ทงเฮนั่งตักแล้วสอนเล่นคอมพิวเตอร์ครั้งแรก…ตอนนั้นจำได้ลางๆว่าอธิบายไปเท่าไหร่ เจ้าเด็กอ้วนนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจยากแล้วก็เอาแต่ถามซ้ำไปซ้ำมา
แล้ววันนี้ ทำไมมันถึงกลับกันไปหมดก็ไม่รู้
กว่าฮยอกแจจะเรียนรู้ไอ้เครื่องตรงหน้านี่ได้ก็เถียงกับทงเฮไปหลายยก ไม่ใช่ว่าเขาใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น แค่เจ้าสิ่งนี้มันเกินความสามารถไปนิดหน่อยเท่านั้น
มือบางไล่กดหาอีเมล์ประวัติคนไข้ที่เพื่อนร่วมงานบอกว่าจะส่งมาให้ และเริ่มอ่านมันอย่างตั้งใจพร้อมกับจดโน้ตเล็กๆไว้ในสมุดที่พกติดตัวตลอด
และแน่นอนว่าทุกการกระทำของฮยอกแจทั้งหมดนั้นตกอยู่ในสายตาของทงเฮอย่างเลี่ยงไม่ได้ เจ้าของบ้านที่ถืออภิสิทธิ์ใหญ่เอาแต่นั่งเท้าคางจ้องหน้าเขาไม่หยุดหย่อน ทีแรกฮยอกแจก็ดุไปแล้วว่าจะมานั่งจ้องทำไม แต่ดูเหมือนว่าทงเฮจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
นับเป็นการนั่งอ่านประวัติคนไข้ที่ฮยอกแจจะไม่ลืมมันเลยจริงๆ
“พี่” จู่ๆทงเฮก็พูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบไปนาน “หน้าแบบนี้นี่ตั้งใจทำปะ”
“หื้อ? อะไร?”
“หน้าแบบเนี้ยะ ตั้งใจทำใช่มั้ย”
“พูดอะไรน่ะ” ร่างบางละสายตาจากหน้าจอแล้วขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่เอาแต่พ่นคำถามแปลกๆออกมา "หน้าแบบไหน?”
“ก็เนี่ย หน้าแบบนี้…”
ทงเฮยิ้มแล้วเลื่อนนิ้วไปที่ข้างแก้มของฮยอกแจ
“พี่ตั้งใจทำให้น่ารัก หรือมันน่ารักของมันเอง”
“ไปไกลๆเลยไป”
ฮยอกแจเงื้อมือทำท่าจะขว้างปากกาในมือใส่ไอ้เด็กตรงหน้าที่กวนประสาทไม่รู้เวล่ำเวลา ส่วนทงเฮก็เอาแต่หัวเราะแล้วเปลี่ยนประเด็นไปเพราะกลัวว่าถ้าฮยอกแจเขินกว่านี้เขาอาจจะโดนปากกาทิ่มคอตายจริงๆ
“พี่ต้องทำงานดึกๆแบบนี้ทุกวันเลยอ่อ”
“ก็ไม่นะ”
ฮยอกแจตอบเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะปรับอารมณ์ตามอีกฝ่ายไม่ทัน เด็กนี่มันก็เด็กจริงๆ คิดจะพูดอะไรก็พูด คิดจะถามอะไรก็ถาม…ไม่นึกถึงหัวใจคนอื่นเขาบ้าง…
“แล้วพี่เคยผ่าตัดคนไข้มั้ย ตอนนั้นเรียนวิทย์แล้วอาจารย์เปิดวีดีโอให้ดูแม่งน่ากลัวสัส”
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” ฮยอกแจหัวเราะ “ยังต้องไปเรียนเฉพาะทางต่ออีกเยอะ”
แล้วประเด็นนั้นก็จบลงไปอย่างง่ายดายเพราะทงเฮบ่นว่าร้อน ก่อนจะลุกพรวดพราดหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้ร่างบางนั่งมึนอยู่ตรงนั้น ฮยอกแจส่ายหน้าระอา แล้วถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มใช้สมาธิจดจ่อกับงานตรงหน้า
แต่ช่วงเวลาสงบเงียบผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที ตัวก่อกวนก็กลับมานั่งเท้าคางทำหน้ากวนประสาทใส่เหมือนเดิมพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่ทำเอาคุณหมอเสียสมาธิไปพอควร
