ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] B.A.P - Silk

    ลำดับตอนที่ #7 : Silk:: 06

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 58





    Silk:: 06

     

    Couple :: BangChan
    BG :: Things I'd Like To Do With My Lover (Feat. Eddie Shin of Aziatix)(English Ver.) [G.NA]
    https://www.youtube.com/watch?v=_yd9kg8n5Dk

     

     

     

     

    Purple Lilac

     

     

     

    ร่างสูงแบบสมส่วนนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ร้านกาแฟข้างๆอพาร์ทเมนต์หรูย่านใจกลางกรุงโซล ในมือพลิกหนังสือเล่มโปรดที่เอาติดมาด้วยเพื่ออ่านฆ่าเวลา ขนาดรีบเดินทางมาแล้วแต่รถก็ยังติด แถมมีหิมะตกด้วยก็เลยไม่ทันงานแถลงข่าวของฮิมชาน ยงกุกจึงตัดสินใจฝากช่อดอกไม้ให้แดฮยอนไปก่อนที่ตัวเขาเองจะมานั่งรอที่นี่ ร้านกาแฟที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงและเป็นสถานที่ที่เขามารอฮิมชานทุกครั้ง อย่างที่บอกว่าชายหนุ่มเองก็ไม่ใช่จะหน้าตาขี้เหร่ ระหว่างที่เขานั่งอ่านหนังสืออยู่จึงมีสาวๆแอบมองแถมยังซุบซิบกันเป็นระยะ

     

    ถึงแล้ว’ ข้อความจากแอพพลิเคชั่นแชทส่งสัญญาณขึ้นมาทำให้เขาละสายตาออกจากหนังสือที่อ่าน ยงกุกอดยิ้มไม่ได้หลังจากเปิดข้อความนั้น และยิ่งเห็นข้อความถัดมา เขาก็ถึงกับหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่

     

    มาหาเดี๋ยวนี้เลย ห้ามนั่งโอ้เอ้อ่อยสาวนะ

     

    ‘เดี๋ยวออกไปแล้ว’ นิ้วเรียวพิมพ์ตอบกลับไป ‘รอผมแป๊บนึง’ ยงกุกจัดการเก็บแก้วกาแฟไปทิ้งให้เรียบร้อยก่อนจะเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อออกมาหน้าร้านก็เห็นหิมะตกปรอยๆเป็นสีขาวสวย อันที่จริงเขาก็อยากจะจูงมือเหมียวน้อยแล้วพาไปเดินเล่นเหมือนกับคนอื่นนั่นแหละ แต่อย่างว่า คนดังอย่างฮิมชานต่อให้แต่งตัวมิดชิดหรือใส่เฟอร์ฟูเป็นตัวเยติก็ยังมีคนจำได้อยู่ดี โดยเฉพาะในโซลน่ะนะ

     

    ขายาวก้าวไปเรื่อยๆ เดินเลี้ยวตรงมุมถนนเพื่อจะตรงไปยังอพาร์ทเมนต์หรูของคนที่รอเขาอยู่ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอคนที่คิดถึงยืนอยู่ตรงนั้นพอดี

     

    “ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” ยงกุกถามด้วยความสงสัย “เดี๋ยวคนอื่นเขาจะเห็นเอานะ”

     

    “ก็ใครล่ะ บอกให้รีบมาก็ไม่มา มัวแต่เดินทอดน่องอยู่ได้” ฮิมชานตวัดเสียงใส่เขา แต่แขนกลับสอดเข้าไปโอบเอวไว้แน่น โชคดีที่หิมะตก ทุกคนบนท้องถนนจึงใส่เสื้อโค้ทและพันผ้าพันคอเกือบทั้งนั้น การปรากฏตัวของดาราดังในเวลาสั้นๆจึงไม่เป็นที่สังเกตมากนัก  “รีบไปกันเถอะ ขึ้นไปกินข้าวกัน ฉันให้แดฮยอนเตรียมไว้ให้แล้ว”

     

    “อื้อ” ยงกุกยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะเหมียวน้อยของเขาเบาๆ ก่อนจะจูงมือบางนั้นเดินไปตามทางเข้าตึก ถึงจะแค่ไม่กี่วินาที แต่เขาก็ได้เดินบนถนนท่ามกลางหิมะกับฮิมชานอย่างที่ตั้งใจไว้แล้วล่ะนะ....

