ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] B.A.P - Moonstruck

    ลำดับตอนที่ #9 : Moonstruck:: Dark Light #06 (DaexJae)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 59





    Dark Light:: 06

     

    Couple :: DaexJae

    BG :: Owner of  My Heart [Sasha]







    ดวงตากลมโตของใครคนหนึ่งปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากตรวจทานรายละเอียดของสินค้ารุ่นต่อไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งตารางการเปิดตัว คอลเลคชั่นใหม่ที่เตรียมปล่อยในฤดูหนาวซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงแต่ก็ยังดีที่จัดการทันในเวลาที่กำหนด ภาระหน้าที่ที่เขาทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ถือว่ายากลำบากจนเกินไปนัก แม้จะเหนื่อยไปบ้างแต่ก็มีความสุขดี...

     

    ยูยองแจเปิดสาขาแบรนด์นาฬิกาที่เกาหลีมาได้สองปีแล้ว ตลอดเวลาที่บริหารงานอยู่ที่นี่ เขาก็ยังเดินทางไปกลับอเมริกาเหมือนเดิมเพียงแต่เว้นช่วงห่างเป็น 6 เดือนต่อ 1 ครั้งเท่านั้น สาขาใหม่ของ Crystal Drop ที่เกาหลียังไม่ใช่สาขาที่ใหญ่โตนัก แต่เพราะแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงมานาน ทำให้กิจการของบริษัทดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

     

    จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงช่วงที่ผ่านมานี่แหละ คอลเลคชั่นนาฬิกาประจำฤดูใบไม้ร่วงของบริษัทเขาได้รับความนิยมอย่างสูง เรียกได้ว่าเป็นกระแสและฮิตกันในกลุ่มเป้าหมายมากๆ ไม่ใช่แค่บรรดาคนดัง แต่รูปแบบและการดีไซน์อีกทั้งรุ่นต่างๆที่ออกแบบมาหลายราคาเพื่อตีตลาดวัยรุ่นทำให้กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ มียอดขายมหาศาลจนคุณพ่อของเขาถึงกับยิงสายตรงมาจากอเมริกาเพื่อชื่นชมทีมงานโดยเฉพาะ แน่นอนว่าต้องยกเครดิตความสำเร็จให้กับทีมออกแบบไปเต็มๆ และผลตอบรับที่ออกมาดีนี้ก็ทำให้ยองแจประกาศกับทีมออกแบบว่าเขาจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ด้วยตัวเอง...

     

    ‘Finding The Lost Time’

     

    ค้นหาเวลาที่หายไปคือชื่อคอลเลคชั่นประจำฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ผู้บริหารคนสวยยอมรับว่าถูกใจกับชื่อนี้ตั้งแต่แรกที่ได้ยิน เพียงแต่เขาไม่รู้รายละเอียดมากนักเพราะช่วงเวลาที่ทีมออกแบบเสนองานและเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังเป็นช่วงที่เขากลับอเมริกาไปงานแต่งงานพี่ชายและช่วยดูแลโปรเจคต์ในระหว่างที่พี่ของเขาไปฮันนีมูนพอดี งานที่เกาหลีในช่วงนั้น ยองแจจึงมอบอำนาจให้ชเวยองแจ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยและหุ้นส่วนที่ชื่อเหมือนกับเขาเปี๊ยบเป็นคนตัดสินใจแทนทั้งหมด ตัวเขาเองได้แค่อ่านบรีฟ คอนเซปต์และดูตัวอย่างงานแบบคร่าวๆเท่านั้น ซึ่งก็เป็นดีไซน์ที่สวยทันสมัยจริงๆ มากไปกว่านั้นคือ ยองแจรู้สึกว่านาฬิกาทุกเรือนในคอลเลคชั่นนี้แฝงไว้ด้วยข้อความบางอย่างที่ต้องการจะบอกกับเขา...

     

    .

    .

     

    จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนออกแบบมัน อย่างเดียวที่ลึกลับสุดๆเกี่ยวกับคอลเลคชั่นนี้ก็คือคนออกแบบที่ได้ยินมาว่าเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์อิสระ เป็นที่กล่าวขวัญของวงการและเพิ่งจะตอบรับเข้ามาร่วมงานกับบริษัทของเขาเป็นครั้งแรก เขาหรือเธอคนนี้ใช้แค่ชื่อสั้นๆว่า “ดีเจ” (DJ) ทำให้ยองแจไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้เข้าร่วมในโปรเจคต์ตั้งแต่แรกก็เลยไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ยังไงเขาก็ต้องได้เจอตัวจริงของดีเจในวันเลี้ยงฉลองอยู่ดีเพราะเปิดโอกาสให้ทีมออกแบบเป็นคนเลือกร้านกันตามใจชอบไปแล้ว และทั้งทีมก็ยกสิทธิ์ให้กับดีเจ เจ้าของคอลเลคชั่นที่ได้เครดิตมากที่สุดเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง....

