ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] B.A.P - Silk

    ลำดับตอนที่ #6 : Silk:: 05

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 58






    Silk:: 05

     

    Couple :: BangChan
    BG :: If You Love Me (feat.박재범) [NS YoonG]

     

     

    คิมฮิมชานยุ่งอย่างที่พูดไว้จริงๆ....

     

    ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ยงกุกเจอกับเหมียวน้อยของเขานับครั้งได้ นอกจากงานโฆษณาชิ้นล่าสุดที่ฮิมชานฟันค่าตัวแบบพุ่งกระฉูดแล้ว ละครเรื่องถัดมาของเขาก็ต้องไปถ่ายทำที่ต่างประเทศ ตามด้วยงานยิบย่อยอีกหลายงานในช่วงปลายปี ตอนนี้ฮิมชานเป็นนักแสดงที่มีแฟนคลับมากมาย งานแฟนมีทติ้งในและนอกประเทศจึงผุดขึ้นมาแบบไม่หยุดหย่อนจนเลยมาถึงช่วงสิ้นปีแล้ว ยงกุกจำได้ว่าเขาไปหาฮิมชานครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก่อนเพราะเหมียวน้อยโทรมาบ่นยืดยาวเรื่องขี้เกียจทำงานจนเขานึกเป็นห่วง ต้องขับรถไปหาที่โซลกลางดึก แต่หลังจากวันนั้นแม่เสือก็ยังไม่โทรเรียกเขาเลย ฮิมชานให้เหตุผลว่าเป็นห่วงที่เขาต้องขับรถดึกดื่นทุกวันซึ่งอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้.....

     

    ก็ขับไปหาอยู่บ่อยๆจนผ่านไปปีนึงแล้ว...เพิ่งจะมานึกได้เนี่ยนะ....

     

    ใกล้ปีใหม่ แถมยังเลยวันครบรอบหนึ่งปีของทั้งคู่มาแล้วด้วย จะคบกันด้วยความสัมพันธ์อะไรก็ช่างเถอะ แต่นี่มันปีนึงแล้วนะ ฮิมชานที่ปกติจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กลับยุ่งอยู่กับงานจนลืมแม้แต่จะส่งข้อความมาหาเขา....ยงกุกไม่ใช่ผู้ชายหวานแหววหรอก เขาไม่ใส่ใจกับรายละเอียดแบบนี้แน่นอน คนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดเวลาต่างหากที่ทำให้เขาจำวันนี้ได้....

     

     

    คิมฮิมชานใจร้ายกว่าบังยงกุกอีกสินะ

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

    “นั่งหน้าเป็นปุ๋ยหมดอายุเลยพี่ แฟนไม่โทรหาหลายวันแล้วนี่ใช่มะ” จุนฮงที่นอนอืดอยู่บนโซฟาหันไปถามอย่างกวนๆ เมื่อก่อนลูกพี่เขาก็เคยคบผู้หญิงนะ ไม่ว่าจะทะเลาะกันยังไงหรือต่อให้โดนทิ้งก็ไม่เห็นเคยทำหน้าแบบนี้ซักครั้ง แต่เขาก็เข้าใจแหละ แฟนพี่ยงกุกน่ะเป็นดาราดังของประเทศนี่นา....

     

    “คนมีงานก็ต้องทำงานสิ ใครจะว่างมานั่งกวนตีนคนอื่นแบบแก” สายตาของยงกุกที่มองมาเล่นเอาจุนฮงเสียวสันหลังวาบ อารมณ์เสียจริงๆใช่ไหมเนี่ย ถ้าเผลอกวนไปอีกนิดคงปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาแหงๆ

     

