คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2
2
“ทำไมมาเช้าจังวะ"
ประโยคเดิมจากคนคนเดิมที่อีฮยอกแจได้ยินจนแทบจะกลายเป็นคำทักทายประจำวัน เจ้าของใบหน้าเนือยๆเหมือนไม่แคร์อะไรบนโลกอย่างโจคยูฮยอนเดินเข้ามานั่งลงข้างๆด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัวเหมือนเพิ่งผ่านศึกสงครามมาก็ไม่ปาน ท่าทางไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่ายทำให้ฮยอกแจเลือกที่จะสงบปากสงบคำ แล้วก้มหน้าลงสนใจงานศิลปะที่วาดค้างไว้ต่อ
ตอนเช้าในมหาวิทยาลัยไม่วุ่นวายเท่ากับโรงเรียนมัธยม…นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฮยอกแจชอบ และเลือกที่จะตื่นแต่เช้ามานั่งหามุมสงบวาดรูปเล่นไปเรื่อย
งานอดิเรกที่ทำให้ถูกมองมองว่าโลกส่วนตัวสูง จนพาลไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดมาคุย และด้วยความที่นิสัยส่วนตัวไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครก่อน ก็แปลกที่เขาจะมีเพื่อนน้อย หรืออาจเพราะฮยอกแจยังคงยืดติดกับความคิดเด็กๆที่ว่าเขามีแค่ทงเฮคนเดียวก็เกินพอแล้ว
จนเมื่อไม่กี่ปีมานี้เพิ่งจะคิดได้ว่าตัวเองควรจะเริ่มเข้าสังคมบ้าง และพอหันไปเจอโจคยูฮยอนนั่งจดเลคเชอร์อยู่ข้างๆกัน เลยตัดสินใจเอ่ยปากทักไปก่อน ทั้งที่ตอนแรกไม่มีความคิดแม้แต่จะอยากรู้จักด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่วันนั้นมา นอกจากทงเฮแล้วก็มีคยูฮยอนนี่แหละที่กลายเป็นเพื่อนสนิทอีกคน โลกของฮยอกแจเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ในขณะเดียวกันที่ความสัมพันธ์กับทงเฮก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
…ใช่มั้ย?
ข้อนั้นฮยอกแจก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“ทำไมมาเช้ากันจัง”
ประโยคเดิมๆถูกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยานคาง พร้อมกับคนมาใหม่ที่ตรงเข้าทักทายด้วยใบหน้าง่วงมึนเหมือนเพิ่งลุกจากเตียง ปาร์คจองซูทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามฮยอกแจ จากนั้นก็ฟุ่บศีรษะลงกับโต๊ะ ไม่ทันได้สังเกตว่าโจคยูฮยอนกำลังมองมาด้วยสายตาฆ่าฟัน
“พี่จองซู”
“อาราย…”
“ตื่นมาตอบกูเดี๋ยวนี้ว่าเมื่อคืนไปไหนมาไม่ยอมรับโทรศัพท์”
คยูฮยอนว่าพลางจ้องมองพี่ชายร่วมสายเลือดตาเขม็ง ส่วนปาร์คจองซูที่ถูกเมนชั่นเพียงแต่ผงกหัวขึ้นมามองนิดหนึ่ง แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
“ทำงาน”
“ทำงานอะไรของมึงหายหัวไปทั้งคืน แล้วเสือกเอารถไปด้วยกูต้องนั่งรถเมล์มามหาลัยเนี่ยเคยรับรู้ถึงความลำบากของน้องมั่งมั้ย คอยดูนะ สักวันกูจะรายงานความประพฤติของมึงให้หม่าม๊าฟัง”
ร่ายความในใจออกไปแถมด้วยคำขู่เล็กน้อย แม้ว่าคนถูกด่ามันจะไม่ตื่นขึ้นมาสนใจรับฟังก็เถอะ ฮยอกแจนั่งมองสองพี่น้องแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ จนกลายเป็นฝ่ายถูกคยูฮยอนหันมาทำตาเขียวใส่แทน
“เอาน่า…” ปรามขึ้นพร้อมกับกลั้นเสียงหัวเราะไว้ ยื่นมือไปตบไหล่เพื่อนสนิทเป็นเชิงบอกให้ใจเย็นๆ แล้วเริ่มอธิบายว่าเมื่อคืนพี่จองซูอยู่ทำงานจนดึก พอเสร็จแล้วเลยออกไปนั่งกินเหล้าที่ร้านหน้ามหาลัยต่อกับพี่ฮีชอลจนเกือบสว่าง
“กูไม่ได้สนใจเรื่องที่มันจะไปไหนมาไหนกับใครหรือทำอะไรเลยนะฮยอกแจ ประเด็นจริงๆมึงก็น่าจะรู้ว่าคือกูไม่มีรถขับไงสัด”
“นั่งรถเมล์บ้างก็ได้นี่นา ทำตัวเป็นทงเฮไปได้”
ฮยอกแจพูดไปก็ขำไป พาลนึกถึงคนเอาแต่ใจที่โคตรจะเกลียดอากาศร้อนแล้วก็การเบียดเสียดบนรถเมล์สุดๆ ถึงขนาดขั้นลั่นวาจาไว้ว่าถ้าให้ขึ้นรถเมล์กูยอมเดินเอาดีกว่า
คนอะไรนิสัยไม่ดีเลยจริงๆ
“…………..”
