ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HAEEUN - BESTFRIEND

    ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 56


     












     

     3

     




     

     

    อย่างที่ฮยอกแจเคยบอกว่าการใช้ชีวิตร่วมกับคนอย่างอีทงเฮในห้องสี่เหลี่ยมไม่ใช่เรื่องน่ายินดี…แต่ในขณะเดียวกันการอยู่โดยที่ไม่มีคนนิสัยแย่แบบนั้นมาคอยกวนใจก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกกระวนกระวายได้ไม่น้อยเหมือนกัน

     


     

    ห้าทุ่มแล้ว

    ทำไมยังไม่กลับ?

    แล้วจะไปไหนทำไมไม่โทรบอก?

     

    เป็นเรื่องธรรมดาที่ทงเฮจะกลับดึก คนแบบนั้นถ้ากลับเร็วสิแปลกแต่ที่กระวนกระวายเป็นบ้าอยู่นี่ก็เพราะฮยอกแจไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทงเฮไปทำอะไร อยู่ที่ไหน แล้วจะกลับกี่โมง

     



    ปกติก็โทรมาบอกกันตลอด

     


     

    (หื้อทงเฮยังไม่กลับ? )

    ปลายสายทวนคำถามกลับมาเสียงเนือย ตรงข้ามกับฮยอกแจที่อยู่ไม่สุขเอาแต่เดินวนไปวนมาหน้าเครียด

    เออน่ะสิ กูเลยโทรมาถามว่ามันอยู่กับมึงหรือเปล่า

    ( แล้วมันจะมาอยู่กับกูได้ไงในเมื่อกูเพิ่งแยกกับมึงเนี่ย )

    คยูฮยอนพูดเสียงติดตลก หลังจากที่เขากับฮยอกแจหมกตัวอยู่ในห้องสมุดเกือบทั้งวันจนลืมเวลา มองนาฬิกาอีกทีก็เกือบจะหกโมงเย็น โชคดีที่พี่จองซูมันยังไม่กลับก็เลยให้ฮยอกแจติดรถมาด้วยกันเลย


    พวกพี่ฮีชอลล่ะ

    ( ก็ไม่แน่ใจว่ะ นี่พี่ทึกมันก็ออกไปไหนอีกแล้วไม่รู้อ่ะ อาจจะอยู่ด้วยกันก็ได้มั้ง มึงลองโทรหามันยัง )

    ยัง…”

    ฮยอกแจตอบกลับไปเสียงเบาราวกับคนมีความผิด แล้วจากนั้นก็โดนคยูฮยอนบ่นยาวว่าโง่มั่งแหละ ซื้อบื้อมั่งแหละ เยอะแยะมากมายจำไม่หมด กระทั่งร่างโปร่งวางสายไป จึงกลับมาย้อนถามตัวเองอีกครั้ง



    ก็แค่กลัวทงเฮรำคาญ


    เป็นแค่เพื่อนมีสิทธิ์จะไปโทรจิกว่าอยู่ที่ไหนอะไรยังไงด้วยเหรอ


    แต่ทว่าความร้อนใจกลับเพิ่มมากขึ้นทุกวินาทีเช่นเดียวกับเข็มนาฬิกาที่ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายฮยอกแจก็ยอมแพ้ หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดเช็คดูอีกครั้ง

    ทุกอย่างยังคงนิ่งสนิทไม่มีอะไรเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ไม่มีมิสคอลหรือแม้แต่เมสเซจสักฉบับปลายนิ้วเรียวเลื่อนไปยังเบอร์ที่คุ้นเคยอย่างชั่งใจ

     


     

    -Bestfriend-

     

    ถือสายรออยู่นานกว่าจะเสียงสัญญาณจะเงียบหายไป และถูกแทนที่ด้วยเสียงจังหวะดนตรีอย่างที่ฮยอกแจคิดไว้ว่าคนอย่างทงเฮคงไม่ไปไหนไกลนอกจากสถานบันเทิง


    อยู่ไหน?”


