ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OS/SF B1A4 -All Couple-

    ลำดับตอนที่ #10 : (OS) Set The Scene -GongYoung-

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 58




    Couple : Gongchan x Jinyoung











     



       "จินยองๆ เดี๋ยวช่วยจัดเรื่องของลูกค้ารายใหม่ด้วยนะ"


       ยังไม่ทันได้เงยหน้าจากโน้ตบุ๊คดีกองเอกสารก็ถูกวางลงข้างๆเต็มๆ กดเซฟงานก่อนจะหันมาเปิดแฟ้มอันใหญ่ที่สุดบนโต๊ะ


       ดูเหมือนบรรยากาศรอบข้างจะวุ่นวายมากเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่คนนิยมจะแต่งงาน แน่นอน บริษัทจัดหาคู่อย่างที่นี่ก็ต้องวุ่นวายด้วยเช่นเดียวกัน


       ในช่องสองสามปีที่ผ่านมานี้คนนิยมที่จะใช้บริษัทเราอย่างมาก ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะหาคนในชีวิตจริงๆมันยากมากรึไงถึงได้ต้องมาจ้างวานแบบนี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ


       รื้ออ่านแฟ้มประวัติไปได้จนถึงอันสุดท้ายก็ต้องชงักเมื่อเห็นว่าเป็นใคร


     
    ชื่อ-สกุล : กง ชานชิก

    ว/ด/ป เกิด : 14/08/1993

    ส่วนสูง : 181

    เพศ : ชาย


       กงชาน? หมอนั่นจะแต่งงานเหรอ?


       ได้ยินชื่อแล้วหน้ากับเสียงกวนๆก็ลอยตามมาทันที เด็กผู้ชายตาเบี้ยวๆชอบทำตัวแว๊นๆ เด็กแถวบ้านที่ไม่ได้เจอมาตั้งหลายปี เหลือบมองรูปตรงริมที่แปะมาด้วยก็ระบายยิ้มออกมา โตมากขึ้นจริงๆนะเนี่ย


       อ่านรายระเอียดถึงผู้หญิงแบบที่ต้องการมาด้วยก็ต้องคิดหนักก่อนจะนึกถึงลูกค้าผู้หญิงที่เคยอ่านเมื่อสองสามวันก่อน


       คิมฮยอนอา!!


       ถึงจะยังรู้สึกตะขิดตะข่วงใจว่าทำไมรีบแต่งงานทั้งที่อายุแค่ยี่สิบ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้นี่นา


       รีบต่อสายหาเบอร์ที่แนบมาก่อนมือจะหันไปรัวข้อความใส่โน้ตบุ้ค


       'สวัสดีครับ'


       น่าแปลก เสียงที่รับสายกลับเป็นเสียงผู้ชายที่ดูจะมีอายุ


       "สวัสดีครับคุณกงชานชิก ผมโทรมาจากบริษัท.."


       จัดการบอกถึงรายละเอียดของผู้หญิงที่ต้องการและในที่สุดฝ่ายนู้นก็ตกลง


       "ถ้าอย่างนั้นคุณสะดวกวันไหนครับ ผมจะเอารายละเอียดแล้วก็สัญญาไปให้อ่าน"


       "พรุ่งนี้ตอนบ่ายว่างไหมครับ?"


       "เรื่องสถานที่ผมจะส่งเมลไปบอกนะครับ ขอบคุณครับ"


       เคลียร์ไปอีกหนึ่ง







       และแล้ววันที่ต้องไปเจอเจ้าชานชิกก็มาถึง ผมหอบเอกสารพะรุงพะรังไปทางร้านที่นัดไว้


       พลั่ก


       "โอ้ย!"


       ก้นจ้ำเบ้ากับพื้นเมื่อเดินชนกับใครสักคนที่กำลังจะเดินเข้าร้านพอดีแถมเอกสารยังหล่นลงพื้นจนกระจัดกระจายไปหมด


       "เป็นอะไรมั้ยครับคุณ"


       เพราะเสียงทุ้มคุ้นหูทำให้ผมละความเจ็บเงยหน้าขึ้นมองแทน


       ดูเหมือนอีกฝ่ายจะนิ่งไปพอเห็นหน้าผม ดูชานชิกสิ  ไม่ได้ดูโตขึ้นเลยสักนิดหน้าตาก็เหมือนเดิม ที่ดูจะแปลกไปก็แค่ความสูงกับชุดสูทราคาแพงเท่านั้น


       "จำพี่ไม่ได้เหรอ?"