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “จะกลับบ้านเหรอแดฮยอน ทำไมไม่อยู่ด้วยกันก่อนล่ะ” ฮิมชานส่งเสียงแจ้วๆมาจากแพนทรีขณะกำลังล้างจาน เมื่อเห็นแดฮยอนใส่เสื้อโค้ทสะพายกระเป๋าออกมาจากห้องตัวเอง เขาก็ถามด้วยความสงสัยทันที

     

    “อืม กลับดีกว่า ฉันว่าจะเอาของขวัญของนายไปเก็บด้วย นี่ล้นห้องแล้วนะ ยิ่งใกล้ปีใหม่ยิ่งได้มาอีกบานเลย” เขาเดินเข้าไปในห้องเก็บของแล้วหอบถุงของขวัญสองถุงใหญ่ๆออกมา  “พรุ่งนี้ปีใหม่ กะว่าจะเข้าไปไหว้คุณพ่อคุณแม่ด้วยเหมือนกัน” แดฮยอนหมายถึงพ่อแม่ของฮิมชานที่เป็นพ่อแม่บุญธรรมของเขาด้วย

     

    “ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะว่าอีกสองสามวันฉันจะไปหา” ฮิมชานบอกก่อนจะถอดถุงมือล้างจานและแขวนผ้ากันเปื้อนให้เรียบร้อย และหันไปหัวเราะยงกุกที่พยายามแขวนอุปกรณ์ประดับเข้ากับต้นคริสต์มาสมุมห้องอย่างเก้ๆกังๆ แดฮยอนมองภาพทั้งสองคนแล้วก็ต้องยิ้มออกมา...มองๆดูก็คล้ายคู่แต่งงานใหม่เหมือนกันแฮะ...

     

    “ฉันไปก่อนนะ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะฮิมชาน ยงกุก”

     

    “อื้อ” ...แน่ะ ขนาดตอบยังตอบพร้อมกันอีก ผู้จัดการหนุ่มหัวเราะแล้วเดินออกจากห้องหรูนั้นมา แน่นอนว่าเขาไม่อยากขัดจังหวะของทั้งสองคนซึ่งต่อจากนี้น่าจะใช้เวลา ‘ส่วนตัว’ กันไปจนถึงเช้า  ปกติแล้วทุกๆปีใหม่เขาก็จะนั่งเคาท์ดาวน์กับฮิมชานนั่นแหละ ทุกปีที่ผ่านไปไม่มีอะไรพิเศษมาก ปีนี้ฮิมชานเจอคนพิเศษของเขาแล้ว แต่แดฮยอนสิยังไม่เจอเลย.....

     

     

    น่าแปลกที่อยู่ดีๆเขาก็คิดถึงเด็กคนนั้นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ....

     

     

    .

     

     

    .

     

     

     

    “ผมช่วยถือมั้ย?”

     

     

     

    เอ๊ะ?...

     

     

     

    “พี่แดฮยอน ถุงของขวัญตั้งสองสามถุงหนักนะฮะ ให้ผมช่วยถือดีกว่า”.....

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย???

     

    แดฮยอนหันไปมองต้นเสียง เห็นใบหน้าในความคิดของเขากำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆก่อนจะคว้าถุงของขวัญในมือเรียวนั้นมาอย่างถือวิสาสะ แล้วจุนฮงก็อธิบายในสิ่งที่เขากำลังงงอยู่พอดี

     

    “ผมมากับพี่ยงกุกครับ แต่แยกกันเพราะพี่เค้าไปซื้อดอกไม้ให้พี่ฮิมชาน พยายามจะโทรหาพี่แต่พี่ก็ไม่รับเลย คงเพราะเป็นเบอร์แปลกใช่มั้ย ขอโทษนะฮะที่ขอเบอร์จากพี่ยงกุกมาโดยไม่ได้ถามพี่ก่อน”....ก็ไม่รู้จะถามจากไหนนี่นา...เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองอย่างเขินๆ

     

    “แล้วนี่มารอตั้งแต่เมื่อไหร่  ทำไมไม่ขึ้นไปข้างบนล่ะ ยงกุกก็อยู่ด้วย นายเข้าไปได้อยู่แล้ว ฮิมชานไม่ว่าอะไรหรอก” อากาศหนาวออกอย่างงี้แต่เด็กคนนี้ยังอุตส่าห์มายืนข้างนอก เพียงเพื่อจะรอให้เขาลงมาเนี่ยเหรอ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะลงมารึเปล่าด้วยเนี่ยนะ???

