คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Moonstruck:: Dazzling Light #01 (LoxUp)
*เรื่องของโล่ออบเป็นช่วงที่เกิดขึ้นระหว่างที่แดฮยอนลาออกจากโฮสต์ใหม่ๆนะคะ เราเกริ่นไทม์ไลน์ไว้คร่าวๆในตอนของแดแจ เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้องกันแต่เอ่ยถึงบังชานแดแจนิดหน่อย แนะนำให้อ่านสองเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ^^
Dazzling Light :: 01
Couple: LoxUp
BG: Moonlight Sonata 달빛소나타 [Bigstar]
ใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องบวกกับแสงไฟระยิบระยับในยามค่ำคืน บนถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเพราะเป็นย่านท่องเที่ยว ปรากฏร่างสันทัดของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนพิงเสาไฟอยู่ในซอกซอยเปลี่ยว นิ้วเรียวขาวกระชับฮู้ดแจ็คเกตให้แน่นขึ้นเพราะอากาศที่หนาวเย็น หมวกแก๊ปสีดำปักตัวอักษรเรียบๆถูกดึงปีกให้ลงมาปิดหน้า ดวงตาเรียวเล็กมองทอดออกไปยังซอยนอกที่เป็นถนนหลักอีกครั้งก่อนจะพ่นลมหายใจและก้าวเดินออกไปด้วยจุดหมายบางอย่าง....
ชีวิตคนเรามันไม่มีทางให้เลือกมากนักหรอก อะไรที่ทำแล้วได้เงินก็ทำไป ยิ่งเป็นคนมี “ความสามารถพิเศษ” แบบเขาด้วยแล้ว ก็ต้องใช้ความสามารถของตัวเองให้เป็นประโยชน์สิ..
แค่ประโยชน์สำหรับเขากับน้องชายเท่านั้นนะ ส่วนคนอื่น...ใช้คำว่าซวยน่าจะเหมาะกว่า....
.
.
.
ร่างสูงสมส่วนตามแบบฉบับหนุ่มที่ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอกวาดตามองร้านค้าต่างๆในย่านนักท่องเที่ยวอย่างหงุดหงิดใจ วันนี้ยงนัมมีนัดแถวมหาวิทยาลัยฮงอิก หนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังของเกาหลีและย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติเกือบทุกประเทศ ก็เลยต้องออกมาทำงานนอกสถานที่โดยการเดินควงกับลูกค้าของเขาทั้งที่ไม่ค่อยชอบฝูงชนอันขวักไขว่เท่าไหร่นัก เย็นวันศุกร์ ประชากรบนท้องถนนจะเยอะเป็นพิเศษ ทุกคนต่างก็มาเดินเล่นที่นี่ ไม่ว่าจะกินข้าว ซื้อของ หรือเล่นดนตรีเปิดหมวกก็มีให้เห็นจนลานตาไปหมด ไม่ต้องแปลกใจหรอก เขาไม่ใช่ตาแก่น่าเบื่อที่จมอยู่กับสโมสรโรตารี่หรือไพ่นกกระจอกอะไรเทือกนั้น ไม่ได้ไม่ชอบสิ่งของเพลินตา เพียงแต่อยากมาในวันที่เดินสบายกว่านี้ต่างหาก
เพราะเป็นลูกค้าก็เลยเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีเทรนด์จ้างโฮสต์มาเดินควง ทำกระหนุงกระหนิงฟรุ้งฟริ้งในที่สาธารณะเหมือนคนรักกันจริงๆเลยยิ่งแปลกเข้าไปอีก ยงนัมไม่เข้าใจวัฒนธรรมคนอวดแฟนเอาซะเลย...ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆก็ว่าไปอย่างไง นี่แฟนก็ไม่ใช่ ทำไมจะต้องจ้างผู้ชายมาเดทแล้วถ่ายรูปบลัฟกันไปมาด้วย เขาไม่เคยถูกจ้างให้มาทำอะไรแบบนี้เพราะลูกค้า Moonstruck ปกติก็อยู่ในวัยทำงาน การเทคแคร์จะออกไปทางจริงจังมากกว่ามาเดินหวานแหววแมวน้อยแล้วถ่ายเซลก้าให้คนเดินถนนอิจฉาเล่น ถ้าไม่ใช่เพราะใบสั่งพิเศษจากยงฮวา....เขาก็คงไม่ต้องมาเดินให้อีกฝ่ายควงแขนเหมือนคู่รักแบบเด็กๆอย่างนี้หรอก แต่เอาเถอะ ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎ ไม่ว่าลูกค้าต้องการอะไรเขาก็ขัดไม่ได้อยู่ดี แค่เออออตามไป เสร็จแล้วก็แยกย้าย จนตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้วที่เขาต้องเดินเบื่อๆอยู่คนเดียวบนถนนที่มีแต่นักท่องเที่ยวเบียดกันไปมาจนน่ารำคาญ....