       ยกมือขึ้นโบกไปมาผ่านคนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะเรียกสติคืนมาได้ มือใหญ่กุมมือผมไว้ก่อนจะเบียดตัวเข้ามาใกล้พร้อมกับสองแขนที่โอบรอบเอว


       "ชานชิก?"


       ถึงจะตกใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธกอดอุ่นๆนี่ ยกมืออีกข้างลูบหลังเพื่อปลอบก่อนจะดันตัวออกมา


       "ไหน ไอเด็กแว๊น บอกพี่มาซิ้เป็นอะไร"


       พอสบกับตาคมสีหน้าชานชิกก็ดูจะบึ้งขึ้นในทันที


       "พ่อจะให้ผมแต่งงาน"


       ถึงกับบางอ้อเลยในทันที


       "ไม่ต้องกลัวนะชานชิก เชื่อมือพี่สิพี่เลือกผู้หญิงที่ดีให้นายเลยนะ!"


       คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนตาคมจะไล่ไปตามตัวจนเจอเข้ากับป้ายบริษัท ร่างสูงลุกขึ้นก่อนจะเดินหันหลังเข้าร้านไปอย่างเร็ว


       "ชานชิก.."






       จัดการเก็บเอกสารที่ตกเต็มพื้นก่อนจะเดินเข้ามาในร้าน มองไปทางไพรเวทโซนก็เจอวอนชิกกับคุณกงพ่อของชานชิกนั่งอยู่ก่อนแล้ว


       "สวัสดีครับ"


       เอ่ยทักเป็นมารยาทก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม


       "จองจินยอง?"


       พอคุณกงเห็นว่าผมเป็นใครสีหน้าก็ดูจะผ่อนลงมาก ผมคุยเรื่องจิปาถะไปเรื่อยรวมถึงเรื่องแต่งงาน


       ถ้าถามว่าผมกับชานชิกและครอบครัวกงสนิทกันขนาดไหนล่ะก็..








       หลายปีก่อน


       คงเป็นเพราะเสียงมอเตอร์ไซค์ที่ขับวนไปมาหน้าบ้านทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์บูด หันมองนาฬิกาก็เห็นว่าเพิ่งจะตีสองนิดๆ


       'ไอเด็กแว๊นชานชิก!! จะขี่ก็ไปขี่ที่อื่นดิ้พรุ่งนี้มีเรียนนะเว้ย'


       เดินออกไปตรงระเบียงก่อนจะตะโกนลงไป เวลาแบบนี้และยิ่งแถวนี้อีกด้วย มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ


       'พี่จินยองไปเที่ยวกัน เบื่อ'


       มองเด็กชายที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะดีก็ต้องถอนหายใจ เพราะมีอยู่ครั้งนึงที่ผมต้องสอบเลยเอาที่อุดหูมาใส่ กลายเป็นว่าไอเด็กนี่ก็นั่งรออยู่หน้าบ้านจนไข้ขึ้นลำบากต้องไปดูแลอีก


       'จะไปไหนน่ะ!'


       หลังจากรับหมวกกันน็อคพร้อมกับขึ้นซ้อนท้ายแล้วชานชิกก็เร่งรถก่อนจะออกตัวอย่างแรง ผมที่กลัวตกก็เลยยกมือขึ้นกอดเอวไว้แทบไม่ทัน


       ชานชิกไม่ตอบนอกจากขับต่อไปเงียบๆ นึกสภาพออกมั้ยครับรถเคเอสอาร์คันเล็กๆกับผู้ชายสองคน


       หลังจากขับมาได้สักพัก ผมที่เกือบจะเผลอหลับก็สะดุ้งตื่นขึ้นเพราะกลิ่นของน้ำเย็นๆที่ลอยมา


       'สะพานข้ามแม่น้ำ?'


       น่าแปลกที่ชานชิกพามาที่นี่ ปกติแค่ขับรถสักพักก็วนกลับมาส่งที่เดิมแล้ว


       'ลงมาก่อน'


       พูดจบผมก็เลื่อนตัวลงมา มือเรียวเปิดเบาะขึ้นก่อนจะหยิบนมออกมาสองขวด


       'พี่ควรจะกินนะจะได้สูงๆ'


       แยกเขี้ยวไปให้ก่อนจะขึ้นนั่งบนรถเหมือนเดิม ปล่อยให้ไอเด็กนี่ยืนไปนั่นแหละ


       'ว่าไงมีอะไรถึงพามาที่นี่?'