     

    “ผมเกรงใจ คือยังไงก็รอข้างล่างดีกว่า” จุนฮงยิ้มจนตาเป็นเส้นตรง “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่หนาวหรอก แค่ไปยืนอยู่ในร้านสะดวกซื้อข้างๆนี่ พอพี่ลงมา พี่ยงกุกก็โทรบอก” เขานิ่งไปซักพักก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก

     

     

     

    “พี่แดฮยอน....”

    “ว่ายังไง”

    “คืนนี้อยู่ฉลองปีใหม่กับผมได้ไหม”

    “..........”

    “แต่ถ้าผมรบกวนพี่...ก็...ไม่เป็นไรฮะ”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    แดฮยอนนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ

     

    “เอาถุงของขวัญมาให้ฉัน”....

    “.........”

     

    “บอกให้เอาถุงของขวัญมาไง” เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นจุนฮงกำถุงนั้นแน่นเหมือนจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ “เอามา ฉันจะเอาไปใส่ในรถ....”

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “แล้วเดี๋ยวเราค่อยออกไปเดินเล่นด้วยกันก็ได้”

     

     

    --------------------------------------------------------------------

     

     

    ดาราดังยืนมองต้นคริสต์มาสของตัวเองที่ถูกย่ำยีจนดูไม่จืดด้วยสีหน้าแสนจะเอือมระอา ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ต้องผลักคนตรงหน้าออกแล้วจัดแจงตกแต่งใหม่จนพอใจขณะที่ปากก็บ่นยงกุกไปด้วย...บ้านไม่เคยเล่นต้นคริสต์มาสใช่มั้ยเนี่ย แต่งออกมาอย่างกับหญ้าคลุมป่าช้า...

     

    “เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเอากล่องพวกนี้ไปเก็บก่อน” ฮิมชานว่าพลางเก็บกล่องที่ใส่อุปกรณ์ประดับขึ้นมา แต่อีกคนกลับปัดกล่องนั้นทิ้งแล้วสวมกอดเขาเบาๆจากด้านหลัง.....

     

    .

     

     

    .

     

    “เหมียวน้อย”

     “หือ”

     “ไม่งอนผมแล้วใช่ไหม”

     “พูดอะไร ฉันก็ไม่ได้งอนตั้งแต่แรกแล้วนี่”

     “ไม่เชื่ออ่ะ แดฮยอนบอกผมว่าคุณนั่งตาขวางไม่ยอมคุยกับใครเลย”

     “ก็อยากไม่มาเองทำไม เอาแต่ดอกไม้กับข้อความเฉิ่มๆมาขอโทษ คิดว่าจะหายเหรอ”

     

    “ข้อความเฉิ่มๆงั้นเหรอ” ยงกุกหัวเราะเบาๆแล้วกดจมูกลงกับแก้มใสๆอย่างหมั่นเขี้ยว “ถึงจะเฉิ่มแต่ผมก็รู้นะว่าคุณชอบ...ขอโทษนะที่มาไม่ทัน พยายามแล้วแต่รถมันติดมากเลย”

     

    “ช่างเถอะ” ฮิมชานหันตัวกลับมาแล้วยกมือขึ้นทาบกับหน้าอกเขา “อย่างน้อยนายก็มา ถ้าจะต้องขับรถเร็วๆฝ่าหิมะเพื่อมาหาฉัน ฉันก็ไม่ต้องการหรอกนะ”

     

    “แล้วก็....” ร่างสูงกระซิบแผ่วขณะไล้นิ้วโป้งไปตามปากบางสีสด สองตาจ้องมองดวงตาเรียวที่แวววาวเป็นประกายสวยเหมือนดวงดาวนั้น “ผมไม่ได้ลืมวันครบรอบของเรานะ ถึงจะผ่านมาเดือนกว่าแล้วก็เถอะ ฉลองรวบยอดวันนี้คงไม่ผิดใช่มั้ย”

     

    “ฉันนึกว่านายจะลืมไปแล้ว...” คนในอ้อมกอดตอบเสียงอ่อย “ถ้าจำไม่ได้จะเหวี่ยงให้บ้านแตกเลย”

     

    “วันสำคัญของเรา ทำไมผมจะจำไม่ได้....ชาน...” ยงกุกเรียกชื่อเขาก่อนจะหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ของขวัญจากผม ถึงมันจะไม่มีราคาแต่ผมก็เลือกด้วยตัวเองนะ” เขาว่าก่อนจะหยิบสร้อยเส้นเล็กๆห้อยด้วยจี้รูปหัวใจดวงน้อยออกมาจากกล่อง มันเป็นของเบสิคที่ชายหนุ่มรู้ดีว่าฮิมชานคงได้รับของแบบนี้จากแฟนคลับนับไม่ถ้วนแล้ว แต่หัวใจดวงนี้พิเศษที่สุด เพราะมันเป็นหัวใจของเขาเอง....

