ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HAEEUN - BESTFRIEND

    ลำดับตอนที่ #5 : chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 56


     

     










    4

     

     






     

    ถึงจะบอกว่าให้มันเป็นครั้งสุดท้ายก็เถอะนะ

    แต่ฮยอกแจไม่ใช่อิฐใช่ปูนสักหน่อยที่จะได้ไม่มีความรู้สึกเรื่องแบบนั้นจะปล่อยให้ผ่านไปได้ง่ายๆ โดยที่ไม่คิดอะไรสักนิดเลยได้ยังไงกัน


    มึงก็รู้ว่าเวลามันเมาแล้วชอบทำอะไรแบบนั้น" คิมฮีชอลยกแขนขึ้นมาเท้าคางมองคนเป็นน้องที่เอาแต่นั่งทำหน้าสับสนมาร่วมชั่วโมง อย่าคิดมากเลยฮยอกแจ

     

    ก็พยายามอยู่นี่ไง


    ฮยอกแจคิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสภาวะที่แย่สุดตีน แย่จนไม่มีแม้แต่อารมณ์จะมานั่งวาดรูปเหมือนอย่างทุกวัน แย่จนต้องเอามือยีหัวตัวเองแรงๆด้วยความหวังว่าใบหน้าของใครคนนั้นจะจางหายไป


    แต่นั่นมันจูบเลยนะเว้ย!”


    ปาร์คจองซูตะโกนออกมาเสียงดังลั่น สีหน้าที่จริงจังบ่งบอกว่าเจ้าตัวก็คิดหนักกับเรื่องนี้ไม่ต่างจากฮยอกแจ แม้จะไม่ได้โดนเองก็ตาม


    อย่าตะโกนได้มั้ย!”


    ร่างบางแทบจะถลาเข้าไปอุดปาก อีบ้าพี่ทึกนี่พูดเสียงธรรมดามันจะตายหรือไงถึงต้องตะโกนให้ชาวบ้านเขาได้ยินด้วยตลอด



    จริงๆมันก็แค่แตะ

    จะแตะหรือจะอะไรก็ช่างยังไงมันก็ไม่ใช่วิสัยที่เพื่อนเขาทำกัน

    พี่ฮีชอลอ่ะอย่าพูดงี้ดิ

    แล้วนี่มันหายหัวไปไหน

    ยังไม่ตื่นเลยมั้ง

    อย่าบอกว่าเมาค้างจากเมื่อคืน?” จองซูทำสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ ก่อนจะหันมาจ้องฮยอกแจตาเขม็ง มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ามันคอแข็งจะตาย ต่อให้หัวราน้ำยังไงก็ไม่เคยขาดสติ นอนพักไม่เกินสามชั่วโมงสร่าง




    ก็ใช่

    แล้วทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วยอ่ะ เวลาทงเฮไปดื่มทีไร ตอนเช้าก็ไม่เคยมาเข้าเรียนอยู่แล้ว หาเรื่องนอนเอาแรงทั้งวันเป็นปกติไม่ใช่หรือไง


    ฮยอกแจทำหน้ามึนไม่เข้าใจในสิ่งที่รุ่นพี่สองคนพยายามจะสื่อ

     


     

    ก็แปลว่า…”

     




     

    “………….”




     

    “…ตอนมันจูบมึงมันต้องมีสติอยู่บ้าง

     
     

    สิ้นคำพูดของคิมฮีชอล ฮยอกแจก็ไม่ลังเลที่จะไถลหน้าไปกับโต๊ะ สองมือยกขึ้นมาปิดหูไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น

    จบประเด็นนี้เถอะ

    จะจบได้ไง กี่ครั้งแล้วที่มันทำให้มึงสับสนจนต้องมานั่งแหกปากเป็นคนเสียสติให้พวกกูฟังแบบเนี้ยะ

     



     

    กี่ครั้ง?...