        เพราะตีสองรถเลยไม่ค่อยจะวิ่งแล้ว ผมมองชานชิกที่ดูเหมือนจะกังวลใจอะไรบางอย่างก็ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มสีดำธรรมชาติเบาๆ


       'มีอะไรก็บอกพี่ได้นะ ถึงตอนนี้จะยังไม่พร้อมแต่พี่รับฟังได้นะ'


       ไม่รู้ว่าไปเจอเรื่องอะไรมาบ้าง เห็นทำตัวแปลกๆแบบนี้แต่ชานชิกเป็นเด็กดี รักครอบครัว ตลอดเวลาที่ผมรู้จักหมอนี่มามันพิสูจน์ได้อย่างดี


       'ผมชอบพี่'


       เพราะคำสารภาพทำให้มือผมชงัก เลื่อนมองสบตาคมที่แสดงความรู้สึกออกมาก็รู้ว่าที่พูดมาเป็นเรื่องจริง


       'พี่ชอบผมรึเปล่า?'


       ผมเลือกที่จะไม่ตอบและหลบสายตา นานจนหลายนาที ชานชิกไม่ได้คาดคั้นอะไรนอกจากขับรถกลับมาส่งผมที่บ้านเหมือนเดิม สองสามวันให้หลังผมก็มารู้ว่าหมอนั่นย้ายบ้าน ผมเองก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเดินไปบอกลาด้วยซ้ำ


       สุดท้ายเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย








       "รายละเอียดก็มีเท่านี้นะครับ ส่วนคุณคิมฮยอนอาผมนัดเธอให้แล้ว จะให้ชานชิกไปเจอในวันมะรืนที่สวนสนุกน่ะครับ"


       ดูท่าทางคุณกงจะพอใจอย่างมาก พอหันไปเห็นหน้าชานชิกก็ได้แค่ส่งยิ้มเจือนๆไปให้เพราะเจ้าตัวดูไม่อยากจะแต่งเลยสักนิด


       ขอตัวแยกออกมาพร้อมกับเอกสารที่น้อยลงไปถนัดตา เดินขึ้นรถก่อนจะจัดของให้เป็นที่เป็นทางอย่างที่มันควรจะเป็น


       ก๊อกๆ


       เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นชานชิก ผมลดหน้าต่างลงก่อนจะยื่นหน้าออกไป


       "ไปด้วย"


       แค่สองคำสั้นๆ ผมปลดล็อกรถก่อนร่างสูงจะก้าวขึ้นมานั่งข้างๆ


       "จะไปไหนล่ะ"


       เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาทั้งคันก็มีแต่ความเงียบ ผมเองก็ต้องกลับบริษัทเพราะมีงานต้องทำต่อแถมดูเหมือนชานชิกก็น่าจะมีเรียนด้วยดูจากกระเป๋าเป้นั่นแล้ว


       "เมื่อก่อนนายพาพี่ขี่รถเล่นกลายเป็นตอนนี้พี่พานายนั่งรถซะละ"


       ก็เห็นว่าบนรถมันเงียบเลยพูดสร้างบรรยากาศ


       "ถ้าพี่จำได้พี่ก็ควรจำความรู้สึกผมได้นะ"


       ผมเหลือบมองคนข้างๆก่อนจะถอนหายใจออกมา


       "มันจะเป็นไปได้ยังไง นายอาจจะแค่รู้สึกดีก็ได้นะ"


       ผมได้ยินเสียงจิ้ปากดังมาจากคนข้างๆก่อนเจ้าตัวจะเริ่มสาธยายยาวเหยียด


       "งั้นพี่ก็ตอบผมสิ ผ่านมาตั้งหลายปีทำไมพี่ไม่มีแฟนสักที แล้วที่ยังอยู่บ้านเดิมทั้งๆที่ที่ทำงานก็อยู่ตั้งไกลมันคืออะไร ทุกๆตีสองทำไมพี่ต้องออกมานั่งที่ระเบียงพร้อมกับนม ถ้าผมแค่รู้สึกดีแล้วพี่ล่ะแค่รู้สึกดีกับผมรึเปล่า? พี่ตอบผมมา"


       แอบทึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนตามมาตลอด เลี้ยวรถจอดข้างทางก่อนจะตบหน้าคนข้างๆไปเต็มแรง


       ตาคมเบิกขึ้นเล็กน้อยหันมามองก่อนจะนิ่งไป ผมมองอะไรไม่ค่อยเห็นเพราะม่านน้ำตาที่เริ่มก่อแต่ผมก็พยายามกลั้นเอาไว้


       "แล้วทำไมนายไม่รอฟังคำตอบ.. หายไปไหนมาตั้งนาน!"


