คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Silk:: 07
07
Couple :: LoDae
BG :: When I fall in Love [Matthew Deane]
https://www.youtube.com/watch?v=P19sqAgo26A
แดฮยอนมองเด็กหนุ่มตัวสูงที่เดินนำหน้าเขาและมองซ้ายมองขวาดูบรรยากาศรอบข้างด้วยความตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าคงไม่ค่อยได้เข้าเมืองหลวงเท่าไหร่....ผู้จัดการหนุ่มอดยิ้มกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้ จุนฮงทำให้เขาคิดถึงเพื่อนๆในสถานเด็กกำพร้าตอนที่เขายังเป็นเด็ก หลายๆคนเต็มไปด้วยความร่าเริงและสดใส ยังคงมองโลกในแง่ดี แต่หลายคนก็ผ่านอดีตที่เจ็บปวดมาเหมือนกัน เช่นเขาเป็นต้น
“พี่แดฮยอนกินข้าวมาหรือยังฮะ” จุนฮงหันมาถามเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะเพลิดเพลินกับการเดินบนถนนมากไป ก็วิวแบบนี้มันหาได้ยากแถวบ้านเขานี่นา หิมะตก ผู้คนเดินกันขวักไขว่ มีของกินเต็มข้างทาง ร้านกาแฟสวยๆน่ารักเต็มไปหมด ถึงแถวบ้านเขาจะไม่ได้ห่างไกลความเจริญก็เถอะ แต่บรรยากาศแบบนี้ ยังไงก็ต้องเดินในโซลจริงๆ ยิ่งถ้ามีคนที่อยากเดินด้วยแบบนี้แล้วล่ะก็...ให้เดินตลอดคืนก็ยังไหว
“กินมาแล้ว” คนตรงหน้าเขาตอบสั้นๆ “นายล่ะกินมารึยัง ไปหาอะไรกินก่อนก็ได้นะ”
“ไม่ต้องๆ” จุนฮงโบกมือ “ผมยืนรอพี่ตั้งนาน หาอะไรกินจนพุงกางแล้วล่ะ”
“ทำไมต้องมายืนรอฉันด้วย” แดฮยอนเสมองไปทางอื่น ตอนที่เด็กโย่งนี่อยู่ตรงหน้าเขา บอกตรงๆว่าตกใจมาก อย่างแรกคือนึกไม่ถึงว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ และอย่างที่สองก็คือ ไม่รู้ทำไมเขาถึงนึกภาพจุนฮงขึ้นมาได้...
“ก็เห็นว่าพี่ยงกุกจะเข้าเมืองมาหาพี่ฮิมชาน ผมเลยขอติดรถมาด้วย” เขาตอบสบายๆ หิมะตกเบาๆและอากาศก็ไม่ได้หนาวถึงขั้นจะทำร้ายคนที่เดินอยู่กลางแจ้ง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็เย็นพอตัวเหมือนกัน
“ปกติทุกปีใหม่เราจะกลับไปอยู่กับที่บ้านน่ะครับ ที่ผ่านมาพี่ยงกุกก็กลับไปที่บ้านของเขา พี่จงออบก็ด้วย ส่วนผม....” เขามองไม่ผิดใช่ไหม ทำไมเด็กนี่ถึงได้ทำหน้าเศร้าๆล่ะ “ผมไม่ค่อยชอบกลับบ้านเท่าไหร่ก็เลยหาเรื่องเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ ดีว่าปีนี้พี่ยงกุกเข้ามาในโซล” จุนฮงยิ้มเบิกบาน “ผมก็เลยขอติดรถเข้ามา อยากจะลองฉลองปีใหม่กับคนเมืองหลวงซะหน่อย”
อ้อ...สรุปว่าอยากจะมาเก็บบรรยากาศเฉยๆ ไม่คิดจะมาหาเขาแต่แรกสินะ....อยู่ดีๆแดฮยอนก็เซ็งขึ้นมาตะหงิดๆ ถึงจุนฮงจะตัวสูงและมีร่างกายที่เติบโตสมส่วนแล้ว...ในความคิดของเขาน่ะนะ...แต่ในความเป็นจริงคนๆนี้ก็ยังอายุน้อยอยู่ดี น่าแปลกที่เขาดูเป็นอิสระมากกว่าเด็กทั่วๆไปที่อยู่ในวัยเดียวกันซะอีก เผลอๆจะมากกว่าเขาด้วยซ้ำ
“นายคงเบื่อที่จะเดินคนเดียวล่ะสิถึงได้มารอฉัน” แดฮยอนตอบกึ่งประชด “คนอื่นเขาไม่ได้ว่างเหมือนนายทุกคนหรอกนะ ฉันก็ต้องกลับบ้านเหมือนกันแหละ นายเองก็กลับบ้านไปหาพ่อแม่ได้แล้ว วันปีใหม่ควรอยู่ฉลองกับครอบครัวมากที่สุดรู้รึเปล่า”
“ผมไม่มีครอบครัว”....เขายิ้มเศร้าๆ คำตอบนั้นเล่นเอาคนที่ตั้งใจจะประชดอึ้งไปถนัดใจ “ไม่ใช่สิ...ป้าของผมก็คือคนในครอบครัว...แต่...ผมกลัวเขา...ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น” ชั่วขณะหนึ่งที่เสียงของจุนฮงดูอ้างว้างจนน่าใจหาย แต่แล้วเขาก็กลับมายิ้มสดใสดังเดิม ตาแป๋วๆนั้นยังจ้องมองแดฮยอนอยู่ไม่ห่าง
“อย่าไปสนใจเลยครับ มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก” เด็กหนุ่มว่าก่อนจะมองไปที่มือบางของคนข้างๆ เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าแดฮยอนไม่ได้ใส่ถุงมือ....ได้ยังไงกัน สงสัยตอนที่เก็บของเข้ารถคงลืมติดถุงมือออกมาด้วย...
