ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OS/SF B1A4 -All Couple-

    ลำดับตอนที่ #5 : (SF) Still -GongYoung- (3/3)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 58


    Couple : Gongchan x Jinyoung [B1A4]
     
     
    Rate : PG
     
     
     
       ผมมองแจ้งเตือนซ้ำๆให้แน่ใจว่าตัวเองตาไม่ฝาดก่อนจะเลื่อนนิ้วปลดล็อกและส่องทวิตคนที่เพิ่งรีไปอย่างจริงจัง เป็นไปตามคาด ทวิตของผมถูกรีล่าสุดและเป็นความเคลื่อนไหวเดียวตลอดสี่ปีที่ผ่านมา มันก็แน่นอนอยู่แล้วถ้าพี่จินยองทวิตอะไรผมต้องเห็นในเมื่อเปิดแจ้งเตือนไว้ยกเว้นว่าแอพนกสีฟ้าจะเน่าผมเลื่อนนิ้วกดไปยังปุ่มข้อความและเริ่มพิมพ์ลงไป
    'พี่จินยอง?' และก็ลบทิ้ง
    'สบายดีมั้ยครับ?' และก็ลบทิ้ง
    'เป็นไงบ้างพี่?' และก็ลบทิ้ง
    '....' และก็ลบทิ้ง
    โถ่กงชานชิกจะมาป๊อดอะไรตอนนี้ ผมยกมือขยี้หัวและก้มลงเพ่งสมาธิอย่างหนักกับข้อความที่กำลังจะส่งไปให้อีกคน ทำไมมันยากขนาดนี้นะ......
     
    'ยังไม่เปลี่ยนทวิตเหรอครับ?'
     
    ทันทีที่กดส่งผมก็เอาหัวโขกกระจกรถซ้ำๆ ประหม่า..มาก! ยังโขกได้ไม่กี่ทีก็หันกลับมาให้ความสนใจกับโทรศัพท์เมื่อมันสั่นน้อยๆแจ้งว่าอีกคนตอบกลับมา
     
    'ไม่นะ พี่ก็เล่นตลอดแต่แค่ไม่รีไม่ทวิตเท่านั้น ทำไมเหรอ?'
     
    และเมื่อคนตัวเล็กตอบก็ทำให้ผมต้องตาค้าง แสดงว่าเพ้ออะไรไปก็เห็นหมดเลยดิ..
     
    'เปล่าครับ.. พี่หายไปไหนมา?'
     
    ทิ้งความตกใจไว้และหันมาสนใจกับคำถามที่ตัวเองอยากรู้ก่อนจะต้องกัดริมฝีปากเพราะคนที่คิดว่าไกลนั้นตอบช้าเหลือเกิน ผมเงยหน้ามองข้างทางเมื่อความรู้สึกคุ้นตาเข้ามาแทรกพลางขยับตัวเองไปทางประตู หลังก้าวลงจากรถก็หยิบโทรศัพท์มาเสียบหูฟังและเดินไปทางซอยที่คุ้นเคยเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมตอบสักที เดินเตะฝุ่นได้สักพักก็ถึงบ้านผมถอดรองเท้าและโยนกระเป๋าไว้ตรงโซฟาก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนทิ้งตัวลงกับเตียงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าอีกคนนั้นตอบมาแล้ว
     
    'อยากรู้เหรอ? วันไหนว่างมั้ยล่ะ'
     
    สิ่งที่พี่จินยองตอบมาทำให้ใจของผมเต้นรัวแต่ก็หวั่นใจไม่ต่างกัน ถ้ามันไม่มีอะไรพี่ก็น่าจะบอกได้ทันทีใช่มั้ยล่ะ..
     
    'วันพรุ่งนี้ครับ ผมมีเรียนบ่าย'
     
    พิมพ์ตอบกลับไปตามตารางเรียนที่จำได้ก่อนอีกคนจะตอบว่าให้ไปเจอกันที่ไหน ผมบอกฝันดีคนตัวเล็กก่อนจะผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
     