       เบนสายตาขึ้นพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลแต่มันก็ยากเหลือเดิน ทั้งความรู้สึกดีใจเสียใจมันปนเปกันไปหมด


       "แล้วพี่จะปฏิเสธทำไม"


       มือใหญ่จับเข้าที่กรอบหน้าก่อนจะออกแรงเบาๆให้สบตา
     

       "เราต่างกันเกินไปชานชิก นายเด็กกว่า นายมีพร้อมทุกอย่างแต่พี่ไม่มีอะไรเลย มันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยนายไปเจอคนที่ดี.."


       ยิ่งพูดดูเหมือนตัวยิ่งสั่นมากกว่าเดิม ผมถูกโอบกอดด้วยวงแขนแกร่งของชานชิก ก้มหน้าซุกกับไหล่เขาปล่อยให้น้ำตาไหลในที่สุด


       "สรุปว่าพี่ชอบผมใช่มั้ย"


       พอเริ่มคุมสติตัวเองได้ชานชิกก็ถามคำถามเดิมที่ผมอึกอักจะไม่ตอบมาหลายปี


       "พี่รักนาย ชานชิก"


       พอได้พูดความรู้สึกไปก็เหมือนจะได้ยกภูเขาออกจากอก


       "ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกผมได้มั้ย?"


       ร่างสูงผละกอดออกก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาเม็ดสุดท้ายออกให้ พอผมมองเห็นแววตาของอีกคนใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


       "พี่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็คอยแต่มองหานายแล้ว"


       ยกมือขึ้นลูบไปตามโครงหน้าของอีกคนก่อนจะส่งยิ้มไปให้ ชานชิกไม่ตอบอะไรนอกจากเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากเบาๆ


       "ถ้าอย่างนั้นไปบอกพ่อผมกันว่าผมจะแต่งงาน"


       ตาผมเบิกโตทันทีก่อนจะหลุบลงเหมือนเดิม


       "ขอบคุณที่นายเข้าใจพี่นะ ฮยอนอาเป็นคนดี"


       พูดตามความจริง เพราะจากที่อ่านในประวัติมาแล้วได้คุยสองสามครั้งก็อดติดใจกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้


       "ใครบอกว่าผมจะแต่งกับคนนั้น ผมจะแต่งกับคนตรงหน้าผมตางหาก"


       เหลือบตาขึ้นมองก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้


       "พี่ไม่คิดว่าคุณกงจะยอม"


       ชานชิกส่ายหน้าก่อนจะกุมมือผมไว้


       "ผมทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอดหลายปี แต่เรื่องนี้ผมจะไม่ยอม ผมแต่งงานกับคนที่ไม่รู้สึกอะไรด้วยไม่ได้หรอกนะ"


       อดปริ่มใจกับคนตรงหน้าไม่ได้ ชานชิกโตขึ้นมากจริงๆ มันก็คงจะไม่แย่เท่าไหร่มั้งถ้าจะฝากชีวิตไว้กับหมอนี่น่ะ..


       "ถ้าอย่างนั้นพี่มานั่งตรงนี้ ผมจะพาเจ้าสาวไปหาพ่อ"


       ตีแขนชานชิกไปทีนึงด้วยความเขินกับสิ่งที่ได้ยิน 


       "มานั่งนี่เร็ว"


       พอชานชิกลงจากรถผมก็ปีนไปนั่งฝั่งข้างคนขับ มองวิวข้างทางไปเรื่อยๆพร้อมกับฟังเรื่องที่ชานชิกเล่า







       "ถึงแล้ว"


       มองบ้านหลังโตตรงหน้าก็อดหวั่นใจไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกกลัวทุกอย่างจนปลายนิ้วเย็นเฉียบ


       มองมืออุ่นข้างๆที่กุมมือตัวเองไว้ก็รู้สึกอุ่นใจ ชานชิกบีบมือผมเบาๆก่อนจะจูงเข้าไปในบ้าน


