ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] B.A.P - Silk

    ลำดับตอนที่ #2 : Silk:: 02

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 249
      1
      16 ม.ค. 58



    Silk:: 02

     

    Couple :: BangChan
    BG :: 썸 (Feat. 릴보이 of 긱스)
     [Soyou x Junggigo]

     

     

    “ยกเลิกคิววันนี้ซะงั้น” เสียงงึมงำของจุนฮงผ่านเข้ามาในรูหูคนที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟา เด็กหนุ่มร่างสูงสไลด์สมาร์ทโฟนของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ยงกุกจับความได้คร่าวๆว่ากองถ่ายภาพยนตร์ของคิมฮิมชานในวันนี้มีปัญหาเล็กน้อยเพราะนักแสดงนำ...ซึ่งก็คือฮิมชานนั่นแหละ....เกิดไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ทางกองก็เลยต้องพักคิวเขาไปหนึ่งวัน ดีว่ามีซีนอื่นให้ถ่ายแทนไปก่อน ฮิมชานจึงไม่ถูกนินทาว่าสร้างปัญหาให้กับกองเพราะอาการหวัดนั้นเป็นเรื่องสุดวิสัย....

     

     หวัดเป็นเรื่องสุดวิสัยก็จริง แต่ที่มาของอาการหวัดมันไม่สุดวิสัยน่ะสิ.....

     

    “ผมนั่งอ่านแฟนแอคเคาท์เมื่อวาน เห็นเค้าว่าฮิมชานมาถ่ายหนังแถวนี้ด้วยนะ วันนี้กะจะไปโฉบๆซะหน่อยก็เจอข่าวว่าไม่สบาย โธ่...อดเลย” แล้วหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ก็หันมามองก้อนกลมๆที่ขดอยู่บนโซฟาอย่างเป็นห่วง

     

    “พี่ก็ไม่สบายเหมือนกันเหรอเนี่ย” เขาว่าแล้วเอามือไปอังหน้าผากรุ่นพี่
    “ตัวร้อนๆเหมือนกันนะ ไปทำอีท่าไหนมาถึงได้เป็นหวัด เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยนี่นา”

     

     “ก็...โดนลมนิดหน่อย” ยงกุกพึมพำอยู่ในผ้าห่ม ตัวเองเป็นหวัดยังไม่เท่าไหร่ จะห่วงก็แต่ฮิมชานนั่นแหละ ถึงขั้นยกเลิกคิวไปแบบนี้อาการคงไม่ใช่น้อยๆ บ้าจริง นึกถึงเมื่อคืนแล้วก็อยากตำหนิตัวเองที่ทำอะไรไม่ดูสถานที่ ใครใช้ให้แม่เสือของเขาอ้อนซะขนาดนั้นล่ะ....ฮิมชานบทจะน่ารักก็น่ารักซะจนเขาหน้ามืด เพราะงั้นก่อนจะมอบรางวัลให้ในรถ ยงกุกก็เลยจัดข้างๆรถให้ไปดอกนึงก่อน......

     

     

    ไม่น่าเลย.....เป็นหวัดเลยเห็นมั้ย......

     

     

    “ที่อู่โอเคนะ” เขายันร่างขึ้นมาจากโซฟา จริงๆก็แค่มีไข้ อาการไม่หนักมากแต่ก็เพลียอยู่เหมือนกัน ได้นอนพักซักครึ่งวันคงจะพอ จุนฮงมีจ๊อบนอกตอนเช้า งานเสร็จก็กลับบ้านมารอเข้ากะบ่ายเลยถือโอกาสดูแลรุ่นพี่ของเขาไปด้วยในตัว

     

     “จงออบดูอยู่ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อู่เราก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย พี่นอนพักทั้งอาทิตย์ยังได้เลยมั้ง” เขาเดินเข้าไปในครัว ก้มๆเงยๆหาของสดในตู้เย็น “กินอะไรรึยัง ผมต้มโจ๊กให้เอามั้ย มีอะไรให้กินมั่งหว่า”

     