.....สาเหตุที่ทำให้เขาต้องเดินต่อแทนที่จะรีบกลับก็คือไอ้น้องฝาแฝดตัวดีที่โทรมาสั่งซื้อรองเท้ากีฬาแบรนด์ดังรุ่นลิมิเตดซึ่งออกวางจำหน่ายวันนี้ ในสาขามหาวิทยาลัยฮงอิกที่เขากำลังเดินอยู่พอดิบพอดี เพราะคิมฮิมชานยังไม่ค่อยแข็งแรง ยงกุกก็เลยจัดคอร์สออกกำลังกายเสริมสุขภาพให้คนรักมีภูมิต้านทานมากขึ้น...ช่างเป็นคู่รักที่น่าหมั่นไส้จริงๆ รักอย่างเดียวไม่พอ ไอ้เลอะเทอะนี่ยังหาของมาประเคนฮิมชานแทบทุกอย่างตั้งแต่ยาสระผมยันกางเกงชั้นใน เจ้าตัวไม่ได้ขอร้องหรอก ฝีมือยงกุกทั้งนั้น อย่างรองเท้าผ้าใบนี่ก็เหมือนกัน อีกฝ่ายกำชับว่าต้องเป็นรุ่นลิมิเตดเท่านั้นแถมยังแนบรูปและไซส์รองเท้ามาให้เสร็จสรรพ
“คนเยอะไปไหนวะ” ริมฝีปากหนาบ่นอุบ “ร้านก็อยู่ตั้งไกล...เดินตั้งแต่เย็นเท้าจะแหกอยู่แล้ว” อาการงอแงแบบนี้มักเกิดขึ้นยามที่เขาอยากกลับบ้าน...ไม่ใช่สิ อยากกลับไปหายงฮวาที่คลับต่างหาก อย่างว่าแหละ ถ้าไม่ได้รองเท้าวันนี้ ยงกุกจะต้องผิดหวังและนั่งหน้าเปื่อยเหมือนนิ้วที่แช่อยู่ในน้ำนานๆเป็นแน่ เพื่อน้องที่(จำเป็นต้อง)รัก ยงนัมจึงสาวเท้าเร็วๆจะได้ถึงร้านไวขึ้น ตอนนั้นเองที่เขาโดนใครบางคนเบียดเข้ามาจนตัวเซ
“โทษทีครับ” หันไปกล่าวกับอีกฝ่าย ร่างกะทัดรัดในเสื้อฮู้ดตัวใหญ่ที่สวมหมวกแก๊ปบดบังหน้าไว้มิดชิดนั้นไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าเร็วๆแล้วเดินหายเข้าไปในฝูงชนทันที ยงนัมมองตามไปก่อนจะส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายกับการจราจรติดขัดบนทางเท้า ขายาวๆรีบจ้ำไปยังร้านที่เป็นจุดหมายของเขา
.
.
.