       ก๊อกๆ


       พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณกงนั่งหันหลังให้อยู่ ชานชิกหันมายิ้มให้ผมบางๆก่อนจะจูงเข้าไปในห้อง


       "พ่อครับ ผมจะแต่งงาน"


       คุณกงดูเหมือนจะนิ่งไป เสียงปิดหนังสือดังขึ้นก่อนจะค่อยๆหันหน้ามาทางนี้


       "ผมจะแต่งกับพี่จินยองครับ"


       เผลอบีบมือใหญ่แน่นโดยไม่รู้ตัว คุณกงมีสีหน้าหนักใจมากเมื่อหันมาเห็นผมกับชานชิกจับมือกันอยู่


       "แกแน่ใจนะว่าจะดูแลจองจินยองได้?"


       เงยหน้ามองเสี้ยวด้านข้างของชานชิก เพราะตาคมที่ดูมุ่งมั่นทำให้ผมเชื่อใจไปเกินครึ่งแล้วว่าสามารถฝากชีวิตไว้กับหมอนี่ได้


       "ครับ"


       เสียงทุ้มที่ตอบไปอย่างไม่มีลังเลผมเลยอมยิ้มน้อยๆแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อคุณกงเบนสายตามาสบ


       "จินยองเองก็ชอบกงชานใช่มั้ย?"


       เผลอกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวก่อนจะตอบไปตามหัวใจของตัวเอง


       "ครับ ผมรักชานชิก"


       คุณกงถอนหายใจเล็กๆก่อนจะกลับไปสนใจกับหนังสือเหมือนเดิมท่ามกลางความงงงวยของผมและชานชิกที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหู


       "แปลว่าอะไรอ่ะ?"


       อดถามออกไปไม่ได้เพราะบรรยากาศตึงเครียดเมื่อกี้หายไปจนเกือบหมด


       "มันก็แปลว่า.."


       "แปลว่าพ่อยอมให้เราสองคนแต่งงานกันแล้ว ฝากน้องด้วยนะจินยอง"


       ชานชิกยังพูดไม่ทันจบดีคุณกงก็แทรกขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมคิดว่ามันใจดีเอามากๆ


       ผมโค้งลาก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานเงียบๆ ตอนนี้หัวใจก็ยังเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะตื่นเต้นกับเรื่องเมื่อกี้อยู่เลย


       "ไหนๆเราก็จะแต่งกันละ เข้าห้องหอเลยได้มั้ย?"


       มือใหญ่โอบรอบเอวผมก่อนจะเลื่อนจมูกโด่งๆมาคลอเคลียที่แก้ม ผมดิ้นออกจากวงแขนก่อนจะเขยิบออกมาห่างๆ


       "ไม่ได้พี่ต้องกลับไปทำงาน"


       พูดเสร็จก็เดินไปที่รถก่อนจะควานหากุญแจในกระเป๋า


       "ไม่ต้องทำแล้วไปลาออก ผมเลี้ยงพี่ได้ทั้งชีวิตเลยนะ"


       เสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้ผมหันไปมองก่อนปากหยักจะกดจูบลงมา ขบเม้มไปมาก่อนจะเกิดเสียงน่าอาย ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หลังแนบกับประตูรถ ก็คงจะเป็นตอนที่มือใหญ่ๆลากเข้ามาในเสื้อละมั้ง


       "พี่เป็นของผมนะ ของผมคนเดียว"


       เงยหน้าขึ้นสบตาคมที่มองมาก่อนจะยกสองแขนขึ้นโอบรอบคอหลวมๆ


       "นายก็เป็นของพี่คนเดียวเหมือนกัน"


       เขย่งเท้าขึ้นจุ้บปากหยักก่อนจะผละออกแต่ดูเหมือนอีกคนจะไวกว่า กดจูบลงมาอีกครั้งพร้อมกับลิ้นอุ่นที่ซนไปทั่วทั้งโพรงปาก









       คุณกงที่ยืนมองอยู่จากหน้าต่างห้องก็อดระบายยิ้มออกมาไม่ได้กับความในใจที่ได้เปิดเผยออกมาของทั้งสอง


       ดูเหมือนการจัดฉากครั้งนี้จะทำให้ลูกชายของเขามีความสุขไปอีกนานแสนนาน













    ---The End---










       ฮัลโหล ลืมกันไปรึยังคะ 5555555555 ยังอยู่นะคะไม่ได้ไปไหน❤
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×