คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - LITTLE BOY ♡ ( DH ) - 1
- LITTLE BOY ♡ ( DH ) - 1
เช้าวันใหม่ในโรงเรียนอนุบาลดูเหมือนจะวุ่นวายเป็นพิเศษ
บรรดาเด็กตัวน้อยวิ่งสวนกันไปมาส่งเสียงเจี้ยวจ้าว บ้างก็ร้องไห้จะกลับบ้าน บ้างก็กำลังสนุกสนานอยู่กับโลกใบเล็กๆของพวกเขา นั่นคงเป็นภาพที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนคุ้นตาดี แต่น่าแปลกที่เช้าวันนี้บริเวณสนามหญ้าปราศจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็กอนุบาลสสามห้องสาม
เจ้าพวกเด็กแสบที่โปรดปรานการเล่นซนยิ่งกว่าอะไร แต่ทว่าวันนี้กลับพากันมารวมตัวกันอยู่ที่ห้องเรียนกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนนั่งล้อมกันเป็นวงกลมโดยมีเด็กผู้ชายตัวอ้วนคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง สีหน้าของเด็กน้อยดูไม่สบอารมณ์ ต่างจากเพื่อนคนอื่นที่มีท่าทีสนอกสนใจ บางคนก็หัวเราะเอิ้กอ้ากพร้อมกับหันไปคุยจ้อกับเพื่อนข้างๆ ซึ่งแน่นอนว่าทอปปิคอันดับหนึ่งประจำวันนี้คงจะหนีไม่พ้น…
ทงเฮฟันหลอ
(‘ ‘ )
( ‘ ‘)
(‘ ‘ )
..
(  ̄(工) ̄ )
“พวกนายจะเลิกมองเราได้ยัง” และในที่สุดเด็กน้อยผู้มีความอดทนต่ำก็ทนไม่ไหวกับการตกเป็นเป็นเป้าสายตาให้เพื่อนทั้งห้องจับจ้องจึงตัดสินใจถามออกไปโดยที่ยังใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
แต่แน่นอนว่ามัน………..ไม่ทันแล้ว……
“ก็ทงเฮฟันหลออะ ._.”
“ซ….ซองมิน- [] -….” ทงเฮเบิกตากว้าง ค่อนข้างช็อคนิดหน่อยที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้จากปากเพื่อนสนิทที่หลงคิดมาตลอดว่านิสัยดีและน่ารักที่สุดในโลก….
*จะร้อง*
จังหวะที่ทงเฮเผลอลดมือลงทำให้ช่องว่างระหว่างฟันซี่ที่หายไปปรากฏแก่สายตาของเพื่อนทั้งห้อง และไม่กี่วินาทีถัดมาเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“555555555555555 ทงเฮฟันหลอ 555555555555 ทงเฮฟันหลอ~~~~~~”
คิมจงอุนที่ตั้งตัวเองขึ้นเป็นหัวโจกของห้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นคนแรก แล้วหลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าเซ็งแซ่เป็นตลาดสดสุดๆ และหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามุมหนึ่งเด็กชายซีวอนกำลังทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีด้วยการพยายามกลั้นเอาไว้จนหน้าเขียว
ขอบใจนะซีวอน
วินาทีนั้นเหมือนเป็นวินาทีสำคัญที่สุดในชีวิตเด็กอนุบาลที่คงจะจำติดตัวไปจนตาย แน่นอนว่าทงเฮไม่ลืมแน่ เด็กน้อยรู้สึกร้อนผาวที่ขอบตาอยากร้องไห้ แต่หม่าม๊าเคยบอกว่าผู้ใหญ่เขาไม่ร้องไห้กัน
ทงเฮโตแล้ว ทงเฮไม่ร้องไห้หรอกจะบอกให้
“555555555555555 ทงเฮฟันหลอ 555555555555 ทงเฮฟันหลอ~~~~~~”
ประโยคสั้นๆสี่พยางค์ฝังลงไปในหัวของเด็กน้อยช้าๆจนสุดท้ายหยาดน้ำใสก็เอ่อล้นขึ้นมาจนเต็มดวงตา มือเล็กกำเข้าหากันแน่นเมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้านี้มันไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
ทงเฮโมโหแล้วนะ !!!!!!!!!!!!!!!!!