“เมื่อไหร่จะเสร็จ”
“ง่วงก็ไปนอนสิ” ฮยอกแจตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกฝ่าย “จะมานั่งมองทำไมล่ะ”
“ช่างมันก่อนไม่ได้เหรอ…”
แต่น้ำเสียงที่ติดจะงอแงอยู่ในทีนั้นทำให้ฮยอกแจจำต้องละความสนใจขึ้นมามอง
“ผมไม่ยอมไปเที่ยวกับเพื่อนเพื่อพี่แล้วทำไมพี่ถึงยังสนใจงานมากกว่าผมล่ะ”
“นี่…”
“ไม่ยุติธรรม”
ยังไม่ทันจะได้เปิดปากพูดอะไร คนตรงหน้าก็สวนกลับมาจนฮยอกแจได้แต่อ้าปากค้าง เสียงในใจตะโกนก้องว่าแล้วมันเป็นความผิดของเขาหรือไงกันเล่า! ทำไมต้องทำหน้าเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ใจร้ายใจดำแบบนั้นด้วย…
“เที่ยวกับเพื่อนนี่คืออะไรฮึ?” ฮยอกแจตั้งสติ แล้วถามกลับ “กินเหล้า เข้าผับ แทงบอล หรือ…”
“พอเลย”
ทงเฮรีบยกมือปราม ดวงตาดื้อรั้นคู่เดิมกลับมาอีกครั้ง และมันแสดงออกถึงความไม่พอใจที่มีคนรู้ทัน แต่ในที่สุดแล้วความไม่พอใจนั้นก็หายไป เหลือเพียงแววตาทะเล้นในแบบที่ทำให้ฮยอกแจหงุดหงิด
“ทำไมพี่ถึงยอมอยู่กับผม”
“พูดยังกับหนีตามกันมา”
“คิดถึงใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่” ฮยอกแจตอบเสียงหนัก ก่อนจะวางปากกาแล้วทาบมือลงบนแก้มของอีกฝ่าย “เด็กอ้วนที่โคตรจะดื้อนั่นน่ะ…”
“………….”
“ใครจะไปคิดถึงกัน”
พอได้ยินคำตอบแล้วทงเฮก็ขมวดคิ้วแน่น ตรงกันข้ามฮยอกแจกลับหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วดึงแก้มอีกคนเล่นอย่างสนุกมือ พลางคิดไปว่าหากเป็นเมื่อก่อนที่ทงเฮยังเป็นเด็กตัวอ้วนๆแก้มเยอะๆเขาคงจะจับถนัดมือกว่านี้
“ไหนยิงฟันซิ”
“ตลกละ” ทงเฮว่าเสียงขุ่น ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีจากฝ่ามือบาง “พี่จะกินอะไรมั้ย?”
“กาแฟสักแก้ว”
“ไม่มี แล้วมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย”
“เสียใจที่ฉันยังต้องพึ่งมัน”
ฮยอกแจยักไหล่ แล้วก้มหน้าลงสนใจงานของตัวเองต่อ หากแต่วินาทีถัดมาสมุดบันทึกเล่มเล็กกลับถูกมือหนาแย่งไปเก็บไว้กับตัวอย่างเอาแต่ใจ
“พอแล้ว ไม่ต้องอ่านแล้ว”
“ทงเฮ!”
“ให้คืนนี้…”
“………….”
“เป็นคืนที่พี่นอนหลับสบายที่สุดได้มั้ย”
“…………”
“แค่ไม่ต้องคิดอะไร…”
“.…………”
“…นะ”
- - - - - - - -
นี่คงเป็นเช้าแรกที่ทงเฮลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไม่มีความคิดอยากจะนอนต่อ เขาสะดุ้งตื่นตอนตีห้าเพราะได้ยินเสียงฮยอกแจอาบน้ำ และอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาทงเฮก็มานั่งอยู่บนรถคันเดิมพร้อมกับหาวหวอดๆทุกสิบนาที
“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันคงดี” เขาหันไปพูดกับคนข้างๆเสียงงัวเงีย “พี่คิดงั้นมั้ย?”
