ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HAEEUN - BESTFRIEND

    ลำดับตอนที่ #10 : chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 56


     












    9

     

     


     

    บางทีฟ้าหลังฝนก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดเสมอไป



    การจราจรตอนเย็นดูวุ่นวายสมกับเป็นเมืองหลวง ผู้คนมากมายเร่งสัญจรไปมาแข่งกับเวลาและเพื่อหนีจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

    ก่อนหน้านั้นฮยอกแจเคยคิดว่าอยากจะมีเวลาออกมานั่งเล่นที่สวนสาธารณะดูบ้าง อยากจะลองเอนหลังลงบนพื้นหญ้า มองท้องฟ้า มองก้อนเมฆเคลื่อนตัวผ่านไป อยากจะมีช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรบ้าง




    ไม่คิดเลยว่าวันนี้ฮยอกแจจะได้ทำทุกอย่างสมใจ



    มึงจะทำยังไงต่อ

    คนที่นอนอยู่ข้างๆถามขึ้น ฮยอกแจส่ายหน้าเป็นคำตอบ ดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักทอดมองท้องฟ้า ก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะปรากฎขึ้นบนใบหน้า


    เขาพยายามยิ้ม ทั้งที่ยังคงปวดหนึบตรงฝ่ามือส่วนความเจ็บปวดที่ข้างแก้มก็ยังไม่จางหายไปเช่นเดียวกัน



    ทงเฮกับซองมิน

    สองคนนั้นได้ฝากรอยแผลไว้ให้ฮยอกแจอย่างเจ็บแสบ



    พอคิดขึ้นมา น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วพาลจะไหลลงมาอีกรอบจนเจ้าตัวนึกโมโหตัวเอง


    อยากรู้สึกดีขึ้นป่ะ คยูฮยอนยันตัวขึ้นนั่ง แล้วเอี่ยวหน้ากลับมามองเพื่อนสนิท ลุกขึ้นมาเร็ว


    ฮยอกแจขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมลุกขึ้นตามคำสั่งของอีกฝ่าย ภาพตรงหน้าเป็นบ่อน้ำที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ ติดจะสกปรกด้วยซ้ำเพราะไม่ค่อยมีคนมาดูแล แต่พอได้กระทบเข้ากับแสงแดดอ่อนๆแล้วกลับดูสวยขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


    เห็นนี่มั้ย


    คยูฮยอนหยิบก้อนหินขึ้นมาชูตรงหน้า ก่อนจะปามันลงไปในบ่อน้ำ


    มีคนเคยบอกว่า ก้อนหินก็เหมือนความทุกข์ที่อยู่ในใจของคนเรา เหมือนปัญหาที่เราแบกไว้บนบ่าเพราะงั้นถ้าเราปามันออกไปไกลแค่ไหน เราก็จะสบายใจมากขึ้น


    ร่างบางขมวดคิ้วมองคยูฮยอนด้วยสายตาไม่เข้าใจอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ก้อนหินก้อนหนึ่งจะถูกยื่นมาให้ พร้อมกับรอยยิ้มที่สว่างไสวของเพื่อนสนิทลองดู


    ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจลองปามันออกไปไกลๆตามที่ร่างโปร่งบอก ก้อนหินที่อีกฝ่ายเปรียบเปรยว่าเป็นความทุกข์ในใจลอยลิ่วไปตามแรงส่ง ก่อนจะจมหายลงไปในแม่น้ำเหลือเพียงคลื่นที่กระจายเป็นวงกว้าง


    เป็นไง ดีขึ้นมั้ย


    ฮยอกแจหัวเราะเป็นคำตอบ มีบางอย่างที่อยากบอกให้อีกฝ่ายรู้

    คือความจริงแล้วหินพวกนี้ไม่จำเป็นหรอก แค่มีคนคอยนั่งรับฟังในทุกๆเรื่อง เวลาที่แย่ที่สุดเขาก็ยังไม่หนีไปไหนเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับฮยอกแจ



    และคยูฮยอนเป็นคนนั้นให้เขาได้เสมอ



    รอยยิ้มเล็กๆค่อยระบายออกมาอย่างยากเย็น ดวงตาคู่สวยทอดมองไปไกล ไม่นานแสงแดดอ่อนๆก็เลือนหายไปและถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศมืดครึ่ม


    ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว



    กลับกันเถอะคยูฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะยื่นมือลงมาให้ฮยอกแจจับมึงไม่สบายอยู่ เดี๋ยวฝนตกแล้วจะลำบาก



    ร่างบางนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่นั้น




    ถ้าทงเฮแคร์เขาเหมือนคยูฮยอนสักนิดก็คงดี

     

     































     

    ปาร์คจองซูตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นคยูฮยอนหิ้วฮยอกแจกลับมาคอนโดอีกครั้ง แถมยังอยู่สภาพที่เรียกได้ว่าย่ำแย่กว่าเมื่อเช้าเยอะ เขาไม่ลังเลที่จะรีบกระวีกระวาดหาเสื้อโค้ทหนาๆมาให้เพราะเห็นว่ากายบางสั่นเทาพร้อมจะล้มลงไปกองได้ทุกเมื่อ

     

    แล้วสองพี่น้องก็หันมาสามัคคีกันเป็นธุระหาข้าวหาน้ำหายาให้คนป่วยกิน รวมไปถึงทำแผลที่ฝ่ามือกับแผลใหม่ที่มุมปากด้วย แม้ว่าจองซูจะไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนักเพราะฮยอกแจไม่ยอมปริปากเล่า แต่เขาก็มั่นใจในระดับหนึ่งว่าคงไม่พ้นทะเลาะกับทงเฮแล้วลงไม้ลงมือกัน


    ไปนอนก่อนมั้ย


    คยูฮยอนวางมือลงบนหน้าผากร่างบาง ก่อนจะเสนอให้ไปนอนพักเถอะ เอาแต่นั่งทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนี้แล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น  ซ้ำยังจะเท่ากับเป็นการทรมานตัวเองมากกว่าเดิม


    เดี๋ยวก็ได้ไปนอนเล่นโรงบาลขึ้นมาจริงๆ


    จองซูช่วยสมทบขึ้นมาอีกคน พวกเขารู้ดีฮยอกแจหัวดื้อเกินกว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของใคร นอกจากคิมฮีชอลแล้วก็ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กนี่จะต่อต้านไปเสียหมด


    เพิ่งจะหกโมงเอง


    ก็ไปนอนก่อน



    คยูฮยอนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลากคนป่วยไปนอน แม้จะรู้ว่าฮยอกแจคงมีเรื่องให้ต้องคิดมากมายจนหลับไม่ลงก็ตาม


    ฮยอกแจไปนอนเถอะ


    ก็มันยังไม่ง่วงเลยนี่นา


    อยากตายหรือไง


    จนในที่สุดปาร์คจองซูก็ตัดสินใจปรับตัวเองเข้าสู่โหมดจริงจังแล้วใช้สิทธิ์ความเป็นพี่ใหญ่สั่งสอนเด็กหัวดื้อตรงหน้านี่เสียเลย




    ใครจะทำให้มึงเสียใจยังไงกูไม่รู้หรอกนะ แต่คือมึงก็ไม่ควรมานั่งทำร้ายตัวเองซ้ำสองแบบนี้ปะวะ  ไปนอนพักก่อนไป แล้วตื่นมาค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ



    “……………….”





    เห็นมั้ยว่าตอนนี้มันก็ยังอยู่กับแฟนของมัน ไม่เห็นจะมาสนใจสักนิดว่ามึงจะเป็นยังไง เพราะงั้นถึงมึงนั่งเสียใจไปให้ตายมันก็ไม่มารับรู้อะไรกับมึงด้วยหรอก




    “…………………”





    คือกูจะบอกว่ายังไงก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ปะวะฮยอกแจ  เพราะมึงไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเรียกร้องอะไร







     

    หน้าชา

     





     

    พี่ทึกนี่ปลอบหรือซ้ำ




    ซ้ำ


    สัส


    ซ้ำให้มึงรู้ตัวไงว่าตอนนี้มึงยืนอยู่ตรงไหน



    คยูฮยอนหัวเราะกับคำพูดของคนเป็นพี่ชาย ก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วเอนหลังพิงกับโซฟา เขาปิดเปลือกตานิ่งรอฟังประโยคถัดไปเช่นเดียวกันกับร่างบางที่นั่งนิ่งคิดตามคำพูดเมื่อครู่



    ฮยอกแจรู้มั้ยว่าไม่มีใครในโลกที่ร้องไห้ไปจนถึงตอนจบหรอก



    “…………….”