“โทรมาหาพระแสงอะไรอีกเนี่ย อยู่ในร้านแล้ว กำลังจะซื้อให้แล้วนี่ไง” โฮสต์หนุ่มโวยเมื่อได้ยินเสียงตามสายจากน้องชายเป็นรอบที่สิบของวัน เขาเข้ามาในร้านเรียบร้อย บรรยากาศคึกคักเพราะเป็นร้านที่เหล่าวัยรุ่นชื่นชอบและมีเป้าหมายเป็นรองเท้ารุ่นลิมิเตดเหมือนกัน
“ก็แค่อยากจะย้ำ” ยงกุกตอบมาแว่วๆ “กลัวนายจะกลับไปที่คลับซะก่อน ฉันขี้เกียจแวะไปเอาถึงฮงแด คนเยอะ ไม่อยากเดิน”
“ก็เลยใช้ฉันเนี่ยนะ” คนเป็นพี่คำราม “โทรมาอยู่ได้ แบตเหลือไม่ถึงครึ่งละเนี่ย ย้ำอยู่นั่นแหละ รูปกับไซส์รองเท้าฉันก็จำได้แล้ว นายจองไว้ก่อนแล้วนี่ แค่มารับก็พอแล้วไง”
“จ่ายตังค์ให้ด้วย” ยงกุกพูดเร็วปรี๊ด “ฉันจะซื้อให้ฮิมชานเป็นของขวัญ”
“มึงซื้อแล้วทำไมกูต้องจ่าย???” เขาสวนกลับในสปีดเดียวกัน “ลิมิเตดนะไอ้เปรต ไม่ใช่รองเท้ากากเกลือซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง คู่นึงเท่ากับค่าตัวฉันทั้งวันเลยรู้ไหม”
“บ่นไรนักหนาวะ” แฝดน้องจิ๊ปาก “อาทิตย์นึงนายทำงานได้ตั้งหลายล้าน รองเท้าแค่ไม่กี่แสน ออกให้ก่อนได้ป้ะล่ะ”
“มาถึงนี่ก็ต้องซื้ออยู่แล้วมั้ยล่ะ” เขากระแทกเสียง “แค่นี้แหละ แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะ รำคาญ” บ่นปิดท้ายแล้วตัดสายสนทนาอย่างหงุดหงิด วันนี้ไม่ใช่วันของยงนัมเลยซักนิดเดียว อะไรๆก็ดูน่าเบื่อไปหมด ตั้งแต่เดทติงต๊องที่เขาไม่เต็มใจ การเดินเบียดคนบนถนนแออัด หรือแม้กระทั่งการมาซื้อของให้น้องชายซึ่งปกติเขาไม่เคยบ่นขนาดนี้ แต่วันนี้กลับพื้นเสียอย่างบอกไม่ถูก
“นี่ของครับ” พนักงานหนุ่มหยิบกล่องรองเท้าที่สั่งไว้ออกมาให้ หลังจากเช็คสภาพ ขนาดและสีเรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จ รีบๆจ่ายเงินแล้วจะได้กลับคลับซะที ดีว่ารถเขาจอดอยู่ไม่ไกลจากร้าน ถ้าให้เดินฝ่าฝูงชนกลับไปอีก บังยงนัมจะต้องโดนเหยียบตายอย่างแน่นอน
นิ้วยาวพลิกป้ายราคาดูแล้วจุ๊ปากอย่างเหลือเชื่อ แฝดน้องของเขาใจป้ำกว่าที่คิด ราคารองเท้าที่บอกว่าไม่กี่แสนนี่ไม่ใช่แค่สองสามแสนนะ แต่มันเกินครึ่งล้านไปหลายแสนเลยแหละ นึกไม่ถึงว่าไอ้หมอนั่นจะลงทุนซื้อของแพงระยับเพื่อปกป้องเท้าขาวๆของคุณคิมได้ขนาดนี้...
.
.
.
ยงกุก...ไอ้ขี้งก..จะซื้อของให้แฟนแล้วยังต้องมาพึ่งเงินกูอี๊กกกกกก
.
.
.
“จ่ายเป็นการ์ดนะครับ” เสียงทุ้มกล่าวกับพนักงานก่อนจะควานลงไปยังกระเป๋ากางเกงด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ แต่ทว่า....
.
.
.
“ชิบหาย...กระเป๋าตังค์ไปไหน!!!!”
---------------------------------------------------------------------------------------------
บังยงนัมไม่ใช่คนประมาท ไม่ใช่คนเลินเล่อ ไม่ใช่คนโง่เง่าที่จะปล่อยให้ใครล้วงกระเป๋าไปง่ายๆ เขาสมบูรณ์แบบในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ความสามารถ ศิลปะการต่อสู้ กีฬาประเภทต่างๆ ทักษะด้านธุรกิจและจิตวิทยาของการประนีประนอม แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกถึงการหายไปของกระเป๋าสตางค์ได้เลย นับว่าคนล้วงมือกาวสุดๆ ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่เคยโดนเพียงแต่เขารู้ตัวทุกครั้ง บางครั้งยังฟาดปากไอ้โจรคืนจนสาแก่ใจด้วย ไม่มีใครกระตุกหนวดของโฮสต์หนุ่มเบอร์หนึ่งคนนี้ได้เลยยกเว้นไอ้หัวขโมยคนล่าสุดนี่...แม่งร้ายจริงๆ ร้ายจนเขาต้องมานั่งหน้าเหี่ยวอยู่ในคลับให้บอสยิ้มเยาะอย่างช่วยไม่ได้...