“ไม่หนาวเหรอเนี่ย” คนตัวสูงเปรยก่อนจะกุมมือนุ่มทั้งสองขึ้นมาเป่าให้เบาๆ “พี่เป็นผู้จัดการได้ไง ป้ำเป๋อชะมัด มานี่ เอาถุงมือของผมไปใส่” ว่าแล้วจุนฮงก็ถอดถุงมือตัวเองแล้วจัดการสวมให้มือบางนั้นทันที ขนาดต่างกันนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก เนื้อของไหมพรมมันยืดหดได้ อย่างน้อยก็อุ่นกว่าเดินกลางหิมะทั้งมือเปล่าๆแน่นอน
“ล...แล้วนายไม่หนาวเหรอ เอาถุงมือมาให้ฉันใส่” แดฮยอนจ้องมือตัวเองอย่างอึ้งๆ แล้วก็ยิ่งอึ้งขึ้นไปอีกเมื่อมือยาวของเด็กหนุ่มสอดเข้ามาประสานมือข้างหนึ่งของเขาซะแน่น ก่อนจะจับจูงไปยังทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คน
“ผมก็จับมือพี่อีกทีไง เท่านี้ก็หายหนาวแล้ว....ไปเดินตรงนั้นกันดีกว่าฮะ ไฟสวยจัง”......
.
.
.
แดฮยอนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากปล่อยให้คนตรงหน้าพาเดินไปเรื่อยๆ แม้จุนฮงจะชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย แต่ชายหนุ่มก็เพียงแต่นิ่งเงียบและรับฟังอยู่เฉยๆ หากภายในใจกลับมีคำถามดังก้อง...
ใครก็ได้บอกที ทำไมเขาต้องใจเต้นขนาดนี้ด้วย....
--------------------------------------------------------------------------
นาฬิกาที่ข้อมือแดฮยอนบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง เพราะเป็นวันสิ้นปี บริเวณคอนโดของฮิมชานก็ยิ่งมีคนคึกคัก ไฟสีสวยถูกฉายออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ เขากับจุนฮงเองก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้นเหมือนกัน ดูเหมือนว่ายิ่งเดิน เขาก็จะยิ่งลืมว่าเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงๆแล้ว เพราะคนที่เดินอยู่ด้วยรึเปล่านะ จุนฮงเอาแต่มองแล้วก็ติโน่นชมนี่ไปเรื่อยๆจนเขาเพลิดเพลินไปกับคำพูดนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ระหว่างทางที่เดินกลับมาที่รถ ใครบางคนก็มาฉุดแขนของเขาเอาไว้
“เฮ้ แดฮยอน...ฉันเอง จำได้มั้ย”
เมื่อแดฮยอนกับจุนฮงหันไปมองเจ้าของเสียงก็พบหนุ่มตาตี่คนหนึ่งกำลังส่งยิ้มกลับมาให้เขาอย่างอารมณ์ดี คนถูกทักถึงกับยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็น ทำไมแดฮยอนจะจำเพื่อนสนิทวัยเด็กของเขาไม่ได้ล่ะ
“จีซู นายเองเหรอ” ผู้จัดการหนุ่มหันไปคว้ามือเพื่อนมาเขย่าทันที “ไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย สบายดีมั้ย”
“ดีมากเลย” อีกฝ่ายยิ้มแป้น “ตั้งแต่ที่นัดกันตอนเรียนจบนั่นก็ไม่ได้เจอกันเลย นายก็สบายดีใช่มั้ย”
แดฮยอนยืนคุยกับเพื่อนในวัยเด็กของเขาอย่างเพลิดเพลิน จะบอกว่าพัคจีซูเป็นคนเดียวที่เขาสนิทด้วยตอนอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าก็ไม่น่าจะผิดนัก ทั้งคู่เกิดวันเดือนเดียวกัน จะอ่อนแก่ก็แค่ปีสองปีเท่านั้น เมื่อถึงวันเกิดก็เลยฉลองด้วยกันอยู่เสมอ จนเมื่ออายุ 12 ปี เขาก็ย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวฮิมชานและแยกจากเพื่อนของเขาตั้งแต่นั้น....