แล้วทำไมต้องไปคิดถึงมันด้วย...
“รถเมล์มันช้า คนก็เยอะ”
คยูฮยอนยังคงปั้นหน้าตึง มองคนเป็นพี่ชายที่นอนหมดสภาพอยู่ตรงหน้า แต่ก็นึกขอบคุณมันอยู่ไม่น้อยที่ยังอุตสาห์ลากสังขารมาเรียน
สงครามเล็กๆระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดนี่ก็เลยกลายเป็นเหมือนหนังม้วนเก่าเอามารีเพลย์ซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน กิจวัตรเดิมๆที่ฮยอกแจไม่เคยเบื่อ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาได้ทุกครั้ง
ประเด็นที่ทะเลาะกันส่วนมากก็มีแค่เรื่องรถนี่แหละ ไม่มีวันจบสิ้นได้ตราบใดที่หม่าม๊ายังบังคับให้ใช้คันเดียวกันแบบนี้น่ะนะ
คยูฮยอนยังคงบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ส่วนฮยอกแจก็ก้มหน้าเพ่งสมาธิไปที่งานศิลปะตรงหน้าต่อ ลมเย็นๆพัดโชยมาพร้อมความเงียบชวนให้ร่างเล็กจดจ่อลงไปกับภาพวาดมากขึ้น
ถ้าเทียบกับทุกวันที่ผ่านมา วันนี้ดูเหมือนจะเงียบเป็นพิเศษ…
“ทงเฮไปไหน”
คำถามของคยูฮยอนทำเอาฮยอกแจสมาธิแทบกระเจิง ละสายตาจากกระดานวาดรูปขึ้นมามองหน้าร่างโปร่งก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบประมาณว่าไม่รู้เหมือนกัน
พูดถึงทงเฮ…รายนั้นน่ะเข้ากับพวกพี่ฮีชอลได้ดียิ่งกว่าอะไร กอดคอกันไปกินเหล้าเดือดร้อนต้องไปลากคอกลับประจำ ซึ่งสำหรับสังคมของผู้ชายด้วยกันแล้วการจะสนิทสนมกันง่ายๆแบบนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก
พักหลังมาไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ เรื่องเรียนคนละคณะนั่นไม่ใช่เหตุผลเลย เพราะปกติแล้วถ้าว่างๆทงเฮมันจะมานั่งกวนตีนพี่จองซูเล่นฆ่าเวลารอฮยอกแจเรียนเสร็จ แล้วก็กลับด้วยกันทุกเย็น
เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่ช่วงสองสามเดือนหลังนี้ก็ไม่ค่อยได้มาแล้ว...
จะว่าติดแฟนหรือก็ไม่น่าใช่ อย่างที่บอกว่าทงเฮไม่ใช่พวกให้ความสำคัญกับคนรักขนาดนั้น ฮยอกแจนึกสงสัยว่าอีซองมินมีดีอะไรถึงทำให้เพื่อนสนิทของเขาเริ่มตีตัวออกห่างแบบนี้
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บรรยากาศรอบตัวดูเงียบลง
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไม่มีเงาของคนคนเดิมมานั่งรออยู่ใต้ตึกคณะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฮยอกแจต้องติดรถคยูฮยอนกลับทุกวัน…
“ฮยอกแจๆ”
คยูฮยอนสะกิดเรียกพร้อมกับส่งบุ้ยหน้าเหมือนจะให้มองอะไรบางอย่าง ร่างเล็กขมวดคิ้วแล้วมองตามสายตาเพื่อนสนิทไป
“……….…”
แผ่นหลังกว้างของใครบางคนที่ฮยอกแจจำได้แม่นยำแม้จะไม่เห็นหน้า ตาเรียวจับจ้องมองคนสองคนที่เดินเคียงคู่กันไป และตอนนั้นเองที่เผลอกำแท่งดินสอในมือแน่นจนเริ่มเจ็บ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นอะไรแบบนี้
ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยจะมีความรู้สึกแบบนี้กับบรรดาคนที่เข้าหาทงเฮเลยซักคน ติดจะเฉยๆไม่ได้ใส่ใจอะไรด้วยซ้ำต่อให้มันมาฟัดกันตรงหน้าก็เถอะ
แล้วทำไมกับคนคนนี้…
“อย่าไปมอง”
คยูฮยอนว่าแล้วก็ยกมือขึ้นปิดตาเพื่อนสนิท… รอกระทั่งซองมินกับทงเฮพ้นไปจากระยะสายตาจึงยอมปล่อยให้เป็นอิสระ สาบานเลยว่าเมื่อกี้เขาเห็นดวงไฟลุกโชนออกมาจากดวงตาของฮยอกแจด้วย