     

    ฮิมชานจ้องใบหน้าอันคมคายที่สาละวนอยู่กับการใส่สร้อยให้เขาอย่างเงียบๆ มือขาวซีดยกขึ้นลูบแก้มอุ่นนั้นเบาๆ จนเมื่อยงกุกสบตาเขา ริมฝีปากสีแดงสดก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข

     

    “ขอบคุณนะ สวยจังเลย” เขาว่าแล้วเกี่ยวสร้อยขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ จี้รูปหัวใจดวงเล็กๆพื้นผิวเกลี้ยงและเรียบง่าย ไม่ได้สลักลายหรูหราอะไรไว้ทั้งนั้น เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ฮิมชานไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าของง่ายๆธรรมดาๆจากคนที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วจริงๆ

     

    “ของขวัญผมล่ะ” ยงกุกกระซิบเสียงต่ำ ปลายจมูกเคลียอยู่กับแก้มใสนั้นไม่หยุด “ของขวัญผมอยู่ไหน”

     

    “คือ...ฉันเตรียมไว้ให้นายแล้วนะ แต่ลืมไว้ที่บริษัท” ใบหน้าหวานพยายามหลบจูบของเขา แต่ดูเหมือนจะช่วยไม่ได้เสียแล้ว เพราะยิ่งหลบ ริมฝีปากหนาของคนตรงหน้าก็ยิ่งจูบจนฮิมชานแทบจะละลาย

     

    “ได้ยังไง ไม่ยุติธรรมเลยนะ” เขากระซิบก่อนจะใช้ฟันขบติ่งหูบางเบาๆ มือน้อยจิกเสื้อเจ้าของรอยจูบเอาไว้แน่น ยงกุกจูบจนคนในอ้อมกอดไม่มีแรงจะต้านทานอะไรทั้งนั้น

     

    “นายอยากได้อะไรล่ะ” ฮิมชานขืนตัวออกจากวงแขนแล้วช้อนสายตามองเขา “วันนี้ฉันยอมทุกอย่างเลย ส่วนของขวัญไว้เอามาให้วันหลังได้มั้ย”

     

    “ถ้าพูดอย่างงี้ผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ” ชายหนุ่มก้มลงไปจูบสันจมูกโด่งคมนั้นอีกที ก่อนจะเดินมาหยิบช่อดอกไลแลคที่วางอยู่บนฝาหลังแกรนด์เปียโนภายในห้อง แล้วพลิกการ์ดเพื่ออ่านทวนข้อความด้วยเสียงทุ้มต่ำ

     

     

     

     

    “ผมอยากเห็นเหมียวน้อยเล่นกับดอกไลแลคจนกลิ่นติดไปทั้งตัว...”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ไลแลคสีม่วงเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ส่งกลิ่นอ่อนๆเย้ายวนใจต่อผู้ที่ได้สัมผัส หากแต่ในยามค่ำคืน ไลแลคกลิ่นหอมนั้นจะทวีความความเย้ายวนขึ้นเรื่อยๆ จากกลิ่นหวานละมุนจะเริ่มหอมฉุน และอบอวลฟุ้งไปทั่วห้อง....

     

     

    ความหมายของดอกไลแลคสีม่วงก็คือรักแรก.....

     

     

    ยงกุกมองร่างขาวไร้อาภรณ์ที่นอนอยู่บนเตียงกว้าง คิมฮิมชานสวยทุกครั้งที่เขาเจอ เย้ายวนทุกครั้งที่ได้สัมผัส กลิ่นดอกไลแลคที่ติดตัวเหมียวน้อยของเขาอยู่เสมอก็เช่นกัน มันหอมหวานชวนให้ลุ่มหลงในตอนกลางวัน และเร่งเร้าร้อนแรงในยามค่ำคืน แววตาออดอ้อนที่จ้องกลับมานั้นทำให้อารมณ์ของเขายิ่งลุ่มลึกขึ้นไปอีกหลายเท่า ชายหนุ่มเด็ดไลแลคออกจากช่อทีละดอกแล้ววางลงไปบนร่างละมุนของคนตรงหน้า นิ้วเรียวค่อยๆคลึงกลีบดอกทีละน้อยเพื่อให้ความหอมของมันผสานเข้ากับร่างบางที่รองรับความอ่อนหวานจากเขา ทุกจุดที่ยงกุกลากผ่านเหมือนไฟร้อนๆเผาสติสัมปชัญญะของฮิมชานให้สลายไปเกือบหมด...