“555555555555555 ทงเฮฟันหลอ 555555555555 ทงเฮฟันหลอ~~~~~~”
“เดี๋ยวมันก็ขึ้น!!!!!!!!!!!!” แล้วเด็กชายวัยห้าขวบกว่าก็ตัดสินใจแก้ไข้สถานการณ์ด้วยการโต้ตอบประโยคโง่ๆออกไปทั้งน้ำตา เสียงสูดจมูกฟึดฟัดทำให้เสียงหัวเราะค่อยๆจางลง เหลือเพียงเสียงคิกคักบางส่วนจากเด็กน้อยสามสี่คนที่ยังไม่เข้าใจความหมายของน้ำใสที่ไหลลงมาเปื้อนแก้มกลมๆนั้น
“ทงเฮอ่า…” ซองมินเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ได้หัวเราะออกมาจนสุดเสียง ตอนแรกก็แอบอมยิ้มไปกับภาพตรงหน้า แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทเริ่มร้องไห้ เด็กน้อยก็ไม่ลังเลที่จะปรี่เข้ามาจับแขนของทงเฮไว้
“ไม่ต้องมายุ่ง” ทว่าทงเฮกลับสะบัดมือเล็กออกอย่างไม่ใยดี เด็กชายลุกขึ้นพร้อมกับเหวี่ยงสายตามองบรรดาเพื่อนร่วมชั้น ก่อนจะหันหลังเตรียมออกไปจากตรงนี้
แต่…
“ทงเฮ”
“………..”
“จะไปไหนครับ”
เสียงหวานๆของคุณครูโซราทำให้ทงเฮรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เด็กน้อยวิ่งดุ๊กๆเข้าไปหาหญิงสาวทันทีด้วยสีหน้าที่เหมือนกับมีเรื่องมากมายอยู่ในหัว พร้อมจะรายงานให้คุณครูคนสวยฟัง และเวลานั้นเองเด็กๆคนอื่นก็เริ่มหน้าถอดสี
แต่ยังไม่ทันที่เด็กชายจะขยับปากฟ้อง ดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นใครอีกคนที่เดินตามหลังคุณครูโซรามาด้วยสีหน้าเนือยๆ บนหลังมีกระเป๋าใบใหญ่เบ่อเริ่ม
เท่านั้นสายตาของเด็กน้อยก็เปลี่ยนไปทันที
เหมือนว่าใครอีกคนที่ว่านั่นจะรักการยั่วโมโหเด็กจนเป็นนิสัย ถึงได้ยักคิ้วแล้วแลบลิ้นใส่เป็นการทักทายอรุณสวัสดิ์ ซึ่งนั่นทำให้เด็กน้อยถึงกับเลือดขึ้นหน้า แต่เอาไว้ก่อน เวลานี้น้องเฮต้องรายงานความประพฤติของเพื่อนให้คุณครูฟัง ถึงแม้น้องเฮจะเกลียดพี่ฮยอกแจมากแค่ไหน น้องเฮจะอดทนทำเป็นมองไม่เห็นไปละกันนะ
หลังจากที่สปอยเรื่องราวทั้งหมดให้คุณครูคนสวยฟังจนเข้าใจตรงกันแล้ว เด็กน้อยก็ไม่ลืมที่จะหันมาตวัดสายตาเขียวปั้ดมองตัวการที่ทำให้ต้องโดนเพื่อนล้อ แน่นอนว่าคนถูกมองไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ร่างบางยักไหล่แล้วเบ้ปากอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งที่โต๊ะ แล้วลงมือหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้
อีฮยอกแจ
เมื่อวานคุณครูโซราเพิ่งแนะนำให้รู้จัก แถมยังบอกให้ทงเฮเรียกคนคนนั้นว่าพี่ด้วย…
เรื่องอะไร – 3 –
“เด็กๆ เงียบแล้วฟังคุณครูหน่อยค่ะ” และเมื่อนางฟ้าเริ่มออกโรง ทงเฮก็รู้สึกเหมือนกำลังตัวขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างก็ก้มหน้างุดตัวลีบเล็กไปตามประสาคนมีความผิด