“กูไม่ชอบหน้าแม่งจริงๆนะ”
“ไหนมึงว่าไม่คิดอะไรกับมันไง”
“ก็ไม่ได้คิด” หันกลับมามองร่างโปร่งตาเขียว “แค่ไม่ชอบ”
“แม่กูสอนมาว่าแบบเนี้ยะเขาเรียกหึง”
พูดจบก็กลายเป็นที่รองมือรองตีนให้คนตัวเล็กระบายอารมณ์อีกตามเคย คยูฮยอนหัวเราะแล้วปล่อยให้ฮยอกแจฟาดแขนจนระบมไปหมด
“หึงบ้าอะไร…”
“………………”
“…ทงเฮมันมีแฟนมาตั้งกี่คนแล้วกูก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย นี่ถ้ากูจะหึงกูหึงไปตั้งแต่น้องซูยอนป.4/3แล้วปะ”
ฮยอกแจเถียงกลับไปด้วยสีหน้าจริงจังเป็นที่สุด ก่อนจะนึกไปถึงน้องซูยอนคนน่ารักประจำโรงเรียนประถม แฟนคนแรกของทงเฮ และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฮยอกแจมองว่าน่ารักโคตรๆ ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง เพราะไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่ซูยอนย้ายไปเรียนต่างประเทศ
“จะยังไงก็ช่าง…” คยูฮยอนตัดบทขึ้นมาเสียงเนือย ก่อนจะหยัดตัวขึ้นแล้วเก็บข้าวของลงกระเป๋า “…ไปกันเถอะ”
“ไปไหน”
“ห้องสมุด”
งุนงงกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ไม่น้อย แต่พอนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือโครงงานอีกสองเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ ฮยอกแจก็รีบช่วยอีกฝ่ายเก็บของเข้ากระเป๋า แล้วเดินตามหลังไปเงียบๆ โดยไม่ลืมที่จะหันมาสะกิดบอกพี่จองซูก่อนว่าจะไปทำรายงาน
คนที่ยังเมาค้างสะลืมสะลือขึ้นมาพยักหน้าตอบรับหงึกหงักแล้วก็ฟุ่บกลับลงไปเหมือนเดิม
“รอด้วยสิ" ฮยอกแจวิ่งเหยาะๆไปขนาบข้าง ก่อนจะส่งยิ้มเผล่ให้คนตัวสูงกว่าทั้งสองเดินคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อย จนกระทั่ง…
ปิ๊นนนนนนนนนนนนน
เสียงแตรรถที่ดังสนั่นจนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้นถึงกับหยุดกิจกรรมทุกอย่างเพื่อหันมามอง รวมถึงอีฮยอกแจด้วยเช่นกัน
ปิ๊นนนนนนนนนนนนน
“โอ้ยอีเหี้ยจะบีบหาพ่อ…” ท้ายประโยคขาดหายไปเมื่อหันหน้ามามองแล้วพบว่าเจ้าของรถที่ทำกร่างบีบแตรลั่นไม่เกรงใจสถานที่นั้นคือใคร
รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบ บานกระจกถูกเลื่อนลงปรากฎใบหน้าของคนคุ้นเคย ลองขยับสายตาไปอีกหน่อยจะเห็นตุ๊กตาหน้ารถที่เอาแต่มองตรงไปข้างหน้าอย่างถือดี
“จะไปไหน”
ทงเฮถามออกไปเสียงห้วนตามนิสัย ก่อนจะถอดแว่นกันแดดออกเพื่อมองคู่สนทนาให้ชัดๆ ฮยอกแจไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัวแต่จ้องหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา
ทำอะไรไม่ถูก…
“หอสมุด” คยูฮยอนจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดด้วยการตอบออกไปแทน “…หาหนังสือทำโครงงานวิจัยน่ะ”
ทงเฮแอบชักสีหน้าเล็กน้อยเพราะเห็นว่าร่างเล็กไม่ยอมตอบคำถามของเขา ด้วยความที่หงุดหงิดง่ายเป็นทุนเดิมเลยพาลเหวี่ยงสายตาไม่พอใจไปทางคยูฮยอนด้วยอีกคน
กูได้ถามมึงมั้ยเนี่ย
แอบคิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกไปมากจนผิดสังเกต…จะมีก็แต่เรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ชอบใจเท่าไหร่ ถ้าถามเหตุผลว่าเพราะอะไรทงเฮก็ไม่รู้เหมือนกัน
เห็นมันเดินด้วยกันแล้วไม่ชอบ…แค่นั้น
“เอ่อ...”