    วันนี้มึงอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่ต้องมานั่งเจ็บใจ แต่ใครจะรู้วะ วันข้างหน้ามึงอาจจะเป็นคนที่หัวเราะได้ดังที่สุดในโลกก็ได้




    น้ำเสียงและแววตาที่อบอุ่นของจองซู กับรอยยิ้มบางของคยูฮยอนที่นอนอยู่ข้างๆทำให้ฮยอกแจรู้สึกดีขึ้นมาได้ไม่ยากเย็นนัก



    คยูฮยอนถอนใจก่อนจะวางมือลงบนไหล่บาง




    ยังไหวใช่มั้ย

    ไหวมั้ง ฮยอกแจตอบเสียงเบาก่อนจะหัวเราะออกมาจนตาปิด



    บางทีคยูฮยอนก็นึกสงสัยว่าทำไมคนตรงหน้านี้ถึงได้ดื้อรั้นแล้วก็เก็บความรู้สึกเก่งได้ขนาดนี้ อดทนเดินเท้ามาตั้งไกลทั้งที่อากาศก็หนาว โดยมีแค่เสื้อนักศึกษาบางๆเพียงตัวเดียว



    มันน่าจับมาตีเสียให้เข็ด



    คราวหลังอย่าไปไหนมาไหนคนเดียวอีกรู้ไหม

    คยูฮยอนใช้นิ้วเคาะลงไปบนศีรษะของร่างเล็กเบาๆ เขาลองคิดเล่นๆว่าถ้าสมมติฮยอกแจเดินๆอยู่แล้วเป็นลมล้มพับลงไปกลางถนนนี่คงได้กลายเป็นศพนอนแข็งตายอยู่ตรงนั้น


    พูดเหมือนเป็นเด็ก

    แล้วเด็กไหมล่ะ?”

    ไม่…”

    ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนเขาทำตัวดื้อด้านแบบนี้หรอกรู้ไว้ซะ

    คยูฮยอนโน้มตัวลงไปใช้นิ้วจิ้มหน้าผากจนร่างเล็กแทบหงายหลัง จากนั้นสงครามเล็กๆก็บังเกิดท่ามกลางเสียงถอนหายใจของปาร์คจองซู


    สุดท้ายฮยอกแจก็จมหายไปในอ้อมกอดของคยูฮยอนสองแขนยกขึ้นโอบรัดร่างโปร่งเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าที่พักพิงสุดท้ายจะหายไป ไหล่บางสั่นไหวตามแรงสะอื้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เก็บสั่งสมไว้ถูกระบายออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไม่ต้องมีคำพูดใด



    ร้องไห้บ้างก็ได้ฮยอกแจ



    ถ้าการเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวมันจะทำให้อึดอัดจนทนไม่ไหวขนาดนั้น คยูฮยอนก็อยากให้ฮยอกแจได้ระบายออกมาเสียบ้าง อย่างน้อยก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเผื่อว่าจะสบายใจขึ้น


    ถึงแม้ว่าความจริงเขาชอบมองฮยอกแจยิ้มมากกว่า แต่ถ้ามันไม่ได้มาจากความสุขที่แท้จริงแล้วรอยยิ้มนั้นก็คงไม่มีความหมายอะไร



    ไปนอนพักก่อนไปว่าพลางดันตัวอีกฝ่ายออก คราวนี้ฮยอกแจพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเพราะเริ่มรู้สึกเพลียๆอยากจะพักขึ้นมาบ้างแล้ว



    ร่างบางที่เจอเรื่องมากมายรุมเร้าเข้ามาภายในวันเดียวทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ก่อนจะปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่นานก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย



    คยูฮยอนมองการกระทำนั้นเงียบๆ เขานั่งรออยู่สักพักก่อนจะลุกเดินไปนั่งข้างเตียงอย่างระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายตกใจตื่น


    ร่างโปร่งนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน จ้องมองใบหน้าขาวซีดที่ยังหลงเหลือร่องรอยของความเจ็บปวดแม้กระทั่งตอนที่อยู่ห้วงนิทรา เขารอจนแน่ใจว่าฮยอกแจหลับสนิทแล้วจึงทำท่าจะลุกขึ้น แต่ทว่า