    ชายหนุ่มมองร่างโย่งของรุ่นน้องที่กำลังควานหาของในตู้เย็นแล้วหัวเราะเบาๆ เขากับจุนฮงและจงออบรู้จักกันมานาน สนิทกันมากยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ หลังจากเรียนจบ ยงกุกก็เปิดอู่ซ่อมรถของตัวเองและย้ายมาอยู่บ้านเช่าใกล้ๆกันพร้อมกับจุนฮง จงออบยังอยู่ที่บ้านเดิม และขับมอเตอร์ไซค์มาช่วยเขาดูแลอู่ด้วย

     

    ถึงจุนฮงจะดูเด็ดเดี่ยวและเป็นผู้ใหญ่ บางทีอาจจะโผงผางเหมือนอันธพาลในสายตาคนอื่น แต่เด็กคนนี้มีน้ำใจ เชื่อฟังและว่าง่ายกับเขาเสมอ อาจเป็นเพราะความเชื่อใจที่มีให้กันมานาน เมื่ออยู่กับเขา เด็กหนุ่มตัวสูงเหมือนเสาไฟฟ้าคนนี้จะเป็นแค่น้องเล็กธรรมดาๆที่น่ารักเท่านั้น....

     

    อย่างเช่นครั้งนี้ ตอนที่จุนฮงคุ้ยตู้เย็นอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงเพื่อจะทำโจ๊กให้เขา ก็เป็นท่าทางที่น่าเอ็นดูไปอีกแบบ...แต่กินลงรึเปล่าค่อยมาว่ากันทีหลังนะ

     

    “เราไม่ได้ไปมาร์ทนานแค่ไหนแล้วเนี่ย” นิ้วยาวขยี้หัวฟูๆแล้วนั่งนึก “ถึงจะกินแต่บะหมี่แต่ก็ต้องมีสารอาหารเก็บไว้มั่งดิ” พูดเสร็จก็เตรียมยกหม้อขึ้นตั้งไฟเพื่อเคี่ยวโจ๊ก แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นซะก่อน

     

     

    ติ๊งต่อง

     

     

    “ใครมาน่ะ จงออบรึเปล่า” เด็กหนุ่มชะเง้อหน้ามองด้วยความสงสัย “เดี๋ยวผมไปเปิดให้เองฮะ พี่นอนไปเหอะ” เขาว่าขณะล้างไม้ล้างมือให้เรียบร้อยแล้วเดินไปที่ประตู....ยงกุกไอออกมาเบาๆก่อนจะล้มตัวลงนอน...เกือบจะได้นอนจริงๆแล้วถ้าไม่เอะใจว่าทำไมจุนฮงถึงได้หายเงียบผิดปกติ

     

    “ใครมาวะจุนฮง จงออบเหรอ” ร่างสูงลุกจากโซฟาแล้วเดินตามมาหน้าประตู ภาพที่เห็นคือร่างของชเวจุนฮงที่ยืนแข็งเป็นหิน แข็งจริงๆ ดูเหมือนว่ารุ่นน้องของเขาจะไม่ขยับสักนิด ไม่แม้กระทั่งจะกะพริบตา....

     

    ก็ไม่แปลกที่จุนฮงจะเป็นแบบนั้น ใครที่เจอคิมฮิมชานตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงหน้า....

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    ร้อยทั้งร้อยก็คงจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน

     

    -------------------------------------------------------------------------

     

    ตอนที่หนังเรื่อง Notting Hill ออกฉาย จุนฮงยังอายุแค่ 3 ขวบเท่านั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เคยดูหนังเรื่องนี้หรอกนะ โดยเฉพาะฉากที่เพื่อนพระเอกเปิดประตูบ้านมาแล้วเจอดาราสาวสวยยืนอยู่ตรงหน้านี่ มันอารมณ์ของเขาในตอนนี้ชัดๆ

     

    เดจาวูซะแล้วสิเนี่ย

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกเหรอ” เสียงแหบของฮิมชานรำพึงขึ้นมาด้วยความสงสัย “ยงกุกอยู่มั้ย ขอเข้าไปข้างในหน่อย”....ถึงอย่างงั้นก็ตาม เด็กโย่งก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ได้แต่จ้องคนตรงหน้าอยู่อย่างงั้น

     

    “เฮโหล ฉันถาม” ดาราดังกอดอกอย่างไม่พอใจ เขาดีดนิ้วใส่อีกฝ่ายหนึ่งเป๊าะ เรียกสติของหนุ่มหน้าอ่อนกลับมาได้ในที่สุด

     

    “เอ่อ คือ...เอ๊ะ..ด..เดี๋ยว” สติยังกลับมาไม่ครบร้อย แต่จุนฮงก็เริ่มสงสัยแล้วว่าคิมฮิมชานมาถามหายงกุกทำไม สองคนนี้รู้จักกันด้วยเหรอ ถ้าเป็นเรื่องจริง ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เลย ได้ยังไง เขาเป็นแฟนคลับคิมฮิมชานนะ!