คราวนี้ฮยอกแจเป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนด้วยการเลือกที่จะมองข้ามอีซองมินไปแล้วพยายามปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ซึ่งคยูฮยอนก็คงจะสังเกตเห็นว่าท่าทางของร่างเล็กยังไม่ค่อยสู้ดีนักจึงเลื่อนฝ่ามือลงไปกุมมือเย็นเฉียบนั้นไว้ราวกับจะเป็นที่พึ่งพิง
ดวงตาคู่คมของทงเฮเลื่อนมองมือทั้งสองที่กอบกุมกันไว้ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ถึงห้องเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกด้วยแล้วกัน”
ทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนจะใช้เท้าตบคันเร่งอย่างรุนแรง รถยนต์คันหรูกระชากตัวออกไปตามการควบคุมที่เกิดจากอารมณ์ร้อนของคนขับล้วนๆ
คยูฮยอนมองตามไปอย่างอ่อนใจ ส่วนฮยอกแจก็เอาแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ทันได้สังเกตสังกาอะไร หลังจากที่ทงเฮพ้นระยะสายตาไปแล้วทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
“…ขี้หึงชิบหาย”
ร่างโปร่งบ่นพึมพำแล้วหัวเราะออกมาคนเดียว คนอย่างทงเฮน่ะอ่านอารมณ์ได้ง่ายเสียจนน่าขำ แต่น่าเสียดายตรงที่ฮยอกแจดันซื่อบื้อเกิน กว่าจะมองออก
“คิดอะไรอยู่”
คยูฮยอนใช้มืออีกข้างเคาะหัวฮยอกแจเบาๆ แล้วปล่อยมือที่กุมกันไว้ให้เป็นอิสระ กลัวว่าถ้าจับนานไปแทนที่จะอุ่นใจเลยกลายเป็นว่าอีกฝ่ายจะอึดอัดเอา
“เปล่า รีบไปกันเถอะ” ฮยอกแจส่ายหน้าพลางส่งยิ้มให้คนตัวสูงกว่า ก่อนจะใช้ฝ่ามือดันหลังคยูฮยอนให้เดินนำไป ทว่าในหัวกลับยังไม่หยุดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
…พื้นที่ข้างๆทงเฮเคยเป็นของเขามาตลอดไม่ใช่เหรอ…
ตั้งคำถามกับตัวเองได้เพียงเท่านั้นความปวดแปลบก็พากันแล่นวาบเข้ามาในอก เผลอกำเสื้อร่างสูงแน่นจนสะท้านไปทั้งตัว
…ที่ตรงนั้น ตรงที่อีซองมินนั่งอยู่ มันเคยเป็นที่ของฮยอกแจมาก่อน
ไฟริษยาในใจเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด พร้อมทั้งความหวาดกลัวมากมายที่พากันรุมเร้าจนอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
กลัวความรู้สึกตัวเอง
กลัวว่าวันหนึ่งมันจะชัดเจนขึ้นมาจนหนีไปไหนไม่ได้ กลัวว่าความรู้สึกพวกนั้นจะย้อนกลับมาทำลายความสัมพันธ์ที่มีอยู่
กลัวจริงๆ…
พยายามคิดว่ามันก็แค่อาการหวงเพื่อนสนิทธรรมดาๆที่ใครๆก็เป็นกันทั้งนั้น หรือไม่ก็เพราะอคติส่วนตัวที่ทำให้เขาพาลไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นอีซองมิน…มันก็เท่านั้นเอง
ทุกวันนี้ รวมถึงตอนนี้…ฮยอกแจพยายามบอกตัวเองให้เชื่อแบบนั้น ถ้าซองมินมายุ่งกับคยูฮยอนเขาเองก็คงไม่ชอบใจเหมือนกัน
…คงไม่ใช่แค่เฉพาะกับทงเฮคนเดียวแน่ๆ
แล้วฮยอกแจก็รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเริ่มประท้วงด้วยการเต้นระรัวสวนทางกับความคิดในหัว จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปัดไล่ทุกอย่างออกไปจากหัว ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆขึ้นไปเดินข้างๆคยูฮยอน
เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ความรู้สึกแบบนี้กลับมาอีกเด็ดขาด
ไม่มีวัน…
TBC
ความคิดเห็น