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะคุยกับจีซูอย่างสบายใจไปหน่อย จนลืมอีกคนที่ยืนรออยู่นานแล้ว....
อากาศยิ่งดึกก็ยิ่งเย็น มือใหญ่ซุกเข้ากับกระเป๋าแจ็กเกตครั้งแล้วครั้งเล่า ลมหายใจที่พ่นออกจากริมฝีปากก็เป็นควันหม่นๆในอากาศ จุนฮงเอาแต่ถูมือไปมาด้วยความหนาว อันที่จริงอากาศหนาวน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ที่น้อยใจนิดๆก็คือหน้าที่เบิกบานของคนข้างๆเวลาที่คุยกับเพื่อนนั่นแหละ พี่แดฮยอนไม่เห็นเคยมองเขาแบบนี้เลย...
จริงอยู่ที่เขาเพิ่งเคยเจอกับแดฮยอนแค่สองครั้งนับตั้งแต่รู้ว่ายงกุกคบกับคิมฮิมชาน แต่อย่าลืมว่าตัวเขานั้นเป็นแฟนคลับของฮิมชานมาก่อน บางครั้งเวลานั่งดูรูปต่างๆของฮิมชานที่แฟนๆถ่ายมาก็จะเห็นหน้าของแดฮยอนโผล่มาบ้าง แม้จะเบลอหน้าให้ แต่ก็มีหลายครั้งที่แฟนคลับของฮิมชานเองกลับตั้งใจถ่ายแดฮยอนมาโดยเฉพาะ ก็หน้าตาของเขาจัดว่าดียิ่งกว่าดี มีแฟนคลับตั้งเป็นไซต์ส่วนตัวให้ก็ยังทำมาแล้ว แถมของขวัญที่ได้ก็ยังไม่น้อยไปกว่าฮิมชานเท่าไหร่ นี่ขนาดเป็นแค่ผู้จัดการนะ
แล้วทำไมตัวเขาจะสนใจแดฮยอนบ้างไม่ได้ อย่างที่เคยบอกยงกุกนั่นแหละ แฟนคลับก็ส่วนแฟนคลับ คนที่สนใจนั่นก็อีกเรื่อง....
จุนฮงเป็นแฟนคลับของคิมฮิมชาน แต่กลับถูกจองแดฮยอนดึงดูดความสนใจไปจนหมด...
ร่างสูงยังคงยืนรอคนตรงหน้าคุยกับเพื่อนอย่างเงียบๆ ในใจหาข้อแก้ตัวไปเรื่อยๆ ไม่ได้เจอกันนาน จะยืนคุยกันจนเพลินก็ไม่แปลก...เพียงแต่ว่า...
อย่ายิ้มแบบนี้ให้คนอื่นได้ไหม....
อย่ามอบรอยยิ้มที่เขายังไม่เคยได้ตอบกลับมาสักครั้งให้กับใคร
มันทำให้เขาอิจฉา....
“พี่แดฮยอนฮะ” จุนฮงเรียกคนตรงหน้าเบาๆ แดฮยอนหันมามองแว่บหนึ่งโดยไม่ได้สนใจอะไรนัก ด้วยความน้อยใจ เด็กหนุ่มก็เลยตัดสินใจพูดออกมา
“ผมกลับก่อนนะ...”
“อื้อ อยากไปก็ไปสิ” แดฮยอนรับคำส่งๆ เข้าใจว่าจุนฮงจะไปเดินเล่นแถวนี้ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร ถึงจะรู้สึกแปลกๆในน้ำเสียงนั้นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ไม่มีอะไรต้องคิดจริงๆ เขาแค่คุยกับเพื่อน ในเมื่อไม่ได้เจอกันนานก็ต้องถามสารทุกข์สุขดิบกันหน่อย ถามถึงเพื่อนคนอื่นๆด้วยก็เลยคุยนานกว่าปกติเท่านั้นเอง....
รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าร่างสูงที่ยืนข้างๆหายไปแล้ว....
