ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : (OS) ถูกที่ผิดเวลา -ShinYoung- > -Gongyoung-
Couple : CNU x Jinyoung ✘
Gongchan x Jinyoung ✔
Gongchan x Jinyoung ✔
คุณเคยได้ยินคำว่าถูกที่แต่ผิดเวลามั้ย?
ระหว่างเขากับผม นี่คือคำอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับเรา..
"ชินดงอู!"
เสียงใสจากเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าสนิทตะโกนดังมาจากชั้นสองของอาคารเรียน เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอเจ้าตัวโบกมือหยอยๆมาให้
"สู้ๆน้า~!"
กำปั้นเล็กๆชกมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ก้อนเนื้อที่อกซ้ายเต้นรัว ผมส่งยิ้มกลับไปบางๆจากทางข้างสนามยิงธนู
ละสายตาออกมาจากตรงนั้นแล้วหันมองการแข่งขันยิงธนูระดับม.ปลายตรงหน้าที่มีคู่แข่งเป็นถึงโรงเรียนชื่อดัง
ดูเชิงแล้วโรงเรียนเราแพ้ชัวร์โค้ชถึงได้ขอเปลี่ยนตัวแล้วส่งผมลงไปแทน จัดการประเมินคู่แข่งแล้วเล่นตามแผนที่วางไว้แทบทุกอย่าง
ผลั่ก
"เป็นอะไรมั้ย?"
เสียงทุ้มตรงหน้าทักก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือขวามาให้ เหลือบมองเล็กน้อยแต่ก็ยอมจับมือนั่นแล้วลุกขึ้นมา เพราะการชนเมื่อกี้ก็ไม่ใช่เบาๆถึงได้เจ็บแปลบไปทั้งแขน
แต่ความรู้สึกคุ้นหน้าคนเมื่อกี้ยังคงติดอยู่ในใจจนกระทั่งจบเกมส์ และเป็นไปตามคาดว่าฝั่งผมแพ้คะแนนขาดลอย
"จิน.."
เห็นคนตัวเล็กวิ่งมาจากทางไกลๆ เอ่ยทักยังไม่ทันจบเจ้าตัวก็วิ่งผ่านหน้าผมไป หันตามไปก็เห็นว่าจินยองกอดผู้ชายคนนั้นเข้าเต็มๆ
ผู้ชายคนที่ฉุดผมลุกจากสนามนั่นยังไงล่ะ
"แฟนใครเนี่ยเก่งจังเลยน้า~"
สิ่งที่ได้ยินเหมือนมีมีดเป็นร้อยๆเล่มปักลงที่หัวใจ ผมกำขวดน้ำแน่นพร้อมกับหลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์ ตัดสินใจหันหลังแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น
"ดงอู!"
แรงสัมผัสจากมือที่วางลงไม่แรงแต่ก็ไม่เบาที่หลัง หันกลับไปมองก็เห็นจินยองส่งยิ้มกว้างมาให้
โดยที่แขนก็ยังคล้องแขนผู้ชายคนนั้นอยู่
"นายน่ะเก่งมากเลยนะ ทำประตูให้โรงเรียนได้ด้วย แต่เสียดายแพ้ชิกกี้ของฉัน ฮ่าๆๆ"
คนๆนั้นที่ว่าโค้งหัวลงอย่างเป็นมิตร ผมเองก็กลั้นใจโค้งกลับไปด้วยเหมือนกัน
"ชานชิกรู้จักดงอูอยู่แล้วเนอะ คนนี้ชานชิกนะ ที่บอกว่าคบกันมาได้หลายปีแล้วน่ะ"
มองแก้มใสที่ขึ้นสีกับแววตาที่มีความสุขแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ ความบีบรัดที่แน่นอยู่ในอกพาลจะทำให้สิ่งที่เรียกว่าน้ำตาระรื่นขึ้นมาเสียดื้อๆ
"ที่ไม่ยอมบอกก่อนเพราะจะเซอร์ไพรซ์เนี่ยแหละ ชิกกี้น่ารักมากเลยใช่มั้ยล่ะ!"