“ไม่ล่ะ คนเขาจะได้พากันคิดว่าฉันมาส่งลูกชายไปโรงเรียนน่ะสิ”
ฮยอกแจตอบเสียงติดตลก จริงอยู่ที่การจราจรตอนเช้าตรู่แบบนี้มันน่าหงุดหงิดเกินกว่าที่จะหัวเราะออก แต่มันก็น่าแปลกที่ฮยอกแจมีรอยยิ้มเล็กๆอยู่บนใบหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็น
“ลูกชาย?” ทงเฮเลิกคิ้วพลางบวกลบคูณหารตัวเลขในใจอีกครั้ง “ผมอายุสิบแปด เป็นลูกชายพี่ที่อายุยี่สิบแปด งั้นแปลว่าพี่คงแก่แดดมากที่ทำผู้หญิงท้องตอนสิบขวบ”
“เด็กห้าขวบที่นั่งมโนตัวเองรักกับสาวญี่ปุ่นต่างหากล่ะที่แก่แดด”
ฮยอกแจเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ สงครามเล็กๆที่ดังไปตลอดทางทำให้สภาวะรถติดดูน่าเบื่อน้อยลงในความคิดของร่างบาง แน่นอนว่ามันทำให้ทงเฮหายง่วงไปครึ่งหนึ่งด้วย
ฮยอกแจขับมาจนถึงหน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่ดูจะวุ่นวายเป็นปกติร่างบางจอดโดยไม่ดับเครื่องและหันหน้ามาสั่งเสียงเข้ม “ฉันไม่วนหาที่จอดหรอกนะรีบๆลงไปเลย”
คราวนี้ทงเฮไม่ได้เถียงอะไร เขาก้าวขาลงจากรถแล้วหันมาใช้แขนพาดขอบกระจกไว้ ก่อนจะก้มหัวให้ร่างบางน้อยๆเป็นเชิงกวนประสาท “สวัสดีครับคุณแม่”
“รีบไปได้แล้ว!”
“ผมเลิกเรียนบ่ายสาม”
“ฉันเป็นหมอ” ฮยอกแจย้ำเสียงเข้ม “ไม่มีเวลาว่างมารับส่งเด็กอนุบาลหรอกนะ”
“งั้น…”
ทงเฮยิ้ม ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด
“ผมจะไปหาพี่เองละกัน”
สรุปเสร็จแล้วก็เดินลิ่วเข้าประตูโรงเรียนไปโดยไม่ฟังเสียงประท้วงจากร่างบางเลยแม้แต่น้อย ฮยอกแจนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นกระทั่งเสียงแตรจากรถคันหลังดังขึ้นเตือนสติ
ฝากไว้ก่อนเหอะไอ้เด็กบ้านี่!
- - - - - - - - -
“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ…”
“ไม่เป็นไรครับ”
คนไข้คนสุดท้ายที่เป็นหญิงชราค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันมาผงกหัวให้อีฮยอกแจอีกครั้ง ก่อนจะที่ร่างสั่นเทาจะเดินออกไปจากห้องตรวจ เมื่อบานประตูปิดลง ฮยอกแจถึงพ่นลมหายใจออกมาแล้วถอดหูฟังออกจากคอ แผ่นหลังบางเอนพิงกับผนักเก้าอี้พร้อมกับปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งลง
“คุณหมอครับ…”
แต่แล้วเสียงของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในโสตประสาท เรียกให้ฮยอกแจต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ และเมื่อได้เห็นคนไข้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าชัดๆแล้วความเหนื่อยทั้งหลายก็พลันมลายไปจนหมดสิ้น
“นี่!”
“ทำไมคุณหมอเสียงดังจัง” คนไข้ที่ว่านั่นเบิกตากว้างพร้อมกับเบ้ปากน้อยๆ “ตกใจหมดเลย”
“อี ท ง เ ฮ”
“จะไม่ถามสักคำเหรอครับว่าป่วยเป็นอะไรมา”
ฮยอกแจจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังแสร้งเล่นละครอย่างพิจารณา ก่อนจะสูดลมหายใจแล้วปั้นหน้ายิ้มเออออตามไป “แล้วคุณคนไข้ป่วยเป็นอะไรล่ะครับ?”
“ก็…พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบายอะครับหมอ”
“…………….”
“สงสัยจะเป็นไข้ใจ”
ฮยอกแจกัดริมฝีปากล่างเพื่อกลั้นรอยยิ้ม แล้วถามต่อ “อาการล่ะ?”
“อาการเหรอ…ก็…”
“………….”
“คิดถึงหมอ”
“…………..”
“อยากเห็นหน้าหมอ”
“…………”
“…ก็เลยมาหาหมอไงครับ”
TBC
คิดถึงหมอฮยอกแจกันม้ายย
พอดีนั่งดูกู้ดด็อกเตอร์แล้วนึกขึ้นได้ว่าค้างเรื่องนี้ไว้
แต่แต่งๆไปแล้วรู้สึกว่านี่มันโคตรฟิคเลย 55555555555555555
หาในชีวิตจริงยากนะห่างกันเป็นสิบปีแล้วยังจำกันได้เนี่ย
แต่เอาเถอะเฮอึนนี่เขาแค่มองตาก็รู้ใจละกร้าก
ฝันดีค่ะทุกคนบายยย
ความคิดเห็น