.
.
.
ก็ยังดีที่มันขโมยไปแค่กระเป๋าสตางค์ ถ้ากุญแจรถหายไปด้วยละก็ ยงนัมสาบานเลยว่าเขาจะลาออกจากอาชีพโฮสต์แล้วพลิกแผ่นดินล่าตัวไอ้หัวขโมยนั่นทั้งชีวิต....
.
.
.
“ฝีมือแม่งระดับโลกเลยอ่ะ” เขายืนยันหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว “ขนาดผมระวังตัวแล้วนะ”
“คนเยอะขนาดนั้น ระวังตัวดีแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้” ยงฮวายักไหล่ “ยังดีที่ร้านเขายอมเก็บรองเท้าไว้ให้ พรุ่งนี้ก็บอกให้ยงกุกมาจ่ายเองแล้วกัน บัตรเบิตอายัดเรียบร้อยแล้วนะ”
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย “เพราะงั้น...บอส....”
“ว่าไง”
“ยืมตังค์หน่อย ไม่มีซักแดงเลย” ศีรษะทุยไถลราบไปกับเคาน์เตอร์บาร์แล้วส่งเสียงอ้อน ช่วงเวลาที่คลับปิดแบบนี้ไม่มีใครอยู่ในร้านอีกแล้วนอกจากยงฮวากับยงนัมและชเวจุนฮง บาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยคนขยันที่ทยอยเก็บแก้วเหล้าจากโต๊ะลูกค้ามาเตรียมล้างอย่างขะมักเขม้น
“อย่ามาเนียน” ยงฮวาตีแขนเขาดังเพียะ “ที่บ้านไม่มีเก็บไว้เลยรึไง อีกอย่าง ดูจากสภาพแล้วนายคงไม่กลับบ้านหรอก รอพรุ่งนี้สิ ทำงานเสร็จก็ได้เงินแล้ว จะมายืมฉันทำไม”
“ไม่มีตังค์ติดกระเป๋าแล้วมันไม่มั่นใจ” โฮสต์เบอร์หนึ่งโอดครวญ ก่อนจะเบนหัวมาทางพนักงานรุ่นน้อง “จุนโฮงงงงง ยืมตังค์หน่อยยยยย”
เด็กหนุ่มที่กำลังเรียงแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์หัวเราะลั่น บังยงนัมเป็นพนักงานวีไอพีและหุ้นส่วนของบอสซึ่งมีระดับสูงกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆก็จริง แต่เขากลับเป็นกันเอง ให้ความสนิทสนมกับพนักงานทุกคนอย่างไม่ถือตัว อัธยาศัยดีจนใครๆก็ชอบ แถมยังมีมุมเด็กๆที่จุนฮงเองก็ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
“จะไปมีได้ไงล่ะพี่” รุ่นน้องอมยิ้ม “ผมได้เงินเป็นรายเดือนไม่ใช่รายวันสักหน่อย ทิปของลูกค้าก็ต้องหารกับบาร์เทนเดอร์คนอื่นๆ ขอบอสน่ะถูกแล้วครับ อย่ามาเบียดเบียนผมเลย ไหว้ก็ได้เอ้า”
“พูดถึงเรื่องนี้” ยงฮวาหันมาจับจ้องร่างโย่งนั้นแล้วกลอกตามองอย่างใช้ความคิด “ทำไมนายไม่ลองมาเป็นโฮสต์ดูล่ะจุนฮง ฉันถามไปหลายรอบแล้วนะ หน่วยก้านนายก็ดี อายุกำลังได้ คาแรกเตอร์น่ารักแบบนี้แหละคุณหญิงคุณนายเปย์กันสะบั้นแน่ เงินดีนะ ไม่เอาเหรอ เดี๋ยวให้ยงนัมช่วยเทรน”
บอสหนุ่มหมายความตามที่พูดจริงๆ ตั้งแต่จองแดฮยอน โฮสต์เบอร์สองลาออกไปตามหาหัวใจก็ดูเหมือนคลับของเขาจะเสียรายได้ไปมาก แต่ยงฮวาก็ไม่คิดจะขัดขวาง....เพราะความรักของแดฮยอนกับคุณยูถูกทิ้งไว้นานเกินไป ถ้าทั้งคู่ไม่รีบปรับความเข้าใจกันก็จะย่ำแย่ขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้เอง ยงฮวาจึงอนุมัติให้แดฮยอนลาออกได้อย่างไม่ลังเลใจ
ติดปัญหาตรงที่ต้องหาคนแทนนี่แหละ ไม่ใช่ว่าพนักงานคนอื่นๆไม่โด่งดังหรือบริการไม่ดี เขาแค่อยากได้พนักงานใหม่ที่มีความสดและน่ารักบ้างก็เท่านั้น จุนฮงทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องและมีแต่คนเอ็นดูก็จริง แต่เพราะฐานะ บวกกับความรับผิดชอบที่แบกไว้เกินอายุของอีกฝ่าย ทำให้เขาอยากเพิ่มรายได้ให้กับเด็กหนุ่มคนนี้มากขึ้น จะบอกว่าเสน่หาหรือเป็นความลำเอียงส่วนตัวก็ได้ ยงฮวายอมรับว่าเขาชอบจุนฮงมากกว่าพนักงานคนอื่นๆเพราะรู้ดีว่าคนคนนี้ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดในวัยเด็กมามากแค่ไหน อัตราเงินเดือนของพนักงานชงเหล้าที่ Moonstruck สูงกว่าคลับอื่นๆแต่ก็มีมาตรฐานในตัวของมัน ทางเดียวที่จะช่วยให้จุนฮงมีรายได้เพิ่มก็คือต้องเปลี่ยนมาทำอาชีพโฮสต์แทน...