    ทงเฮ…”



    หันหลังกลับไปมองร่างเล็กที่ขดตัวแน่นอยู่ใต้ผ้าห่ม ริมฝีปากซีดเซียวเอาแต่ร้องเรียกชื่อของคนที่ไม่เคยแม้แต่จะมาสนใจ



    หยาดน้ำใสไหลรินออกมาจากหางตาอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งจะหยุดไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแท้ๆ


    แม้แต่ในฝันฮยอกแจก็ยังหนีความเจ็บปวดไปไม่พ้น



    แล้วเขาต้องทำยังไง

     

     

     
























     

    แค่อยู่เป็นเพื่อนนี่ก็พอแล้ว…”


    คนผมบลอนด์ว่าพลางหัวเราะ มือเรียวรับเสื้อโค้ทมาสวมทับอีกชั้นเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ

    หรืออีกนัยหนึ่งก็เพื่อให้คนตรงหน้านี้สบายใจขึ้น




    แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ขึ้นไปด้วย

    อื้อ ไม่เป็นไรจริงๆ แล้วจะรีบลงมา

    งั้นจะรออยู่ข้างล่างนี่อย่านานนักล่ะ มันหนาว



    ฮยอกแจพยักหน้า ก่อนจะชูมือขึ้นประมาณว่าโอเค แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลบนใบหน้าของคยูฮยอนจางหายไปซะทีเดียว


    เขามองตามแผ่นหลังบางไปจนกระทั่งพ้นสายตา ก่อนจะเดินอ้อมกลับมานั่งรอในรถเพราะรู้สึกว่าอากาศเย็นๆนี่ชักจะเริ่มทำให้เขาไม่ค่อยสบายตัวขึ้นมาเสียแล้ว


    คยูฮยอนทอดสายตามองไปยังถนนข้างนอกที่นานๆทีจะมีรถแล่นผ่านมาซักคัน ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยฆ่าเวลา ก่อนจะเบือนหน้ากลับมามองตัวเลขดิจิตอลบนหน้าปัด



    ตีหนึ่งกว่า



    หลังจากที่ฮยอกแจหลับไปได้ซักพัก ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเที่ยงคืนเศษ แล้วบอกเพียงว่าจะกลับมาที่นี่แน่นอนว่าเขาพยายามคัดค้านอย่างสุดตัว แต่ร่างบางก็ยังยืนกรานว่ายังไงก็จะไป



    ถึงแม้เจ้าตัวจะพูดชัดเจนว่าแค่กลับไปเก็บเสื้อผ้า ไม่ได้อยู่นานหรอก แต่คยูฮยอนก็ปล่อยให้ไปคนเดียวไม่ได้อยู่ดี เพราะไม่มีทางเลือกมากนักจึงต้องขับรถมาส่งคนตัวบางทั้งที่อุณหภูมิอากาศติดลบ



    เขาพอจะรู้เหตุผลแท้จริงที่ทำให้ฮยอกแจย้อนกลับมาที่นี่




    ทงเฮ



    พอนึกถึงคนคนนั้นก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้คยูฮยอนไม่เคยเข้าใจเลยว่าทงเฮมีดีอะไรนักหนาจนถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมยังได้รับความห่วงใยมากมายจากฮยอกแจอยู่อีก



    คนแบบนั้นสมควรจะได้รับบทเรียนบ้างไม่ใช่หรือไง ขนาดว่าเขาออกปากเตือนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายจะสร้างเรื่องให้ตัวเองอีกจนได้ นี่ถ้าเขาเป็นฮยอกแจนะ เขาจะไม่มีวันกลับมาที่นี่เลยเถอะ



    แต่เด็กดื้อที่ชื่ออีฮยอกแจคนนั้นน่ะ

    เด็กดื้อคนนั้นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองอยู่แล้วนี่นะ

     









     

     

     

    The only thing harder than walking away,

    … is not looking back.