     
    "ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด.."
    ผมเอื้อมหยิบนาฬิกามาดูก่อนจะพบว่าเป็นเวลาแปดโมงแล้ว นอนบิดขี้เกียจได้สักพักก็ลุกไปอาบน้ำ ผมถูสบู่ไปตามตัวอย่างอารมณ์ดีพอคิดว่าจะได้เจอคนตัวเล็กอีกครั้ง หลังอาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็เดินมายังตู้เสื้อผ้าและยืนมองอยู่สักพัก
    "ใส่อะไรดี?"
     สถานที่ที่พี่จินยองนัดอยู่ไม่ห่างจากป้ายรถเมล์ที่ผมขึ้นจากเมื่อวานเท่าไหร่ เดาเอาว่าต้องอยู่ใกล้ๆกับที่หลงทางแน่ๆผมจึงหยิบเอาเสื้อยืดสีเทาแขนยาวกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินฟอกที่ดูไม่ซีเรียสมาใส่คู่กันก่อนจะหยิบหมวดสีดำและกระเป๋าถือคู่ใจไปด้วย ผมนั่งลงใส่รองเท้าอยู่ที่ประตูบ้านพร้อมหยิบโทรศัพท์มาดีเอ็มหาคนที่กำลังจะไปเจอว่าออกจากบ้านแล้วนะ พิมพ์เสร็จก็ลุกขึ้นออกจากบ้านล็อกกลอนให้เรียบร้อยและเดินฮัมเพลงไปพลางๆ ผมแวะมินิมาร์ทใกล้ๆและซื้อนมกล้วยติดมือมาสองขวดเจาะดื่มทันทีที่นั่งลงรอรถเมล์ กินยังไม่หมดสองขวดดีรถที่รอก็มา ผมขึ้นไปนั่งและมองวิวรอบข้างอย่างที่ชอบทำ เพราะเข้าฤดูไบไม้ผลิแล้วข้างทางจึงเต็มไปด้วยต้นไม่เขียวชอุ่มและรถที่ไม่ติดมากนัก นั่งไปสักพักก็ถึงที่หมายผมก้าวลงจากรถและมองหาที่ยืนหลบแดดทันทีเพราะเหลือเวลาอีกสักพักหางตาก็เหลือบไปเห็นชิงช้าที่มีเงาไม้บังแดดอยู่เลยเดินไปนั่ง ผมแกว่งชิงช้าไปมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อคิดว่าจะได้เจอคนที่รออีกครั้งอย่างชัดๆ อมยิ้มอยู่กับตัวเองได้ไม่นานก็มีแรงสะกิดหนักๆเข้าที่ไหล่ หันไปก็พบพี่จินยองที่ใส่ฮู้ดกับแว่นกันแดดยืนค้ำหัวอยู่ ผมส่งยิ้มไปให้และพี่จินยองก็กวักมือเรียกให้เดินตามไปอีกทาง เหมือนเล่นแผ่นซ้ำ ทุกอย่างเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยนผมเดินตามพี่จินยองที่เดินนำอยู่ไม่ไกลและตลอดเวลาก็ไม่มีบทสนทนาอะไรสักคำหลุดออกมาจากปากของเราสองคนเลยต่างก็แค่เป็นเวลากลางวันก็เท่านั้น
    "พี่จินยอง"
    ผมเอ่ยปากเรียกคนที่เดินนำอยู่ก่อนจะได้กลับมาแค่อีกคนมองด้วยหางตาเป็นเชิงว่ารอให้ถึงที่ก่อน ไม่พูดพร่ำอะไรมากผมเดินตามคนตัวเล็กไปเรื่อยๆก่อนจะเห็นโกดังหรือสิ่งก่อสร้างอะไรสักอย่างอยู่ตรงหน้า ซึ่งพี่จินยองเคาะสองสามทีก็เปิดออกพร้อมด้วยคนนับสิบข้างในที่ก้มหัวให้เป็นทอดๆต่อกัน ผมมองทั้งหมดด้วยความอึ้งผสมงงงวยปนเปกันไปและพี่จินยองก็ปรายตามาทางนี้นิ่งๆก็จะเดินนำเข้าไป ผมเดินตามได้สักพักพี่จินยองก็เลี้ยวเข้าห้องๆหนึ่งซึ่งมีเครื่องดนตรีเต็มไปหมดและที่สำคัญเป็นห้องเก็บเสียง
    "เฮ้อ"
    คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนทิ้งตัวลงนั่งโซฟาและเลื่อนสายตามองมาที่ผม
