ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HAEEUN - LITTLE BOY

    ลำดับตอนที่ #3 : - LITTLE BOY ♡ ( DH ) - 2

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56


     








    - LITTLE BOY ♡ ( DH ) - 2








     








     













              หงุดหงิด





                นั่นคือความรู้สึกเดียวที่ติดอยู่ในหัวของเด็กชายวัยห้าขวบมาตลอดทั้งสัปดาห์ ใครกันที่บอกว่าเด็กลืมง่าย วันนี้อีทงเฮได้ลบล้างคำกล่าวนั้นไปแล้วเรียบร้อย ทั้งคำพูด ทั้งความเจ็บปวด ทั้งความอับอายทั้งหลายแหล่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในความทรงจำจนต้องหยิบดินสอขึ้นมาแล้วขีดเขียนอะไรลงสมุดไปเรื่อยเพราะไม่รู้จะหันหน้าไประบายกับใคร







                ตั้งแต่เลิกคบซองมินไปชีวิตทงเฮก็เงียบเหงา





                ถึงจะมีนานะจังก็เถอะ…นั่นมันไม่เหมือนกันสักหน่อย




                กระดาษสีขาวมีลายเส้นมากมายปรากฏขึ้นหลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป มันเป็นกิจวัตรเดิมๆที่ทงเฮทำตลอดหลายวันที่ผ่านมา ไม่ได้สุงสิงกับใคร มีโลกของตัวเอง และไม่ได้ไปกวนใจหรือทำตัวดื้อรั้นกับพี่ฮยอกแจอีก มีเพียงสีหน้าปั้นปึ่งเวลาที่เผลอสบตากันเท่านั้น





    งอน






    พี่ฮยอกแจมีสิทธิ์อะไรมาตีทงเฮต่อหน้าเพื่อนๆ








    แล้วมีสิทธิ์อะไรมาหอมแก้มเค้า








    แก้มทงเฮมีไว้ให้นานะจังคนเดียวนี่พูดเลย







    ยิ่งคิดก็ยิ่งฉุนเฉียวอยู่ในใจ ทำได้แค่ระบายด้วยการลงน้ำหนักมือให้มากขึ้น วันนี้นานะจังไม่มาเลยต้องนั่งคนเดียว เหงามาก เบื่อมาก น้องเฮอยากกลับบ้านไปหาหม่าม๊าแล้ว ; w ;




    แต่ข้างนอกฝนตก

     



     

    ไม่มีอะไรสนุกๆทำเลย






    ง่วง

     






     

    และไม่กี่นาทีถัดมาเด็กชายก็ฟุบหลับไปในที่สุด

     













































     

     

    ความจริงการดูแลเด็กพวกนี้มันไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับอีฮยอกแจมากนัก



    ถ้าการดูแลที่ว่านั่นหมายถึงแค่นั่งดูเฉยๆไม่ให้พวกลูกลิงนี่วิ่งวุ่นออกไปข้างนอกห้องน่ะนะ






    ก็อย่างที่คิดนั่นล่ะวันนี้เขาบังคับให้โซรานอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน

    นั่นก็แปลว่าวันนี้ถือเป็นวันฟรีๆสำหรับเจ้าเด็กพวกนี้ไปด้วยเลย มีอาจารย์คิบอมข้างห้องมาช่วยสอนและให้การบ้านไปเมื่อตอนเช้า ส่วนตอนบ่ายก็ปล่อยตามอัธยาศัย โดยมีข้อแม้ว่าห้ามออกไปนอกห้องเด็ดขาด และถ้าจะไปไหนให้บอกพี่ฮยอกแจก่อนทุกครั้ง ซึ่งเหล่าลูกลิงก็พยักหน้าหงึกหงัก ไม่โต้เถียงใดๆ จนถึงตอนนี้ที่เวลาล่วงเลยมาจนบ่ายคล้อยแล้วฮยอกแจก็เห็นเด็กๆบางคนยังคงสรรหาอะไรมาเล่นกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนบางคนก็หลับไปแล้ว




    หลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยเมื่อสายตาดันไปสะดุดกับร่างกลมๆที่ใช้สมุดการบ้านเป็นหมอนนอนกลางวันไปแล้วเรียบร้อย เขามองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เริ่มเบาขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าเจ้าเด็กนั่นจะลุกขึ้นมาสร้างปัญหาอะไร คิดได้แบบนั้นฮยอกแจก็เอนหลังแล้วปิดเปลือกตาที่เริ่มจะอ่อนล้าลง เสียงสายฝนด้านนอกกับอากาศเย็นที่สบายแบบนี้ทำให้เขานึกอยากกลับบ้านไปนอนซุกผ้าห่มอุ่นๆเสียจริง