     

    “ยง...กุก...” เสียงหวานกระซิบแผ่วเมื่อคนตรงหน้าลากริมฝีปากของเขาไปตามกลีบดอกไม้บนร่างขาวนั้น ไลแลคดอกเล็กๆกระจายอยู่เต็มเตียงตัดกับผิวสีหิมะของฮิมชานจนชายหนุ่มต้องมองอย่างหลงใหล เสียงจากโทรทัศน์จอใหญ่ในห้องดังแว่วมาว่าทุกคนเตรียมจะนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ในอีกสิบนาทีนี้แล้ว แต่มันก็ไม่สำคัญสำหรับคนสองคนที่ปล่อยเวลาให้ไหลไปตามที่หัวใจเรียกร้องเลย

     

    “หอมจัง”  ยงกุกฝังจมูกลงที่ซอกคอของคนใต้ร่างเขา นิ้วยาวแตะแต้มไปทุกส่วนของร่างกายบอบบางที่รุ่มร้อนเพราะอุณหภูมิในตัวเริ่มจะสูงขึ้น มือน้อยของฮิมชานเอื้อมไปหยิบไลแลคดอกหนึ่งที่ตกอยู่ข้างหมอนแล้วไล้ไปตามแก้มบางของตัวเองช้าๆ ตาเรียวสวยจ้องคนตรงหน้าอย่างท้าทาย ฟันกระต่ายเล็กๆขบลงที่ริมฝีปากอย่างเชิญชวน

     

    “มาเร็วๆสิ” เสียงหวานเร่งเร้าก่อนจะยกแขนโอบรอบคอเขา....ระหว่างนั้นเอง เสียงนับถอยหลังจากโทรทัศน์ก็เริ่มต้นขึ้น....วินาทีของปีใหม่ผ่านไปแล้ว แต่สองร่างก็ยังโอบกอดกันอยู่บนเตียงอุ่นสบายที่เกลื่อนไปด้วยดอกไลแลคสีสวย ชายหนุ่มมองตาปรือๆของฮิมชานที่เคลิ้มไปกับสัมผัสของเขาอย่างพึงใจ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะจมูกคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดูแล้วกระซิบที่ข้างหู....

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “สวัสดีปีใหม่นะเหมียวน้อย.... 2014 ผ่านไปซะแล้วล่ะ แต่รู้อะไรมั้ย...คืนนี้ยังอีกยาวนะ”.....
     

     

    ฮิมชานไม่ทันได้ตอบแม้กระทั่งจะสวัสดีปีใหม่กับคนที่อยู่บนร่างเขา เพราะหลังจากจบคำนั้น ริมฝีปากของยงกุกก็แนบลงมาที่ริมฝีปากบางซึ่งเริ่มจะบวมช้ำจากการถูกจูบทันที เรียวปากสีสดไม่ได้พูดอะไรอีกเลยนอกจากเปล่งเสียงครางแว่วหวานไปตลอดทั้งคืน

     

    .

     

    .

     

    .

     

    แสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาทางม่านตกกระทบลงบนร่างบางที่กำลังหลับสบายอยู่บนเตียงกว้าง ผิวขาวต้องแสงดูสว่างเรืองๆเหมือนเทวดาตัวน้อย ฟันกระต่ายอมยิ้มนิดๆคล้ายกับคนที่กำลังฝันดี ยงกุกได้แต่มองภาพนั้นและเก็บเอาไว้ในใจเงียบๆ เขาเห็นภาพยามหลับของฮิมชานอยู่บ่อยครั้งก็จริงแต่ก็ไม่เคยเบื่อเลยแม้สักนิด ต่อให้มองแบบนี้ไปตลอดชีวิต ชายหนุ่มก็คิดว่าตัวเองคงไม่มีวันเบื่อ

     

    เขาโน้มตัวลงไปจูบคนตรงหน้า สัมผัสนั้นแผ่วเบาจนฮิมชานครางงึมงำออกมาแล้วขยับตัวเพื่อเปลี่ยนท่าทางให้สบายขึ้น ยงกุกอมยิ้มน้อยๆให้คนข้างๆก่อนจะพลิกตัวซุกลงกับหมอนอย่างมีความสุข ไม่ใช่คิมฮิมชานคนเดียวหรอกที่หมดแรง เขาเองก็แทบจะลุกไม่ไหวเหมือนกัน.....