     

    “ฮัลโหลคุณหนู ยุ่งอยู่รึเปล่า” เสียงนุ่มน่าฟังของหุ้นส่วนดังขึ้น ตามด้วยเจ้าตัวที่เปิดประตูเข้ามาทักทาย “ทำหน้าเครียดทำไม ฉันส่งแฟ้มสรุปมาให้นายอ่านไม่ใช่ให้ตรวจนะ คอลเลคชั่นพวกนี้ลงตัวแล้วไม่ต้องเครียดนักหรอก ไว้ตอนเข้ากระบวนการผลิตค่อยมานั่งหน้าตูมกันใหม่”

     

    “รู้แล้วล่ะน่า” ปากอิ่มตอบเบาๆ “อ่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจะกลับบ้านล่ะ ปวดหัวนิดหน่อยเลยว่าจะขอกลับก่อน”

     

    “เดี๋ยวสิ นายไม่ได้รอสิ่งนี้อยู่เหรอ” ชเวยองแจหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วยื่นซองจดหมายให้เขาไป ยิ่งเห็นสายตาของเพื่อนรักที่วาววับด้วยความดีใจวูบหนึ่งแล้วก็อดขำต่อไม่ได้

     

    “ฉ..ฉันไม่ได้รอนะ” คุณหนูคนสวยตีหน้ายุ่ง แต่ก็รีบรับซองจดหมายนั้นมาอย่างไว “ทำไมมันไปอยู่ที่นายล่ะ ปกติคุณโอต้องเอามาวางให้ฉันสิ” เขาหมายถึงเลขาส่วนตัว

     

    “ก็จะเอาเข้ามาให้แล้วล่ะ แต่พอดีฉันเห็นก่อนเลยอาสาเอามาให้นายเอง” อีกฝ่ายอมยิ้ม “ทั้งจดหมายทั้งรูป ฉบับที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แดฮยอนนี่สู้ไม่ถอยเลยแฮะ บอกให้นายรอ แล้วเมื่อไหร่เขาจะมาซักทีล่ะ” ชเวยองแจเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนไฮโซสมัยมหาวิทยาลัยที่ยังติดต่อกับยองแจมาจนถึงตอนนี้ เพราะนิสัยที่เหมือนกัน เรียนคณะเดียวกันทำให้พวกเขาสนิทกันมากกว่าคนอื่นๆ ที่สำคัญคือดูเหมือนชเวยองแจจะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ปฏิบัติกับแดฮยอนอย่างเท่าเทียมและเสมอต้นเสมอปลายด้วย

     

    “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” ยองแจตอบปัดๆก่อนจะลุกจากโต๊ะทำงานและสะพายกระเป๋าคู่ใจพร้อมกับเก็บจดหมายลงไปอย่างระมัดระวัง “อยากจะส่งอะไรก็ส่งสิ จะมาไม่มาก็ช่าง ฉันไม่ได้รอเขาสักหน่อย ว่าแต่นายมีธุระอะไร”

     

    “เปล่าหรอก แค่จะบอกว่าทีมออกแบบเขาเลือกร้านเอาไว้แล้ว อาทิตย์หน้าเคลียร์ตารางให้ว่างแล้วไปเลี้ยงฉลองกันได้เลย” คุณหนูคนสวยพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะบอกลาแล้วเดินลงลิฟท์ไป ไม่ทันเห็นท่าทางยิ้มกริ่มของชเวยองแจที่รู้ดีว่าต่อให้ปากแข็งยังไง ลึกๆแล้วในใจเพื่อนของเขาก็ยังคงมีผู้ชายคนนั้นอยู่เต็มเปี่ยม...

     

    .

    .

     

    คันปากอยากบอกจะตายอยู่แล้ว แต่เอาเถอะ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลาของมันเอง...

     

    .

    .

     

    แม้จะบอกว่าไม่สนใจ แต่ทันทีที่ก้าวเข้ามาในรถ มือบางก็หยิบซองจดหมายที่เพิ่งได้ออกมาเปิดดูอย่างกระตือรือร้น ยิ่งเห็นของในรูปถ่ายที่ใส่มากับซองแผ่นนั้น ยองแจก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยน้ำใสขณะมองไปยังแหวนวงเล็กในรูปพร้อมกับข้อความสั้นๆที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม...

     

    รอผมนะ เชื่อใจผม...จองแดฮยอนจะไม่มีวันทำให้คุณเจ็บปวดอีกแล้ว

     

    รูปถ่ายใบที่ 24 พร้อมกับข้อความเดิมๆนับตั้งแต่วันที่คนๆนั้นหายไปจากชีวิตของเขา ยองแจยังจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี วันที่เขาใจสลายเพราะได้ยินคำพูดใจร้ายออกจากปากของจองแดฮยอนจนเจ็บเกินจะรับได้ หลังจากนั้นเขาก็ตัดขาดการติดต่อกับอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง และไม่รู้ด้วยว่าผู้ชายคนนั้นจะพยายามตามหาเขาบ้างรึเปล่า คนอย่างแดฮยอนถ้าพยายามทำอะไรแล้วไม่ยากเกินความสามารถหรอก ยองแจรู้ดี...การที่แดฮยอนหายหน้าไปเองน่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการเจอกับเขาแล้วมากกว่า....