ผมพยักหน้าแบบส่งๆก่อนจะขอตัวเดินออกมา หันหลังกลับไปมองก็เห็นว่ามือของหมอนั่นเกลี่ยผมที่ปรกใบหน้าออกให้จินยองอย่างทะนุถนอม
ตอนนี้ขวดน้ำในมือถูกเขวี้ยงไปทางผนังของห้องอาบน้ำหลังชมรม ดวงตาแดงก่ำจากการพยายามกลั้นน้ำตาเงยขึ้นมองเพดานซ้ำๆ
ปั่ก!
กำปั้นชกลงไม่เบาที่ตู้ล็อคเกอร์ส่งผลให้เนื้อแตกและเริ่มมีเลือดไหล
มองมือตัวเองด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก่อนพ่นลมหายใจออกมา ความเจ็บที่มือยังเทียบไม่ได้กับหัวใจที่ถูกทำร้ายเมื่อกี้เลยด้วยซ้ำ
"มือไปทำอะไรมา?!"
จินยองที่นั่งรออยู่ไม่ไกลถามขึ้นเมื่อผมเดินไปหยุดลงข้างๆ มือเล็กพลิกมือผมไปมาอย่างเป็นห่วงยิ่งทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองมากเสียยิ่งกว่าเดิม
"ปล่อย"
พูดเพียงคำสั้นๆคำเดียวคนตัวเล็กก็ยอมปล่อยมือ ตากลมที่สื่อความหมายได้ร้อยพันหันมาสบก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนประจันหน้า
"ฉันรู้ว่านายเสียใจ แต่อย่ามาทำตัวแบบนี้ได้มั้ย ฉันขอโทษที่มัวแต่ไปอยู่กับชานชิก อย่าโกรธกันเลยนะ"
มองสบดวงตาตรงหน้า กลั้นใจเดินละออกมานิ่งๆทั้งที่ในใจเจ็บปวดเจียนตาย
ไม่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ไม่มีมือเล็กที่ตามมาตี ก็คงจะมีแต่ผมคนเดียวที่มองแทบไม่เห็นทางเดินเพราะดวงตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตา
ผ่านมาก็หลายเดือน ผมกับจินยองยังไม่ได้คุยกันตั้งแต่วันนั้น
ไม่สิ เพราะผมมัวแต่เลี่ยงไม่คุยตางหาก
บรรยากาศของการเรียนช่วงบ่ายยังคงน่าเบื่อเหมือนเคย เหม่อมองออกไปนอกหน่าต่างแดดก็แรงจนแสบตา
หันกลับมาจดๆจ้องๆกับกระดานได้สักพักก็เห็นว่าคนข้างๆเริ่มสัปหงกจนหัวแทบจะกระแทกโต๊ะ
ยื่นมือขวาไปรองหัวทุยๆนั่นไว้แล้วกดให้นอนลงกับโต๊ะเบาๆ มองแพขนตายาวที่นิ่งสนิทกับลมหายใจเข้าออกปกติแล้วก็ระบายยิ้มออกมาบางๆ
กรี๊ง~
"อือ.."
ผมที่มองคนตัวเล็กมาแทบจะทั้งคาบก็ละสายตาออกก่อนจะทำเป็นเนียนว่าไม่สนใจ
"ดงอู.."