     

    “ฮิมชาน ทำไมถึงมาที่นี่” ยงกุกซะเองที่ต้องดึงจุนฮงออกจากหน้าประตูเพื่อให้ฮิมชานเดินเข้ามา ไม่ทันสังเกตอีกคนที่เดินตามหลังแม่เสือของเขาเข้ามาด้วย

     

    จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่จองแดฮยอน ผู้จัดการส่วนตัวของฮิมชาน ยงกุกเพิ่งจะมองหน้าผู้จัดการหนุ่มได้ชัดๆก็คราวนี้ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมฮิมชานถึงชอบบ่นให้ฟังเรื่องที่เขาโดนขโมยเรทติ้งอยู่บ่อยๆ เพราะหน้าตาที่ดีเกินไปทำให้บางครั้งแฟนคลับก็เปลี่ยนไปกรี๊ดแดฮยอนซะอย่างงั้น ฮิมชานยอมได้ที่ไหนกัน...

     

    “นายไม่สบายเหรอ” ฮิมชานถามเมื่อเห็นหน้าเซียวๆของอีกฝ่าย
    “อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเมื่อคืน”

     

    “แล้วคุณไม่ได้เป็นหวัดเหรอ” ยงกุกเกาหัวแกรกๆ
    “มีคนบอกว่าคุณเป็นหวัดเลยยกเลิกคิวนี่นา ฮิมชาน หรือว่า.....นี่เกเรอีกแล้วใช่มั้ย?”

     

    “ก็ไม่เชิง” ร่างเล็กยกไหล่เบาๆแสดงท่าว่าไม่แยแสเท่าไหร่ “ฉันมึนๆนิดหน่อยก็เลยตัดสินใจยกเลิกคิวดีกว่า กลัวจะเป็นเยอะ”


     

     

    ก็บอกแล้วว่าคิมฮิมชานนิสัยไม่ดี.....เป็นซะอย่างงี้แหละนะ

     


     

     “ทำไมถึงไม่โทรมาก่อน ถ้าผมไม่อยู่คุณก็เสียเวลาเปล่านะ”

    “โทรแล้วครั้งนึง นายไม่รับฉันก็ไม่โทรแล้ว บอกให้รอรับสายฉันตลอดเวลา ในเมื่อไม่รับก็มาหามันถึงที่นี่แหละ” ปลายเสียงเชิดขึ้นอย่างเอาแต่ใจเช่นเคย ยงกุกจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาวางโทรศัพท์ไว้ในห้องนอน ตัวเองก็ออกมาทิ้งร่างป่วยๆอยู่ตรงโซฟาข้างนอกนี่ มิน่าล่ะถึงไม่ได้ยินเสียง

     

    “น่าเบื่อจัง ไม่สบายซะได้” ปากแดงยู่อย่างเซ็งๆก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งที่โซฟา สองมือฉุดยงกุกให้ลงมานั่งข้างๆ มือน้อยสีขาวจัดยกขึ้นมาอังหน้าผากอีกฝ่ายโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง

     

    “ก็ไม่ได้ร้อนมากเแล้วนี่” นิ้วเรียวไล้ไปตามใบหน้าคมคายเบาๆ “ไหนโม้ว่าแข็งแรงไง แล้วทำไมถึงง่อยแบบนี้ได้ ดีแต่พูดเหรอ” จริงๆแล้วฮิมชานก็แอบหงุดหงิดอยู่นิดๆ ที่เบี้ยวกองแถมยังลงทุนมาหายงกุกถึงบ้านที่ ‘ทั้งเก่าทั้งเปลี่ยว’ นี่ก็เพราะอยากจะอ้อนให้อีกฝ่ายดูแลหรอกนะ เจอพ่อตัวดีเป็นหวัดซะเองแบบนี้แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ

     