     

    .

    .

    .

     

    จนกระทั่งวันที่คนๆนั้นมาดักรอเขาที่สนามบินในคืนวันที่เขาเดินทางกลับอเมริกา เพื่อไปทำเรื่องย้ายกลับมาอยู่ที่เกาหลีอย่างถาวร...

     

    .

    .

     

    นึกถึงวันนั้นขึ้นมา ริมฝีปากอิ่มก็อดจะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ มือบางเก็บรูปกับจดหมายลงกระเป๋าอีกครั้งก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ไม่ทันเห็นว่ามีร่างโปร่งของใครคนหนึ่งยืนสังเกตอยู่เงียบๆ...

     

    นานเท่าไหร่แล้วที่เขาต้องมองคนในหัวใจอยู่ตามลำพังแบบนี้ ทุกวันได้แต่มองอีกฝ่ายทำงานอย่างขะมักเขม้นเหมือนจะมีความสุขดีเมื่อไม่มีเขา แต่พอเห็นรอยยิ้มที่จุดขึ้นบนริมฝีปากยามได้รับรูปและจดหมายเหล่านั้นแล้ว เขาก็อยากจะเข้าข้างตัวเองอีกหน่อยว่ายองแจตั้งใจรอเขาจริงๆ...

     

    .

    .

     

    2 ปีก่อน จองแดฮยอนได้รับรู้ความจริงทั้งหมดว่ามันเป็นความผิดของเขาเอง จากทิฐิที่ไม่เคยปล่อยวาง และความโกรธที่คิดว่าถูกคนรักเหยียดหยาม ทำให้สร้างบาดแผลลึกเข้าไปในใจยองแจอย่างไม่น่าให้อภัย หลังจากนั่งคิดทบทวนอยู่หนึ่งวันเต็มๆ โฮสต์หนุ่มก็วางเป้าหมายอย่างจริงจัง เริ่มจากการตามไปปรับความเข้าใจกับอดีตคนรักที่บ้าน...

     

    แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะไปดักรอกี่ครั้ง เขาก็ไม่เจอยองแจเลย น้ายูจินแม่บ้านใหญ่ของที่นั่นไม่ยอมบอกว่ายองแจอยู่ที่ไหน เธออ้างว่าเป็นคำสั่งเด็ดขาดของคุณหนูทำให้เปิดเผยอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น แดฮยอนเกือบหมดหนทางและถอดใจเพราะรู้ว่าการทำแบบนี้ก็เหมือนกับตั้งใจจะตัดเขาออกไปจากชีวิตแล้วจริงๆ แต่ใครจะยอมล่ะ เขายังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองสักนิดเลยนี่นา...เมื่อตกอยู่ในภาวะมืดแปดด้าน ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าที่พึ่งสุดท้ายจะต้องเป็นแสงสว่างให้กับเขาได้แน่นอน...

     

    .

    .

     

    เอาอีกละ” ยงฮวากลอกตาขึ้นลงอย่างเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำขอร้องจากคนตรงหน้า “มีเรื่องอะไรก็เดือดร้อนฉันทุกที ไม่รู้จักแก้ปัญหากันเองซะบ้าง คราวยงกุกก็ทีนึงแล้ว กินเพื่อนฉันไปทั้งคนยังจะมีหน้ามาขอให้ฉันช่วยอีก ถ้าไม่เห็นว่าฮิมชานรักหมอนั่นมาก ป่านนี้ฉันสาปส่งไปนานแล้ว ถึงจะเป็นน้องชายนายก็ไม่เว้นหรอกนะยงนัม” ตาคมหันไปมองเป็นเชิงตำหนิ แต่คนถูกตำหนิกลับหัวเราะอย่างขบขัน ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนที่ฮิมชานพักฟื้นหลังผ่าตัดนั้น คนที่เจ้ากี้เจ้าการให้รีบกลับมาหายงกุกไวๆก็คือบอสของเขานี่แหละ

     

    ช่วยลูกหมาเอาบุญหน่อยน่าบอส” ยงนัมกล่าวติดตลก ยิ่งเห็นโฮสต์เบอร์สองยืนหงอยเหมือนลูกหมาจริงๆแล้วก็ยิ่งสงสาร “ไอ้ความช่างยึดติดของมันน่ะไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ดีไม่ดีเกิดมันฆ่าตัวตายกลายเป็นผีมาเกาะขาอาฆาตบอสทั้งวันทั้งคืนจะแย่เอาน่ะสิ

     

    พูดถึงขั้นนี้ก็ต้องช่วยมั้ยล่ะ” ตาคมค้อนอีกฝ่ายขวับใหญ่ก่อนจะกดยุกยิกที่สมาร์ทโฟนอยู่สักครู่ แล้วยื่นให้กับแดฮยอนไป