    พี่ฮยอกแจ

     






     

    หื้อ



    เปลือกตาบางค่อยๆขยับขึ้นหลังจากพักไปได้ไม่ถึงห้านาที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันช้าๆ แต่เมื่อพบว่าเจ้าของเสียงเป็นใครแล้วรอยยิ้มบางๆก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มได้ไม่ยาก



    ซองมินฮยอกแจยิ้มแล้วเอียงคอมองเด็กชายตัวอ้วนที่ยืนกระตุกชายเสื้อของเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก อันยอง



    ร่างบางทักทายกลับไปเสียงใส ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าอีโซราสามารถปั้นหน้ายิ้มแย้มอยู่ทั้งวันได้ยังไงทั้งที่ข้างในมีเรื่องมากมายให้ต้องคิด ซองมินไม่ได้พูดอะไร หากแต่เด็กน้อยดูเหมือนจะสนใจหน้าจอสว่างๆของ Macbook ราคาแพงลิ่วตรงหน้ามากกว่า



     “นี่เขาเรียกว่า Macbook”  ฮยอกแจว่าต่อโดยอัตโนมัติ เรื่องอ่านใจเด็กนี่ความจริงเขาก็ไม่ถนัดนัก แต่แววตาและสีหน้าของเด็กตัวเล็กๆพวกนี้ไม่ได้ซับซ้อนถึงขนาดมองไม่ออก  นั่นอาจจะเป็นข้อดีที่พวกผู้ใหญ่สมัยนี้ไม่ค่อยจะมีก็ได้




    ซองมินอยากเล่นมั้ยแต่ฮยอกแจก็ยังถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แน่นอนว่าซองมินพยักหน้าทันที ดวงตาที่ครั้งแรกนั้นเศร้าหมองดูมีประกายขึ้นมานิดหน่อย






    เป็นเด็กนี่ดีเนอะ คิดยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้น ไม่ต้องมานั่งปั้นหน้าวางฟอร์มให้เมื่อย





    มา เดี๋ยวพี่ฮยอกแจสอนเล่น


    จบประโยค ซองมินก็ถูกยกขึ้นมานั่งบนตักของอีฮยอกแจเรียบร้อย เขารู้ว่าเด็กคนนี้กำลังเหงา ส่วนหนึ่งคงเพราะทงเฮยังไม่ยอมคุยด้วยไม่ใช่สินั่นอาจจะเป็นเหตุผลหลักๆเลยก็ได้



    เวลาผ่านไปจากที่มีแค่อีซองมินคนเดียวก็กลายเป็นว่า Macbook ของอีฮยอกแจได้รับความสนใจจากเด็กตัวน้อยนับสิบคนที่พากันมามุงและส่งเสียงเจี้ยวจ้าวด้วยความตื่นเต้น แม้แต่คิมจงอุนที่ปกติแล้วจะติดนิสัยชอบวางมาดอยู่นิดหน่อยก็ยังยอมทิ้งรถถังในมือเพื่อมาดู




    เว้นเสียแต่เด็กตัวกลมคนหนึ่งที่เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจใยดีว่ารอบๆตัวจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง











    นี่คิดว่าถ่ายเอ็มวีอยู่เรอะ…………







    แต่ทว่า ฮยอกแจแอบสังเกตเห็นว่าหลายครั้งที่ทงเฮเหลือบมองมาทางนี้ด้วยท่าทีสนอกสนใจ คงเป็นความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็ก แต่น่าเสียดายที่ฟอร์มมันทับขาอยู่เลยลุกไม่ขึ้น





    เห็นแบบนั้นแล้วก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้เลยแฮะ




    แค่ห้าขวบยังขี้เก๊กขนาดนี้แล้วโตไปจะขนาดไหนกัน




    คิดแล้วก็หัวเราะออกมาคนเดียว เรียกสายตาแปลกๆจากบรรดาเด็กตัวน้อยรอบข้างได้ทันที แต่มันก็ยังไม่น่าสนใจไปกว่าของเล่นใหม่ราคาแพงตรงหน้า ฮยอกแจต้องวุ่นวายอยู่ราวๆยี่สิบนาทีได้กว่าเจ้าเด็กพวกนี้จะแยกย้ายไปหาอย่างอื่นเล่น ซึ่งนั่นเป็นยี่สิบนาทีที่ค่อนข้างเหนื่อยมากจริงๆ