    “ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละ” ยงกุกกระซิบแผ่วๆอยู่ข้างหู กลิ่นดอกไลแลคจางๆลอยมาแตะจมูกอีกแล้ว...สาเหตุที่เขาไข้ขึ้นแบบนี้เป็นเพราะกิจกรรมข้างรถเมื่อคืนทั้งนั้น เหมียวน้อยของเขาน่ารักเกินไป และชายหนุ่มก็ไม่อาจปล่อยให้ผิวบางใสของคนตรงหน้าโดนลมหนาวโจมตีเอาได้ ยงกุกจึงยอมถอดโค้ทตัวเองและเสื้อคลุมทั้งหมดที่มี คลุมท่อนบนของฮิมชานเอาไว้ในขณะที่พวกเขาแสดงความรักต่อกัน ผลก็คือ คิมฮิมชานไม่หนาว แต่ตัวเขากลับไม่มีอะไรห่มช่วงบนสักชิ้น.....ก็นั่นแหละ ที่มาของอาการหวัดนี่ไง

     

    “กล้าโทษฉันเหรอ” ฮิมชานทำเสียงดุ แต่ดวงตานั้นกลับพราวระยับอย่างถูกใจ
    “โอเค งั้นวันนี้จะไถ่โทษให้ เดี๋ยวฉันดูแลนายเองดีมั้ย”

    “ผมจะไม่ตายใช่ไหม” คนป่วยรำพึงเบาๆเลยโดนตีไปหนึ่งผัวะ...ก็ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่นี่ ตั้งแต่รู้จักกันมาฮิมชานไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้เขาเลย อันที่จริงแทบจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเต็มๆวันเลยด้วยซ้ำ ฮิมชานงานเยอะมาก พวกเขาเองก็ไม่อยากจะก้าวก่ายชีวิตของกันและกันมากเกินความจำเป็น เพราะงั้นการที่แม่เสือมาหาเขาถึงบ้านก็เกินคาดมากพอแล้ว มีแผนอะไรในใจรึเปล่าก็ไม่รู้สิ...

     

     

    ฮิมชานขยับยุกยิกมองซ้ายมองขวาสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วชี้นิ้วไปทางจุนฮงที่ยังคงยืนอึ้งอยู่

     

    “นายน่ะ ชื่ออะไรนะ” ......ชเวจุนฮงก็ยังคงยืนนิ่ง....
     

    “เฮ้ย จุนฮง” ยงกุกเลยต้องเรียกซะเอง ตาลอยๆของเด็กหนุ่มจึงกลับมาโฟกัสที่คนตรงหน้าดังเดิม ถึงกระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่ดี

     

    “อ้อ ชื่อจุนฮง” ฮิมชานทวนคำ ใช่ว่ายงกุกไม่เคยเล่าให้ฟังเรื่องที่เขาเช่าบ้านอยู่กับรุ่นน้อง แต่ไม่นึกเป็นเรื่องสำคัญเท่าไหร่ก็เลยปล่อยผ่านไปเฉยๆ อันที่จริงเด็กนี่ก็น่ารักดีเหมือนกัน แต่สู้เขาไม่ได้หรอก....

     

    “แถวนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยวมากเท่าไหร่” ริมฝีปากแดงพูดแจ้วๆโดยไม่สนใจใคร “ฉันจะดูแลยงกุกเอง นายช่วยพาแดฮยอนออกไปเดินเล่นหน่อยได้มั้ย เวลาทำอะไรฉันไม่ชอบให้ใครมอง”

     

    มีเดดแอร์เกิดขึ้นจางๆเมื่อสิ้นคำสั่งจากเสียงหวานนั้น จุนฮงหันไปมองแดฮยอนที่ยืนแข็งเป็นหินเพราะพูดอะไรไม่ออก เดิมทีเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่แล้วตั้งแต่เดินเข้ามา ใบหน้าคมเข้มยังนิ่งเฉย แต่ดวงตาเฉียบคมกลับกลอกไปมาเหมือนอยากจะตั๊นหน้าใครสักคน

     

    ก็คนที่พูดอยู่เมื่อกี้นั่นแหละ.....