“ต่อจากนี้ไปถ้าคุณครูเห็นว่าใครล้อเพื่อนอีกคุณครูจะทำโทษ”
กร้าก
เด็กชายวัยห้าขวบปลายๆไม่สามารถกลั้นอาการของผู้ชนะได้ ทงเฮฉีกยิ้มเหยาะเย้ยออกมาเต็มที่ไม่สนว่าฟันซี่ข้างหน้าจะอยู่หรือจะหาย แขนทั้งสองข้างยกขึ้นมาแล้วยืดตัวกอดอกแน่นโดยอัตโนมัติ
“ส่วนทงเฮกลับไปนั่งที่ได้แล้วค่ะ” …แล้วก็เหี่ยวลงนิดหน่อยเมื่อท้ายประโยคของคุณครูโซราหันมาสั่งตัวเองให้ไปนั่งรวมกับคนใจร้ายพวกนั้น ทงเฮก้าวฉับๆไปด้วยสีหน้ามาดมั่น ก่อนจะยู่ปากใส่ซองมินไปทีนึงบอกให้รู้ว่างอนมาก แล้วหยิบกระเป๋าตัวเองย้ายไปนั่งโต๊ะติดริมหน้าต่างที่ว่างอยู่แทน
ทงเฮส่งยิ้มที่หล่อที่สุดในชีวิตไปให้เด็กผู้หญิงผิวขาวที่กำลังจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า(คิดเอาเอง) เด็กผู้หญิงที่ทงเฮขอลงความเห็นว่าน่ารักที่สุดในโลกใบนี้
นานะจัง… ヾ(≧▽≦)ノ
เด็กชายวางกระเป๋าลงบนโต๊ะตัวที่อยู่ติดกับนานะจังสาวน้อยลูกครึ่งญี่ปุ่นด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบ นึกขอบคุณเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่เหมือนกันที่ทำให้ทงเฮมีข้ออ้างย้ายโต๊ะนั่งอิอิ
ชั่วโมงเรียนแรกเริ่มต้นขึ้นเหมือนอย่างทุกๆวัน แต่ดูเหมือนวันนี้สมาธิของเด็กชายอีทงเฮจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เผลอไม่ได้สายตามันจะหันไปมองคนข้างๆทู้กทีเลยฮึก
“ทงเฮไม่วาดรูปเหรอ”
“ヾ(≧▽≦)ノ”
“ทงเฮ…”
“(〜 ̄▽ ̄)〜”
“ทงเฮ!”
“ห…ห๊า…” เพราะเสียงเรียกที่ดังขึ้นและสัมผัสเบาๆที่แขนทำให้เด็กน้อยผู้อ่อนไหวง่ายกับความรักครั้งแรกหลุดออกจากห้วงมโน “เมื่อกี๊นานะจังพูดว่ายังไงนะ… ; [];”
“ทงเฮไม่วาดรูปเหรอ” เด็กหญิงว่าต่อพร้อมกับหัวเราะออกมากับท่าทีตื่นๆนั้น “คุณครูสั่งให้วาดรูปอะไรก็ได้ส่งน่ะ”
(  ̄(工) ̄ )
พอสติสตังกลับมาครบถ้วนแล้วทงเฮก็เลื่อนสายตาลงมามองกระดาษเอสี่สีขาวสะอาดที่วางอยู่ตรงหน้า สลับกับมองนานะจังที่ส่งรอยยิ้มเล็กๆมาให้
นานะจังของทงเฮน่ารักที่สุดในโลก T___________T
เวลาผ่านไป
คงเป็นอีกเรื่องที่ต้องจดจำไว้ว่าระหว่างที่วาดรูปนั้นเด็กชายอีทงเฮเกือบช็อคตายไปแล้วหลายสิบครั้งเพราะเด็กผู้หญิงที่นั่งข้างๆให้ยืมยางลบ ถ้าเดาไม่ผิดนานะจังต้องชอบทงเฮแน่เลยเกร้ด #มโนคือชนะ (〜 ̄▽ ̄)〜
“นานะจัง”
แต่แน่นอนว่ารักแท้ย่อมมีอุปสรรค
“วาดรูปอะไรไหนมาให้พี่ฮยอกแจดูซิ”
ทงเฮนั่งขวยเขินอยู่ได้ไม่กี่นาทีเสียงมารผจญก็ดังขัดขึ้นจนต้องหันขวับไปมอง พร้อมกับไฟริษยาในใจที่ค่อยลุกโชนขึ้นมาทีละนิด ภาพตรงหน้าเป็นพี่ชายผมสีสว่างที่ก้มหน้าลงมาเพื่อดูภาพของเด็กหญิง รอยยิ้มน่ารักปรากฏบนใบหน้านั้น แต่แน่นอนว่าเด็กห้าขวบอย่างอีทงเฮไม่มีทางสนใจหรอกจะบอกให้!!!