    “ล้อเล่นนิดเดียวทำเป็นงอนไปได้” เขาหัวเราะเจื่อนๆ “จะบอกอะไรให้ ผมไปขุดข่าวเม้าท์มาอีกเพียบเลยนะ เค้าบอกกันว่าก่อนหน้านี้พี่ฮิมชานไม่เคยคบใครจริงจังเลยซักคน อันที่จริงเรื่องส่วนตัวของเค้าก็มีไม่เยอะหรอก โดยเฉพาะเรื่องแฟนนี่สืบยากยิ่งกว่ายาก ไม่รู้ว่าไม่มีจริงๆหรือปิดได้มิดชิดเหมือนกรณีของพี่ แต่อย่างว่าแหละ สวยขนาดนี้ก็ต้องมีแฟนกองเป็นภูเขาแล้ว” .....และเมื่อเห็นใบหน้าหม่นๆของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มก็สำนึกได้ว่าพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป

     

    “พ...พี่ยงกุก” จุนฮงยิ้มแห้งๆ “อย่าคิดมากเลยนะ ผมว่าพี่ฮิมชานชอบพี่มากที่สุดแล้วแหละ ไม่งั้นจะเป็นแฟนกันมานานถึงขนาดนี้เหรอ”

     

    ชายหนุ่มได้แต่ทำเสียงหึอยู่ในลำคอ ไม่รู้จะตอบรุ่นน้องยังไงดีว่าเขากับฮิมชานไม่ได้เป็นแฟนกัน  บางครั้งก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องนี้ แม้ทุกครั้งที่อยู่กับฮิมชาน เขาจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่หวานล้ำจนก่อเกิดเป็นสายใยบางๆแสนอบอุ่นก็ตาม มันอาจจะมีความสุขจนเรียกได้ว่าเป็นความรัก แต่ความจริงเรื่องที่ว่าฮิมชานไม่เคยบอกคำนั้นกับเขาเลยก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน

     

     

    แล้วแบบนี้จะให้เขามั่นใจได้ยังไง....

     

     

    สมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนหมอนใกล้ๆตัวยงกุกส่งเสียงดังขึ้น เมื่อหันไปมองและเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาก็ทำให้เขาแทบจะตะครุบโทรศัพท์แล้วตะโกนตอบไปแทบไม่ทัน....

     

    “โห เว่อร์ว่ะ” จุนฮงมองภาพรุ่นพี่ที่กำลังตื่นเต้นกับเสียงมือถืออย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตามสบายนะพี่ จู๋จี๋กันให้พอ ผมไปนอนละ” เขาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้ยงกุกยิ้มเป็นบ้าอยู่คนเดียวในขณะที่กดรับสายนั้น

     

     

    .

     

     

    .

     

     

     

    “เหมียวน้อย”

     คิดถึงฉันมั้ย

     “ไม่บอกคุณก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่โทรมาเลย ผมก็งอนเป็นนะรู้รึเปล่า”

     

     

    “โอ้กกกกกกกก” เสียงอ้วกดังแว่วๆมาจากห้องจุนฮง แต่ยงกุกไม่สนหรอก ไม่รู้จะบอกฮิมชานยังไงจริงๆเรื่องที่เขาคิดถึงคนปลายสายจนแทบจะเป็นบ้าแบบนี้

     

    เป็นทาสมางอนฉันได้ไง” เสียงหวานหัวเราะมาตามสาย “ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรมาเลย งานยุ่งจนถึงสิ้นปีเลยล่ะ

     

    “เหนื่อยไหม กินข้าวตรงเวลารึเปล่า บอกให้แดฮยอนหาข้าวให้กินเยอะๆนะ” ยงกุกกำชับไปตามความเคยชิน นี่ถ้าอยู่ด้วยกันจะจับขุนให้อ้วนเลย ทำงานทั้งวันไม่รู้ได้ดูแลตัวเองบ้างรึเปล่า น่าเป็นห่วงจะตายไป...