    "นั่งดิ"
    พี่จินยองชี้โซฟาอีกตัวที่อยู่ข้างกันให้ผมนั่ง ผมทำได้แค่มองด้วยสายตางุนงงก็จะนั่งลงโซฟาตัวเดียวกับอีกคนที่กำลังถอดแว่นกันแดดออก
    "คนพวกนั้นคืออะไรครับ?"
    ผมถามออกไปด้วยความสงสัย นี่คนตัวเล็กของเขาคงไม่ใช่เจ้าพ่อมาเฟียหรืออะไรที่เลวร้ายใช่มั้ยเนี่ย
    "นายถามว่าพี่หายไปไหนมาใช่มั้ย?"
    พี่จินยองเลี่ยงคำตอบและหันมาสบตากับผมที่จ้องอยู่พร้อมถามคำถามใหม่ออกมา ผมพยักหน้าและนั่งรอฟังอย่างใจจดใจจ่อซึ่งพี่จินยองที่เห็นอย่างนั้นก็อกหัวเราะไม่ได้
    "คนพวกนั้นเป็นของพ่อพี่ พ่อของพี่น่ะทำธุรกิจเกี่ยวกับ.. ไม่บอกดีกว่านะ เข้าใจง่ายๆคือพวกผู้มีอิทธิพลด้านมืด และที่พี่หายไปเพราะว่าตอนนั้นพ่อพี่มีปัญหากับพวกตำรวจแถวๆโรงเรียนของเราบวกกับที่พี่เรียนจบพอดี พ่อเลยให้พี่มาช่วยดูแลคนในพื้นที่นี้ พอจะเข้าใจมั้ย?"
    ผมนั่งฟังคนตัวเล็กพูดยาวยืดก่อนจะพยักหน้าเบาๆว่ารับรู้ ผมนั่งนิ่งสักพักเมื่อคิดได้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้านั้นมัเรื่องราวมากมายเหลือเกินที่ยังไม่รู้ก็จะเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ
    "หิวมั้ย? อีกสักพักต้องไปเรียนแล้วนี่นา?"
    พี่จินยองถามพร้อมลุกไปเปิดตู้เย็นก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมโดยไม่มีอะไรติดมือมาเลยนั่นทำให้ผมมองอีกคนด้วยแววตาฉงน
    "มีแต่น้ำเปล่า.."
    พี่จินยองพูดก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆมาให้ ผมมองคนตัวเล็กด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะชวนอีกคนไปซื้อของด้วยกันเมื่อเห็นว่าเวลายังพอมีอยู่
       ระหว่างทางผมและพี่จินยองคุยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาว่าเป็นยังไงบ้างรวมถึงเรื่องของอีกสามคนในชมรม พี่จินยองถึงกับอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าซอนอูกับซานดึลนั้นคบกันน้ำเสียงของคนตัวเล็กดูสดใสขึ้นมากหลังจากที่เปิดใจกับผม รอยยิ้มที่ดูจะหายไปจากใบหน้าก็เหมือนจะกลับมาอีกครั้งรวมทั้งทำให้หัวใจของผมเต้นรัวไปพร้อมกับจังหวะที่ก้าวเดินไปกับคนตัวเล็กข้างๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่เมื่อก้มมองเวลาก็พบว่าใกล้ถึงเวลาที่ต้องไปเรียนแล้ว ระหว่างทางที่พี่จินยองเดินมาส่งหัวใจของผมคล้ายจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ ผมมองคนข้างๆก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็กนั่นไว้และเจ้าของมือเล็กก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากมองผมด้วยสายตาสงสัยเท่านั้น ยิ่งอยู่ใกล้มากเท่าไหร่ความรู้สึกในใจก็ยิ่งขัดมากขึ้นเท่านั้น
     