“อ้าว จุนฮงไปไหนแล้วล่ะ” ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวา ไหนบอกจะเดินอยู่แถวนี้ไง
“เด็กที่อยู่กับนายน่ะเหรอ เมื่อกี้เขาบอกว่าจะกลับก่อนไง แล้วก็เดินออกไปแล้ว” จีซูขมวดคิ้วแล้วมองเพื่อนวัยเด็กด้วยท่าทีประหลาดใจ ยิ่งเห็นใบหน้าของแดฮยอนแสดงอาการตกใจออกมาก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“นายบอกเองเขาเองว่าอยากไปก็ไป ฉันก็นึกว่าเป็นเพื่อนที่ผ่านมาเจอกันเหมือนกัน ตกลงพวกนายมาด้วยกันเหรอ” เขาถาม
“บ้าจริง ฉันเข้าใจผิด” แดฮยอนรำพึงกับตัวเองแล้วรีบหมุนตัวเดินกลับไปทางเก่าทันที เขาหันมาตะโกนลาจีซูที่ยังคงงยืนงงก่อนจะเดินหาจุนฮงอย่างรีบร้อน...ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้สักหน่อย ป่านนี้งอนจนเดินหลงทางไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ผู้จัดการหนุ่มเดินมาเรื่อยๆจนหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ไม่ไกลจากแถวนั้นนัก สายตาจับจ้องที่แผ่นหลังใหญ่ เขาเห็นจุนฮงยืนทำปากยู่แก้หนาวอยู่ตรงนั้น มือซุกเข้ากับเสื้อโค้ทสีน้ำตาลไหม้และกำลังเตะกระป๋องใบหนึ่งอย่างหงอยเหงา
ร่างเล็กเดินเข้าไปกระตุกเสื้อโค้ทคนตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะซบลงกับแผ่นหลังนั้น จุนฮงสะดุ้งแล้วหันมาด้วยความตกใจ แต่แดฮยอนก็ยังแนบแก้มของเขาอยู่ที่เดิม ไออุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากเด็กคนนี้ทำให้เขามีความสุขอย่างประหลาด...
“พ....พี่แดฮยอน”
“จะไปไหน”
“จะกลับแล้วฮะ”
“ทำไมรีบกลับจังล่ะ”
.
.
.
“ไหนบอกว่าอยากจะฉลองปีใหม่กับฉันไง”...
-----------------------------------------------------------------------
“ทำไมอยู่ดีๆถึงคิดจะกลับ” ชายหนุ่มพูดทำลายความเงียบขึ้นมาในระหว่างขับรถ หลังจากทำใจกล้าบอกประโยคนั้นออกไปแล้ว จุนฮงก็ได้แต่เลิกคิ้วมองเขา ไม่ได้พูดอะไรต่อและเดินตามกลับมาที่รถเงียบๆ
“ผมเห็นพี่ยืนคุยกับเพื่อนก็เลยคิดว่า...”
“คิดว่าฉันจะคุยจนลืมนายเหรอ?”....นั่นไง จี้ใจดำจริงๆด้วย แดฮยอนเหลือบไปมองแล้วก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังจิกมือตัวเองอย่างประหม่า หน้าก้มมองที่ตักและไม่คิดจะเงยขึ้นมาสบตาเขา ไม่สมกับเป็นจุนฮงเลย ปกติต้องพูดแจ้วๆใส่เขาแล้วสิ เข้าใจอะไรผิดไปเยอะเลยสินะ
“จีซูเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันเอง” ปากอิ่มเล่าเรื่องราวให้เขาฟังอย่างเรียบๆ “เราไม่ได้เจอกันมาเจ็ดแปดปีแล้วก็เลยคุยกันเพลิน แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเมินนายหรอกนะ”
“ผมเข้าใจครับ” เขาพยักหน้าน้อยๆ “ขอโทษนะที่ทำตัวเป็นเด็กๆ ผมแค่อยาก....”
“อยากอะไร?”
.
.
.
จ๊อก...
.
.
.
ท้องเจ้ากรรมดันร้องออกมาซะงั้น จุนฮงยิ้มเรี่ยราดก่อนจะเอามือตบท้องตัวเองดังปุ....ไอ้บ้านี่ มาร้องอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้
“แหะๆ อยากกินข้าว” เขาหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายจนตาหยี ที่บอกว่ากินจนพุงกางไปแล้วตอนที่ยืนรอน่ะผิดถนัดเลย เขาแค่กินขนมปังไปก้อนเดียวเท่านั้น ตอนเดินถนนก็กินอะไรไปนิดหน่อย จะบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลยก็คงไม่ผิด
แดฮยอนอดยิ้มออกมาไม่ได้...