    แต่ก็ถามออกไปอย่างนั้นเอง

    ฮยอกแจไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกเหนือไปจากเสียงพูดคุยที่ดังเซ็งแซ่กับเสียงดีเจที่ทำหน้าที่เปิดเพลงดังแทรกเข้ามาเป็นระยะ

    ( ข้างนอก ) แล้วก็มีเสียงห้วนตอบกลับมาสั้นๆอย่างที่คาดไว้ ความจริงเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบดีๆนอกเหนือไปจากนี้หรอกนะ

     

    จะนอนข้างถนนหรือไง

    ( จะบ้าหรือไงฮยอกแจ ใครมันจะไปนอนข้างถนนวะ )

    ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ฮยอกแจก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้สติสตังของทงเฮคงหายไปเกือบครึ่งเพราะแอลกอฮอล์อีกตามเคย



    แล้วจะกลับมาได้ยัง?”


    เหมือนตัวเองเป็นคนโง่อีกครั้งที่ถามออกไปแบบนั้น

    แต่แล้วร่างบางก็แย้มรอยยิ้มกว้างออกมา เมื่อได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนของอีกฝ่ายดังมาตามสาย

    ( ก็รอให้มารับอยู่นี่ไง)

     






















































     

    ให้ตาย



    คนที่คิดว่าสถานที่แบบนี้มันน่าเริงรมย์นี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

    ฮยอกแจแทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้ดังที่สุดเมื่อเห็นจำนวนคนมากหน้าหลายตาที่เดินเบียดเสียดกันจนน่าเวียนหัว แทรกตัวออกไปหาที่โล่งๆยืนให้หายใจหายคอได้สะดวกกว่านี้




    ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมาสถานที่แบบนี้หรอกนะ



    เมื่อก่อนอ่ะโคตรเซียน


    แต่พอมาช่วงสองปีหลังนี่ก็แทบจะไม่ได้ย่างกรายเข้ามาอีกเลย ยกเว้นก็ตอนที่เลี้ยงฉลองในโอกาสสำคัญกับตอนที่ต้องมาลากคอไอ้ตัวปัญหากลับนี่ล่ะ


    อยู่ไหนของมัน…” ขยับปากพึมพำพลางกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะไปสะดุดเข้าที่แผ่นหลังของใครบางคนที่นอนฟุ่บหน้าอยู่คนเดียวตรงเคาท์เตอร์


    สองเท้ารีบก้าวเข้าไป ไม่เสียเวลาลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขาอยากจะรีบออกไปจากแหล่งมั่วสุมนี่ใจแทบขาด พอเข้าถึงตัวทงเฮได้แล้ว ก็รีบงัดอีกฝ่ายขึ้นมา ก่อนจะตบแก้มเบาๆเรียกสติ


    ทงเฮปรือตาขึ้นมา พยายามเพ่งมองอยู่นานจนพอจะเริ่มเห็นเค้ารางว่าคนตรงหน้านี้คือฮยอกแจ ร่างหนาก็ทำท่าเตรียมจะล้มตัวลงนอนไปอีกรอบอย่างเอาแต่ใจ


    ฮยอกแจที่ตัวเล็กกว่าถึงสามเท่ารวบรวมแรงทั้งหมดแบกเพื่อนสนิทฝ่าดงมนุษย์กลางคืนออกไปข้างนอก กว่าจะหลุดมาได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร เล่นเอาเหนื่อยจนต้องหยุดหอบหายใจ


    ร่างบางควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกงของทงเฮ  พอเจอแล้วก็ยัดคนขี้เมาให้เข้าไปนั่งดีๆในรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ จะนับเป็นโชคดีของเขาได้มั้ยที่ทงเฮยังไม่เมามากถึงขั้นยืนไม่ไหว

    ฮยอกแจไม่ใช่คนขับรถเก่งนัก แต่เวลาดึกๆแบบนี้ ถนนโล่ง ก็เลยไม่มีอะไรน่ากังวล มือบางเลื่อนไปเบาแอร์ลงเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่สบาย


    ฮยอกแจ

    หื้อ ปรายตามองคนที่เรียกชื่อเขาแล้วก็เงียบไป แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงเมาแล้วก็เรียกไปเรื่อย


    ถ้าจะอ้วกต้องบอกนะ



    “…………….”