    ..ไม่เคยนับ

     


     

    แล้วทุกครั้งก็จบลงที่มึงเอาแต่วิ่งหนีความรู้สึกตัวเองไง

    วนลูปมากนะชีวิต

    คิมฮีชอลกับปาร์คจองซูผู้เข้ากันได้ดียิ่งกว่าปี่กับขลุ่ย ฮยอกแจมองทั้งสองคนสลับไปมา ในใจอยากตะโกนดังๆว่าหยุดสักที แต่ก็ทำได้แค่คิดอีกตามเคย เขาไม่มีสิทธิ์ออกเสียงอะไร เถียงไปให้ตายสุดท้ายก็แพ้




    แพ้ใจตัวเอง



    ฮยอกแจเบ้ปากน้อยๆเป็นเชิงตัดพ้อรุ่นพี่ทั้งสองที่พูดเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ความรู้สึกแบบนี้มันยากที่จะทำใจยอมรับจะตายไป ยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกันด้วยแล้ว


    คือถ้ามันเกิดขึ้นกับผู้หญิงน่ารักๆสักคนก็ว่าไปอย่าง เขาคงไม่ต้องมานั่งสับสนวุ่นวายใจแบบนี้แน่ๆ ฮยอกแจไม่ได้ซื่อบื้อถึงขนาดไม่รู้จักความรักเสียหน่อย เพียงแต่ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับมันจนหวาดกลัวการเริ่มต้นใหม่ก็เท่านั้น




    ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทอย่างทงเฮ



    ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนไปถ้าทงเฮรู้ความจริงขึ้นมา คำว่าเพื่อนสำหรับฮยอกแจมันยิ่งใหญ่มากโดยเฉพาะกับคนที่อยู่ข้างๆกันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทงเฮมีค่าเกินกว่าจะยอมเสียไปเพราะความรู้สึกงี่เง่าพวกนี้


    ห้ามความรู้สึกตัวเองมันยากนา…” ฮีชอลว่าเสียงเรียบ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวคนตัวบางเป็นเชิงปลอบใจ จะฝืนทำไมเนี่ย


    “…………….”



    ชอบก็บอกมันไป




    “…………….”




    ตัวมึงเองน่ะรู้ดีที่สุดฮยอกแจ มึงอาจจะหลอกพวกกู หรือหลอกใครต่อใครว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับมัน แต่สุดท้ายแล้วมึงก็หลอกตัวเองไปไม่ได้ตลอดอยู่ดีอ่ะ

     

    ฮยอกแจปล่อยให้คำพูดของรุ่นพี่ทั้งสองเข้ามามีอิทธิพลกับความคิดอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้เอ่ยปากห้ามหรือปิดกั้นอะไรอย่างที่ผ่านมา

     


     

     หัวใจมันไม่โกหกมึงหรอก เคยลองถามมันบ้างหรือยังล่ะ  ไม่ใช่เอาแต่บอกว่ามันไม่เหมาะมันไม่ควร พูดเองเออเองเจ็บเองอยู่คนเดียว  ลองคิดดีๆนะฮยอกแจยังไงซะมึงก็หนีมันได้ไม่นานหรอก

     


     

    ร่างบางทบทวนคำพูดพวกนั้นช้าๆมันก็จริงอย่างที่พี่จองซูว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยปล่อยให้หัวใจมีสิทธิ์ออกเสียงอะไรทั้งนั้น ไม่เคยแม้แต่ถามตัวเองว่าคิดยังไง ไม่เคยสนใจว่าแท้จริงแล้วข้างในต้องการอะไรกันแน่




    แล้วถ้าวันนี้เขาจะลองถามมันดูสักครั้ง




    เป็นเวลานานที่ฮยอกแจจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง




    แล้วความเงียบก็ช่วยทำให้ทุกอย่างค่อยๆชัดเจนขึ้น

     





     

     น้ำเน่า


    ทว่ากลับมีเสียงของใครคนหนึ่งดังขัดขึ้น ทำลายฉากสวยงามทั้งในหัวและในความรู้สึกจนหมดสิ้น ฮยอกแจถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังจะส่งยิ้มขอบคุณไปให้



    อีคยูฮยอน…” ผิดกับปาร์คจองซูที่เหวี่ยงสายตาไปทางน้องชายร่วมสายเลือดแทบจะทันที ช่วยนั่งหุบปากต่อไปทีเถอะ


    ก็มันน้ำเน่า คยูฮยอนขมวดคิ้วใส่คนเป็นพี่ชาย ก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่ฮยอกแจ


    “………….”