.
.
.
จองยงฮวาสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แต่เขาก็ยังมีญาติที่ยื่นมือมาช่วยเหลือมากมาย ในขณะที่ชเวจุนฮงอยู่บ้านเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด ไม่มีญาติคอยช่วยเหลือและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือพ่อแม่ หนทางผิดๆที่เคยก้าวเดินในวันวานเป็นเพียงรอยเท้าที่ถูกผู้ใหญ่บังคับ ใจที่รักดีของจุนฮงต่างหากทำให้เขากลายเป็นที่รักและมีคนคอยช่วยเหลืออย่างทุกวันนี้....
.
.
.
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ยงฮวาชื่นชมได้ยังไง...
.
.
.
“ไม่ดีกว่าครับบอส ผมชอบงานบาร์เทนเดอร์มากกว่า” ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาเบาๆ จุนฮงเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กหนุ่มวัย 20 ที่เติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนสูงเฉียดสองเมตรแต่ก็ไม่ดูเก้งก้าง แขนขาที่ยาวสมส่วนและใบหน้าที่เริ่มขึ้นโครงอย่างผู้ชายเต็มตัวนั้นมีเสน่ห์ชวนมอง ขณะเดียวกันผิวที่ขาวราวน้ำนมกับดวงตาสดใสแต่แฝงไว้ด้วยความซุกซนก็ยังทำให้เขาดูเป็นหนุ่มน้อยที่น่าค้นหาอยู่ กึ่งดิบกึ่งสุกแบบนี้แหละดึงดูดลูกค้าได้ดีนัก ยงฮวาถึงได้อยากให้เขาลองเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นไง
“ฉันยังยืนยันนะว่าถ้ามาเป็นโฮสต์ นายดังแน่ ไม่สนใจจริงๆเหรอ” บอสหนุ่มถามอีกครั้งแต่ก็โดนนัมเบอร์วันของคลับขัดขึ้นเสียก่อน
“ก็เด็กมันไม่อยากเป็น บอสจะไปเซ้าซี้มันทำไม” ยงนัมทำเสียงเบื่อๆ “ค็อกเทลที่จุนฮงผสมนี่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเลยนะ คนอื่นชงยังไม่อร่อยเท่ามันเลย อีกอย่างบอสก็อุตส่าห์ออกเงินให้มันไปเรียนชงเหล้าเนี่ย เปลี่ยนตำแหน่งกันง่ายๆไม่เสียดายเงินที่ส่งเสียมันเหรอ”
“พูดมากจัง ยงนัม เงินไม่มีแล้วยังไม่เจียมอีก” ยงฮวายกปากกาเคาะหัวเหยื่อนักล้วงกระเป๋าอย่างหมั่นไส้ “นายกลัวจุนฮงจะดังกว่านายใช่ไหมล่ะ พ่อเบอร์หนึ่ง กลัวตกกระป๋องงั้นสิ ใช่มั้ย”
“กลัวทำไม ถึงไม่ได้เป็นโฮสต์ ผมก็ต้องช่วยบอสทำอย่างอื่นอยู่ดี” ร่างโปร่งเงยหน้ามามองก่อนจะดีดตัวลงจากเก้าอี้อย่างสบายใจ “ไหนๆก็ไม่มีเงินละ งั้นค้างที่นี่แหละ ขึ้นไปอาบน้ำนอนดีกว่า”
“ผมก็เก็บของเสร็จพอดี ขอตัวกลับเลยนะครับ” จุนฮงโค้งให้เจ้านายและรุ่นพี่ตามมารยาทแล้วสะพายกระเป๋าออกจากคลับไป จริงๆงานของเขาเสร็จนานแล้ว แต่ส่วนของแก้วตรงเคาน์เตอร์ยังไม่เรียบร้อยก็เลยอาสาจัดให้ก่อนกลับ เด็กหนุ่มไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องละเลย ถึงจะไม่ใช่หน้าที่ของเขาแต่กับสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาอะไรเขาก็เต็มใจทำให้ อีกอย่าง ยงฮวาก็มีบุญคุณกับเขาขนาดทำงานใช้ชั่วชีวิตก็ยังตอบแทนไม่หมด...