     


     

    โถงทางเดินที่เงียบสงบ

    ร่างบางยืนนิ่ง ตรงหน้าคือบานประตูที่แสนคุ้นเคย แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะเปิดมันเข้าไป เสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำรามอยู่ข้างนอก อย่างหลังนี่เหมือนจะย้ำเตือนว่าอีกแค่ไม่กี่อึดใจฝนคงจะตกและเขาจะมัวมาลังเลอยู่อย่างนี้ไม่ได้



    ฮยอกแจสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด แล้วหมุนลูกบิดเข้าไปโดยตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่หันไปสนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากเก็บเสื้อผ้าแล้วรีบออกไปจากที่นี่


    หลังจากบานประตูเปิดออก สิ่งแรกที่ฮยอกแจเห็นคือ บนเตียงกว้างยังคงมีร่างของใครคนหนึ่งนั่งอยู่เป็นภาพเดียวกันกับเมื่อหลายชั่วโมงก่อนไม่มีผิดเพี้ยน



    ร่างบางเบือนหน้าหนีไม่สนใจ มือเรียวเลื่อนเปิดประตูตู้เสื้อผ้า

    ก็แค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วรีบเก็บของออกไปซะก็คงจบ

    แต่ทว่าในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น



    กลิ่นหอมจางๆที่จำได้ขึ้นใจทำให้ทุกอย่างหมุนติ้ว และเมื่อมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในหัวก็เริ่มร้อนรนคิดหาทางว่าเขาต้องทำยังไงจึงจะออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับทงเฮ



    ฮยอกแจกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บ มือเรียวเริ่มทรยศด้วยการสั่นเทาจนหยิบจับอะไรมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน แต่เขารู้สึกว่ามันยากมากจริงๆที่จะประคองไหล่ตัวเองให้ไม่สั่นไหวได้ในสถานการณ์เช่นนี้



    สองมือรีบกวาดเอาเสื้อผ้าที่แขวนไว้บนราวเหล็กทั้งหมดใส่ลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างลวกๆ

    ฮยอกแจไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่จะปิดประตูตู้ให้สนิท ทันทีที่รูดซิปปิดร่างบางก็หันหลังเตรียมพาตัวเองออกไปจากที่นี่ทันที


    แต่




    ฮยอกแจ…”




    แรงฉุดรั้งเบาๆที่ต้นแขนทำให้ร่างทั้งร่างหยุดชะงัก

    ความเงียบเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ และตอนนั้นเองที่ฮยอกแจเผลอโยนความตั้งใจทิ้ง แล้วหันหลังกลับไปก่อนจะพบว่าเจ้าของกลิ่นหอมๆนั้นยืนอยู่ใกล้เพียงแค่คืบเดียว



    ขอโทษ…”


    คำเดียวที่ทำให้ฮยอกแจพร้อมจะลืมทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นใหม่ไปพร้อมๆกับคนตรงหน้าเหมือนอย่างทุกครั้งที่เขาไม่เคยโกรธทงเฮเลยไม่ว่าทงเฮจะทำให้เจ็บช้ำมากมายขนาดไหน


    แค่คำขอโทษคำเดียวฮยอกแจก็พร้อมจะให้อภัย


    ทุกอย่าง

     



     

    ขอโทษนะฮยอกแจ ขอโทษ…”

    มือหนาเลื่อนลงมาจับข้อมือบางไว้ด้วยสายตาวิงวอน

     



     

    รั้งไว้ทำไม







    รั้งทำไม






    ถ้าไม่ได้คิดอะไรแล้วทำแบบนี้ทำไม

     

     

    ทุกอย่างที่เพื่อนสนิทคนนี้ทำให้ ทั้งรอยยิ้ม และการกระทำที่มีไว้เพื่อเขาคนเดียวมาตลอดตั้งแต่จำความได้ เขายังคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ได้อยู่ใช่มั้ย



     

    ทงเฮ…”




    ความจริงแล้วทุกอย่างที่อยู่ข้างในนี้

    ฮยอกแจก็อยากจะพูดอยากจะบอกออกไป

    เพราะในบางครั้งที่แววตาของทงเฮคล้ายกับจะรอคอยที่จะฟังคำนั้นอยู่เช่นกัน มันอาจจะเป็นอย่างที่คยูฮยอนเคยว่าไว้เมื่อนานมาแล้ว



    ทงเฮแค่ปกปิดมันได้ดีกว่าเขา



    ฮยอกแจคิดแบบนั้นได้ใช่มั้ย





     ‘ฮยอกแจไม่เคยโกรธทงเฮเลยนะ...’