     

    เอ้า นี่เบอร์กับที่อยู่คอนโดของคุณยู ฉันช่วยได้แค่นี้จริงๆนะแดฮยอน ยังไงนี่ก็เป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่เขาไม่อยากให้เปิดเผย ที่เหลือก็ต้องพยายามด้วยตัวเองแล้ว เข้าใจใช่ไหม

     

    ครับ ขอบคุณมากครับบอส” แดฮยอนกล่าวอย่างดีใจขณะคว้ามือถือของบอสมาดูแล้วบันทึกข้อมูลนั้นลงมือถือของตัวเองอย่างเร่งด่วน ท่าทางร้อนรนเหมือนกับเด็กหนุ่มวัยแรกรักทำให้ยงนัมกับยงฮวาที่หันไปมองหน้ากันอดยิ้มออกมาไม่ได้ ก็เพราะรู้ว่าแดฮยอนรักคุณยูมาตลอดนี่แหละ ถึงได้อยากให้ปรับความเข้าใจกันให้ได้สักที

     

    .

    .

    .

     

    นับตั้งแต่วันนั้นแดฮยอนก็ติดตามความเป็นไปของยองแจตลอด จากที่คิดว่าจะรีบไปปรับความเข้าใจ กลายเป็นการเว้นระยะเพื่อให้ทั้งตัวเขาและยองแจได้ทบทวนชีวิตของตัวเองสักพัก เป็นเวลาเกือบเดือนที่แดฮยอนไตร่ตรองจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีทางหยุดรักผู้ชายคนนี้ได้แน่นอน สุดท้ายเขาจึงทำบางอย่าง บางอย่างที่เขาควรจะทำนานแล้วและต้องทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจไว้...

     

    .

    .

     

    เมื่อถึงวันที่ยองแจเดินทางกลับไปอเมริกาอีกครั้ง โฮสต์หนุ่มก็แอบตรวจสอบวันเวลาและไฟลท์เดินทางของอีกฝ่ายอย่างเรียบร้อย ยองแจเป็นคนรอบคอบ จะต้องมาสนามบินก่อนเวลาหลายชั่วโมง เขาจึงไปดักที่นั่นแล้วก็ได้พบกับคนที่รอคอยในที่สุด...

     

    แดฮยอน ท..ทำไมถึง” เสียงใสซ่อนความตกใจเอาไว้ไม่มิดเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า

    ขอเวลาสักนิดได้ไหม ช่วยฟังผมหน่อยนะ

     

    ฉันไม่มีอะไรจะฟัง แล้วก็ไม่อยากฟังด้วย” ยองแจพยายามตัดรอนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าหัวใจดวงน้อยจะแกว่งไม่เป็นท่าเมื่อเห็นร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งก็ตาม ตลอดเวลาเกือบเดือน เขาไม่ได้กลับไปที่ Moonstruck ไม่ได้เจอกับแดฮยอนและบังคับให้ตัวเองลืมเรื่องทั้งหมด ทั้งที่เกือบจะทำได้อยู่แล้ว แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ทำให้เขาควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้เลย

     

    ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อใจผมอีกแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยเศร้าๆ “แต่ผมมาที่นี่เพื่อจะขอร้องคุณ อยากให้คุณฟังและเชื่อสักนิดว่าทุกคำที่ผมพูดเป็นความจริง” มือใหญ่กุมมือน้อยเอาไว้พร้อมกล่าวอย่างหนักแน่น

     

    ยูยองแจ ที่ผ่านมาผมทำให้คุณเจ็บอย่างไม่น่าให้อภัย ผมมันแค่ไอ้งั่งคนหนึ่งที่จมอยู่กับความเจ็บแค้น ทิฐิและความเกลียดชังในชีวิต ไม่สนแม้กระทั่งจะคิดให้ถี่ถ้วนว่าคนที่รักผมมาตลอดไม่มีทางทำร้ายผมได้ เอาแต่ใช้ความแค้นตอบโต้กลับไปทุกครั้ง

     

    ..........

     

    แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อนไม่ใช่ความผิดของคุณ ดงฮยอกบอกความจริงออกมาหมดแล้ว รวมไปถึงคำพูดพล่อยๆของผมที่ทำให้คุณเข้าใจผิดในวันนั้น มันเป็นแค่สิ่งที่ผมอยากจะพูดเพื่อแก้แค้นดงฮยอกเท่านั้นนะ ทุกคำที่ผมบอกกับดงฮยอกตอนนั้นคือคำโกหก ผมไม่เคยคิดจะใช้คุณเป็นเครื่องแก้แค้น ผมไม่เคยคิดจะเอาคุณเข้ามาอยู่ในบ่วงบ้าๆที่ผมสร้างขึ้นมาเอง ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณเลย....”

     

    .

    .