     

    .

     

    .

     

    เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นมาช้าๆ ฮิมชานหันไปมองยงกุกที่หลับสนิทอยู่ข้างๆตัว แล้วปัดปอยผมที่ปรกหน้าขึ้นไปทัดหูให้เขาอย่างเบามือ รู้หรอกนะว่าถูกแอบมอง แต่มันเขินจนไม่รู้จะคุยอะไรด้วยต่างหาก ก็เลยต้องแกล้งทำเป็นหลับให้มองอยู่แบบนั้นแหละ

     

    .

     

    .

     

    รักแรกของฮิมชานก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่เขาพบเมื่อปลายปีก่อน วันที่เขาถูกกดดันจากต้นสังกัดเพราะต้องการให้รับงานเยอะๆ ทั้งในและนอกประเทศ บางครั้งก็ให้ไปร่วมงานที่เขาไม่เต็มใจจะไป ที่สำคัญประธานบริษัทยังเกลี้ยกล่อมให้เขายอมสละร่างกายเล็กๆน้อยๆเพื่องานชิ้นสำคัญอีกด้วย...เขารู้ว่าท่านประธานไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ถ้าอยากโดดเด่นมันก็ต้องยอมๆกันบ้าง...ถึงจะอยู่ในวงการมานานแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาทำไม่ได้และไม่มีวันจะทำ เมื่อโดนกดดันมากๆ ฮิมชานจึงหน้ามืดขับรถออกมานอกเมืองโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงที่ที่หนึ่ง กะว่าจะหายหน้าไปและไม่คุยกับใครอีก แต่แล้วเขาก็ได้พบกับผู้ชายคนนั้น....

     

    รอยยิ้มที่อ่อนโยนและแววตาที่มองมาด้วยความเข้าใจ แม้เพิ่งพบกันไม่กี่นาที แต่ฮิมชานก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว ความสัมพันธ์ที่อยากจะให้อยู่ข้างๆเพื่อช่วยเยียวยาจิตใจ ค่อยๆพัฒนาไปจนเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า....

     

    แต่เขาบอกคนๆนั้นไม่ได้...ทั้งที่พยายามแสดงออกขนาดนี้แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจเพราะมันเริ่มต้นด้วยความไม่มั่นคง มันเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขที่เขาเป็นคนสร้างเอง โลกของเขาอาจจะเต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลายและซับซ้อนเกินจะเข้าใจ แต่เขากลับอยากเดินออกจากมันเพื่อเข้าไปอยู่ในโลกอันแสนเรียบง่ายของผู้ชายคนนั้นมากกว่า เมื่อรักไปแล้ว ความกลัวมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น มากจนเขาไม่กล้าบอกออกไปตรงๆ....

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “ฉันรักนายนะ...” คิมฮิมชานได้แต่เปิดริมฝีปากพูดออกมาแผ่วๆ และคำรักของเขาก็จางหายไปในอากาศ ก่อนที่ยงกุกซึ่งหลับอยู่บนเตียงกว้างนั้นจะทันได้ยิน....

     

     

     

    End




    คือเราไม่รู้จริงๆว่าฉากประมาณนี้สามารถลงเด็กดีได้รึเปล่า (แต่คิดว่ามันไม่โจ่งแจ้งและเปิดเผยนะคะ ยังไงถ้าไม่สมควรก็บอกได้เลยนะ แต่อย่าเพิ่งรีพอร์ทเก๊า เก๊าไม่รู้จริงๆ TvT) อย่าลืมเปิดเพลงฟังด้วยนะคะ โฆษณาเพลงอีกละ 555555555

    ตอนต่อไปของโล่แดนะ^^ ส่วนนึงที่อัพเร็วเพราะช่วงนี้ยังหยุดปีใหม่กับมีพล็อตไว้แล้วเลยแต่งได้เร็ว หลังๆอาจจะช้าหน่อยแต่ก็พยายามจะให้จบไวๆค่ะ^^ ขอบคุณคนที่อ่านและคอมเม้นมากนะคะ^^



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×