    ภาพของเด็กชายตัวผอมที่มักจะมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ใบหน้าฉายชัดเจนในความทรงจำยังคงจำได้ดีว่าเมื่อก่อนนั้นไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เขาก็ไม่เคยคิดโกรธคนตรงหน้านี้เลยสักครั้ง



    ฮยอกแจอภัยให้ทงเฮทุกเรื่องเลย

     



     

    ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน

     




     

    ทงเฮ

     







     

    แต่ว่าครั้งนี้

     






     

    ปล่อย



    ชักแขนออกจากมือหนาก่อนจะก้าวถอยหลังออกห่าง เลือกที่จะกลบเกลือนความอ่อนแอด้วยการตวัดสายตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างเฉยชาราวกับว่าข้างในไม่ได้รู้สึกอะไร



    แม้ความเป็นจริงจะสวนทางก็ตาม แต่เขาจะปล่อยให้ความเข้มแข็งที่เพียรสร้างมาตลอดพังทลายลงอย่างไม่เป็นท่าแบบนี้ไม่ได้ไม่มีทาง



    ฮยอกแจหลับตาลงเพื่อข่มความรู้สึกไว้ไม่ให้มันล้นทะลักออกมาจนกลายเป็นว่ากลับไปใจอ่อนอีกครั้ง





    ขอร้อง




    กายบางกระตุกวูบอีกครั้งเพราะสัมผัสหนักหน่วงที่ช่วงขา


    ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเต้นรัวแรงราวกับจะหลุดออกมาเมื่อคิดไปว่าเจ้าของสัมผัสนี้ที่รักศักดิ์ศรีเท่าชีวิตกำลังคุกเข่าอ้อนวอน








    อย่าไปเลยนะ…”




    ฮยอกแจหลุบตาลงมองฝ่ามือสั่นเทาที่พยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้ แม้จะไม่ได้ออกแรงมาก แต่ก็เพียงพอให้เริ่มลังเลใจได้อีกครั้ง



    ความแน่วแน่ถูกหลอมละลายลงอย่างช้าๆ ขนาดที่ว่าถ้าหากหันกลับไปมองเพียงนิดเดียวฮยอกแจก็อาจจะยอมโอนอ่อนให้คนนิสัยไม่ดีแบบนี้เหมือนที่ผ่านมา

     


     

    ไม่ได้โกรธไม่เคยโกรธเลยสักนิด

    แล้วก็ไม่ได้อยากเดินจากไปแบบนี้





    ข้างในร่ำร้องออกมาแบบนั้น ชั่ววูบหนึ่งที่เกือบจะละทิ้งความตั้งใจ ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหันกลับไปเป็นอีฮยอกแจคนเดิมที่ยอมคนตรงหน้านี้ได้ทุกเรื่อง





    แต่ทว่ากลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคยูฮยอนรออยู่ข้างนอก

    และเขาก็ตัดสินใจไปแล้ว





     

    ดูแลตัวเองด้วยนะ…”

     

    แค่ขยับขาเพียงนิด ฝ่ามือที่อ่อนแรงนั้นก็หลุดออกอย่างง่ายดาย ทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะฝืนใจเฮือกสุดท้ายก้าวเท้าออกมาจากห้องนั้นโดยที่ไม่หันกลับไป ไม่มีแม้น้ำตาซักหยดให้ใครบางคนหัวเราะเยาะ

     



     

    ทั้งที่ความจริงแล้ว

     




     

    อึก…” ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่กลางลำคอทันทีที่บานประตูปิดลง แล้วภาพตรงหน้าก็พร่าเลือนจนแทบจะมองไม่เห็น



    ฮยอกแจพาตัวเองเดินเข้าไปในลิฟต์ ทอดสายตามองตัวเลขดิจิตอลที่นับถอยหลังอย่างเชื่องช้า และความเงียบนั้นเองที่ทำให้ความอ่อนแอถูกปลดปล่อยออกมาโดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาเห็น



     เขาอาจจะเพิ่งสำเหนียกตัวเองได้ว่าเขาไม่ได้เก่งขนาดจะฝืนทำเป็นไม่รู้สึกอะไรไปได้ตลอด สุดท้ายแล้วความเข้มแข็งจอมปลอมก็ถูกความรู้สึกแท้จริงทำลายทิ้งอยู่ดี




    สุดท้ายก็กลับมาเป็นอีฮยอกแจที่แสนจะอ่อนแอคนเดิม

     

     








    TBC

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×