ฮยอกแจอย่ามายุ่งกับนานะจังของทงเฮนะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ฝั่งคนที่ถูกสายตาอาฆาตแค้นจับจ้องก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัว เพียงแต่อีฮยอกแจเลือกที่จะไม่สนใจแล้วฉีกยิ้มสวยๆให้เด็กหญิงตรงหน้าแทน นานะจังรีบยื่นภาพวาดฝีมือตัวเองมาให้ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ฮยอกแจจ้องมองอย่างพิจารณา แน่นอนว่าฝีมือของสาวน้อยลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนี้สวยโดดเด่นกว่าเพื่อนคนอื่นในห้องจนทำให้ฮยอกแจอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม และเพราะแบบนั้นทำให้เขารับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจากเด็กตัวอ้วนที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป
ไอ้เด็กคนนี้นี่…
แก่แดดจริ๊ง
ฮยอกแจปรายตามองก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินเลี่ยงไปดูเด็กคนอื่นแทน ให้ตายเถอะ…เขาไม่ได้มีความอดทนมากมายนักหรอกนะ ไอ้เรื่องจะให้ไปคอยตามโอ๋ตามเอาใจลูกลิงพวกนี้ยิ่งไม่ใช่ใหญ่
ฮยอกแจปัดความคิดยุ่งๆในหัวออก แล้วหันไปหาเด็กชายอีซองมินที่นั่งทำหน้าซึมอยู่คนเดียว บนแผ่นกระดาษตรงหน้าคือรูปวาดเละๆตามฝีมือของเด็กอนุบาล แต่หากลองมองดีๆแล้วรูปที่เด็กน้อยวาดนั้น…ถ้าฮยอกแจเดาไม่ผิดมันคงเป็นรูป….
“ซองมิน วาดอะไรเอามาให้พี่ฮยอกแจดูหน่อย”
เด็กน้อยหันมามองพี่ฮยอกแจแวบหนึ่ง ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ด้วยท่าทีที่ไม่ต่างไปจากเดิม ฮยอกแจรับมันมาดูใกล้ๆเพื่อตอกย้ำความคิดของตัวเองว่าเขาไม่ได้เดาอะไรผิดไป
“รูปใครกับใครครับเนี่ย?” ฮยอกแจไม่ว่าเปล่า ใช้แขนข้างหนึ่งคว้าตัวซองมินเข้ามากอดไว้หลวมๆ
“ซองมินกับ…ทงเฮใช่มั้ย?”
แน่นอนว่าคำตอบของเด็กน้อยคือการพยักหน้าช้าๆ
“ทงเฮโกรธซองมิน…”
“อ่า…”
“ทงเฮเกลียดซองมินแล้ว…”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” ฮยอกแจหน้าเจื่อนไปเมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตคู่นั้นเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อคลอ “อย่าร้องนะ ทงเฮไม่ได้โกรธซองมินหรอก”
แม้จะไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ฮยอกแจก็เลือกที่จะใช้ฝ่ามือลูบหัวซองมินเบาๆ เขาไม่รู้วิธีการปลอบหรือรับมือกับเด็กตัวเล็กๆในสถานการณ์แบบนี้ กะว่าจะโยนให้โซราเสียหน่อย แต่พอหันไปก็พบว่าคุณพี่สาวกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับเอกสารบางอย่าง ฮยอกแจจึงทำได้แค่ถอนหายแล้วเบนหน้ากลับมายิ้มอ่อนโยนให้เด็กน้อยในอ้อมกอด
“ซองมินจะทำยังไงดี…ฮึก”
“เอางี้ เดี๋ยวพี่ฮยอกแจไปคุยให้นะ”
“จริงนะ พี่ฮยอกแจพูดจริงๆนะ”
“อ..อื้อ…จริงสิ”
“สัญญา”
เดี๋ยว
ต้องสัญญาด้วยเรอะ…………………
(  ̄(工) ̄ )
“โอเค สัญญา”
*เกี่ยวก้อย*
นั่นคือเหตุผลที่อีฮยอกแจต้องมานั่งจ้องหน้ากับไอ้เด็กอ้วนกะปุ๊กลุกนี่อีกครั้ง
“ทงเฮ”
“อารายยยย” คนถูกเรียกตอบรับด้วยน้ำเสียงยานคาง พร้อมกับใช้คางไถกับโต๊ะไปตามประสา ไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร
“เงยหน้ามาฟังพี่ฮยอกแจพูด”
เสียงเข้มๆนั้นทำให้เด็กชายชักงัก แต่ก็ไม่ได้เชื่อฟังมากขึ้น
“ทะเลาะอะไรกับซองมิน”
“……….. – 3 - ”
“ตอบ”
คำพูดกดดันจากปากอีกฝ่ายทำให้ทงเฮรู้สึกอารมณ์เสียจนต้องนิ่วหน้า แล้วคนเอาแต่ใจก็ส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ ซึ่งแน่นอนว่าอีฮยอกแจไม่เชื่อ!!