     

    “ฉันไม่อยากให้นายอยู่คนเดียวนะ เผื่อเกิดเรื่อง...” ประโยคแรกที่พูดออกมาดึงดูดให้จุนฮงมองเขาต่อไปอย่างไม่ละสายตา....เสียงเข้มดีจังแฮะ ผิวดำ...เอ้ย...ผิวเข้มแล้วเสียงยังเข้มอีก
     

    “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” ยงกุกยกยิ้มอย่างสบายๆ “ที่นี่ไม่ค่อยมีคน ไม่มีอันตราย ผมไม่ทำอะไรฮิมชานหรอก”
     

    “ได้ยินแล้วก็รีบไปสิ” ร่างขาวโบกมือไล่อย่างไม่สนใจเท่าไหร่  “ให้จุนฮงพาเที่ยวไปแล้วกัน ท่าทางเขาจะสนใจนายอยู่นะ”


     

    แดฮยอนหันมามองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างสงสัย แล้วก็พบประกายบางอย่างในตาที่ดูเรืองรองผิดปกติ....

     

    “ไปฮะ เดี๋ยวผมพาไปเที่ยว ฝากพี่ยงกุกด้วยนะฮะพี่ฮิมชาน” จุนฮงยิ้มกว้างแล้วคว้าหมับเข้าที่มือเรียวนั้น เรื่องระหว่างยงกุกกับฮิมชานไว้กลับมาซักฟอกทีหลังก็ได้ ตอนนี้เขาสนใจในตัวแดฮยอนมากกว่า ว่าแล้วก็ออกแรงจูงกึ่งลากคนข้างๆออกไปจากบ้านทันที.......

     

    .

     

    .

     

    “มา เดี๋ยวฉันต้มโจ๊กให้” ฮิมชานผูกผ้ากันเปื้อนและถลกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางคล่องแคล่วทะมัดทะแมง....ฝึกมาจากละครน่ะ เอาจริงๆแทบจะไม่เคยทำกับข้าวเลย....
     

    “ผมจะไม่ตายแน่นะ” สิ้นเสียงคาดคั้น แก้มของเขาก็ถูกดึงจนต้องร้องโอ๊ย
     

    “พูดมาก นอนรอเฉยๆก็พอ เสร็จแล้วเดี๋ยวจะเรียก” แม่เสือคำรามเบาๆก่อนจะปล่อยแก้มเขาให้เป็นอิสระ ยงกุกได้แต่ลูบแก้มด้วยความเจ็บ....เอาน่า อาจจะไม่เลวร้ายเท่าที่คิดก็ได้....

     

    .

     

     

    .

     

     

    กินแล้วไม่ตายก็โอเค...

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------


    .




    .


     

     

    “ม...มองอะไร” แดฮยอนถามเด็กโย่งที่ยื่นหน้ามาหาเขาจนเกือบชิด ไอ้หนุ่มนี่จ้องเขาตาแป๋วเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัวยังไงอย่างงั้น มันน่าเอานิ้วทิ่มลูกตาจริงๆให้ตาย

     

    “ไฝใต้ตาพี่สวยดีนะฮะ มีใครเคยบอกมั้ย” จุนฮงพูดก่อนจะยกนิ้วยาวๆขึ้นไปแตะ เล่นเอาอีกฝ่ายเด้งตัวหลบแทบไม่ทัน

     

    “เค้าว่าคนที่มีไฝใต้ตาหรือตรงหางตาจะเป็นคนขี้แย” ....ยังไม่เลิกแหย่ “มันเป็นไฝรองน้ำตาน่ะ แล้วพี่แดฮยอนขี้แยหรือเปล่า”

     

    “ไม่ใช่เรื่องของนาย” เขาถลึงตามอง แต่จุนฮงไม่สนใจ ยังพยายามจะยกมือแตะแก้มของผู้จัดการหนุ่มต่อไป แดฮยอนยิ่งหลบเพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัว หมายถึงคนที่ไม่รู้จักนะ ยิ่งกับเด็กคนนี้ที่เหมือนจะทำ...เอ่อ...ทำให้ใจเขาเต้นแรงแบบนี้ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

     

    “ผมว่าพี่พูดให้มากกว่านี้หน่อยก็ดีนะ แบบนี้น้ำลายบูดแย่” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย จุนฮงก็ลดมือลงแล้วถอนหายใจเบาๆ คุยกับคนมืด...เอ้ย...เข้มยังไม่พอ บุคลิกยังวังเวงตามไปอีก ขนาดบังยงกุกที่ปีนึงพูดไม่กี่คำยังพูดเยอะกว่าผู้ชายคนนี้เลย เดินเล่นมาด้วยกันเกือบชั่วโมงยังไม่ได้คุยสักแอะ ถามคำก็ตอบคำ ต้องทำยังไงพี่แดฮยอนถึงจะหันมาสนใจเขาบ้างนะ