    ทึก ไปเล่นตรงนู้นกันเถอะ หลังจากที่ซีวอนเอ่ยปาก เด็กทั้งสองก็พากันวิ่งดุ๊กๆกลับไปที่มุมของเล่น ฮยอกแจถอนหายใจออกมา เมื่อพบว่ารอบๆตัวไม่มีพวกตัวยุ่งมาคอยกวนใจแล้ว








    โล่ง






    ร่างบางบิดขี้เกียจแล้ววางแผนว่าออกไปสูดอากาศข้างนอกสักแป๊บ แต่ยังไม่ทันจะคิดจบ ปีศาจตัวหนึ่งก็มายืนจ้องหน้าเขม็ง และแน่นอนว่าปีศาจตัวนี้โคตรจะร้ายกาจแล้วก็วุ่นวายกว่าอีเด็กสิบคนเมื่อกี้อีก





    ฮยอกแจ

     



     

    ………… -_,-






    คำว่าพี่ข้างหน้าชื่อหายไปไหนไม่ทราบ


    “-3-”



    แล้วมีอะไรฮึ?” ฮยอกแจมองข้ามประโยคหยาบคายตอนแรกไป แล้วเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงติดจะกวนอารมณ์คนฟังอยู่ในที อยากเล่นบ้างอ่ะดิ



    จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปยั่วโมโหอะไรหรอก แต่แหมเห็นเด็กตัวกะเปี๊ยกมาวางท่าทำเป็นฟอร์มจัดแล้วมันอดไม่ได้จริงๆนี่ ถ้าไม่กลัวว่าจะร้องไห้งอแงแล้วค้อนตาเขียวปั้ดใส่แบบวันก่อนๆ ฮยอกแจก็อยากจะจับแก้มกลมๆนั้นมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวสักที




    ไม่ได้อยากเล่นสักหน่อย ( ^)!! อย่ามามั่วนะ!”









    อุแหม่




     ฮยอกแจเบ้ปากพลางคิดไปว่านี่กูมาต่อปากต่อคำอะไรกับเด็กเหรอ แต่ช่างเถอะ เห็นทำหน้าเหงาๆก็จะเล่นเป็นเพื่อนแป๊บหนึ่งละกัน คิดได้แบบนั้นแล้วก็คว้าตัวทงเฮขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะสุ่มเปิดเกมขึ้นมาเกมหนึ่งแล้วเริ่มอธิบายวิธีเล่นแบบง่ายๆ




    เข้าใจมั้ย?” พอพูดจบแล้วก็ก้มหน้าลงไปถาม ซึ่งคำตอบที่ได้มาคือการสั่นศีรษะรัวๆ บ่งบอกว่าที่กูอุตสาห์ร่ายยาวไปจนคอแห้งนั้นมันไร้ประโยชน์สิ้นดี….




    ฮยอกแจพูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย-3-”




    เออ





    กู ผิด เอง ก็ ได้





    ฮยอกแจกัดฟันจนหน้าเกร็ง พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้จับคนบนตักมาหักคอให้ตายคามือ และอย่างที่บอกว่าเขาไม่ใช่คนใจเย็น ไอ้เด็กแสบนี่ก็อยู่ไม่สุข ขยับตัวไปมาจนขาทั้งสองข้างเริ่มชาดิก




    ทงเฮไปเล่นกับเพื่อนตรงนู้นไป


    แป๊บนึง






     

    -_-

     


     

    ดวงตาที่เป็นประกายของเด็กน้อยยังคงจับจ้องไปที่หน้าจอ Macbook ไม่ลดละ ไม่นานนิ้วเล็กๆก็เริ่มคลิกนู้นคลิกนี้ไปมาอย่างคล่องแคล่ว เหมือนว่าทงเฮจะเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เร็วกว่าการที่มีคนมานั่งบอกนั่งสอน ก็นับว่าฉลาดดี -_- นี่ไม่ได้ชมนะ แค่พูดเฉยๆ









    ประเด็นคือ

     

     





     

    กูหนัก

     

     

     



     