    “…………….”



    กูไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ะ

    ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปนาน แล้วจู่ๆทงเฮก็พูดขึ้นเสียงเบาเปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แล้วหันมาจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนสนิท

    ทำไมอีกล่ะ



    แม้ว่าภาพตรงหน้ามันจะพร่าเลือนมากก็ตาม แต่ทงเฮก็ยังเห็นว่าฮยอกแจขมวดคิ้วจนเป็นปม


    ไม่รู้ดิตอบไปพลางหัวเราะร่วน ก่อนจะเอนหัวพิงไปกับกับกระจก แล้วปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ใบหน้าหล่อมีร่องรอยของความสับสนชัดเจน “…แม่งตีกันมั่วไปหมด


    มึงพูดถึงอะไรเนี่ย

    ฮยอกแจยังไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเมาพยายามจะสื่อ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่มเติม ตั้งใจขับรถไปจนถึงคอนโด พอจัดการหาที่จอดเรียบร้อยแล้วก็เตรียมจะเข้าไปพยุงทงเฮลงจากรถ แต่ก็ถูกร่างหนายกมือขึ้นห้าม ทำนองว่ากูเดินเองได้ ฮยอกแจเลยจำต้องปล่อยให้เดินเอง แล้วคอยยื่นมือไปประคองเวลาที่ทงเฮทำท่าจะล้ม


    โถงทางเดินที่เงียบสงบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ทว่าความเงียบกลับไม่ได้ทำให้คนทั้งสองอึดอัดต่อกันเลยแม้แต่นิด ฮยอกแจเดินไปกดลิฟต์แล้วดันหลังคนเมาให้เข้าไปข้างใน


    ทงเฮเอนหลังพิงกับกำแพง ในหัวครุ่นคิดอะไรมากมาย ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรกันแน่ที่ทำให้คนไม่เคยสนใจอะไรอย่างเขากลายเป็นคนคิดมากไปได้ขนาดนี้



    กูมีอะไรจะถาม

    ทงเฮก็ไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป แต่อย่างหนึ่งที่รู้สึกได้คือนี่มันไม่ใช่ตัวตนของเขาเลยไม่ใช่เลยสักนิด เขาไม่ใช่คนที่จะมายืนพูดอะไรแบบนี้



    พิษสงของแอลกอฮอลนี่มันน่ากลัวจริงๆ


    เอาไว้ถึงห้องค่อยคุยแล้วกัน

    ร่างบางตัดบทเพราะทงเฮดูสับสนจนสังเกตได้ บางทีอาจจะเมาจนเพี้ยนไป ถ้าได้นอนพักสองสามสี่ชั่วโมงคงดีขึ้นนั่นเป็นสิ่งที่ฮยอกแจคิดมาตลอดตั้งแต่ได้ยินอีกฝ่ายพูดจาแปลกๆออกมาในรถ


    มือเรียวไขกุญแจห้องเข้าไป แล้วเปิดไฟจนสว่างทั้งห้อง ฮยอกแจตรงดิ่งไปเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะให้พ้นทาง แล้วทำท่าจะหันมาบอกให้ทงเฮเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ



     

    มึงชอบคยูฮยอนเหรอวะ

     

     

    แต่ทว่าคำถามที่ออกมาจากปากคนเป็นเพื่อนสนิททำเอาทุกการกระทำหยุดชะงักทงเฮเบือนสายตามองไปอีกทาง ท่าทางแปลกๆนั้นคล้ายว่าเจ้าตัวยังสับสนในตัวเองอยู่ไม่น้อย


    ร่างบางนิ่งไปนานราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายถาม ฮยอกแจไม่รู้เลยว่าสีหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไง แล้วเขาควรจะพูดอะไรต่อ


     “ให้โอกาสถามอีกที


    ฮยอกแจวาดรอยยิ้มอย่างใจเย็น ดวงตาคู่นั้นมองใบหน้าของเพื่อนสนิทด้วยความไม่เข้าใจ สาบานได้ว่าเมื่อกี้มันเป็นประโยคคำถามที่ฟังดูตลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเลยจริงๆให้ตาย