     

    “รู้จักกับบังยงกุกมานานแล้วเหรอ” แดฮยอนเอ่ยถามเรียบๆ

     

    “ครับ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จบม.ปลายก็มาเปิดอู่ซ่อมรถ พี่เค้าก็เรียนมหาลัยไปด้วย ส่วนผมก็เป็นลูกมือ...พี่ถามทำไมเหรอ”

     

    “ไม่มีอะไรหรอก เห็นเขาเป็นคนอบอุ่นดี” ใช่...ยงกุกเป็นคนอบอุ่นจริงๆ แดฮยอนรู้สึกนับถือผู้ชายคนนั้นที่ทำให้ฮิมชานเปลี่ยนไปได้จนถึงทุกวันนี้...เขาเป็นเพียงเด็กที่ครอบครัวของฮิมชานรับมาอุปการะ และแม่ของฮิมชานก็เลือกให้เขามาเป็นผู้จัดการส่วนตัว แม้ฮิมชานกับเขาจะสนิทกัน แต่บุคลิกที่เป็นส่วนตัวของทั้งคู่ทำให้มีเส้นบางๆกั้นกลางอยู่มาก เขารู้ว่าฮิมชานเหนื่อยแต่ด้วยนิสัยและหน้าที่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ต้องขอบคุณยงกุกจริงๆที่เข้ามาในชีวิตของเพื่อนเขา....





     

     

    “ยังไงก็ฝากขอบคุณบังยงกุกด้วยนะ ขอบคุณมากจริงๆ”....
     

     

    ----------------------------------------------------------------------


    .



    .

     

    “งื้ออออออ ลวกนิ้ว” แม่เสือร้องด้วยความโมโหขณะสะบัดมือเร่าๆ “ไม่เอาละ โจ๊กบ้าบออะไรเนี่ย ทำยากตายชัก”
     

    “พูดไม่เพราะอีกแล้ว” ยงกุกสวมกอดพยาบาลจำเป็นจากด้านหลัง หลังจากนั่งมองร่างบางสร้างความพินาศให้ห้องครัวของเขาเป็นเวลานาน สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นมาช่วยจนได้ ริมฝีปากหนาขบลงที่ใบหูนั้นเบาๆก่อนจะดึงนิ้วที่โดนลวกขึ้นมาจูบ “ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ผมไม่ได้ขอร้องคุณสักหน่อย”
     

    “พูดงี้หมายความว่าไง” ฮิมชานดึงนิ้วออกแล้วจิ้มเข้าที่ขมับคนป่วยอย่างแรง “จะปลอบหน่อยก็ไม่ได้ อีคนไม่โรแมนติก อีตายด้าน”
     

    “คุณทำอย่างอื่นได้ดีกว่านี่นา” คนตายด้านหัวเราะจนเห็นเหงือก เขาไม่เคยเห็นมุมนี้ของฮิมชานเลยจริงๆ ไม่รู้สิ น่ารักก็น่ารัก แต่เอาจริงๆก็น่ากลัวเหมือนกันแหละ
     

    “ฉันไม่ขำนะ” เรียวปากแดงยู่ขึ้นอย่างไม่พอใจ “ทำได้เท่านี้แหละ ทนกินไปละกัน”

     

    ยงกุกช่วยปิดแก๊สและยกหม้อโจ๊กลงมาวางให้เรียบร้อย เขาแค่แหย่เล่นไปอย่างนั้นเอง จริงๆหน้าตาของอาหารที่ฮิมชานทำออกมาก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ คนที่ไม่มีความอดทน ทำออกมาได้ขนาดนี้ก็เกินคาดแล้ว

     

    “ป้อนสิ” จับไหล่บางให้หันกลับมาก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบเสียงแผ่ว

    “สั่งฉันได้ยังไง นายเป็นทาสนะ” ตาเรียวจ้องกลับไปอย่างท้าทาย

    “ปรนนิบัติมาตั้งนาน ทาสไม่สบายเจ้านายจะดูแลไม่ได้เหรอ น่านะ ขอวันนึง” ดวงตาเป็นประกายตรงหน้าจุดรอยยิ้มให้กับคิมฮิมชานได้อีกครั้ง สุดท้ายเขาเลยแบ่งโจ๊กใส่ถ้วยแล้วก็ใช้ช้อนตักขึ้นป้อนคนตรงหน้าอย่างระมัดระวัง....