     

    สั่งฉันแล้วตัวเองกินบ้างมั้ย” คิมฮิมชานตอบกลับ “นายก็ต้องกินให้เยอะๆเหมือนกัน ฉันไม่ชอบให้คนผอมๆแห้งๆมากอดนะจะบอกให้

     

    “แล้วที่ผ่านมาผมได้มาตรฐานคุณรึเปล่าล่ะ ถ้ายังทำคุณหมดแรงได้ก็ไม่ต้องมาสั่งผมเรื่องนี้หรอกนะ” ชายหนุ่มพูดติดตลกและคำว่าคิดถึงก็ยังคงชะงักค้างอยู่ที่ปาก เอาเถอะ ต่อให้ไม่ต้องพูด เหมียวน้อยก็น่าจะรู้แล้วว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน

     

    เดี๋ยวเถอะ!” ปลายสายทำเสียง ‘เชอะ’ ในลำคอก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “นี่ยงกุก หนังของฉันที่ถ่ายเอาไว้จะเข้าโรงแล้วนะ พรุ่งนี้จะจัดงานแถลงข่าวด้วย นายมางานฉันหน่อยนะ ได้มั้ย

     

    “ทำไมถึงอยากให้ผมไปงานนี้ล่ะ เรื่องอื่นๆก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะชวนเลย”

     

    เอ๊ะ ก็อยากให้มานี่” ฮิมชานเริ่มงอแง “หรือถ้านายไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา แค่อยากได้กำลังใจ จะมาหาหน่อยไม่ได้หรือไง เห็นว่าฉันไม่โทรเรียกเลยได้ใจใช่มั้ย แค่ทำดีด้วยนิดเดียวอย่าทำเป็นเหลิงนะ

     

    “ชาน อย่าโกรธสิ” ยงกุกหัวเราะเบาๆ “ผมยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ไป แต่ยังรับปากไม่ได้เพราะมีนัดกับลูกค้า เลื่อนไม่ได้ด้วย เข้าใจผมหน่อยนะ”

     

    ไม่เข้าใจ มาไม่ได้ก็ไม่ต้องมา! แล้วแม่เสือขี้วีนก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว โทรกลับก็ปิดเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ยงกุกถึงกับเกาหัวด้วยความมึนงง ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอโหมดนี้หรอกนะ แต่ไม่ได้คุยกันนานก็น่าจะบอกคิดถึงกันหน่อยไม่ใช่เหรอ เอาเถอะ....เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเลื่อนนัดลูกค้าเป็นรอบที่สาม....

     

     

    ยังไงเหมียวน้อยก็มาเป็นที่หนึ่งสำหรับเขาอยู่ดี....

     

     

    ร่างสูงปิดไฟแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน หารู้ไม่ว่าคนที่อยู่อีกฟากก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน....ยงกุกนะยงกุก ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย ห่างกันไปเป็นเดือนๆไม่รู้รึไงว่าเขาคิดถึงจะตายอยู่แล้ว พรุ่งนี้ก็วันสิ้นปี วันครบรอบหนึ่งปีที่พวกเขาคบกันก็ยังไม่ได้ฉลอง เรื่องนี้ฮิมชานจำแม่นยิ่งกว่าบทที่ตัวเองต้องท่องอีก อย่าบอกนะว่าอีตานั่นจำวันสำคัญของพวกเขาไม่ได้อีกแล้ว....

     

     

     

    ไม่มาก็อย่ามา ฉลองปีใหม่คนเดียวก็ได้...เดี๋ยวจะเมาให้หัวร้างข้างแตกไปเลยคอยดู!

     

     

    --------------------------------------------------------------

      

    “Blood Serpent เป็นหนังแอคชั่นแนวสืบสวนสอบสวนครับ บทชอลโฮที่ผมเล่นจะเป็นนักสืบที่ค่อนข้างหัวแข็ง ก็เพิ่งจะรับบทแบบนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับผู้กำกับฮงและเห็นผลงานของเค้ามาหลายเรื่อง พอได้อ่านบทก็ไม่ผิดหวังเลย นี่จะต้องเป็นหนังอีกเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างแน่นอนครับ” ฮิมชานกล่าวอธิบายรายละเอียดของหนังกับผู้สื่อข่าวอย่างคล่องแคล่ว ใบหน้าคมประดับยิ้มอยู่ตลอดเวลาแสดงถึงความเป็นกันเอง แต่ใครจะรู้ว่าลึกๆข้างในเขากำลังเดือดสุดๆ....

     

     

    ไม่มาจริงๆด้วย งอนใส่ขนาดนั้นแล้วยังไม่ยอมมาอีก นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ....