     

    “ยองแจ...ถ้าผมบอกว่าผมยังรักคุณมาตลอด แม้กระทั่งช่วง 4 ปีที่เราเลิกกัน คุณจะเชื่อผมไหม

     

    ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอย่างสับสน ใบหน้าของแดฮยอน น้ำเสียงที่อ่อนแรงเหมือนจะยอมรับความพ่ายแพ้นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย หน้าตาอันคมคายที่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งทะนงเต็มไปด้วยทิฐิเจือด้วยแววอ้อนวอนอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะลังเลกับคำพูดที่ออกมา แต่มันก็ยากที่จะทำให้เขายอมรับคำสารภาพเหล่านั้นได้อย่างเต็มหัวใจอีกแล้ว

     

    ฉันไม่รู้ ฉันบอกนายไม่ได้หรอก” สุดท้ายน้ำตาหยดน้อยก็กลั่นออกมาจากดวงตากลมโตนั้นจนได้ “เราไม่เคยอยู่ด้วยความเชื่อมั่นต่อกันได้เลย ทุกอย่างที่ร้าวไปแล้ว มันประสานใหม่ไม่ได้อีกแล้ว แดฮยอน...ต่อให้นายคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันก็บอกนายตอนนี้ไม่ได้จริงๆว่าควรจะเชื่อใจนายอีกรึเปล่า” เสียงใสเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งตกใจและสับสนระคนกัน ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของแดฮยอนอ่อนยวบลงไปอีก เขารวบร่างบางมากอดพร้อมกับเอ่ยคำสัญญาอย่างหนักแน่น

     

    อย่าร้องไห้เลยคนดี ผมรู้ว่าความผิดของผมมันเกินให้อภัย” โฮสต์หนุ่มพูดอย่างอ่อนโยน “ผมไม่ขอให้คุณยกโทษให้ผมในตอนนี้ แต่รอผมหน่อยนะ อย่าเพิ่งมีใคร อย่าเพิ่งหมดความเชื่อมั่นในตัวผม จากนี้ไปผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณต้องร้องไห้อีก ผมจะเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อคุณ จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเวลาของเราที่หายไปมันไม่ได้ไร้ค่า แต่อยู่ในความทรงจำของเราเสมอ...ยังไม่ต้องยกโทษให้ผมในตอนนี้ ขอแค่อย่าเพิ่งปล่อยมือจากผมก็พอ ได้ไหมยองแจ นะครับ..

     

    ก...ก็ไม่รู้สิ” ริมฝีปากอิ่มตอบเบาๆในอ้อมกอดเขา “นายพูดจาร้ายกาจให้ฉันได้ยิน หายหน้าไปแล้วอยู่ๆก็กลับมาขอโอกาสแบบนี้ จะให้ทำยังไง ฉันยังบอกอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

     

    ไม่เป็นไร ขอแค่เชื่อใจผมก็พอ” เมื่อเห็นคนตรงหน้ามีท่าทีอ่อนลง แดฮยอนก็คลายวงแขนแล้วเปลี่ยนเป็นจับมือหลวมๆอย่างมั่นใจขึ้น “ถึงวันนั้นที่ผมพิสูจน์ตัวเองได้เมื่อไหร่ ผมจะกลับมาหาคุณ”......

     

    .

    .

     

    นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่แดฮยอนให้ไว้กับคนรักของเขา ก่อนที่มันจะล่วงเลยมาถึงสองปี...

     

    หลังจากวันนั้น จองแดฮยอนก็ตัดสินใจลาออกจาก Moonstruck อย่างเป็นทางการ แม้จะแลกมาด้วยคำบ่นมหาศาลของยงฮวาว่ารายได้ในคลับจะต้องหายไปกว่าครึ่ง แต่สุดท้ายบอสผู้น่ารักก็ยอมให้เขาลาออกแต่โดยดี นั่นเป็นเพราะยงฮวารู้ว่าทางที่เขาจะเดินคือทางที่เขาเลือกเพื่ออนาคตและคนที่รัก จึงไม่คิดจะรั้งอะไรเอาไว้อีก การเดินออกจากงานที่มั่นคงเพื่อไปเสี่ยงกับหนทางอื่นข้างหน้ามันก็อันตรายไม่น้อยไปกว่ากันหรอก ในเมื่อแดฮยอนกล้าทำแบบนั้น ยงฮวาเองก็ยอมรับการตัดสินใจของเขาแถมยังบอกอีกว่าจะช่วยเท่าที่สามารถช่วยได้

     

    ด้วยดีกรีนักเรียนทุนสาขาออกแบบดีไซน์ที่จบมาพร้อมกับเกรดเฉลี่ยสูงลิบลิ่ว ทำให้แดฮยอนรู้ว่าเขาควรจะเดินต่อไปในทางไหน ถึงจะใช้เวลา 4 ปีไปกับการเป็นโฮสต์ แต่ความสามารถด้านดีไซน์และความรู้ที่เรียนมาก็ยังคงเต็มเปี่ยมอยู่ในสมอง เดิมทีเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานเป็นพนักงานบริการตลอดไปอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่าง ชายหนุ่มก็จะลองดีไซน์สินค้าต่างๆที่ตัวเองสนใจ ไม่เว้นกระทั่งนาฬิกาที่เขาออกแบบขึ้นมาเล่นๆเพื่อเก็บเป็นประวัติผลงานและเพราะคิดถึงใครบางคน...

