คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : chapter 10
10
ซองมินไม่รู้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงแค่ไหนตอนที่เห็นว่าอีฮยอกแจเปิดประตูเข้ามาอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย…
ความหวาดกลัวมากมายพากันถาโถมเข้ามาจนเผลอกำผ้าห่มแน่น คนๆนั้นมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดเยอะ ฮยอกแจไม่ใช่คนโง่ที่จะตามใครไม่ทัน นั่นเป็นความจริงข้อหนึ่งที่ทำให้ซองมินแปลกใจว่าทำไมร่างบางถึงยอมเล่นตามเกมส์ของเขาทั้งที่ถ้าบอกความจริงทั้งหมดไป ทุกอย่างอาจจะดีกว่านี้…หมายถึงดีสำหรับฮยอกแจคนเดียวน่ะนะ
ตอนแรกเขาตกใจอยู่ไม่น้อยที่ทงเฮตบหน้าฮยอกแจแบบไม่ยั้งมือ แต่วินาทีถัดมาซองมินก็เข้าใจว่าทงเฮคงแค่อยากจะเตือนสติเท่านั้น
ตอนนั้นเขาคิดว่าฮยอกแจคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่เขาก็คิดผิด
เจ้าของผมสีบลอนด์กลับมาอีกครั้ง…เพื่อเก็บเสื้อผ้า และนั่นทำให้ซองมินนิ่งอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบ้าบิ่นขนาดกล้าย้ายออกไปจริงๆ
เขาเริ่มใจชื่นขึ้นมาหลังจากจิตตกอยู่หลายวันกับเรื่องของทงเฮและฮยอกแจ อาการหึงหวงมันเป็นธรรมดาของมนุษย์ไม่ใช่หรือไง…แล้วเขาผิดตรงไหนที่จะรู้สึกไม่ชอบใจกับความสัมพันธ์แปลกๆนี่
ย้ายออกไปก็ดีแล้ว…ถ้าฮยอกแจยังดึงดันที่จะอยู่ต่อ ก็ไม่สามารถรับประกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซองมินคิดว่าตัวเองสามารถทำได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่เพื่อให้ทงเฮยังคงเป็นทงเฮของเขาต่อไป
แม้จะต้องถูกใครตราหน้าว่าสารเลวก็ตาม…
“ฮยอกแจ…”
แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้หัวใจทั้งดวงหล่นวูบ
ทงเฮก้าวเข้าไปหาฮยอกแจแล้วเอื้อมมือไปรั้งคนตัวบางไว้…ทั้งห้องเงียบสนิท ซองมินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกมากมายตีตื้นขึ้นมาจนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบางทีอาจไม่ใช่แค่ฮยอกแจคนเดียวที่คิดอะไรเกินเพื่อนไป…
“ขอโทษ…”
ซองมินพยายามบอกกับตัวเองว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้…ทงเฮคือคนรักของเขา ทงเฮคือคนรักที่ซื่อสัตย์…ทงเฮไม่มีวันคิดอะไรกับเพื่อนสนิทตัวเอง…นั่นคือสิ่งที่เขาเฝ้าบอกกับตัวเองมาตลอด
มีแค่ฮยอกแจคนเดียวเท่านั้นแหละที่คิดไม่ซื่อกับเพื่อนตัวเอง
“ขอโทษนะฮยอกแจ ขอโทษ…”
ซองมินเบือนหน้าหนีไปอีกทาง รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา แต่ก็ปัดไล่มันออกไปแล้วถามตัวเองว่าทำไมทงเฮถึงได้ดูเจ็บปวดขนาดนั้นกัน…
“ทงเฮ”
“…….”