     

     

    “เรื่องนี้คุณฮิมชานได้เล่นกับคุณคิมยูควอนเพื่อนร่วมสังกัดด้วย บรรยากาศในการทำงานน่าจะสบายขึ้นนะครับ ใช่ไหมครับ...” พิธีกรชายถามคำถามที่ได้รับมาจากนักข่าวอีกที แต่เมื่อเห็นร่างโปร่งหลุดโฟกัสไปนิดๆก็เลยเรียกชื่อเขาซ้ำ...”คุณฮิมชานครับ”

     

    “ครับ..อ๋อ ครับ...” ฮิมชานรีบรับคำ ใบหน้ายังคงยิ้มอย่างสดใส “คุณยูควอนเป็นคนสนุกสนานดีครับ เราเข้าฉากด้วยกันหลายฉาก ทั้งที่เป็นฉากแอคชั่นแต่ก็ไม่มีปัญหา อาจจะมีผิดคิวบ้างแต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ”

     

    “แล้วคุณยูควอนล่ะครับ ทราบมาว่าอยู่ค่ายเดียวกันแต่ยังไม่เคยทำงานด้วยกันเลย เรื่องแรกนี่เป็นยังไงบ้าง” พิธีกรถามชายหนุ่มดวงตาเฉี่ยวที่นั่งอยู่ข้างๆกัน คิมยูควอนเป็นนักแสดงในสังกัดเดียวกับฮิมชานซึ่งก็มีชื่อเสียงในวงการพอสมควร แม้จะเดบิวต์หลังฮิมชานและเติบโตมาจากการรับบทเป็นตัวประกอบเหมือนๆกัน แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังโด่งดังได้ไม่ถึงครึ่งของฮิมชานเลย ซึ่งก็ไม่เป็นไรหรอก ด้วยหน้าตาและบุคลิกที่สุภาพอ่อนโยนก็ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนๆไปไม่น้อย ยิ่งได้มาเล่นหนังกับฮิมชานในเรื่องนี้แล้ว น่าจะสร้างความนิยมได้อีกมาก

     

    “คุณฮิมชานเป็นนักแสดงมืออาชีพจริงๆครับ” เขาหัวเราะเบาๆ “ถึงจะอยู่สังกัดเดียวกันแต่ผมกลับไม่เคยร่วมงานกับเขาเลย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนะครับ เพราะคุณฮิมชานเขางานเยอะมากอยู่แล้ว” ปลายเสียงกล่าวติดตลกเล็กน้อย ทำให้บรรดานักแสดงและผู้สื่อข่าวหัวเราะไปพร้อมกัน...จะมีก็แต่ฮิมชานที่ยังนั่งหน้ามึนอยู่เหมือนเดิม ใช่ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับยูควอน ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าคนๆนี้เป็นเพื่อนร่วมค่าย ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่ายูควอนสุภาพมีมนุษยสัมพันธ์ดี...แล้วก็...ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่ายูควอนเองก็น่าจะแอบชอบเขาอยู่ด้วย...ไม่ได้คิดไปเองนะ....ระดับคิมฮิมชานแล้วมีเหรอจะไม่รู้ว่าตัวเองเจ้าเสน่ห์ขนาดไหน

     

     

     

     

    แต่เขาไม่สนใจหรอก หัวใจของเขาอยู่ที่คนอื่นตั้งนานแล้วนี่นา

    ก็ไอ้คนตายด้านที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของเขานั่นแหละ


     

    .

     

     

    .

     

     

    อยากจะจับบังยงกุกมาเขย่าให้ขี้เลื่อยออกจากหัวจริงๆ......


     

    .

     

     

    .