    ทงเฮฮยอกแจ(แกล้ง)พูดเสียงอ่อน พี่ฮยอกแจหนักอะ


    เด็กชายที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมาเหวี่ยงสายตาไม่พอใจใส่ทันที ทงเฮขมวดคิ้วแน่นประมาณว่าอารมณ์เสียสุดๆ โอ้ยคือแบบคนกำลังเล่นเพลินๆนี่ก็ขัดจังหวะจริงโว้ย



    น้องเฮหงุดหงิดแล้วนะ




    ทงเฮพอได้แล้ว ไปหยิบกระเป๋าเลยอีกยี่สิบนาทีโรงเรียนจะเลิก


    ฮยอกแจไม่ว่าเปล่า รีบแย่งเมาส์จากมืออีกฝ่ายแล้วกดปิดหน้าต่างลงมาเสร็จสรรพ จากนั้นก็อุ้มตัวปัญหาลงจากตัก แต่เหมือนว่าทงเฮจะไม่ยอมละสายตาไปจาก macbook อย่างจริงจังแม้ว่าหน้าต่างเกมจะถูกปิดลงมาแล้วก็ตาม



    นั่น คุณครูฮโยรินนี่!!”  น้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กชายทำให้ฮยอกแจหยุดชะงัก ดวงตาของทงเฮเป็นประกาย ปลายนิ้วชี้ไปที่หน้าจอเดสทอป พร้อมกับพูดชื่อผู้หญิงในรูปซ้ำๆ



    ฮยอกแจรีบพับหน้าจอ Macbook ลง แล้วย่อตัวนั่งคุกเข่ากับพื้นจนใบหน้าของเด็กชายอยู่ในระดับสายตาพอดี ทงเฮไปเก็บกระเป๋านะเสียงของร่างบางเบาลงจนทงเฮยอมโอนอ่อนตาม เด็กชายพยักหน้าหงึกหงักแล้ววิ่งไปเก็บกระเป๋าตามคำสั่ง







    เหลือเพียงอีฮยอกแจที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น



    เรื่องราวของผู้หญิงที่ชื่ออีฮโยรินกลับเข้ามาในห้วงความคิดของเขาอีกครั้ง และนั่นทำให้การขยับร่างกายเป็นไปได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน ฮยอกแจนั่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งเสียงบอกเวลาเลิกเรียนดังก้องไปทั่ว





    ร่างบางได้สติค่อยๆขยับร่างกายอย่างเชื่องช้า เขากวาดสายตามองไปรอบๆเห็นบรรดาตัวแสบทั้งหลายนั่งรอกันอย่างเป็นระเบียบ เท่านั้นรอยยิ้มบางๆก็จุดประกายขึ้นมาบนใบหน้า ฮยอกแจหยัดตัวขึ้นเก็บข้าวของลงกระเป๋า จังหวะเดียวกับที่เครื่องมือสื่อสารดังขึ้น






    ว่าไงโซรา…”

     



     

    ร่างบางเงียบไปชั่วอึดใจ และประโยคถัดไปจากคนปลายสายก็ทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที

     

























     

     

    หน้าที่ของพี่เลี้ยงจำเป็นจะจบลงก็ต่อเมื่อนักเรียนคนสุดท้ายถึงมือผู้ปกครองโดยสวัสดิภาพไร้รอยขีดข่วนนั่นคือคติพจน์ที่นางฟ้าอย่างอีโซราพูดกรอกหูฮยอกแจมาเมื่อเช้า






    แน่นอนว่าเขาไม่ลืม







     ซีวอนกลับแล้วนะฮะพี่ฮยอกแจ >w<”



    จ้าๆ บายนะฮยอกแจโบกมือลานักเรียนคนสุดท้ายด้วยรอยยิ้ม ทว่ามันกลับเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยบอกตรงๆ เพราะความเป็นจริงแล้วชเวซีวอนไม่ใช่นักเรียนคนสุดท้ายอย่างที่พูดไปก่อนหน้านี่น่ะสิ!




     

    นี่…”

     





     

    นั่นแหละ คิดถูกแล้ว

     

     





     

    อยากไปเที่ยวด้วยกันมั้ย


    ฮยอกแจขยับตัวเข้าไปใกล้นักเรียนคนสุดท้าย(จริงๆ)ที่นั่งจุมปุ๊กอยู่บนม้านั่งมาเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เจ้าเด็กปีศาจนั่นก็ไม่ยอมหันมาสนใจใยดี เอาแต่มองไปตรงประตูหน้าโรงเรียนอย่างมีความหวัง






    ทำไมหม่าม๊าไม่มารับน้องเฮสักที ;_________;





    ว่าไง


    “……….”