    ก็ซองมินบอกกูมาว่ามึงสองคนคบกัน

    สมองของฮยอกแจหยุดประมวลผลไปชั่วครู่เมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม พอตั้งสติได้ก็เผลอกำมือตัวเองแน่น

     ทั้งสองปล่อยให้เข็มนาฬิกาเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีใครคิดจะพูดอะไร บรรยากาศเริ่มอึดอัดมากขึ้นทุกนาทีจนฮยอกแจแทบหายใจไม่ออก และสุดท้ายก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี่ลง


    แล้วแต่จะคิด


    “…………….”


    คยูฮยอนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไม่ใช่หรือไง


    พูดจบก็เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนสบายๆ ออกมาเตรียมไว้ให้อีกฝ่ายเหมือนไม่ใส่ใจอะไรกับบทสนทนาเมื่อครู่ จริงๆก็อยากจะคิดว่าทงเฮแค่เมาก็เลยพูดออกมาไม่ได้คิด แต่มัน


    เฮ้อช่างเถอะ



    นี่! ไปอาบน้ำก่อนสิ

    ฮยอกแจรีบทิ้งเสื้อผ้าในมือแล้วหันไปดุเสียงดัง เมื่อทงเฮทำท่าจะล้มตัวลงนอนทั้งอย่างนั้น ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น แล้วกระทืบเท้าปึงปังไปเท้าเอวเป็นยักษ์อยู่ข้างเตียง


    ทงเฮ!”


    หืมทำไมอีก


    ไปอาบน้ำ


    มึนหัวจะตายอยู่แล้วนะ


    ก็ไปอาบก่อน


    สำหรับทงเฮแล้วเสียงของฮยอกแจก็เหมือนเสียงนกเสียงกานั่นแหละ ตราบใดที่ไม่ใช้กำลัง มันก็ไม่มีทางสนใจฟังแล้วทำตามหรอก


     ฮยอกแจอ่า…” ทงเฮขยับตัวออกจากผ้าห่มเพราะเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว ก่อนจะนิ่วหน้ามองร่างบางอย่างเอาแต่ใจ ปวดตัวไปหมดเลย



    ฮยอกแจขมวดคิ้วมองคนที่นอนเอาแต่นอนเลื้อยไปมา แล้วแอบสมน้ำหน้าอยู่ในใจลึกๆ


    ถึงจะคิดแบบนั้น แต่มือเรียวกลับยกขึ้นแตะหน้าผากของเพื่อนสนิทเบาๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยมากมายทอดมองใบหน้าของคนที่กำลังหลับตาพริ้มหมดสภาพ


    ไปอาบน้ำก่อนพูดย้ำไปอีกครั้ง ก่อนจะออกแรงฉุดกระชากแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่เป็นเพราะขนาดตัวที่ต่างกันเลยทำให้ร่างบางถึงกับหอบแฮ่ก ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้วะตอบที เมียก็ไม่ใช่


    ก็เป็นซะสิคนเมาสวนกลับมาหน้าตาเฉยพร้อมหัวเราะเสียงดัง  แล้วฝ่ามือของคนที่กำลังเขินจัดก็ลอยไปปะทะเข้ากลางหัวยุ่งๆนั้นทันที


    ขำอะไร เพื่อนเล่นเหรอไง

    ฮยอกแจหน้าตึง ในขณะที่ทงเฮเอาแต่หัวเราะอย่างขาดสติไอ้บ้านี่พูดจาอะไรไม่รู้เรื่อง นี่สัญญาเลยนะว่าจะพยายามไม่ถือสา และจะไม่เก็บคำพูดของคนเมามาคิดให้ปวดหัวอีกแน่ๆ สัญญา