    ห่วง..
    ห่วงว่าคนข้างๆจะกินข้าวครบทุกมื้อมั้ย..
    ห่วงว่าจะมีใครมาทำร้าย..
     
     
    กลัว..
    กลัวว่าจะไม่ได้เจออีก..
    กลัวว่าคนตัวเล็กจะหายไป..
    กลัวว่าจะต้องเสียไปอีกครั้ง..
     
     
    หวง..
    หวงทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้หวง..
     
     
    และรัก..
     
     
      ทันทีที่คิดถึงคำสุดท้ายหัวใจของผมก็เต้นรัวจนแทบจะระเบิด คนตัวเล็กข้างๆที่เห็นอาการผมแปลกๆก็บีบมือเบาๆก่อนจะคลายมืออก
    "พี่ส่งแค่นี้นะ"
    คนตัวเล็กพูดก่อนจะเงยหน้าสบตา ในแววตาที่มองมาผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ผมเองก็บอกไม่ถูก พี่จินยองกัดปากตัวเองเบาๆก่อนจะสบตาผมอีกครั้ง
    "ไม่ต้องมาหาพี่แล้วนะชานชิก"
    เหมือนโลกทั้งใบของผมแตกสลาย หลังพี่จินยองพูดจบเจ้าตัวก็หันหลังจะเดินหนีไป แต่คิดเหรอว่าผมจะยอม..
    "ขอเหตผลได้ไหมครับ?"
    ผมพูดหลังจากพี่จินยองก้าวขาเตรียมจะเดินจากไป ร่างเล็กชะงักนิ่งและหันมองผมด้วยสายตาแข็งกร้าว
    "นายเห็นแล้วว่าพี่เป็นยังไง เราไม่เหมาะสมกันหรอกนะ"
    พี่จินยองพูดพร้อมมองตาผมยืนยันว่าที่พูดมานั่นคือเรื่องจริง ผมถอนหายใจก่อนจะกุมมือเล็กไว้อีกครั้ง
    "พี่คิดว่าผมสนใจเรื่องพวกนั้น?"
    ก้มหน้าลงมองอีกคนที่ยังมองมาด้วยสายตานิ่งๆเหมือนเคย
    "พี่ไม่อยากให้เราลำบาก เราก็รู้ว่ามันอันตราย.. คิดว่าที่พี่หายออกมาเพราะอะไร? ไม่ใช่ว่ากลัวคนรอบข้างเดือดร้อนเหรอ?"
    พี่จินยองพูดและพยายามสะบัดมืออกจากการควบคุมและก็ทำไม่ได้เพราะผมแรงเยอะกว่า
    "พี่จินยองฟัง หยุดดิ้นก่อน"
    ผมมองอีกคนด้วยสายตาปรามและน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อย
    "ผม กงชานชิก ไม่สนใจว่าจอง จินยองคนนี้จะเป็นยังไง ผมรู้ว่าพี่รู้ว่าผมชอบพี่มาตลอด ทุกๆความรู้สึกที่ผมมีให้พี่ผมมั่นใจว่ามันคือคำว่าชอบไม่มีผิดเพี้ยนแน่ๆ"
    ผมยังคงพูดต่อไปโดนที่ตาก็จ้องคนตัวเล็กตรงหน้าที่สายตาเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว
    "แม้กระทั่งตอนนี้ วินาทีนี้ ผมไม่ได้แคร์อยู่แล้วว่าพี่จะเป็นใครพ่อแม่ทำอะไร ต่อให้ผมต้องใช้ชีวิตอยู่แต่เวลากลางคืนหรือไปตามกระทืบพวกที่มาหาเรื่องพี่แม้ว่ามันจะไม่ถูกผมก็ทำได้ ขอแค่มีพี่อยู่ก็พอ"
    ผมดึงแขนคนตัวเล็กที่มองมาด้วยสายตาที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดใช้สองแขนโอบเอวบางไว้และแนบหน้าผากชนกับอีกคน
    "ผมไม่รู้ว่ามันเร็วไปไหมกับการที่จะบอกว่ารัก แต่ว่า.. ผมรักพี่จินยองนะครับ"
    ผมมองสบกับดวงตาเรียวเล็กที่มองสบตาผมอยู่ก่อนแล้วก่อนที่คนตัวเล็กจะผละออกไป
    "พี่ไม่รับประกันสวัสดิภาพชีวิตนายนะชานชิก"
    พี่จินยองพูดก่อนจะหันหลังเดินจากไปพร้อมพูดอะไรยางอย่าง
    "ถ้านายจะไม่แคร์นายก็ควรโดดเรียนมาอยู่กับพี่นะ"
    หลังจากที่พี่จินยองพูดจบผมก็วิ่งไปหอมแก้มคนตัวเล็กและวิ่งนำไปทันทีก่อนจะได้ยินเสียโวยวายมาจากอีกคน
     
     
    ชีวิตของจอง จินยองจากนี้จะไม่มืดมดอีกต่อไปเพราะมีแสงไฟเคียงคู่อย่างกง ชานชิก
     
    แม้ว่าการกระทำบางอย่างของใครหลายๆคนอาจจะฟังดูโง่เง่าและไร้สาระ แต่นั่นก็คือสิ่งที่จุดประกายความมีสีสันให้กับชีวิต
     
    และสิ่งงี่เง่าหลายๆสิ่งนั้น บางครั้งก็ถูกมนุษย์เรียกว่า 'ความรัก'
     
     
     
     
    ---------THE END---------

     
     
     
       จบแล้วค่ะ โอ้กกกกกก ผิดพล็อตไปเยอะมากออกทะเลไปไกลแต่ก็ยังพอรู้เรื่องอยู่นะ 55555555 ตอนบนๆน่าเบื่อนิดนึงค่ะเราอยากบรรยายให้เห็นชัดๆว่าเป็นไงเพราะเนื้อหามันไม่เยอะ แปลกๆอ่ะ.. ไรท์รู้สึกแปลกๆ 555555 เพราะเขียนกงยองมั้งฟีลเลยอาจจะขึ้นๆลงๆ ฮาาา
    จริงๆแล้วใจความเรื่องนี้คือ
    'ไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะเป็นยังไง ขอแค่ได้คอยรักคอยอยู่ข้างๆก็เพียงพอแล้ว'
    รวมถึงการที่น้องกงรองพี่จินมาตั้งสี่ห้าปี เรื่องนี้เลยได้ชื่อว่าStillน่ะคะ บอกหน่อยนึงเผื่อแบบ เอ้าอิไรท์อะไรคือคำว่าสติลยะ ถถถถถ ก็ตามนี้ล่ะค่ะ ใจหายวาบๆเลยประหนึ่งเขียนฟิคยาวหกสิบตอน😂
       เรื่องนี้จบเรื่องอื่นยังไม่จบนะคะ ด้านมืดกงดึลไรท์ยังสู้อยู่น้า~ ติดตามต่อด้วยนะคะ เลิ้บๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×