เสียงใสที่เอ่ยเรียกทำให้ผมหันไปมองแบบไม่ใส่ใจ หันกลับมาโกยข้าวของลงกระเป๋าแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อมือขวาชาจนแทบไม่รู้สึกอะไร
"คิ้ก"
เสียงหัวเราะที่ผมไม่ได้ยินมานานกระตุ้นหัวใจให้เต้นแรงมากยิ่งกว่าเก่า รอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิดแบบนั้นผมเลยเผลอมองอยู่นาน
"เฮ้! เย็นนี้ไปกินไอติมกัน"
จินยองที่เห็นว่าผมไม่ได้โกรธอะไรแล้วเอ่ยชวน ผมเองก็พยักหน้ากลับไปเพราะก็คิดถึงเวลาที่คอยมีคนเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้ฟัง
"ร้านนี้แหละๆ"
เดือนออกมาไกลจากโรงเรียนเล็กน้อยสุดท้ายก็เจอร้านที่เจ้าตัวว่า เป็นร้านน่ารักสไตล์คาเฟ่สีพาสเทล กำแพงสองข้างทางถูกตกแต่งด้วยสายรุ้งสีขาวน่ารักพาดจนเต็มร้าน
"มานี่เลยๆ"
ถูกมือเล็กมากมาตรงที่นั่งใกล้หน้าต่างรับกับบรรยากาศหน้าร้านที่มีต้นไม้ปลูกเอาไว้
ระหว่างเขากับผม นี่คือคำอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับเรา..
"ชินดงอู!"
เสียงใสจากเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าสนิทตะโกนดังมาจากชั้นสองของอาคารเรียน เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอเจ้าตัวโบกมือหยอยๆมาให้
"สู้ๆน้า~!"
กำปั้นเล็กๆชกมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ก้อนเนื้อที่อกซ้ายเต้นรัว ผมส่งยิ้มกลับไปบางๆจากทางข้างสนามยิงธนู
ละสายตาออกมาจากตรงนั้นแล้วหันมองการแข่งขันยิงธนูระดับม.ปลายตรงหน้าที่มีคู่แข่งเป็นถึงโรงเรียนชื่อดัง
ดูเชิงแล้วโรงเรียนเราแพ้ชัวร์โค้ชถึงได้ขอเปลี่ยนตัวแล้วส่งผมลงไปแทน จัดการประเมินคู่แข่งแล้วเล่นตามแผนที่วางไว้แทบทุกอย่าง
ผลั่ก
"เป็นอะไรมั้ย?"
เสียงทุ้มตรงหน้าทักก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือขวามาให้ เหลือบมองเล็กน้อยแต่ก็ยอมจับมือนั่นแล้วลุกขึ้นมา เพราะการชนเมื่อกี้ก็ไม่ใช่เบาๆถึงได้เจ็บแปลบไปทั้งแขน
แต่ความรู้สึกคุ้นหน้าคนเมื่อกี้ยังคงติดอยู่ในใจจนกระทั่งจบเกมส์ และเป็นไปตามคาดว่าฝั่งผมแพ้คะแนนขาดลอย
"จิน.."
เห็นคนตัวเล็กวิ่งมาจากทางไกลๆ เอ่ยทักยังไม่ทันจบเจ้าตัวก็วิ่งผ่านหน้าผมไป หันตามไปก็เห็นว่าจินยองกอดผู้ชายคนนั้นเข้าเต็มๆ
ผู้ชายคนที่ฉุดผมลุกจากสนามนั่นยังไงล่ะ
"แฟนใครเนี่ยเก่งจังเลยน้า~"
สิ่งที่ได้ยินเหมือนมีมีดเป็นร้อยๆเล่มปักลงที่หัวใจ ผมกำขวดน้ำแน่นพร้อมกับหลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์ ตัดสินใจหันหลังแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น
"ดงอู!"