    โอ้ยขี้เกียจจัง

    ทงเฮอิดออดอยู่พักใหญ่กว่าจะยอมลุกอาบน้ำตามที่คนตัวเล็กสั่ง มือหนาเอื้อมจับแขนอีกคนไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้น กว่าที่ฮยอกแจจะลากคนขี้เกียจเข้าห้องน้ำได้สำเร็จก็ทุลักทุเลและกินเวลาไปเยอะพอควร

     อาบเสร็จแล้วเรียกละกันว่าไว้แค่นั้นแล้วทำท่าจะออกไปข้างนอก แต่คนที่นั่งแหมะอยู่กับพื้นห้องน้ำกลับรั้งข้อมือไว้ จนร่างเล็กเซถลาลงมานั่งด้วยอีกคน

    อยู่เป็นเพื่อนก่อน

    ประสาท ใครที่ไหนเขาต้องให้คนอยู่เป็นเพื่อนเวลาอาบน้ำวะ พูดจาไม่รู้เรื่องละปล่อยเลย

    ฮยอกแจชักแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายความรู้สึกข้างในร้องเตือนว่าเขาไม่ควรนั่งอยู่ตรงนี้นานนัก

    แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งขึ้นเมื่อฝ่ามือร้อนของทงเฮทาบลงที่ข้างแก้มอย่างถือวิสาสะ ทำเอาความคิดที่จะหาทางหลบเลี่ยงต้องถูกพับเก็บลง


     

    คนๆนี้มีอิทธิพลกับฮยอกแจมากมายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

     



     

    ทงเฮ…”

    เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาหวิว เมื่อใบหน้านั้นเลื่อนเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นวาบ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายคล้ายว่าจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ ก่อนที่มันจะกลับมาสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง เมื่อสายตาของคนตรงหน้าไล่ต่ำลงมาเรื่อย

     


     

    และหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบาง

    วูบหนึ่งที่ดวงตาคู่สวยของทงเฮฉายแววลังเล  




     

    “………”

     

    เสียงของฮยอกแจถูกกลืนหายเพราะสัมผัสบางเบาจากคนตรงหน้า แต่เพียงไม่กี่วินาทีริมฝีปากนั้นก็ค่อยๆผละออกไปอย่างอ้อยอิ่ง

    ทว่าปลายจมูกทั้งสองยังคงสัมผัสคลอเคลียกันอยู่ไม่ห่างและตอนนั้นเองที่ฮยอกแจรู้สึกว่าหัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะไปอย่างรุนแรงจนเกิดอาการหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ




     



     

    แบบนี้น่ะหวั่นไหวใช่หรือเปล่า?

     






     

    เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในห้วงความคิด พร้อมทั้งมือหนาที่ค่อยๆเลื่อนขึ้นเชยคางร่างบางขึ้นราวกับต้องการจะมองใบหน้านั้นให้เต็มตา หลายนาทีทั้งสองที่สบตากันท่ามกลางความเงียบโดยไร้ซึ่งคำพูดใด


    จนสุดท้ายทงเฮก็ยอมผละออกไป ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา



    “…ปวดหัวจังแฮะ


    ฮยอกแจนั่งประมวลผลอยู่ตรงนั้นสักพักเพราะตามอารมณ์อีกฝ่ายไม่ทัน แต่แล้วสัมผัสหนักๆที่หัวไหล่ก็ช่วยดึงสติให้กลับคืนมาอย่างครบถ้วนอีกครั้ง



    ทงเฮลุกไปนอนที่เตียงดีๆสิ




    “…………..”

     

    เหมือนว่าคนที่ใช้ไหล่บางเป็นหมอนหนุนจะไม่รับรู้อะไรแล้ว



    ก็แค่เมา

     

    ชัดเจนขนาดนี้ก็ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องเก็บเอามาคิดมาก ทั้งเรื่องคยูฮยอน ทั้งสายตากับท่าทีที่แปลกไป รวมถึงเมื่อกี้



    ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะทงเฮไม่มีสติเขาไม่ควรจะไปถือสาหาความอะไรกับคนเมา อีกอย่างฮยอกแจก็สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ให้ความรู้สึกพวกนี้ย้อนกลับมาอีก




    ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆสักที








    TBC 

     







     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×