    พี่ฮยอกแจจะพาไปกินขนมนะ




    “……….”






    พาไปดูของเล่นด้วย






    “………..”

     



     

    หน๊อยไอ้เด็กนี่

    อุตสาห์พูดดีด้วยแล้วยังกล้ามาเมินกันอีกเรอะ!

     




     

    เป็นอีกครั้งที่ฮยอกแจโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว ริมฝีปากบางสบถออกมาเบาๆด้วยความหมั่นไส้ นี่ถ้าโซราไม่โทรมาขอร้องว่าแม่ของเจ้าเด็กนี่ติดธุระจริงๆขอฝากทงเฮไว้สองชั่วโมงเขาก็จะกลับบ้านไปนอนแล้ว!




    ตกลงจะไปไม่ไป





    สาบานเลยว่าอีฮยอกแจจะไม่มีวันยอมนั่งกร่อยอยู่ตรงนี้ตลอดสองชั่วโมงแน่….





    ทงเฮร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน พี่ฮยอกแจเหนื่อยนะ ช่วยหันหน้ามาตอบทีเถอะ



    “…………..”



    “………….”





    ต้องขอหม่าม๊าก่อน




    ในที่สุดเด็กน้อยก็ยอมเปิดปากออกมาทั้งที่สีหน้ายังคงบึ้งตึง



    ขอแล้วฮยอกแจกลอกตา ก่อนจะเริ่มอธิบาย วันนี้หม่าม๊าบอกให้พี่ดูแลเด็กดื้อจนถึงหกโมงเย็นเลยล่ะ

    โกหกเปล่า…”


    จะโกหกทำไมเล่า



    “-_-”




    งั้นสองชั่วโมงนี้

     






     

    เราไปหาอะไรทำกันดีกว่าเนอะ

     

     

     






























     

     

    เกมเซนเตอร์







    ไม่ๆ นั่นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่



    นอกจากคนจะเยอะแล้วยังเสียงดังวุ่นวาย แถมส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกวัยรุ่นวัยคะนองทั้งนั้น หนักหน่อยก็เผลอสบถคำหยาบคายกันออกมาโดยไม่สนว่ามันเป็นที่สาธารณะ



    จะให้ทงเฮไปเห็นอะไรแบบนั้นได้ไง ไม่ได้เด็ดขาด




    เพราะฉะนั้นอีฮยอกแจจึงเลือกที่จะจูงมือเล็กๆของทงเฮมาที่ร้านไอศกรีมเล็กๆที่ห้างหลังโรงเรียนแทน




    หม่าม๊าจะไม่ตีทงเฮจริงๆนะ


    จนถึงตอนนี้ แววตาของทงเฮก็ยังคงฉายแววกังวลไปตามประสาเด็ก มือเล็กออกแรงขย่าเบาๆเพื่อให้คนตัวสูงกว่าพูดอะไรสักอย่างให้ได้มั่นใจว่ากลับบ้านไปแล้วจะไม่โดนหม่าม๊าตี


    ไม่ตีหรอกฮยอกแจยิ้ม หม่าม๊าเป็นคนบอกให้พี่พาทงเฮมากินไอติมเอง


    อันที่จริงถ้าแม่ของทงเฮรู้ว่าอีฮยอกแจน้องชายคุณครูโซราคนนี้อายุแค่สิบห้าปี เธอจะยังกล้าฝากเด็กดื้อนี่เอาไว้อีกมั้ยนะแล้วเจ้าเด็กนี่ก็เชื่อคนง่ายเสียจริง ถ้าสมมติเขาเป็นคนไม่ดีขึ้นมาป่านนี้ไม่ถูกส่งไปชายแดนแล้วหรือไง



    ฮยอกแจหัวเราะออกมากับความคิดไร้สาระ เวลานี้เขาก็ทำได้แค่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยระหว่างรอทงเฮกินไอติม พูดกันตรงๆว่าถ้าเป็นเวลาปกติที่ต้องมารออะไรนานๆฮยอกแจคงหงุดหงิดหาเรื่องกลับบ้านไปแล้ว แต่เอาเถอะตั้งแต่มาช่วยโซราดูแลเด็กพวกนี้เขาก็เหมือนจะใจเย็นขึ้นเยอะ