“จะบอกดีๆหรือจะให้รายงานคุณครูโซรา”
“………..”
“ไม่ต้องมาทำตาขวางเลย เดี๊ยะๆ” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นมาทำท่าจะตีสักทีให้หายหมั่นเขี้ยว แต่เด็กชายกลับไวกว่า ถือโอกาสชิ่งหนี วิ่งดุ๊กๆไปรวมกับพวกซีวอนที่นั่งเล่นอยู่มุมหนึ่งของห้อง
ฮยอกแจคลี่ยิ้มออกมานิดหน่อย…คือด้วยความสัตย์จริงเลยนะ เขาไม่ได้ซีเรียสอะไรกับเรื่องทะเลาะกันของเด็กอนุบาลพวกนี้สักนิด มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาใส่ใจด้วยซ้ำไป
เผลอๆพรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็ลืมหมดแล้วว่าเคยโกรธกัน
“โซรา”
ร่างบางเดินไปสะกิดคนเป็นพี่สาวที่ฟุ่บหน้าอยู่บนโต๊ะทำงาน อีโซราสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าอิดโรย เธอมองน้องชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และนั่นมันทำให้อีฮยอกแจรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบ
ค่อยๆกลายเป็นสีเทา
“ไปพักก่อนมั้ย”
“แต่…” โซราทอดสายตามองผ่านไปยังเด็กตัวเล็กๆหลายสิบคนที่จับกลุ่มเล่นกันอยู่ไม่ไกลด้วยความกังวล แม้จะไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา แต่อีฮยอกแจก็เข้าใจความคิดของพี่สาวได้ในทันที
“อีกแค่ครึ่งชั่วโมงเอง เดี๋ยวดูให้”
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยอมพยักหน้าตกลงในที่สุด เธอตบบ่าน้องชายสองสามทีก่อนจะพาร่างกายที่อ่อนล้าของตัวเองไปที่ลานจอดรถ และใช้พื้นที่แคบๆบนรถยนต์ส่วนตัวเป็นเตียงนอนชั่วคราว
แค่ครึ่งชั่วโมงที่ได้หลับตา ก็นับว่าดีแล้วสำหรับเธอในเวลานี้
ภาพทั้งหมดอยู่ในกรอบสายตาของคนเป็นน้องชายอย่างอีฮยอกแจทั้งหมด เขารู้ว่าโซราเหนื่อยมากแค่ไหนกับการจัดการเรื่องต่างๆและดูแลเด็กพวกนี้คนเดียวในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา
เธอทำมันด้วยตัวเอง ไม่มีใครสักคนที่พอจะช่วยแบ่งเบาได้
นั่นคือหนึ่งเหตุผลที่อีฮยอกแจมาที่นี่…
ฮยอกแจนั่งเล่นโน้ตบุตไปเรื่อยๆระหว่างรอเวลาเลิกเรียน เขาเฝ้ามองนาฬิกาทุกๆสิบนาที น่าแปลกที่เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงดูเหมือนจะช้าเหลือเกิน แต่นั่นก็ถือว่าดีแล้ว เขาอยากให้โซราได้พักผ่อนเยอะๆ
“พี่ฮยอกแจคะ ผูกโบว์ให้นานะหน่อย”
เสียงใสๆปลุกให้ฮยอกแจออกจากห้วงความคิด เขาเบนสายตามามองเด็กสาวตัวเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อผูกโบว์หูกระต่ายที่คอเสื้อให้ตามคำขอ