     

    “อร่อยมั้ย”

    “ยังไม่รู้รสเลย ขออีกคำ”

    “เดี๋ยวก็เทกรอกปากทั้งหม้อเลยนี่”

    “ป้อนหน่อย เร็ว”

     

    “กล้าดียังไงมาสั่งฉัน” ร่างขาวเท้าสะเอวด้วยความไม่พอใจ สุดท้ายก็ประชดด้วยการตักโจ๊กใส่ปากตัวเองแล้วประกบเข้ากับปากคนตรงหน้าซะเลย ยงกุกใช้โอกาสนี้กอดตอบแล้วสอดลิ้นเข้าไปหาแม่เสือของเขา ทั้งคู่แทรกเรียวลิ้นเข้าไปดูดซับความหวานของกันและกัน รสชาติโจ๊กจะเป็นยังไงก็ไม่สนใจแล้ว อาการหวัดของชายหนุ่มจะดีขึ้นหรือไม่ ก็ไม่มีใครสนใจอีกเหมือนกัน...
     

    “ไม่โรแมนติกเลย” ฮิมชานบ่นอุบอิบเมื่อยงกุกถอนริมฝีปากออกไป
    “คนอื่นเค้าป้อนช็อคโกแลตมั่ง ไวน์มั่ง กาแฟก็ยังดี นี่อะไร กินโจ๊ก”

     

    “แต่คำนี้อร่อยที่สุดในโลกเลยนะ ผมหายป่วยแล้วล่ะ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มือใหญ่สอดเข้าไปที่ท้ายทอยฮิมชาน กระชับเข้าเบาๆเพื่อมอบจูบต่อไปให้อีก แต่แม่เสือกลับดันอกเขาออกอย่างรวดเร็ว

     

    “หยุดเลยยงกุก ฉันไม่อยากติดหวัดนายนะ พรุ่งนี้ฉันต้องทำงาน”

    “ติดก็ติดสิ คนขี้โกหก บอกคนอื่นว่าไม่สบายก็ต้องไม่สบายจริงๆดิ”

    “งื้อ ไม่เอา”

    “สายไปแล้ว เมื่อกี้คุณมาจูบผมเองด้วย เจ้านายดูแลทาสไปแล้ว คราวนี้ทาสจะรับใช้เจ้านายบ้าง โอเคมั้ย” มนุษย์เหงือกยิ้มเจ้าเล่ห์ อาการเขาดีขึ้นมากแล้วตอนที่ฮิมชานมา และยิ่งดีมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคนตรงหน้าตั้งอกตั้งใจทำอาหารให้เขา

     



     

    คิมฮิมชานเป็นคนนิสัยเสีย แต่ก็น่ารัก น่ารักจนเขาอยากจะรังแก...

     



     

    ดาราดังกัดริมฝีปากอย่างว้าวุ่นใจ ไม่ใช่ว่าไม่รู้เจตนาหรอก แต่เขาไม่ได้ต้องการเรื่องแบบนั้นทุกครั้งซะหน่อย แค่อยากลองทำตัวดีๆดูแลยงกุกบ้างก็เท่านั้น เอาเถอะนะ...ดูเหมือนคนป่วยจะไม่ป่วยเท่าไหร่แล้ว ลองรักษาอีกวิธีก็คงจะไม่เป็นไร

     

    “เตียงนายแข็งแรงมั้ย...” เขาซบหน้าลงกับอกกว้าง หากสองแขนเรียวกลับยกขึ้นโอบรอบคอนั้น

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “พาเข้าไปหน่อย เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้”.....

     

     

     

    End

     
     
    ไม่รู้มีใครอ่านบ้าง จริงๆเราแต่งขึ้นมาเพราะจะเอาไว้อ่านเองเล่นๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้คนอื่นอ่านนะ 55555 ใครที่เข้ามาอ่านก็ขอบคุณนะคะ ดีไม่ดียังไงถ้าอยากคอมเม้นก็คอมเม้นได้ค่ะ^^
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×