    นี่คงเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ทำให้เขาลืมเรื่องทุกอย่างไปแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น






    ทงเฮ…”


    อารายยยย


    โตขึ้นทงเฮอยากเป็นอะไรฮยอกแจถามออกไปเพราะคิดว่าเขาไม่ควรปล่อยให้บรรยากาศมันเงียบแบบนี้ ถึงแม้ทงเฮจะไม่ได้มีทีท่าว่าอึดอัดหรือเบื่อหน่าย แต่อย่างน้อยการพูดคุยกันบ้างมันก็น่าจะดีกว่า



    ฮยอกแจถามเหมือนหม่าม๊าเลย


    แล้วทงเฮอยากเป็นอะไร


    เป็นหมอ


    หื้อ? ทำไมล่ะ?” ฮยอกแจขมวดคิ้ว แต่จริงๆมันก็ไม่แปลกอะไรหรอก อาชีพหมอ ครู หรือตำรวจ เป็นอาชีพที่เด็กๆมักจะเลือกตอบเวลาถูกผู้ใหญ่ถามอยู่แล้ว



    หม่าม๊าไม่สบายบ่อยทงเฮตอบทั้งที่ยังคงง่วงอยู่กับไอศกรีมถ้วยใหญ่ ทงเฮอยากเป็นหมอฉีดยาให้หม่าม๊าหายไวๆ



    ฮยอกแจเผลออมยิ้มไปกับคำตอบที่ออกมาจากปากของเด็กปีศาจอย่างอีทงเฮอยู่นานสองนาน นึกสงสัยว่าหากโตไปจะยังคิดแบบนี้อยู่หรือเปล่า แล้วจะโตไปเป็นเด็กแบบไหนกัน



    ฮยอกแจ


    หือ


    อิ่มแล้วทงเฮบอกพลางนิ่วหน้า นึกสงสัยในท่าทีของอีกฝ่ายที่เอาแต่นั่งจ้องแล้วแถมยังอมยิ้มแปลกๆ…..น่ากลัว…… ;_______;.



    ฮยอกแจต้องคิดจะแกล้งอะไรน้องเฮอีกแน่ๆเลย!!



    อ้อ โอเคฮยอกแจลูบท้ายทอยแก้เก้อ ก่อนจะลุกเดินไปจ่ายตังค์  ส่วนทงเฮก็เดินตามหลังต้อยๆ ไม่ทันไรข้อมือเล็กก็ถูกคนข้างหน้าคว้าไปจับไว้ราวกับกลัวว่าถ้าคลาดสายตาแม้แต่เสี้ยวนาทีนี่จะถูกใครลักพาตัวงั้นแหละ




    ชิ เบื่อจริง ชอบทำเหมือนน้องเฮเป็นเด็กอยู่เรื่อย

     


     

























































               แค่สองชั่วโมงทำไมมันนานขนาดนี้


    อีฮยอกแจทรุดตัวลงบนม้านั่งสีขาวริมทางเดินด้วยสภาพเหนื่อยหอบ ข้างๆคือเด็กชายอีทงเฮคนเดิมที่เอาแต่ยืนทำหน้าเบื่อหน่าย สาบานเลย ทุกคนต้องเชื่อนะว่าภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ฮยอกแจพลัดหลงกับไอ้เด็กนี่ไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง!




    ให้ตายเถอะ…”


    “-_,-”



    ฉันเรียนอยู่มัธยมเองนะ! แค่มัธยม! แล้วทำไมต้องมาคอยรับผิดชอบชีวิตคนอื่นแบบนี้ด้วย!!!” ฮยอกแจเกือบจะแหกปากออกมา แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่บนฟุตปาธที่คนเดินไปมากันให้ขวัก คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าตะโกนออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า



    ส่วนทงเฮก็ทำได้แค่ยืนมองเฉยๆ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรในขณะที่คนตรงหน้าเหมือนจะเป็นบ้าแบบนี้ ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีพูดให้ฮยอกแจรู้สึกดีขึ้น



    ทงเฮขอโทษนอกจากคำนี้แล้ว ทงเฮก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงจริงๆ



    ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองเด็กแสบที่สร้างปัญหาให้เขาต้องเหนื่อยมาตลอดทั้งวันด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ขอโทษ?...เออก็ดี รู้ตัวก็ดีแล้ว!” พูดจบก็ลุกขึ้น แล้วอุ้มคนตัวเล็กกว่าไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พลัดหลงกันอีก