แรงสัมผัสจากมือที่วางลงไม่แรงแต่ก็ไม่เบาที่หลัง หันกลับไปมองก็เห็นจินยองส่งยิ้มกว้างมาให้
โดยที่แขนก็ยังคล้องแขนผู้ชายคนนั้นอยู่
"นายน่ะเก่งมากเลยนะ ทำประตูให้โรงเรียนได้ด้วย แต่เสียดายแพ้ชิกกี้ของฉัน ฮ่าๆๆ"
คนๆนั้นที่ว่าโค้งหัวลงอย่างเป็นมิตร ผมเองก็กลั้นใจโค้งกลับไปด้วยเหมือนกัน
"ชานชิกรู้จักดงอูอยู่แล้วเนอะ คนนี้ชานชิกนะ ที่บอกว่าคบกันมาได้หลายปีแล้วน่ะ"
มองแก้มใสที่ขึ้นสีกับแววตาที่มีความสุขแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ ความบีบรัดที่แน่นอยู่ในอกพาลจะทำให้สิ่งที่เรียกว่าน้ำตาระรื่นขึ้นมาเสียดื้อๆ
"ที่ไม่ยอมบอกก่อนเพราะจะเซอร์ไพรซ์เนี่ยแหละ ชิกกี้น่ารักมากเลยใช่มั้ยล่ะ!"
ผมพยักหน้าแบบส่งๆก่อนจะขอตัวเดินออกมา หันหลังกลับไปมองก็เห็นว่ามือของหมอนั่นเกลี่ยผมที่ปรกใบหน้าออกให้จินยองอย่างทะนุถนอม
ตอนนี้ขวดน้ำในมือถูกเขวี้ยงไปทางผนังของห้องอาบน้ำหลังชมรม ดวงตาแดงก่ำจากการพยายามกลั้นน้ำตาเงยขึ้นมองเพดานซ้ำๆ
ปั่ก!
กำปั้นชกลงไม่เบาที่ตู้ล็อคเกอร์ส่งผลให้เนื้อแตกและเริ่มมีเลือดไหล
มองมือตัวเองด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก่อนพ่นลมหายใจออกมา ความเจ็บที่มือยังเทียบไม่ได้กับหัวใจที่ถูกทำร้ายเมื่อกี้เลยด้วยซ้ำ
"มือไปทำอะไรมา?!"
จินยองที่นั่งรออยู่ไม่ไกลถามขึ้นเมื่อผมเดินไปหยุดลงข้างๆ มือเล็กพลิกมือผมไปมาอย่างเป็นห่วงยิ่งทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองมากเสียยิ่งกว่าเดิม
"ปล่อย"
พูดเพียงคำสั้นๆคำเดียวคนตัวเล็กก็ยอมปล่อยมือ ตากลมที่สื่อความหมายได้ร้อยพันหันมาสบก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนประจันหน้า
"ฉันรู้ว่านายเสียใจ แต่อย่ามาทำตัวแบบนี้ได้มั้ย ฉันขอโทษที่มัวแต่ไปอยู่กับชานชิก อย่าโกรธกันเลยนะ"
มองสบดวงตาตรงหน้า กลั้นใจเดินละออกมานิ่งๆทั้งที่ในใจเจ็บปวดเจียนตาย
ไม่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ไม่มีมือเล็กที่ตามมาตี ก็คงจะมีแต่ผมคนเดียวที่มองแทบไม่เห็นทางเดินเพราะดวงตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตา
ผ่านมาก็หลายเดือน ผมกับจินยองยังไม่ได้คุยกันตั้งแต่วันนั้น
ไม่สิ เพราะผมมัวแต่เลี่ยงไม่คุยตางหาก
บรรยากาศของการเรียนช่วงบ่ายยังคงน่าเบื่อเหมือนเคย เหม่อมองออกไปนอกหน่าต่างแดดก็แรงจนแสบตา
หันกลับมาจดๆจ้องๆกับกระดานได้สักพักก็เห็นว่าคนข้างๆเริ่มสัปหงกจนหัวแทบจะกระแทกโต๊ะ
ยื่นมือขวาไปรองหัวทุยๆนั่นไว้แล้วกดให้นอนลงกับโต๊ะเบาๆ มองแพขนตายาวที่นิ่งสนิทกับลมหายใจเข้าออกปกติแล้วก็ระบายยิ้มออกมาบางๆ
กรี๊ง~
"อือ.."
ผมที่มองคนตัวเล็กมาแทบจะทั้งคาบก็ละสายตาออกก่อนจะทำเป็นเนียนว่าไม่สนใจ
"ดงอู.."