    มึงจะทนมองมันกับคนอื่นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน


    แล้วถ้ามึงเป็นกูมึงจะทำยังไง


    ฮยอกแจถามกลับไป ร่างสูงนิ่งไปพักใหญ่ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก


    กูคงบอกมันไป คยูฮยอนตอบด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะไม่มั่นใจนักว่าถ้าเจอกับตัวจริงๆจะกล้าทำอย่างปากว่าหรือเปล่า



    มึงไม่กลัวเค้าจะอึดอัดหรือไง

    แล้วเก็บไว้คนเดียวมึงไม่อึดอัดหรือไงฮยอกแจ


    “…………”


     “มึงมันดื้อ ว่าแล้วก็ดึงคนตัวเล็กมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว  ก่อนที่เสียงโวยวายของฮยอกแจจะดังขึ้นประสานกับเสียงหัวเราะของคยูฮยอน



    เห้ยๆ พวกกูก็อยู่ตรงนี้ด้วย” …พี่ฮีชอล

    ทำเหมือนเป็นหัวหลักหัวตอไปได้” …พี่จองซู


    พี่ครับ หุบปากต่อไปก็ไม่มีใครว่าปะครับ” … และคยูฮยอน


    อ้าวไอ้น้องเวรนี่มึงสห่ฟดเสาหก่เฟวสาเด





     

    แล้วสงครามระหว่างสองพี่น้องก็เริ่มต้นขึ้น

    เหมือนอย่างทุกวันคือฮยอกแจนั่งมองคนทั้งสองถกเถียงกันไปมา ซักพักก็ลามไปเรื่องอื่น ก่อนจะลงท้ายด้วยกูจะฟ้องหม่าม๊า

    นี่อาจเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่ทำให้ลืมเรื่องราวทุกอย่างไป

    อะไรเดิมๆที่ทำให้ฮยอกแจยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกของวัน

     




     

    - - - - - - - - - - - - - - -




     



     

    แต่เขาว่ากันว่าความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน


    ไปไหนมา

    ยังไม่ทันจะได้หันหลังปิดประตู เสียงเข้มก็พุ่งตรงเข้ามาให้อารมณ์เหมือนเด็กหนีเที่ยวกลับบ้านดึก แล้วพ่อแม่ถือไม้เรียวมายืนรอก็ไม่ปาน  ฮยอกแจกลอกตาแล้วถอนหายใจหนัก


    คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้




    คนอย่างทงเฮน่ะ ถ้าลองตื่นมาหลังจากสร่างเมาแล้วไม่เจอใครคอยปรนนิบัติพัดวีก็พาลจะหงุดหงิดเอาได้ง่ายๆ แถมฮยอกแจยังหายไปทั้งวันแบบนี้ พอกลับดึกด้วยเลยยิ่งแล้วใหญ่


    ถามว่าไปไหนมา

    เปล่า

    จะเปล่าได้ยังไงนี่มันกี่ทุ่มแล้วว่าแล้วก็กระชากแขนบางเข้ามาใกล้อย่างเผลอตัว จริงๆทงเฮคงไม่หงุดหงิดมากขนาดนี้ ถ้าหากฮยอกแจยอมรับโทรศัพท์เขาสักนิด


    อย่าพาล

    ไม่ได้พาล

    ทงเฮ!”