    แต่

     

     





     

    หนักสัส









    กินอะไรเข้าไปบ้างเนี่ยวันๆฮยอกแจอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาพร้อมกับหน้านิ่วคิ้วขมวด ซึ่งทงเฮที่ถูกว่าแบบนั้นก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน ดิ้นขลุกขลักร้องจะลงๆอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแต่โดยดีเพราะยังไงฮยอกแจก็แรงเยอะกว่า





    เอาไว้โตแล้วค่อยคิดจะมาสู้นะเด็กน้อย~~” ว่าจบก็ละเลงมือลงไปบนศีรษะอีกฝ่ายเป็นเชิงเหยาะเย้ยผสมกับหมั่นเขี้ยวอยู่ในที ฮยอกแจหัวเราะออกมาเมื่อทงเฮชักสีหน้าไม่พอใจ แถมยังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ตอบโต้อะไรไม่ได้




    เอาล่ะ อีกเดี๋ยวหม่าม๊าจะมารับแล้วฮยอกแจยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมา พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่กดโทรศัพท์ไปรายงานคุณแม่ของทงเฮว่ารออยู่ตรงไหน




    ยืนทะเลาะกันทางสายตาอยู่ประมาณสิบนาทีได้ รถยนต์คันสวยก็แล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับหญิงวัยกลางคนที่เคยพบหน้ากันครั้งหนึ่งแล้ว เธอดูงุนงงและแปลกใจที่พบว่าน้องชายของคุณครูอีโซราดูเด็กกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ในเมื่อทงเฮปลอดภัยดีก็คงไม่มีอะไรต้องห่วง




    ขอบคุณมากเลยนะคะคุณอีฮยอกแจ รบกวนแย่…”



    ไม่เป็นไรหรอกครับฮยอกแจรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ พร้อมกับส่งเด็กชายทงเฮคืนแม่เขาไป ก่อนจะกัดฟันพูดต่อ ทงเฮเป็นเด็กน่ารัก


    เอ๊ะ อันนี้ไม่จริงแล้วค่ะ เจ้าเด็กนี่ดื้อจะตายไปเธอว่าพลางกลั้วหัวเราะ ตรงกันข้ามกับทงเฮที่เอาแต่กอดอกทำหน้าบึ้งตึง ยังไงก็ขอบคุณมากจริงๆนะคะ






    ฮยอกแจส่ายหน้าทำนองว่าไม่เป็นอะไร จากนั้นก็พูดคุยกันสองสามคำก่อนจะเอ่ยคำลากัน ฮยอกแจคลี่รอยยิ้มพร้อมกับนั่งยองๆลงตรงหน้าทงเฮ ปลายจมูกโด่งฝังลงบนแก้มกลมๆของเด็กชายอีกครั้ง  

     


     

    พรุ่งนี้เจอกันนะ

     



     

    ฮยอกแจยืดตัวขึ้น แล้วส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขอตัวเดินเลี่ยงออกมา ทิ้งไว้เพียงเด็กชายอีทงเฮที่ยังคงอึ้งอยู่กับการกระทำเมื่อครู่






     

    พี่ฮยอกแจ……………………………………………






     

    ทงเฮขึ้นรถเร็วลูก

     





     

    พี่

     






     

    ฮยอก

     







     

     

    แจ

     

     





     

    ( )  !!!!!!!!!!!!!!!!

     



















     


                บอกแล้วไงว่าแก้มน้องเฮเป็นของนานะจังเท่านั้น
    !!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

     






     

    TBC


    ไม่เคยแต่งอะไรปญอขนาดนี้มาก่อนเลยจะร้องไห้ 55555555555555555555

    เราเหนื่อยละกับแนวเครียดๆ ขอเบาสมองบ้างละกัน ใครจะอ่านก็ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่คาดหวังว่ามันจะมีความสนุกตื่นเต้นบลาๆเด็ดขาดดดดดดดดด เพราะมันไม่มี กร้าก

    เรายังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าทำไมฮยอกแจถึงไม่ไปโรงเรียนทั้งที่อายุสิบห้า

    และบลาๆอีกหลายอย่างที่ยังอธิบายไม่หมด อ่านไปเดี๋ยวรู้เองอย่าสงสัยให้มาก เข้าใจ๊



               อีกสองตอนทงเฮโตละ


    PORCELAIN  THEMEs
     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×