เสียงใสที่เอ่ยเรียกทำให้ผมหันไปมองแบบไม่ใส่ใจ หันกลับมาโกยข้าวของลงกระเป๋าแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อมือขวาชาจนแทบไม่รู้สึกอะไร
"คิ้ก"
เสียงหัวเราะที่ผมไม่ได้ยินมานานกระตุ้นหัวใจให้เต้นแรงมากยิ่งกว่าเก่า รอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิดแบบนั้นผมเลยเผลอมองอยู่นาน
"เฮ้! เย็นนี้ไปกินไอติมกัน"
จินยองที่เห็นว่าผมไม่ได้โกรธอะไรแล้วเอ่ยชวน ผมเองก็พยักหน้ากลับไปเพราะก็คิดถึงเวลาที่คอยมีคนเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้ฟัง
"ร้านนี้แหละๆ"
เดือนออกมาไกลจากโรงเรียนเล็กน้อยสุดท้ายก็เจอร้านที่เจ้าตัวว่า เป็นร้านน่ารักสไตล์คาเฟ่สีพาสเทล กำแพงสองข้างทางถูกตกแต่งด้วยสายรุ้งสีขาวน่ารักพาดจนเต็มร้าน
"มานี่เลยๆ"
ถูกมือเล็กมากมาตรงที่นั่งใกล้หน้าต่างรับกับบรรยากาศหน้าร้านที่มีต้นไม้ปลูกเอาไว้
"พี่ดงอูสวัสดีครับ"
ทันทีที่ตาเรียวของบุคคลที่นั่งรออยู่ยนโต๊ะหันมาเจอก็เอ่ยทักอย่างมีมารยาท
"พอดีชานชิกเขาชวน ฉันก็เลยชวนนายมาด้วยเผื่อว่าจะได้สนิทกัน"
พอเห็นสายตาที่มีแต่คำถามของผมจินยองก็อธิบายด้วยท่าทีสบายๆ ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเด็กนั่นพร้อมกับคนตัวเล็กที่ข้ามไปนั่งอีกฝั่ง
"ฉันรู้สึกเหมือนเป็นก้างขวางคอ"
พูดไปตามความจริง สองคนฝั่งตรงข้ามมองหน้ากันก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งคู่
"ไม่หรอกครับ ผมเองก็อยากจะขอบคุณ ผมไม่ค่อยได้อยู่กับพี่จินยองมากสักเท่าไหร่ พอพี่เขาเล่าว่าไปไหนมาไหนกับพี่ดงอูมันฟังดูสนุกมากเลย"
เสียงทุ้มเล่าเรื่องราวตลอดวันของตัวเองสลับกับคนตัวเล็กที่มีท่าทีตื่นเต้นและสนใจแทบจะทุกคำพูด
ทันทีที่ตักไอติมคำสุดท้ายเข้าปากก็ขอตัวกลับ ทั้งสองมีท่าทีงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รั้งอะไร
ผมเดินไปตามทางที่ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ยกมือขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นรอยแดงจางๆจากการกำช้อนเป็นเวลานาน
รอยยิ้มสมเพชถูกส่งให้กับตัวเองอีกครั้ง มันไม่ใช่ครั้งแรกหลังจากร้านไอติมวันนั้น แต่มันแทบจะเป็นทุกวันเมื่อเราสองคนใกล้จะเรียนจบเต็มที
"รู้สึกเหมือนแป๊บเดียวเองอ่ะ สามปีผ่านไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยย"
หันมองคนข้างๆที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวข้างสนามซ้อม บนเสื้อถูกเขียนด้วยชื่อของเพื่อนมากมายและคำอวยพร
ตัวผมเองก็สภาพไม่ต่างเพียงแต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นชุดซ้อมยิงธนูแล้ว
"วันนี้รอฉันซ้อมเสร็จนะ"
ถึงจะเป็นวันสุดท้ายของการศึกษาแต่ผมก็ยังไม่จบอยู่ดี เพราะเป็นตัวเก็งในทีมและด้วยเหตุผลหลายๆอย่างทำให้โค้ชขอให้ผมยังคงมาที่สนามทุกวัน
"ได้เลย! วันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่นา~"
ผมโบกมือลาก่อนจะละตัวไปซ้อม ระหว่าซ้อมก็ไม่ค่อยมีสติมากเท่าไหร่หรอกเพราะคนข้างสนามที่ให้ความสนใจด้วยการนั่งจ้องจนตาแป๋วแบบนั้น
"เสร็จแล้วเหรอ?"