     

     

    งานแถลงข่าวจบลงไปด้วยดีพร้อมกับการฉายหนังรอบสื่อที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ไปอย่างมาก โดยเฉพาะการแสดงของฮิมชานที่นับวันจะอัพเกรดขึ้นเรื่อยๆ ขนาดมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกปี และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าจะทำสถิติยอดคนดูได้เกินสิบล้านคนด้วยเหมือนกัน

     

    ฮิมชานเดินหน้าบูดออกมาจากลิฟท์ก่อนจะตรงไปหาแดฮยอนที่รอเขาอยู่ตรงที่จอดรถ คิมยูควอนซึ่งลงลิฟท์ตามมาด้วยก็อดจะเอ่ยปากทักทายไม่ได้

     

    “ไปฉลองที่ไหนหรือเปล่าครับฮิมชาน วันนี้วันสิ้นปีแล้วนะ”

     

    เออ วันสิ้นปี...แล้วก็อาจจะเป็นวันสิ้นชีวิตของใครบางคนด้วย...ใบหน้าหวานขบริมฝีปากอย่างเคียดแค้น บังยงกุกยังไม่เคยเจออาการงอนระดับซูเปอร์ไซย่าของเขา วันนี้ถ้าไม่มาง้อ ไอ้หมอนั่นต้องเละคามือขาวนี่แน่ๆ

     

    “ถ้าไม่มีแพลนจะไปไหน ก็ไปฉลองกับผมมั้ย” ยูควอนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้รุ่นพี่ในค่าย  ดวงตาเฉี่ยวนั้นดูเป็นแบดบอยเล็กๆ แต่นั่นแหละคือเสน่ห์ที่ทำให้แฟนคลับชอบเขากันมาก

     

    “ไม่ล่ะ ขอบคุณมาก” ชายหนุ่มตอบห้วนๆ ยังคงไว้ซึ่งการตอบปฏิเสธแบบตัดเยื่อใยเช่นเคย “ฉันมีแผนของฉันแล้ว”

     

    “ฉลองกับใครครับ แฟนเหรอ” เขาแหย่อย่างอารมณ์ดี “ปีใหม่ก็ต้องฉลองกับแฟนสิเนอะ ผมนึกว่าคุณจะว่างซะอีก เห็นปกติไม่ค่อยชอบไปไหนกับใคร”

     

    “นี่ ฉันก็มีเพื่อนคบนะ” คราวนี้ฮิมชานหันมาทำตาขวางใส่คนที่เดินมาด้วย วาจาสุภาพอ่อนน้อมที่หยอกล้อกันตอนแถลงข่าวไม่มีอีกแล้ว...ถ้าไม่ใช่งาน ฮิมชานไม่หัวเราะให้ใครพร่ำเพรื่อหรอก “จะฉลองกับใครก็ช่าง ไม่ใช่เรื่องของนาย ยังไงก็ขอบคุณนะที่อุตส่าห์ถาม ไปหาคนฉลองคนอื่นแทนก็แล้วกัน” พูดจบดาราดังก็ก้าวฉับๆจากไปทันที ทิ้งให้ยูควอนยืนเลิกคิ้วด้วยความสงสัย และมองตามร่างบางนั้นไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

     

    “อารมณ์ยิ่งไม่ดีอยู่ เซ้าซี้จริงๆ” ชายหนุ่มบ่นด้วยความรำคาญขณะเดินมาที่รถ เมื่อแดฮยอนเห็นเข้า เขาก็รีบเดินไปหาฮิมชานตามที่นัดเอาไว้

     

    “เสร็จแล้วเหรอ”

     

    “อือ รีบๆกลับเหอะ ฉันรำคาญคน” หน้าที่บูดอยู่แล้วยิ่งบูดเข้าไปอีก ผู้จัดการหนุ่มถึงกับหัวเราะเบาๆ หน้าตึงซะขนาดนี้รู้เลยว่าโกรธสะสมมาตั้งแต่เช้าแน่ๆ

     

    “นี่ชาน...ยงกุกเขา...”