     

    แดฮยอนปัดฝุ่นความรู้ของเขาอีกครั้ง เริ่มด้วยการนำเสนอผลงานให้กับบริษัทเล็กๆและต้องเรียนรู้วิธีการทำนาฬิกาด้วย เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะก้าวเข้าไปเดินบนเส้นทางสายการออกแบบ จนกลายเป็นนักออกแบบอิสระและสร้างชื่อให้กับตัวเองภายใต้พยัญชนะสองตัวสั้นๆนั่นก็คือ ‘DJ’ ผลงานหลายชิ้นได้รับความนิยมและถูกกล่าวขวัญว่ามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ชื่อของเขาถูกพูดถึงภายในเวลาสองปีจนในที่สุด เมื่อทีมผลิตของ Crystal Drop สาขาเกาหลีติดต่อมา แดฮยอนก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปร่วมงานด้วยทันที...

     

    .

    .

     

    ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณจองยงฮวาด้วยที่หาเส้นสายให้เขาได้อย่างรวดเร็วทันใจ อาจเป็นเพราะบอสรูปหล่อเบื่อจะรอแทนยองแจแล้วก็ได้ถึงพยายามยัดตัวเขาเข้าไปในบริษัทนั้นให้เร็วที่สุด...

     

    .

    .

     

    คำสัญญาที่แดฮยอนให้กับคนรักเอาไว้ เขาไม่เคยลืมเลือนเลย ทุกๆเดือนเมื่อครบรอบวันที่ทั้งคู่คบกัน แดฮยอนจะส่งรูปและจดหมายไปให้ยองแจ เนื้อความก็คือประโยคเดิมๆที่บอกให้รอเขา แต่รูปที่ให้นั้นกลับเป็นรูปที่แสดงถึงความทรงจำที่ทั้งคู่มีต่อกัน ของทุกอย่างของยองแจ สัมผัสและทุกอย่างที่สื่อถึงเจ้าของหัวใจของเขา จองแดฮยอนจำมันได้ทั้งหมดก่อนจะถ่ายเป็นรูปส่งไปให้ยองแจเดือนละใบด้วยความมั่นใจที่ว่า ยองแจเองก็คงไม่ลืมความทรงจำต่างๆที่อยู่ในนั้นด้วย

     

    ซึ่งก็คิดเอาไว้ไม่ผิดจริงๆ แม้ช่วงแรกที่ส่งไปเขาจะไม่รู้ว่ายองแจจะประทับใจกับมันหรือเปล่า แต่หลังจากแอบมาทำงานที่ Crystal Drop และได้ลอบมองอีกฝ่ายเงียบๆ แดฮยอนก็พอจะรู้ว่ายองแจยังไม่ลืมเขาเลย...

     

    .

    .

    .

     

    อดีตโฮสต์หนุ่มยิ้มบางๆให้กับภาพที่เห็น จากนี้ไปคงไม่ต้องพึ่งรูปถ่ายใบที่ 25 แล้ว เพราะมันถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองเพื่อทวงหัวใจที่หวงแหนกลับคืนมา.....

     

    .

    .

    .

     

    ------------------------------------------------------------------------------

     

     

    บรรยากาศในวันศุกร์เย็นของอาทิตย์นี้ดูรื่นเริงเป็นพิเศษเมื่อทีมออกแบบพร้อมใจไปเลี้ยงฉลองตามที่ท่านประธานตัวเล็กกับหุ้นส่วนที่ชื่อเหมือนกันรับปากเป็นเจ้าภาพออกค่าอาหารเครื่องดื่มให้ แต่เนื่องจากยองแจติดธุระเล็กน้อยจึงส่งข้อความบอกให้ชเวยองแจพาลูกน้องล่วงหน้าไปก่อน ตัวเขาพอคุยธุระเสร็จแล้วจะโทรถามชื่อร้านและตามไปทีหลังอีกที.....

     

    เวลาล่วงเลยมาจนถึงหัวค่ำ บนรถเก๋งสีขาวทันสมัยปรากฏร่างบางของคนขับที่กำลังขับไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดสุดๆ หลังจากดินเนอร์กับลูกค้าแล้ว ยองแจก็โทรถามเพื่อนถึงร้านที่ทุกคนจะไปเลี้ยงฉลองกัน และคำตอบที่ได้รับจากชเวยองแจเพื่อนรักนั้นก็คือ...