    ไปกับคยูฮยอนมาอีกแล้วสิ

    แล้วจะทำไม

    นี่ฮยอกแจอย่ามา…”

    มึงก็กลับดึกทุกคืนตีสามตีสี่ กูเคยว่าอะไรซักคำยังอ่ะ

    ฮยอกแจเถียงกลับไปทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยว เมื่อไหร่ทงเฮจะเลิกทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้สักที ไม่เคยรู้เลยหรือไงว่ามันทำให้ฮยอกแจคิดมากแค่ไหน

    งี่เง่า

    คำพูดคำจาที่โต้ตอบออกไปด้วยท่าทีแข็งกร้าวไม่ต่างกันยิ่งทำให้ทงเฮยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้น ดวงตาคู่คมไล่มองใบหน้าของฮยอกแจแล้วระบายทุกสิ่งอย่างในใจออกไปด้วยการบีบแขนเล็กนั้นเต็มแรง






    ยิ่งอยู่ใกล้กันมากเท่าไหร่ ความรู้สึกก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น 




    ฮยอกแจพยายามเก็บความสั่นไหวทั้งในแววตาและน้ำเสียงไว้ให้ลึกที่สุด ทิ้งให้ความเงียบปกคลุมอยู่แค่เพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะชักแขนตัวเองออกจากฝ่ามือของอีกฝ่าย




    ปล่อย…”

     


     

    พยายามปฏิเสธทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอก



    เพื่ออะไร




    หัวใจของฮยอกแจตอนนี้

    เป็นเหมือนภาพวาดที่ถูกเติมแต่งจนเริ่มสมบูรณ์



    นึกตลกตัวเองที่เคยเอาแต่พยายามวิ่งหนี พยายามปัดมันทิ้งไป ทั้งๆที่ความจริงแค่มายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าคนคนนี้ ทุกอย่างก็ชัดเจนจนแทบไม่ต้องคิดหาคำตอบอะไรอีกแล้ว


    ฮยอกแจ” ทงเฮปล่อยแขนบางให้เป็นอิสระ ก่อนจะก้มหน้านิ่งใบหน้านั้นฉายแววสับสนชัดเจนจนฮยอกแจประหลาดใจ

     

    คือ…” ทำเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เงียบไป ช่วงเวลาสั้นๆที่เหมือนว่าทงเฮกำลังต่อสู้กับความคิดของตัวเองอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ตัดสินใจพูดมันออกมา






     

    เรื่องเมื่อคืนกูขอโทษ

     




     

    ไม่ควรพูด

    คำแรกที่แวบเข้ามาในหัวหลังจากเห็นปฏิกิริยาของฮยอกแจ ทงเฮอยากจะซัดหน้าตัวเองแรงๆที่ไม่ยอมคิดให้ดีกว่านี้ แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วคงแก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากหาคำอธิบายดีๆเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าต้องรู้สึกแย่มากไปกว่าเดิม

     

     

    ฮยอกแจนิ่งเงียบไป ไม่รู้ว่าควรต่อบทสนทนานี้ยังไง ใจจริงแล้วอยากจะเดินหนีไปซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะหากยืนอยู่ต่อไปก็กลัวว่าจะสำลักความอึดอัดตายเสียก่อน


    เหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดขึ้นในหัวอีกครั้ง แม้ฮยอกแจจะพยายามลืมเท่าไหร่ แต่ทุกสัมผัส ทุกความรู้สึก ทุกการกระทำยังไม่จางหายไป และตอนนี้คนตรงหน้าก็ย้ำเตือนให้รู้ว่าไม่ใช่แค่ฮยอกแจคนเดียวที่คิดถึงมัน


     

    ไม่ใช่แค่ฮยอกแจคนเดียวที่จดจำความรู้สึกพวกนั้นได้

     

     

    คำพูดของรุ่นพี่สองคนที่พูดให้ฟังเมื่อเช้าย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้ง ฮยอกแจสูดลมหายใจเข้าจนลึก แล้วหันกลับไปสบตาคนตรงหน้าที่กำลังมองมาเช่นกัน




    ขอโทษทำไม…”


    การจะประคองเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไหวในเวลานี้ดูเหมือนจะยากเกินไปสำหรับฮยอกแจจริงๆ หยาดน้ำใสเอ่อล้นออกมาบดบังม่านตาจนเริ่มเห็นภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด


    จำได้ด้วยหรือไงว่าทำอะไรลงไป


    กูไม่ได้ตั้งใจแววตาของทงเฮดูสับสนไม่ต่างจากเมื่อคืน เพียงแต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าสติของตัวเองครบถ้วนกูก็ไม่รู้ว่าทำไม…”



    ช่างมันเถอะ

    ฮยอกแจตอบปัดไปเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องมาคิดมาก ถึงแม้ความรู้สึกของเขาจะชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้อยากให้ทงเฮมารับรู้



    อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้




    กูไม่ได้คิดมากอะไร

    มึงคิด

    ทงเฮสวนกลับแทบทันทีจนร่างบางถึงกับนิ่งงัน ก่อนที่มือหนาจะเลื่อนขึ้นแล้วบรรจงเช็ดหยาดน้ำใสที่กำลังจะเอ่อล้นลงมาในอีกไม่ช้า 


    กูขอโทษ

    ทงเฮคิดว่าคำนี้เป็นคำเดียวที่สื่อความรู้สึกในใจของเขาได้ดีที่สุด ต่อให้ต้องพูดมันซ้ำๆอีกเป็นร้อยเป็นพันหนก็ตาม ถ้ามันจะทำให้ฮยอกแจรู้สึกดีขึ้นได้ เขาก็ยินดี


    ขอโทษจริงๆฮยอกแจ กูขอโทษ


    บอกว่าไม่ได้คิดก็คือไม่ได้คิด

    น้ำเสียงที่แข็งกร้าวของฮยอกแจทำเอาทงเฮแทบหยุดหายใจ ก่อนจะกลับมาทบทวนว่าเขาเผลอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ร่างบางถึงได้มีท่าทีไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเช่นนี้


    พอสักทีเถอะทงเฮ


    ฮยอกแจพูดเสียงเหนื่อยอ่อนราวกับว่าต้องใช้ความอดทนมากมายในการสนทนากับคนตรงหน้า ทั้งที่ความจริงเขาก็แค่เหนื่อยกับความรู้สึกของตัวเอง เหนื่อยกับความหวังเล็กๆที่ทงเฮหยิบยื่นมาให้โดยไม่รู้ตัว


    เหนื่อยที่ต้องใจอ่อนให้กับใบหน้าหงอยๆนั้นเสียทุกครั้งไป

    เหนื่อยที่ต้องทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไร


    ฮยอกแจเบื่อตัวเองจะตายที่ยังเอาแต่กลัวว่าถ้าคนตรงหน้ารับรู้ถึงความรู้สึกของเขาแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไป กลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ได้อีก กลัวทงเฮจะผิดหวัง กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง



    ทงเฮจะรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาคิดยังไง





    ไม่อยากให้รู้ไม่ใช่ตอนนี้





    ความรู้สึกแย่ๆก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกสายตาของทงเฮมองต้อน  และด้วยความหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับท่าทีได้ทำให้ฮยอกแจตัดสินใจพูดประโยคที่ฟังดูงี่เง่าที่สุดในโลกออกไป




    กูจะไปคิดอะไรล่ะมึงไม่ใช่คยูฮยอนสักหน่อย

     


     

    “……………”



     

    “…………….”

     


     

    “…มึงชอบมันจริงๆเหรอฮยอกแจ

     

     

    ไม่รู้สิ…” ฮยอกแจส่ายหน้าก่อนจะยิ้มกว้าง  สวนทางกับความรู้สึกแท้จริงข้างใน อาจจะชอบก็ได้

     






     

    “………………”

     



     

    เพราะอย่างน้อยคยูฮยอนก็ไม่เคยทำให้กูต้องรู้สึกแย่แบบนี้










    TBC






     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×