“น่ารักที่สุดเลย~” ฮยอกแจเอ่ยปากชมพร้อมกับหยิกแก้มนิ่มๆไปด้วยความหมั่นเขี้ยว ก็เด็กญี่ปุ่นตรงหน้านี้หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักจริงๆนี่ ไม่แปลกใจเลยทำไมเจ้าเด็กอ้วนนั่นถึงได้หวงนัก
“พี่ฮยอกแจก็น่ารักค่ะ”
“เฮ้ๆ ผิดแล้ว” ฮยอกแจท้วงเสียงสูง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าโหมด camera “พี่หล่อต่างหากล่ะ เอ้า! ยิ้มเร็ว”
ร่างบางเพลิดเพลินอยู่กับการถ่ายรูปเด็กน้อยตรงหน้าเสียจนไม่ได้ทันสังเกตว่ามีก้อนกลมๆกำลังเดินอาดๆเข้ามา กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เครื่องมือสื่อสารราคาแพงในมือร่วงลงกระแทกกับพื้นกระเบื้องอย่างแรง
“เห้ย!”
ฮยอกแจร้องเสียงหลงแล้วรีบเข้าไปประคองลูกรักที่หน้าจอแตกร้าวไปราวๆห้าเซ็น ร่างบางอ้าปากค้างก่อนจะเบนสายตากลับมามองตัวต้นเหตุช้าๆ แต่ทว่าสีหน้าของเด็กตัวกลมกลับไม่แสดงออกถึงความทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งก่อลงไปแม้แต่นิดเดียว
เด็กที่เพิ่งลืมตาดูโลกมาได้แค่ไม่กี่ปีอย่างอีทงเฮคงไม่รู้สินะว่าไอ้เศษเหล็กนี่มันแพงมหาศาลขนาดไหน
แน่นอนว่าแววตาคู่นั้นไม่มีร่องรอยของความสำนึกผิด
มีเพียงประโยคเดียวที่แปะอยู่กลางหน้าผากของคนตรงหน้า
‘อย่า มา ยุ่ง กับ นา นะ จัง ของ ทง เฮ นะ’
สาบานว่าฮยอกแจอ่านมันออกโดยไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวายเลยด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกที่เด็กเกเรคนนี้จะเดินมาแล้วจงใจใช้ร่างกลมๆชนแขนเขาจนโทรศัพท์ตก ก่อนจะถือวิสาสะลากแขนนานะจังออกไปโดยไร้ซึ่งคำขอโทษ
ทงเฮยังเด็กน่า…ไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร
ไม่โกรธ
ไม่โกรธ
ไม่โกรธ…
ไม่…
“อีทงเฮ!”
…
“มานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบกับเนื้อขาวๆดังสนั่นไปทั่วสร้างความตื่นกลัวให้บรรดาเด็กตาดำๆที่อยู่รอบข้าง และไม่กี่อึดใจเสียงร้องไห้จ้าก็ดังตามมาเป็นสเต็ป แต่อีฮยอกแจไม่มีทางใจอ่อนสงสารแน่นี่พูดเลย
“ทำของของคนอื่นพังแล้วยังไม่รู้จักขอโทษแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนห้ะ!”
จากนั้นฝ่ามือเรียวก็ฟาดลงไปตามลำตัวของเด็กน้อยอย่างต่อเนื่องและทารุณ…
(ขออนุญาตเซนเซอร์)
…ซึม..