.
.
.
เขาเป็นเพียงเด็กไม่มีพ่อแม่ที่เติบโตในบ้านเด็กกำพร้า ถูกคนรับไปอุปการะตอนอายุ 15 พร้อมกับพี่ชายคนละสายเลือดที่โตมาพร้อมกัน แรกเริ่มเดิมทีก็เหมือนจะดีหรอก แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้เศรษฐีจอมปลอมก๊กนั้น แท้จริงแล้วคือแก๊งมิจฉาชีพที่ใช้อุบายหลอกเอาเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าไปเลี้ยงเป็นอันธพาลเพื่อทำสิ่งสกปรกให้กับพวกมันไปวันๆ จุนฮงต้องทำเรื่องเลวสารพัดอย่างตามแต่พวกมันจะใช้ ต่อให้เขาไม่อยากทำ แต่เพื่อความอยู่รอดและพี่ชายผู้เป็นที่รักก็ต้องกัดฟันทน จนถึงวันที่เด็กหนุ่มวัย 19 ดิ้นรนหาทางออกเพื่ออิสรภาพอย่างเต็มที่ คนที่ยื่นมือมาช่วยเขาก็คือจองยงฮวาแห่ง Moonstruck นี่เอง…
จุนฮงไม่รู้ว่ายงฮวาใช้วิธีไหนถึงดึงตัวเขากับพี่ชายออกมาจากขุมนรกนั้นได้ แต่สุดท้าย ข้อเสนอที่ยงฮวาบอกให้เขามาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์เพื่อชดใช้ค่าตัวที่จ่ายให้กับพวกนั้นไป ก็เหมือนกับบัญญัติจากสวรรค์ที่ทำให้เขาเกิดใหม่อีกครั้ง จุนฮงยอมรับข้อเสนอนั้น ไปเรียนหลักสูตรบาร์เทนเดอร์ตามที่ยงฮวาหามาให้และเริ่มงานใหม่ที่ Moonstruck ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...
.
.
.
เหนื่อยกว่านี้ก็ทนมาแล้ว เลวร้ายกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว แต่ถึงอย่างงั้น ชเวจุนฮงก็ยังเป็นเด็กสนุกสนานที่มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ชีวิตเขามีคนสำคัญเพียงคนเดียวที่ต้องปกป้อง ไม่ว่าจะเหนื่อยยากยังไง ต้องทำงานพิเศษเพิ่มอีกมากแค่ไหน ขอเพียงมีคนๆนั้นอยู่กับเขาตลอด เท่านี้จุนฮงก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...
.
.
.
ใช่...มุนจงออบ พี่ชายคนละสายเลือดที่เติบโตมาพร้อมกับเขานั่นแหละ...
.
.
.
ขายาวก้าวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องเช่าเพียงห้องเดียวในตึกที่ยังเปิดไฟอยู่ ถ้าจุนฮงยังไม่กลับบ้าน จงออบก็จะไม่ยอมนอน และทุกครั้งที่เปิดประตูเข้าไป ผู้เป็นน้องชายก็จะได้กลิ่นบะหมี่หอมๆที่ต้มเอาไว้รอเขาอยู่เสมอ...แม้ว่ามันจะขึ้นอืดมาเป็นชั่วโมงแล้วก็เถอะ....