     

    มาที่ Moonstruck นะ นายดินเนอร์แถวคังนัมด้วยนี่ ขับมาจากโรงแรมก็ไม่ไกลหรอก เร็วๆนะยองแจ ทุกคนรอนายอยู่

     

    เดี๋ยวก่อน นายว่าที่ไหนนะ” เสียงใสตวัดขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองได้ยินไม่ชัด แต่เมื่อเพื่อนรักย้ำชื่อร้านอีกครั้งชนิดที่ลงลึกไปถึงแก้วหูเขา ยองแจก็มั่นใจแล้วว่าได้ยินไม่ผิดแน่

     

    .

    .

    .

     

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น ชายหนุ่มก็ไม่ได้กลับไปที่คลับอีกเลย ถึงจะไม่ชอบบรรยากาศแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Moonstruck เป็นคลับที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ พนักงานทุกคนสุภาพและบริการดีโดยเฉพาะโฮสต์เบอร์หนึ่งอย่างยงนัมที่คอยเป็นเพื่อนคุยกับเขาตลอด...แต่ยังไงก็ตาม การที่จองแดฮยอนเคยอยู่ที่นั่นทำให้เขาไม่อยากจะกลับไปเผชิญกับอดีตที่ทำให้ลืมไม่ลงอีก

     

    ยองแจได้รับข้อความจากแดฮยอนในจดหมายฉบับที่ 4 ว่าเขาลาออกจาก Moonstruck แล้ว ไม่มีรายละเอียดมากกว่านั้นและขอให้เชื่อใจเขาเหมือนเดิม...คิดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร คุณหนูคนสวยก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนแรงทุกครั้งไป แม้ไม่คิดจะรอในตอนแรก แต่จดหมายที่ส่งมาทุกเดือนก็สร้างความหวังขึ้นมาเรื่อยๆ จนเมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขากลับเป็นฝ่ายนับวันรอจดหมายกับรูปถ่ายใบน้อยๆนั่นซะเอง...

     

    ไม่รู้ว่าโง่หรือเปล่าที่ยังคงรอคนๆนั้นอยู่
    รออย่างมีความหวัง ด้วยหัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    .

    .

     

    รถเก๋งคันหรูเลี้ยวเข้ามาถึงจุดหมายหลังจากวางโทรศัพท์ของเพื่อนไปไม่นานเท่าไหร่ เมื่อฝากกุญแจให้กับเด็กรับรถไปแล้ว ร่างเล็กก็เดินขึ้นไปที่ห้องวีไอพีช้าๆ ตากลมมองไปรอบๆเหมือนจะซึมซับบรรยากาศเดิมๆที่คุ้นเคย ตัวคลับยังสร้างบรรยากาศดีน่านั่งเหมือนเดิม แต่ที่ยองแจสงสัยก็คือ ทำไมนายดีเจอะไรนั่นถึงได้มีพาวเวอร์ขนาดขอเปิดห้องเลี้ยงฉลองที่นี่ได้ อย่างที่บอกว่า Moonstruck ไม่ใช่คลับระดับกระจอกที่ใครคิดจะมาเที่ยวก็เที่ยวได้ง่ายๆอย่างแน่นอน ถามถึงค่าจัดเลี้ยง อันนี้ไม่ต้องห่วงเพราะยองแจมีจ่ายให้เหลือเฟือ จะหรูหรากว่านี้เขาก็จ่ายให้ได้ แต่มันแปลกตรงที่มาจัดในนี้นี่แหละ ปกติ Moonstruck จะไม่รับปิดห้องเลี้ยงฉลองอะไรทั้งสิ้นเพราะยงฮวารักษามาตรฐานการเป็นคลับชั้นพรีเมียมที่สแกนคนอย่างเข้มงวด ขนาดห้องธรรมดายังไม่ให้จัด แล้วนี่มันห้องวีไอพีซึ่งต้องเป็นลูกค้าวีไอพีเท่านั้นถึงจะเหยียบย่างเข้ามาได้ ดีไซเนอร์อิสระคนนั้นทำได้ยังไง...นี่มันไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ....

     

    .

    .

    .

     

    “คุณยูครับ” เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นทำให้ยองแจหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติ ปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาอย่างสดใสเมื่อเห็นคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ยงนัมยังคงหล่อกระชากใจเหมือนเดิมไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี และนั่นก็ทำให้เขาคิดถึงอีกคนขึ้นมาด้วย...ถ้าแดฮยอนยังอยู่ก็คงจะหล่อมากขึ้นกว่าเดิมเหมือนกัน...