นั่นคืออาการของเด็กชายอีทงเฮหลังจากถูกฟาดไปนับครั้งไม่ถ้วน ดวงตาที่เคยมองค้อนฮยอกแจบัดนี้กลายสภาพเป็นดวงตาของเด็กน้อยผู้น่าสงสารแทน ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากเล็กๆนั่น ทงเฮเอาแต่ก้มหน้านิ่งนั่งสะพายเป้รอหม่าม๊ามารับ
ภาพนั้นทำให้อีฮยอกแจรู้สึกผิดขึ้นมาเสียดื้อๆ
เข้าข่ายพวกที่เพิ่งสำนึกได้ว่าทำเกินไปก็ตอนที่หายโมโหแล้วนั่นล่ะนะ
“นี่…”
“…………”
“พี่ขอโทษ” ว่าแล้วก็ใช้นิ้วชี้จิ้มลงบนแก้มของอีกฝ่ายเป็นการบอกทางอ้อมว่านี่ง้ออยู่นะ แต่เหมือนทงเฮจะเด็กเกินไปจนไม่อาจเข้าใจได้ เด็กน้อยขยับออกห่างด้วยความตื่นกลัวที่ยังคงฝังอยู่ในใจ
“ทงเฮ”
“………”
“พี่ฮยอกแจขอโทษนะ” พูดเสียงอ่อนพลางก้มหน้าลงไปแล้วฝังปลายจมูกลงบนแก้มกลมๆฟอดใหญ่ ก่อนจะชูนิ้วก้อยขึ้นมาพร้อมกับคลี่รอยยิ้มน่ารัก… “ดีกัน”
“…………”
“ทงเฮอ่า…”
คำถาม: ทำไมกูต้องมานั่งง้อคนที่ทำมือถือกูพังด้วย….
“นานะกลับแล้วนะคะพี่ฮยอกแจ”
“อ่า คุณแม่มาแล้วเหรอ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เด็กหญิงสั่นศีรษะก่อนจะหันไปฉีกยิ้มกว้างให้ใครอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้าบูด “บ๊ายบายทงเฮ”
จบประโยคก็วิ่งไปหาคุณแม่ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ฮยอกแจมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม ไม่ต่างอะไรกับเด็กชายที่เปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์อย่างกะทันหัน มือเล็กยกขึ้นมาโบกหยอยๆแม้ว่าเด็กหญิงจะไม่เห็นมันก็ตาม
(ノ・◡・)ノ ♥
แหม
ทีงี้ล่ะ…
ฮยอกแจส่ายหน้าไปมาด้วยความหมั่นไส้อยู่ลึกๆ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง ทงเฮเป็นคนสุดท้ายที่คุณแม่ยังไม่มารับ เขาจึงจำต้องนั่งรอเป็นเพื่อนต่อไป ในเมื่อรับปากกับโซราไว้แล้วว่าจะดูแลให้ก็คงต้องทำต่อจนจบนั่นล่ะ
เวลาผ่านไปไม่นานคุณแม่ของทงเฮก็มา ฮยอกแจลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มให้หญิงวัยกลางคนอย่างเป็นมิตร ทักทายกันได้แค่สองสามคำเธอก็ขอตัวกลับเพราะมีธุระ ฮยอกแจพยักหน้ารับแล้วบอกลาสั้นๆ ก่อนจะมองภาพสองแม่ลูกจูงมือกันออกไป
แต่ทว่านาทีสุดท้ายก่อนที่เด็กน้อยจะถูกอุ้มขึ้นรถ ดวงตากลมโตก็หันกลับมาแล้วมองเขาด้วยสายตาเขียวปั้ดแบบเดิม…
คอยดู…น้องเฮจะฟ้องหม่าม๊า… ( ̄∩ ̄#)
นั่นล่ะ…
นั่นล่ะที่ทำให้ฮยอกแจหัวเราะออกมาจนตาหยี
เขารู้สึกโล่งใจยังไงบอกไม่ถูกที่เห็นเด็กแสบนั่นกลับไปก้าวร้าวเหมือนเดิม
มือเรียวที่เคยใช้ฟาดมันลงไปบนผิวเนื้อบางค่อยๆยกขึ้นมาแล้วโบกให้กับเด็กน้อยที่อยู่ไกลออกไป
บ๊ายบาย
TBC
หนึ่งตอนที่ไม่มีอะไร 55555555555555555555555555
มาย้ำอีกทีว่า เฮอึน
ฮยอกแจทารุณน้องเยอะๆเลยนะ รอมันโตแล้วเดี๋ยวให้เอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยบาย
555555555555555555555555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น