“ปล่อย”
ไม่น่าเชื่อว่าวินาทีนั้นฮยอกแจดูเข้มแข็งเสียจนซองมินเองยังประหลาดใจ ร่างบางชักแขนออกจากการเกาะกุมของทงเฮ แล้วตวัดสายตาเฉยชาขึ้นมอง ก่อนจะหมุนตัวกลับทำท่าจะเปิดประตูออกไป…
…แต่…
“ขอร้อง”
“………”
เหมือนกับว่าสิ่งที่กลัวมาตลอดกำลังจะเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ซองมินปิดเปลือกตาลงหนีจากเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วปล่อยให้หยาดน้ำใสไหลลงมาโดยไม่คิดจะเช็ดออก ความจริงถ้ารู้ว่ามันจะเจ็บปวดถึงเพียงนี้เขาคงเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปไกลๆ
“อย่าไปเลยนะ…”
ทงเฮกำลังคุกเข่า…อ้อนวอนไม่ให้เพื่อนสนิทอย่างอีฮยอกแจไป
เพราะไหล่บางสั่นสะท้านอย่างรุนแรงทำให้ซองมินมั่นใจว่าฮยอกแจคงต้องใช้ความพยายามมากมายที่จะไม่หันกลับมาอีกครั้ง
ได้โปรดเถอะอีฮยอกแจ…
ได้โปรดอย่าใจอ่อนให้คนที่ทำร้ายนายขนาดนี้เลย
ปล่อยให้คนใจร้ายอย่างอีทงเฮอยู่กับคนนิสัยไม่ดีอย่างฉัน…
ให้ได้มีเขาอยู่ข้างๆ…อีกสักพัก…
คงเป็นคำอ้อนวอนที่พระเจ้าเพิกเฉย คนเลวอย่างเขามีสิทธิ์ร้องขออะไรด้วยหรือไงล่ะ ตอนนั้นแหละที่ซองมินเข้าใจถึงความรู้สึกของการที่ต้องกลายเป็นอากาศธาตุอย่างแท้จริง
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
ฮยอกแจก้มลงแกะฝ่ามือหนาออก แล้วเดินจากไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองเลยแม้แต่นิด หลังจากบานประตูถูกปิดลง ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ทงเฮนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน เหมือนว่าวิญญาณของเขาได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้วก็ไม่ปาน ซองมินประคองตัวเองขึ้นแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนรักช้าๆ
“ไม่เป็นไรนะ” ว่าพลางบีบไหล่หนาเป็นเชิงปลอบใจ…เพราะรู้ดีว่าทงเฮกำลังรู้สึกเช่นไร ซองมินไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดจะยืนหัวเราะสะใจเสียหน่อย ตามจริงแล้วเขาสมควรจะเป็นคนที่ต้องร้องไห้ด้วยซ้ำไป
หลายนาทีกว่าทงเฮจะหันหน้ากลับมามอง สายตาคู่นั้นว่างเปล่า
“ฉันขอโทษแทนฮยอกแจด้วยนะ”
ประโยคที่ไม่คาดคิดถูกเอ่ยออกมาด้วยท่าทีอ่อนแรง ซองมินไม่รู้ว่าทงเฮคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดแบบนั้นออกมา แต่คำพูดนั้นก็ทำให้เขาเย็นวาบไปทั่วทั้งร่าง
ถ้าคนตรงหน้านี่รู้ความจริงทั้งหมดว่าแผลที่มือฮยอกแจนั่นเป็นฝีมือของอีซองมินคนนี้…คนที่เดินไปหาเรื่องอีฮยอกแจคืออีซองมินคนนี้…
ทงเฮจะยังมองเขาด้วยสายตาแบบเดิมอยู่มั้ย…
“ทงเฮ…คือฉัน…”
“ซองมิน…” ทงเฮคลี่ยิ้มจาง ก่อนจะกุมมือคนรักเอาไว้หลวมๆ “อย่าเกลียดฮยอกแจเลยนะ”
“……………..”
“ฮยอกแจไม่ได้ตั้งใจหรอก”
“……………..”
“มันไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เข้าใจแล้ว…”
ซองมินเข้าใจแล้วทุกอย่าง…
โลกของทงเฮไม่เคยมีที่ว่างให้ใคร…
โลกใบนั้นมีแค่ฮยอกแจ…
...แค่ฮยอกแจ…
“ฉันเข้าใจแล้ว”
ต่อให้คนๆนั้นจะเป็นยังไง
ทงเฮก็ยังเลือกที่จะปกป้องอย่างถึงที่สุด
“ทงเฮ” หรือบางทีเขาควรจะทำแบบที่ฮยอกแจทำ คือการพูดความจริงในส่วนของตัวเองบ้าง ตอนนั้นซองมินเหมือนได้ยินเสียงสำนึกดีที่ซ่อนอยู่ข้างในกระซิบบอกมาแบบนั้นน่ะนะ “ความจริงแล้วฉัน…”
“ไม่ต้องพูดหรอก”
“……………”
“ฉันรู้”
……………!