     

    “หยุดเลยแดฮยอน” ริมฝีปากแดงตัดบท “ไม่ต้องพูดชื่อนั้นให้ได้ยินเลยนะ ฉันมันไม่สำคัญแล้วนี่ จะไปไหนก็ปล่อยเขาเหอะ  คืนนี้สวัสดีปีใหม่คนเดียวก็ได้...อ้อ ฉันมีนายอยู่ด้วยแล้วนี่นา ใครจะไปอยากอยู่กับอีเหงือกบานนั่นกันล่ะ” เมื่ออยู่กับเพื่อนรักที่ไว้ใจได้ ความในใจของฮิมชานก็หลั่งไหลออกมาเป็นสายน้ำทันที

     

    “เดี๋ยวๆ ยังพูดไม่จบเลย” แดฮยอนกลั้นหัวเราะจนเจ็บหน้าไปหมด “ก่อนจะบ่นก็ดูนี่ซะ” ว่าแล้วผู้จัดการหนุ่มก็ยื่นของในมือให้กับฮิมชาน มือบางเอื้อมไปรับแล้วก็ต้องทำหน้าประหลาดใจ มันคือช่อดอกไลแลคช่อใหญ่สีม่วงสวยส่งกลิ่นหอมแสนจะเย้ายวน  ข้างๆกันนั้นมีการ์ดใบเล็กๆสองใบแนบมาด้วย....

     

     

     

     

     

    ไลแลคหอมจังเนอะ แต่คนบางคนหอมกว่าอีก

     

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

    คนที่สนิทชิดเชื้อขนาดได้กลิ่นไลแลคจากตัวเขาก็มีแค่คนคนเดียวเท่านั้นแหละ.....

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    มือบางพลิกการ์ดใบที่สองออกดู ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า....

     

     

    “ผมอยากเห็นเหมียวน้อยเล่นกับดอกไลแลคจนกลิ่นติดไปทั้งตัว...”

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    บังยงกุกคนบ้า ฮิมชานเขินจนหน้าเป็นสีชมพูไปหมดแล้ว.....

     

    .

     

     

    .

     

     

    “ใครสั่งใครสอนให้เสี่ยวขนาดนี้เนี่ย ส่งมาแต่ดอกไม้ คิดว่าจะไถ่โทษได้หรือไง” ถึงจะบ่น แต่เรียวปากสีสวยก็อมยิ้มไม่หยุด

     

    “เขาบึ่งมาเต็มสูบแล้วล่ะ แต่ไม่ทันงาน วันนี้วันสิ้นปี ในโซลรถติดมากเลยนะ” แดฮยอนบอก “ฉันบอกว่างานแถลงเริ่มไปแล้ว ยงกุกก็เลยฝากขอโทษมา แล้วบอกว่าจะไปรอที่เดิม”

     

    “งั้นเหรอ...” ร่างบางนิ่งนึก ซักพักก็ยิ้มกว้างแล้วบีบมือผู้จัดการคู่ใจซะแน่น “หาซื้ออะไรไปฉลองกันเถอะ กินกันให้เยอะๆไปเลย! ไปขึ้นรถกันแดฮยอน ฉันอยากกลับคอนโดเร็วๆแล้ว”

     

    แดฮยอนมองท่าทีกระตือรือร้นของคนตรงหน้าแล้วอดยิ้มไม่ได้ ฮิมชานมีความสุขจริงๆเวลาที่อยู่กับยงกุก พูดถึงยงกุก หรือแม้แต่นึกถึงยงกุก เห็นแบบนี้แล้วเขาจะอยู่ฉลองเป็นก้างขวางคอได้ยังไงกันล่ะ...

     

     

     

     

     

     

    สงสัยต้องกลับไปนับถอยหลังปีใหม่ที่บ้านตัวเองแล้วสิ....

     



     

     

    End

     

    --------------------------------------------------------------------

     

    พี่ปังคนเสี่ยว....ฟิคของหลายๆคนก็ชอบให้พี่ปังเป็นคนเสี่ยว กะว่าจะให้นางเป็นผู้ชายอบอุ่นธรรมด๊าธรรมดา แต่แต่งๆไปก็เข้าใจและ นางเหมาะกับความเสี่ยวจริงๆด้วย 555555555 ส่วนยูควอนนั้นไม่มีเหตุผลพิเศษอะไรเลยค่ะ ตอนแต่งนึกถึงยูควอนขึ้นมาโดยอัตโนมัติเลย อิมเมจแบบนั้นเลยอ่ะ ลองติดตามต่อกันดูนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×