“ผมกลับมาแล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเบา แต่ก็ไม่รอดพ้นหูของคนที่ยืนหันหลังให้เขาไปได้
“ต้มบะหมี่ไว้ให้แล้ว กินเร็ว” เบื้องหน้าบาร์เทนเดอร์ตัวสูงคือชายหนุ่มผิวขาวร่างสันทัด คิ้วพาดเฉียงกับดวงตายาวเรียวรับกับจมูกโด่งและฟันกระต่ายน้อยๆยามเปิดเผยรอยยิ้มชวนมอง มุนจงออบวัย 21 ปีก็คือพี่ชายของจุนฮงที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆ จนถึงตอนนี้ เขากับจุนฮงก็ยังมีกันอยู่แค่สองคน...
และอาจจะมีด้วยกันเท่านี้ไปตลอดชีวิต...
“อืดอีกแล้วอ่ะ นี่ต้มไว้ตั้งแต่กี่โมง” เด็กหนุ่มหัวเราะจนตาหยีแล้วถือหม้อบะหมี่มานั่งขัดสมาธิกินบนเตียง เส้นอืดสุดๆแต่ก็อร่อยเหมือนเดิมแหละ พี่จงออบทำให้ อะไรเขาก็กินได้ทั้งนั้น
“ไม่รู้เหมือนกัน ลืมแล้ว” เสียงมึนๆที่ตอบออกมาดูกวนส้นแต่ก็ชวนให้หัวเราะในเวลาเดียวกัน จงออบเพิ่งจะปฏิบัติภารกิจเสร็จหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน ถือว่าฝีมือยังไม่ตกแต่ก็เอามาเล่าอวดน้องชายไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่จุนฮงอยากให้เขาทำเท่าไหร่
หลังหลุดพ้นจากแก๊งอันธพาล พวกเขาก็ใช้เงินติดตัวก้อนสุดท้ายหาบ้านเช่าถูกๆอยู่ด้วยกัน ในระหว่างที่จุนฮงเรียนคอร์สบาร์เทนเดอร์อย่างตั้งใจ จงออบก็ไปรับจ๊อบสารพัดอย่างเพื่อหาเงินมาประทังชีวิตของทั้งคู่ในแต่ละเดือนด้วย แต่วุฒิการศึกษาที่ค่อนข้างน้อยทำให้เขาไม่สามารถทำงานบริษัทที่มีเงินเดือนสูงๆได้ บางเดือนที่มีรายจ่ายเยอะอย่างค่าเช่าห้องและค่าเทอมที่เขาสมัครเรียนภาคค่ำเอาไว้ทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ชายหนุ่มก็เลยจำเป็นต้องใช้ความสามารถพิเศษของเขาบ้างเป็นครั้งคราว...
พูดถึงสิ่งที่เพิ่งไปทำมาตอนหัวค่ำ เรื่องนั้นจะให้จุนฮงรู้ไม่ได้ แต่เขายังไม่ได้ซ่อนของกลางเลยนี่หว่า ที่สำคัญของกลางนั้นก็วางอยู่บนเตียง ถัดจากก้นของจุนฮงไปไม่กี่เซนต์ซะด้วยสิ....
ร่างเล็กรีบเด้งไปนั่งข้างน้องชายทันที เสียงหัวเราะแหะๆเหมือนไม่มีอะไร แต่จุนฮงรู้ดีว่าลักษณะนี้คือการหัวเราะกลบเกลื่อนชัวร์ป้าบ
สายตาคมกวาดไปมองของที่จงออบใช้มือทับอยู่แล้วรีบตะครุบเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะซ่อนได้ทัน
“ทำอะไรน่ะ เด็กดื้อ” คนอายุน้อยกว่าแต่ตัวสูงกว่าหรี่ตา “จะซ่อนอะไรผม เอาออกมาให้ดูซะดีๆ” มือใหญ่ที่ซ้อนทับมือเล็กหงายของนั้นขึ้นมาดู แล้วจุนฮงก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อพบว่ามันคือกระเป๋าสตางค์หนังสีดำใบหนึ่ง
“จงออบ นี่อะไร” เขากดเสียงต่ำ
“อะไร ก็กระเป๋าตังค์ไง” พี่ชายคนมึนหัวเราะแหะๆอย่างไม่รู้ไม่ชี้
“ผมรู้ แต่นี่มันไม่ใช่ของพี่” หนุ่มน้อยถอนหายใจก่อนจะดึงกระเป๋าเงินใบนั้นออกมาจากมือพี่ชาย “ไปล้วงกระเป๋าใครเขามาอีกแล้วใช่ไหม ผมบอกแล้วไงว่าอย่าทำ เราสัญญากันแล้วนี่ครับว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก พี่ไม่รักษาสัญญาของเราเหรอ”
“อื้อ ไม่ใช่นะ” จงออบปฏิเสธอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบพันกัน “ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่ไอ้แดนมัน....”