“ใกล้จะถึงบ้านฉันแล้ว” เขาหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “เดี๋ยวต้มบะหมี่ให้กินก็แล้วกันนะ นายเดินเยอะคงจะหิวแล้วสิ”
“ผมกินได้หมดเลยครับ ถ้าพี่ทำให้” โอย จุนฮงน้ำตาจะไหล อยากจะขอบคุณท้องที่ร้องออกมาจริงๆ ในที่สุดพี่แดฮยอนก็ยิ้มให้เขาแล้ว....ไม่คิดไม่ฝันว่ารอยยิ้มนั้นจะดูเจิดจ้าขนาดนี้...เอาน่ะ สถานการณ์อาจจะเน่าหนอนไปหน่อยแต่ได้รอยยิ้มกลับมาก็ถือว่าคุ้มแล้ววะ
บรรยากาศในรถกลับมาอบอุ่นอีกครั้งเมื่อจุนฮงส่งเสียงโอดโอยว่าหิวแค่ไหน ในที่สุดแดฮยอนก็ขับรถมาถึงบ้านของเขา นี่เป็นบ้านส่วนตัวของเขาเอง มันเป็นบ้านชั้นเดียวแต่มีอาณาเขต มีรั้วและบริเวณพอสมควร ไกลจากตัวเมืองไปหน่อยแต่ก็สงบและสบายตรงกับที่เขาต้องการ แม้จะไม่ได้กลับมาบ่อยๆเพราะปกติต้องค้างที่คอนโดของฮิมชาน แต่นี่ก็เป็นบ้านที่เขาได้ผ่อนคลายมากที่สุดแล้ว ชายหนุ่มกะว่าจะนอนที่นี่ก่อนแล้ววันรุ่งขึ้นค่อยเข้าบ้านไปหาคุณพ่อคุณแม่ตามที่ได้บอกกับดาราดังเอาไว้
“บ้านพี่สวยจังเลยฮะ น่าอยู่ดีเนอะ” ร่างโย่งก้าวลงจากรถแล้วมองไปรอบๆอย่างชื่นชม “แล้วคุณพ่อคุณแม่พี่ล่ะฮะ ครอบครัวล่ะ ผมมารบกวนที่บ้านพี่รึเปล่า”
“ฉันไม่มีพ่อแม่หรอก เป็นเด็กกำพร้าเหมือนนายนั่นแหละ” แดฮยอนตอบเอื่อยๆ ไม่สนใจตาของจุนฮงที่จ้องกลับมาอย่างอึ้งๆ “พ่อแม่ของฮิมชานรับฉันมาเป็นลูกบุญธรรมน่ะ จริงๆเราอยู่กันอีกบ้านนึง แต่หลังนี้เป็นบ้านส่วนตัวของฉันเอง ฮิมชานซื้อให้เพราะรู้ว่าฉันอยากได้ที่ที่เป็นส่วนตัวบ้าง”
“ขอโทษครับ ผมไม่รู้มาก่อน” เด็กหนุ่มลดเสียงเบาลงและเกาท้ายทอยอย่างลำบากใจ แต่แดฮยอนกลับหัวเราะ เขาไม่เคยคิดมากกับเรื่องนี้เลยจริงๆ เมื่อก่อนอาจจะมีบ้าง แต่ครอบครัวของฮิมชานก็ดูแลเขาอย่างดี ฮิมชานเองแม้จะไม่ใช่คนที่มนุษยสัมพันธ์ดีนักแต่ก็ยอมเปิดใจให้เขา และอาจเป็นเพราะบุคลิกที่คล้ายๆกัน เขากับฮิมชานก็เลยเข้าใจกันเป็นพิเศษ
“อย่าใส่ใจเลย ตอนนี้ฉันมีความสุขดี เข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวต้มบะหมี่ให้กิน” ร่างโปร่งพาจุนฮงเข้าไปข้างใน เด็กหนุ่มแอบยิ้มกับตัวเองนิดๆขณะมองการตกแต่งบ้านที่เรียบง่ายแต่ก็มีรสนิยม ดูสมกับเป็นแดฮยอนอย่างมาก อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองจริงๆว่าเขาเป็นคนแรกที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้....ถ้าไม่นับฮิมชานนะ
.
.
.
กลายเป็นว่าคืนนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ กลับเป็นการปรึกษาปัญหาชีวิตกันไปซะได้...
หลังจากกินข้าวมื้อดึกเสร็จ แดฮยอนกับจุนฮงก็มานั่งเขินกันเองอยู่บนโซฟาตัวนุ่มกลางบ้าน ทั้งคู่นั่งดูโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดบรรยากาศการนับถอยหลัง....ใช้คำว่าจ้องเฉยๆดีกว่า เพราะถึงตาจะดู แต่พวกเขาก็ไม่ได้ซึมซับเนื้อหาที่อยู่ในทีวีเลยแม้แต่นิดเดียว
“พี่แดฮยอนฮะ” ในที่สุดจุนฮงก็ตัดสินใจทำลายความเงียบ “ถ้าผมจะขอให้พี่เล่าเรื่องของพี่ให้ฟัง พี่จะเล่าให้ผมฟังได้มั้ย....คือว่า...ผม....อยากรู้เรื่องของพี่เยอะๆน่ะฮะ แต่ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ ผม...แค่...อยากรู้เรื่องพี่เท่านั้นเอง”
“ทำไมถึงอยากรู้ล่ะ สนใจฉันมากเหรอ” ดวงตาคมหันมามองประกายตาใสปานลูกแก้วนั้น ไม่ใช่ไม่อายนะที่พูดแบบนี้ แต่เขาเองก็พอจะเดาได้หรอก ก็แววตาของจุนฮงไม่เคยปิดบังอะไรได้เลยนี่นา
“มากกว่าสนใจอีกฮะ” นี่แน่ะ กล้าถามก็กล้าตอบ จุนฮงเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่เป็นไปได้สำหรับเขา การที่แดฮยอนยอมให้เขามาที่บ้านก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ถูกเกลียด เหลือแต่ใช้ลูกตื๊อเล็กน้อย แต่เขาไม่รีบหรอก แค่ได้อยู่กับพี่แดฮยอนก็เกินความฝันของเขาแล้ว