ทงเฮรู้…
เท่านั้นหยาดน้ำใสก็พากันร่วงลงมาไม่ขาดสาย ในหัวของซองมินมีแต่คำว่าทำไม…ในเมื่อทงเฮก็รู้ทุกอย่าง…แล้วทำไม
“รู้มั้ย ฮยอกแจเคยบอกฉันว่านายน่ะรักฉันมาก”
“……………”
“ฉันเข้าใจ” ทงเฮเอื้อมมือขึ้นมาลูบศีรษะของคนรัก แล้วยิ้มบาง
“ฉันขอโทษ”
บางทีมันอาจไม่พอ แต่เขาก็ขอบคุณมากแล้วที่ทงเฮเข้าใจ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มนั้นของคนรักซองมินก็โล่งใจจนไม่รู้ว่าจะพูดยังไง อย่างน้อยทงเฮก็ไม่ได้ผลักไสเขาออกไป อย่างน้อยทงเฮก็ไม่ได้รังเกียจในสิ่งเลวร้ายที่เคยทำ
ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากทำแบบนี้…
แค่พยายามทุกทางเพื่อรั้งให้คนตรงหน้านี้ได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ ซองมินแค่อยากมีทงเฮอยู่ข้างๆตลอดไป…
“ถ้าไม่มีฮยอกแจสักคน นายคงจะมองฉันแค่คนเดียว”
“……………..”
“ฉันมันก็คิดอะไรโง่ๆแบบนี้” ว่าพลางหัวเราะออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออกไปลวกๆ พร้อมกับทงเฮที่หันหน้ากลับมามองเขาอย่างเต็มตา
“ในเมื่อฉันเป็นแฟนที่แย่ขนาดนี้…”
“……………”
“…ไปเถอะ” ทงเฮพูดเสียงเบาคล้ายว่าเจ้าตัวกำลังจะหมดแรงลงในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า “ไปหาคนที่ดีกว่า”
“………….”
เสียงเข็มนาฬิกายังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความเงียบ
หัวใจของซองมินเต้นเบาลงจนแทบจะขาดหาย
“ว…ว่ายังไงนะ…”
“คนอย่างฉันมันก็ดีแต่ทำให้คนอื่นเสียใจไปวันๆนั้นแหละ”
…ทงเฮว่าพลางหัวเราะออกมาราวกับกำลังสมน้ำหน้าตัวเอง
“ทงเฮ…ไม่…”
ทั้งๆที่อุตสาห์ยื้อไว้ทุกวิถีทางแล้วแท้ๆ
ทั้งๆที่ยอมกลายเป็นคนเลวเพื่อให้ได้มีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆกัน
“ฉันเองก็เพิ่งรู้วันนี้…” เสียงของทงเฮขาดหายไป เขากำลังพยายามอย่างหนักที่จะกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้ ดวงตาคู่สวยเบือนกลับมามองซองมินที่อยู่ตรงหน้า “ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองซองมิน…”
…เหมือนคนจะขาดใจ
ทงเฮกำลังเป็นแบบนั้น
แล้วซองมินต้องทำยังไง
จะต้องทำยังไง…
“ฉันขอโทษ” คำบอกลาสุดท้ายที่ทงเฮหยิบยื่นให้ทำเอาซองมินสติหลุดลอยไปไกล เขาหวังว่าแค่นี่มันจะเป็นแค่ความฝัน…หวังว่าถ้าลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเขาจะยังเห็นทงเฮอยู่ข้างๆ…
“นอนพักก่อนก็ได้ แล้วฉันจะไปส่ง”
.
.
.
แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง…ซองมินกลับพบว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
ทงเฮขับรถมาส่งที่บ้านอย่างที่บอกไว้จริงๆ แล้วซองมินก็ร้องไห้มาตลอดทาง เขาไม่อาจทำใจยอมรับความจริงที่แสนเจ็บปวดนี่ได้ จะทำยังไงถ้าพรุ่งนี้ไม่มีทงเฮอยู่ข้างๆเหมือนเดิมแล้ว
…จะยังมีโอกาสเหลืออยู่บ้างไหม
นาทีนั้นเข้าใจทันทีว่าทงเฮรู้สึกยังไงตอนที่คุกเข่ารั้งฮยอกแจไว้…ซองมินเองก็อยากจะทำแบบนั้นบ้าง แต่หากทงเฮเลือกที่จะไม่หันกลับมามองเหมือนกับที่ฮยอกแจทำ แล้วเขาจะทำยังไงต่อไป
ไม่รู้เลย
หลังจากส่งซองมินที่หน้าบ้านแล้ว ทงเฮก็ขับรถไปเรื่อยๆด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวนัก จนแล้วจนรอดก็ต้องเลี้ยวเข้าจอดเทียบข้างทางเพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุเข้า
‘ฮยอกแจน่ะ…ทนมึงได้ไม่นานนักหรอก’
เสียงของปีศาจ…
นึกเจ็บใจตัวเองที่ตอนนั้นโง่เกินกว่าจะเข้าใจคำพูดของคยูฮยอน ทงเฮคิดว่าอีกฝ่ายคงจะแค่อยากปั่นหัวเขาเล่น เลยไม่ได้เก็บมาคิดมากนัก
‘ถ้าสักวันมันรอมึงไม่ไหว’
‘…………….’
‘…จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ’
เข้าใจแล้ว
แต่มันก็สาสมดีกับสิ่งที่ทำลงไป คนโง่อย่างเขาสมควรได้รับบทลงโทษ ทงเฮหัวเราะก่อนจะใช้กำปั้นทุบลงไปบนพวงมาลัยรถอย่างแรง
ทำไมเพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้…
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในบางครั้งเขาก็รู้สึกอึดอัดกับสถานะที่เป็นอยู่ หลายครั้งที่นึกรำคาญคำว่าเพื่อนเสียจนอยากทำลายมันทิ้งไปซะ
เพราะคำๆนั้น ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจ
ทำไม่ได้เลยสักอย่าง…
อยากจะกุมมือเย็นๆนั้นไว้…แต่ก็ไม่กล้า
แค่เพราะคำๆเดียว
แววคู่นั้นของฮยอกแจที่เขาชอบมอง บางครั้งเหมือนไม่อยากให้เขามาอยู่ใกล้ๆ แต่ในบางทีก็ดูโหยหาเสียจนทงเฮอดไม่ได้ที่จะรั้งตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่นๆ
…แววตาคู่นั้นของฮยอกแจที่มักจะเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
ความรู้สึกมากมายที่เขาไม่เคยเข้าใจ
แต่มาวันนี้ ทงเฮเข้าใจทุกอย่างแล้ว
ทงเฮเข้าใจแล้วว่าฮยอกแจรู้สึกยังไง
แล้วเขา…ก็เพิ่งเข้าใจเช่นกันว่าแท้จริงแล้วตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่
เพิ่งรู้ว่า..รัก…รักมากเหลือเกิน
ทงเฮรู้สึกเหมือนจะตายตอนที่เห็นว่าร่างบางเดินจากไป…เหมือนจะตายตอนที่เห็นว่าฮยอกแจต้องมาร้องไห้เพราะเขา ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาจนทำอะไรไม่ถูกนอกจากคุกเข่าลงเพื่ออ้อนวอนให้ฮยอกแจเปลี่ยนใจ…จะให้ทำยังไงก็ได้
อย่าไปได้ไหม
มานั่งพูดตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว…
ทงเฮช้าเกินไป…ช้าเกินไปจริงๆ
ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งร้องไห้ให้ใคร ไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งร้องไห้ให้กับความโง่เง่าของตัวเอง…โง่ที่เพิ่งมารู้ตัวเอาตอนที่ไม่มีใครคนนั้นอยู่ข้างๆแล้ว
ทำไมถึงไม่รีบเข้าใจทุกอย่างในวันที่ยังมีฮยอกแจอยู่กันนะ…
เพิ่งจะมาคิดได้เอาตอนนี้…
…มันไม่สายไปแล้วหรอกเหรอ
TBC
ค้างดิ 5555555555555555555555555555
รอก่อน จะมาลงหลังจากส่งหนังสือเสร็จ
ความคิดเห็น