     

    “ได้ยินว่าห้องวีไอพีที่จัดเลี้ยงเป็นของบริษัทคุณใช่ไหมครับ ตอนแรกที่เดินเข้าไปไม่เห็นคุณ ผมก็นึกว่าจะไม่ใช่ซะแล้ว”

     

    “พอดีมาทีหลังน่ะครับ” ท่านประธานคนสวยหัวเราะน้อยๆ “มีนัดกับลูกค้าก็เลยให้เขามากันก่อน ว่าแต่ผมไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าที่นี่รับจัดเลี้ยงด้วย”

     

    “ปกติก็ไม่จัดหรอกครับ” ยงนัมหัวเราะตอบ “แต่เพราะคนที่มาขอเปิดห้องเป็นคน พิเศษของที่นี่ บอสก็เลยยอมให้จัด กำลังสนุกกันอยู่ข้างในนั่นแน่ะ รีบไปเถอะครับเดี๋ยวจะไม่ทัน”

     

    แม้จะรู้สึกตะหงิดกับคำพูดของอีกฝ่ายนิดๆ แต่ยองแจก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ร่างโปร่งสาวเท้าไปยังห้องวีไอพีที่อยู่ส่วนในสุดของชั้น เพราะบานประตูที่เปิดแง้มทำให้เสียงของคนข้างในที่ดูเหมือนกำลังสุนทรพจน์อะไรบางอย่างอยู่เล็ดลอดออกมา น้ำเสียงที่ติดตรึงในหัวใจนั้นทำเอาเขาตัวชาวาบจนต้องหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง

     

    “ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสผมร่วมโปรเจคต์ในครั้งนี้นะครับ ตัวของผมเองก็ชื่นชอบ Crystal Drop อยู่แล้วจึงไม่ลังเลที่จะมาร่วมออกแบบคอลเลคชั่น Finding The Lost Time ในครั้งนี้เลย”

     

    .

    .

    .

     

    บ้าไปแล้ว...จะเป็นเขาได้ยังไง...

     

    .

    .

    .

     

    “มีคนถามผมมาบ้างแล้วว่าแนวคิดของคอนเซปต์นี้คืออะไร ผมแค่บอกไปคร่าวๆว่ามันคือการค้นหาเวลาที่หายไป เพราะนาฬิกาที่ติดอยู่กับตัวเราก็เหมือนย้ำเตือนเรื่องราวในชีวิตอยู่เสมอ...แหม นี่ผมจริงจังไปรึเปล่าครับเนี่ย”

     

    มีเสียงหัวเราะดังก้องขึ้นในห้อง แต่ยองแจที่ยืนอยู่ข้างนอกกลับขาแข็งจนไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป เขาไม่รู้จริงๆว่าพร้อมจะเผชิญหน้ากับคนๆนั้นรึเปล่า เพราะความรู้สึกที่เก็บมาตลอดจนแทบล้นมันพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ แล้วถ้าไม่ใช่คนๆนั้น มันจะน่าผิดหวังขนาดไหน...

     

    “ถึงยังไงผมก็ตั้งใจจะพูดจริงๆครับ ตัวผมเคยทำเวลาที่มีค่าหายไปเพียงเพราะความผิดพลาดของตัวเอง แนวคิดในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมาเพื่ออยากจะบอกใครคนหนึ่ง...คนที่ผมทำให้เขาต้องเสียใจมาตลอด คนที่ผมอยากจะบอกว่าตลอดเวลา 10 ปีทีรู้จักกับเขามา ตัวตนของเขาไม่เคยหายไปจากใจของผมเลย...”

     

    พอแล้ว ยูยองแจทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำเสียงทุ้มเข้มเจือด้วยความนุ่มนวลบีบหัวใจเขาจนยากที่จะอดทนต่อไปอีก ชั่วขณะนั้นเองที่ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ดวงตาหวานก็สบเข้ากับเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่กลางห้อง พร้อมกับคำพูดที่ทำให้หัวใจน้อยๆสั่นสะเทือนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

     

    .

    .

    .

     

     

    “เขาคนนั้นก็คือคุณยูยองแจ คนรักของผมเองครับ...”

     

     

     

    TBC

     

    ------------------------------------------------------------------------------

     

    ขอโทษกับความยืดย้วยนี้ 5555555 ตอนแรกคิดว่าจะจบในตอนนี้แน่นอน ต่อให้ยาวก็คิดว่าคงยาวไม่มากน่าจะเอาให้จบในตอนเดียวได้ แต่พอเขียนจริงๆคิดว่าแบ่งเนื้อเรื่องเป็นครึ่งได้เลยค่ะ ก็เลยยกไปไว้อีกตอนดีกว่าเนาะ เราไม่อยากรวบให้จบกลัวว่าจะห้วน ขอบรรยายแบบย้วยไปดีกว่า ใครคิดว่ามันยืดเกินไปต้องอภัยด้วยนะคะ ที่ยาวเพราะเราพยายามจะถ่ายทอดสิ่งที่คิดไว้ในหัวให้ครบถ้วนมากที่สุดเลยยืดมาก 555555555 แต่ตอนหน้าจบแล้วจริงๆค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะคะ ติชมได้ที่เดิมเช่นเคยหรือเมนชั่นมาก็ได้ ดีใจที่อ่านกันค่ะ^^ เจอกันตอนจบนะค้า~

     

    ปล. เพลงที่เปิดในตอนเป็นเพลงที่เราชอบและคิดว่าฟีลมันเข้ากับตอนดีก็เลยอยากเปิดคลอเอาไว้ แต่ใครที่ไม่ชอบฟังเพลงไปด้วยก็กดปิดได้นะคะ^3^

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×