“ฉันถูกทิ้งตั้งแต่อายุสามขวบแล้ว หลังจากนั้นก็อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า” แดฮยอนอธิบาย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเปิดเผยเรื่องส่วนตัวออกมาให้เด็กคนนี้ฟัง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อึดอัดใจที่จะพูด อาจเพราะบรรยากาศรอบตัวจุนฮงที่ทำให้เขาผ่อนคลาย และเบื้องหลังของครอบครัวที่ไม่ต่างกันด้วยก็เป็นได้
“จีซู เพื่อนฉันที่ยืนคุยกันก่อนหน้านี้น่ะ ก็เป็นเพื่อนในบ้านเด็กกำพร้าเหมือนกัน เราโตมาด้วยกันก็เลยสนิทกันมากกว่าคนอื่น พออายุ 12 พ่อแม่ของฮิมชานก็รับอุปการะฉัน พวกท่านดีกับฉันมากจริงๆ รวมถึงฮิมชานด้วย” ผู้จัดการหนุ่มเหม่อถึงอดีตก่อนจะเล่าไปเรื่อยๆ “ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อแม่ คุณป้าที่พาฉันมาเลี้ยงที่บ้านเด็กกำพร้าก็เลยตั้งชื่อให้ใหม่ ตัวตนจริงๆฉันเป็นใคร ฉันเองก็ยังไม่รู้เลย”
“พี่เคยเศร้าหรือเสียใจกับชีวิตของพี่บ้างมั้ย” เด็กหนุ่มถาม
“ไม่หรอก ก่อนหน้านี้อาจจะเสียใจหรือน้อยใจบ้าง แต่ตอนนี้ฉันไม่คิดถึงมันอีกแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ที่บ้านเด็กกำพร้าก็ไม่แย่ อยู่กับฮิมชานก็ไม่เลวร้าย....แค่นิสัยบางอย่างของเขาเท่านั้นแหละที่เหลือรับไปหน่อย แต่ฉันก็ชินแล้ว แล้วนายล่ะ...” เขาถามกลับ
“ผมอยู่กับป้าตอนห้าขวบครับ” จุนฮงเริ่มเล่าบ้าง และถือโอกาสนี้ทำเนียนลงไปหนุนตักคนข้างๆซะเลย แดฮยอนสะดุ้งเมื่อเห็นเขาทำแบบนั้น พอขยับปากจะห้าม จุนฮงก็รีบพูดต่อทันที
“ขอผมนอนแบบนี้ได้มั้ย อยากจะนอนแบบนี้มานานแล้ว....” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนใจนั่งเฉยๆ เขาก็เล่าต่อ
“พ่อแม่ของผมรถคว่ำ ผมก็เลยมาอยู่กับคุณป้า....แต่มันไม่ได้เป็นครอบครัวอย่างที่ผมคิดไว้เลย ป้าทุบตีผม ตบตีผม ไม่เคยสนใจว่าผมจะเป็นจะตายยังไงด้วยซ้ำ เขาคงมองเห็นผมเป็นภาระ....” เด็กหนุ่มยิ้มเศร้าๆก่อนจะกล่าวต่อไป “รู้มั้ยว่าผมน่ะเกเรมากเลยนะ ชกต่อย ขโมยของ โดดเรียน ทำอะไรแย่ๆอีกเยอะแยะเลย”
“มองไม่ออกเลยนะ” แดฮยอนสบตาเขาอย่างอึ้งๆ นิ้วเรียวสอดเข้าไปพันกับผมนุ่มที่อยู่บนตักอย่างเผลอไผล “ตอนนี้นายไม่มีคราบเด็กเลวเลยซักนิด”
“เป็นเพราะพี่ยงกุกครับ” จุนฮงหัวเราะลั่น “เขาเจอผมตอนโดนนักเลงรุมเลยช่วยเอาไว้ แถมยังด่าผมซะยกใหญ่อีก เหมือนการ์ตูนลูกผู้ชายเลยเนอะ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ พี่เขาสอนให้ผมพึ่งตัวเองแล้วก็ไม่หันไปทำอะไรที่ผิดๆอีก ผมไม่ชอบกลับบ้าน พี่เค้าก็เลยชวนมาอยู่ด้วย ในเมื่อครอบครัวไม่สนใจผม ผมก็ต้องอยู่คนเดียวให้ได้ นั่นแหละฮะ พอเค้าชวนผมทำงาน ผมก็เลยมาเป็นลูกมือให้พี่เค้าเลย”
“อย่างงี้นี่เอง” ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ นอกจากจะเข้าใจคนตรงหน้ามากขึ้น เขายังเข้าใจความเป็นยงกุกมากขึ้นอีกด้วย....ผู้ชายแบบนี้หายาก...คนที่จิตใจดีและมีความอบอุ่นให้กับคนอื่นเสมอ...ในโลกนี้อาจเหลืออยู่ไม่กี่คนและยงกุกก็เป็นหนึ่งในนั้น ขอบคุณฟ้าจริงๆที่ทำให้เขามาเจอกับฮิมชาน
เสียงจากโทรทัศน์ดังแว่วเข้ามาว่าทุกคนเตรียมจะนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กันแล้ว...ปีนี้เป็นปีแรกที่เขาเคาท์ดาวน์คนเดียว...ไม่ใช่สิ แค่เป็นปีแรกที่เขาไม่ได้เคาท์ดาวน์กับฮิมชานเท่านั้นเอง
“จุนฮง...จะปีใหม่แล้วนะ ลุกขึ้นมาเถอะ มานับถอยหลังกันได้แล้ว” แดฮยอนเรียก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงกรนเบาๆของเด็กหนุ่มที่นอนหนุนตักเขาอยู่ตอนนี้....เมื่อผู้จัดการหนุ่มก้มลงไปมองก็เห็นภาพที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น จุนฮงกำลังหลับและกุมมือของเขาอย่างเป็นสุข เพราะขาที่ยาวเกินปกติทำให้เขาต้องงอมันนิดๆแต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะทรมานเท่าไหร่ เพราะมุมปากนั่นยิ้มน้อยๆเหมือนคนกำลังฝันดีด้วย...