มองตาเรียวที่เริ่มปรือก็หลุดยิ้มออกมา เดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ไม่ไกลแล้วค่อยๆเดินกลับไปหาคนตัวเล็กที่เริ่มหาวอยู่ตรงม้านั่ง
"กลับกัน"
รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ผมซ้ำๆ ผมยังคงชอบที่จะฟังเรื่องราวจากเสียงใสทุกวันจนเหมือนจะเสพติดเป็นนิสัย ในตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกติดจะรำคาญด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกมากขนาดนี้แล้ว
"นี่ๆ เพื่อนคนอื่นบอกว่าถ้ามีอะไรในใจก็ให้สารภาพออกไปล่ะ"
ผมหยุดเดินแทบจะทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น จินยองเองก็เหมือนกัน เจ้าตัวหยุดนิ่งสักพักก็หันมาสบตากัน
"ฉันน่ะ.. เคยชอบนายด้วยนะ แต่มันก็นานมากแล้วล่ะตั้งแต่แรกที่เจอกันเลย มันก็สามปีมาแล้วเนอะ"
ถ้าผมตาไม่ฝาดเหมือนจะเห็นว่าตาเรียวตรงหน้าเริ่มมีน้ำตาคลอ แต่เพราะเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้าผมเลยมองไม่เห็นว่าสีหน้าเป็นยังไง
"แต่พอเจอชานชิก เขาทำให้ฉันยิ้มได้ คอยทำให้หัวเราะตลอด ความรู้สึกที่มีกับนายมันก็เลยค่อยๆหายไป นายไม่ต้องคิดมากหรอกนะดงอู"
เพราะอีกฝ่ายมัวแต่ก้มหน้าผมเลยตัดสินใจจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปบ้าง แม้จะเป็นความคิดที่โง่มากเลยก็ตาม
"อยากจะฟังของฉันบ้างมั้ยล่ะ"
"ฉันรักนาย"
ดวงตาเรียวที่ตอนนี้คลอหน่วยด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นค่อยๆเงยสบช้าๆ มือเล็กยกเอื้อมขึ้นลูบแก้มผมซ้ำๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลจนเปรอะไปทั้งใบหน้า
"ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้.."
"ถ้านายบอกฉันเร็วกว่านี้.. ถ้า ถ้าฉันอดทน ฮึก"
คงเป็นเพราะลาดไหล่บางที่สั่นอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกของผมคืออยากจะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแทบตาย
"อย่าร้องไห้"
แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงบีบไหล่บางไว้เบาๆเท่านั้น
"เขารออยู่นะ"
มองไปด้านหลัง ผู้ชายร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรถูกส่งมาให้เหมือนเคยไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
"ดงอู.."
เสียงใสสั่นเครือ ผมอยากจะหลับตาลงและลืมตาขึ้นเพื่อพบว่านี่คือฝันร้าย อยากจะดึงคนตรงหน้ามากอดไว้แนบกาย
"ไปได้แล้ว ร้องไห้น่าเกลียด"
แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงปล่อยมือเพื่อให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า
"ฉันก็รักนายดงอู"
"เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน"
---The End---
งานรีไรท์ต้องมา รู้สึกชอบพล็อตนี้มากจริงๆถึงแม้จะเข้าไม่ถึงอารมณ์(มาก)สักเท่าไหร่😂
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น