ห้านาทีสุดท้ายก่อนจะผ่านปีใหม่ไป แดฮยอนทำได้แต่มองภาพนี้อยู่เงียบๆ แล้วก็ก้มลงไปกระซิบที่หูเด็กหนุ่มเบาๆ
“สวัสดีปีใหม่นะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของนาย...ของฉัน...แล้วก็ของเราด้วย”....
.
.
.
สบายชะมัด!
ชเวจุนฮงบิดขี้เกียจอย่างสบายอารมณ์ แต่เมื่อยืดเท้าออกไปก็พบว่ามันติดพนักอะไรสักอย่าง...ถึงได้นึกออกว่านี่มันไม่ใช่เตียงที่บ้านของเขา
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเข้มๆดังมาเข้าหู....ลืมไปเลยว่าเมื่อคืนมานับถอยหลังปีใหม่กับพี่แดฮยอน...แปลกแฮะ จุนฮงจำไม่เห็นได้ว่าเขาสวัสดีปีใหม่พี่แดฮยอนไปหรือยัง...
บ้าจริง...เมื่อคืนเผลอหลับไปเลยนี่หว่า....
“นายหลับข้ามปีเลย ฉันไม่อยากปลุกก็เลยปล่อยนายนอนไป แล้วก็เอาผ้าห่มมาห่มให้”....แดฮยอนพูดกับเขาเหมือนรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ได้บอกว่านะตัวเองก็นั่งดูผู้ชายตรงหน้าหลับอีกกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยลุกไปนอนเหมือนกัน...
“ไปล้างหน้าแล้วค่อยมากินข้าวสิ” เจ้าของบ้านพูดเรื่อยๆ มือก็เตรียมข้าวเช้าไปด้วย “ฉันเตรียมผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันไว้ให้แล้ว”
เด็กโย่งนั่งมึนอยู่สักพักแล้วลุกเข้าห้องน้ำไป หลังจากจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกมานั่งกินข้าวเช้าเงียบๆ บรรยากาศไม่ได้ตึงเครียด แต่ดูเหมือนว่าจุนฮงจะอายมากกว่า
“เป็นอะไร” ผู้จัดการหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบผิดปกติ
“ผมอายอ่ะ” จุนฮงวางตะเกียบแล้วยกมือปิดหน้า “ทั้งที่อยากจะเคาท์ดาวน์กับพี่แท้ๆแต่ดันหลับเฉยเลย นอนกรนน้ำลายยืดมั่งป่าวก็ไม่รู้ โอ๊ย อาย”
“ไม่เห็นต้องอายเลย” อีกฝ่ายหัวเราะ “หน้านายตอนหลับก็ไม่ได้แย่นักหรอก” แดฮยอนพูดหน้าตาเฉย พยายามกลั้นยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงไปถึงใบหู เห็นแล้วก็นึกถึงคำที่ฮิมชานเคยบอกกับเขาว่าอย่าทิ้งโอกาสถ้าเห็นมันอยู่ตรงหน้า....เขาไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้อย่างจริงจัง....คราวนี้จะลองเชื่อมันสักหน่อยได้รึเปล่านะ?
นี่เป็นปีใหม่ที่จองแดฮยอนมีความสุขจริงๆ บางทีอาจจะสุขมากกว่าตอนที่อยู่กับฮิมชานด้วยซ้ำ....
.
.
.
จุนฮงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะบอกลาแดฮยอน ถึงปีนี้จะผิดแผนไปนิดนึง แต่ก็ไม่เลวร้ายอะไรนัก เพราะบรรยากาศในเช้าวันแรกของปีใหม่ก็อบอุ่นและเจือด้วยความหวานเบาๆ เพียงพอที่จะชดเชยกับสิ่งที่เขาพลาดไปในคืนก่อนได้เหมือนกัน
“ผมกลับก่อนนะครับ” จุนฮงว่าพลางเกาท้ายทอยด้วยความเขิน ดูเหมือนว่านี่จะเป็นท่าประจำที่เขาทำเมื่ออยู่ต่อหน้าแดฮยอนไปซะแล้ว “ขอบคุณที่ยอมให้ผมอยู่ด้วยนะฮะ ถึงผมจะหลับไปทั้งคืนเลยก็เถอะ”
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร” ผู้จัดการหนุ่มตอบขณะเปิดประตูรั้วให้เขา แต่เมื่อจุนฮงจะเดินออกไป เขาก็เรียกเอาไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน”
“.......”
“เอามือถือนายมานี่” เขาพูดเรียบๆขณะแบมือออกไปขอสิ่งที่ต้องการ จุนฮงหยิบสมาร์ทโฟนให้คนตรงหน้าไปด้วยทีท่างงๆ ยิ่งเห็นแดฮยอนกดอะไรบนมือถือของเขาก็ยิ่งงงมากขึ้นไปอีก หลังจากกดเสร็จ ชายหนุ่มก็ส่งคืนมาให้พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“ฉันบันทึกเบอร์ของฉันลงในเครื่องนายแล้วนะ เดี๋ยวมิสคอลกลับมาด้วยล่ะ”
จุนฮงก้มลงมองเบอร์โทรศัพท์อย่างสงสัยแล้วถามออกไป “นี่ไม่ใช่เบอร์ที่ผมได้จากพี่ยงกุกนี่ฮะ”
“ไม่ใช่หรอก” แดฮยอนตอบสั้นๆ “เบอร์นั้นฉันเอาไว้ติดต่อเฉพาะเรื่องงาน ส่วนที่ให้นายไปนี่...มันเป็นเบอร์ส่วนตัวของฉันเอง”
ร่างสูงก้มลงมองเบอร์นั้นอีกครั้งแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แปลว่าถ้าผมจะโทรคุยกับพี่ ก็ใช้เบอร์นี้ได้ใช่มั้ยฮะ”
“อื้อ”
“แชทกับพี่ก็ได้ใช่มั้ยฮะ”
“อื้อ”
“ส่งคลิปส่งอะไรไปให้ พี่ก็ไม่ว่านะ”
“อื้อ”
“ขอหอมแก้มทีได้มั้ย”
“อื้อ..เฮ้ย...”
ช้าไปแล้ว...กว่าแดฮยอนจะรู้ตัว ริมฝีปากบางของจุนฮงก็ก้มลงไปจูบแรงๆที่แก้มเขาเรียบร้อย เด็กหนุ่มใช้โอกาสที่เขาเผลอจุ๊บที่แก้มอีกข้างหนึ่ง ผิวเข้มๆที่เข้มอยู่แล้วเลยแดงยิ่งขึ้นไปอีก....โอย น่ารักเป็นบ้า....
“ขอบคุณมากนะฮะ” ร่างสูงโอบร่างโปร่งนั้นเบาๆ เขาไม่ได้อยากทำอะไรเกินเลยจริงๆ แดฮยอนได้แต่ยืนอึ้ง ตั้งแต่เกิดมาก็มีคนมาชอบเขาไม่น้อย ทั้งผู้ชายผู้หญิงนั่นแหละ แต่อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานและบุคลิก ทำให้ไม่มีใครกล้าถึงเนื้อถึงตัวเขาสักคน....แล้วเด็กคนนี้ทำได้ยังไงกัน....
“พี่พักผ่อนเถอะ ผมไม่รบกวนแล้วล่ะ จากนี้ไปเดี๋ยวผมต่อรถไปขึ้นรถบัสกลับบ้านเองได้ ขอบคุณนะฮะที่ให้ผมอยู่กับพี่ทั้งคืน ลืมบอกไปเลย สวัสดีปีใหม่นะฮะ” จุนฮงคลายอ้อมกอดออกแล้วล่ำลาคนตรงหน้า ก่อนจะกระชับเสื้อโค้ทให้เรียบร้อยและเดินออกจากบ้านไปด้วยความสุขที่ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่...
.
.
.
พี่ยงกุกของเขาเจอกับพี่ฮิมชานวันเดียวก็ขึ้นเตียงกันไปแล้ว เขาต้องเจอกับพี่แดฮยอนตั้งสามครั้งแน่ะถึงจะได้จูบ แถมยังแค่จูบแก้มอีกต่างหาก....เอาเถอะ หอมชะมัดเลย เท่านี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้วล่ะ~
End
ยาวเบย 55555 อย่าลืมฟังเพลงกันนะคะ^^
ความคิดเห็น