“ทำไม ไอ้แดนทำไม” จุนฮงยิ่งเสียงเครียดเมื่อได้ยินชื่อของอันธพาลในแก๊งเก่าที่รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา “มันมาหาพี่เหรอ ทำไมไม่โทรบอกผม”
“ก็นายทำงาน แล้วอีกอย่าง...มันก็ไม่ได้ทำอะไรด้วย” ริมฝีปากแดงตอบเสียงอ่อย “นอกจากเอาเงินพาร์ทไทม์กับค่าเทอมของฉันไป...ฮือจุนฮงงงงง พี่สู้มันไม่ได้นี่~~” สุดท้ายก็ทิ้งไม้ตายด้วยการส่งเสียงอ้อนจนคนข้างๆสงสาร
“ไม่นึกว่าจะเจอกับมันโดยบังเอิญ ไอ้แดนก็แค่มากวนตีนนิดหน่อย แต่พอเห็นเงินในมือพี่มันก็ดึงไปเลย แถมยังฟาดหัวพี่ดังโป๊กอีกนะ โนเลยเนี่ย จุนฮงดู...จุนโฮงงงง” จงออบร้องโอดโอยแล้วยกมือน้องชายมาโปะบนหัว “เห็นมั้ยว่ามันปูดขึ้นมา แล้วเงินน่ะ วันจันทร์ต้องจ่ายค่าเทอมเขา เพิ่งจะได้มาก็โดนสอยไปเลย พี่ไม่มีทางเลือกจริงๆนะจุนฮง”
สุดท้ายชเวจุนฮงก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วลูบหัวพี่ชายเป็นเชิงปลอบ ความสามารถพิเศษของจงออบก็คือมือเบาแบบขั้นเทพ ไม่ใช่แค่ล้วงกระเป๋า แต่จะให้ขโมยกุญแจ หยิบเล็กหยิบน้อย ไปจนถึงการขโมยเอกสารสำคัญก็ทำได้อย่างเงียบเชียบไม่ทิ้งร่องรอยทั้งนั้น ถ้าเทียบกับเขาที่เป็นสายชกต่อยชอบใช้กำลังแล้ว จงออบอาจเป็นที่ต้องการสำหรับแก๊งนักเลงมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเหตุนี้แหละเขาถึงต้องอยู่เคียงข้างพี่ชายตลอดเวลา จงออบไม่ใช่คนเลว แต่บางครั้งก็เผลอสนุกไปกับสิ่งที่ทำโดยไม่รู้ตัว ถึงจะอายุมากกว่าแต่จงออบกลับนิสัยเด็กกว่าเขา อาจเพราะโดนแกล้งตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าก็เลยกลายเป็นคนขี้กลัวและไม่ค่อยสู้คนเท่าไหร่ ภายนอกเป็นคนนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ทำให้ดูเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่ถ้าอยู่กับเขา จงออบจะกลายเป็นเด็กน้อยขี้อ้อนตลอดเวลา...
ไม่ได้ผิดปกติอะไรหรอก จุนฮงตั้งใจทำให้มันเป็นอย่างงี้เองแหละ
เขาอยากให้จงออบมีแต่เขา เชื่อใจเขาและอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น
.
.
.
เด็กหนุ่มที่หลงรักพี่ชายต่างสายเลือดของตัวเอง ก็ย่อมอยากจะปกป้องเป็นธรรมดา เพียงแต่จงออบความรู้สึกช้า จุนฮงก็เลยแสดงออกมากไปกว่านี้ไม่ได้ ทุกวันนี้เล่นบทเป็นน้องชายก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาเพลียกับความอินโนเซนท์ของเจ้าพี่เตี้ยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอีก แต่ก็นะ อย่างที่บอกนั่นแหละ จุนฮงจะทำให้มันค่อยเป็นค่อยไป ถึงเวลาเมื่อไหร่เขาจะพูดคำๆนั้นออกมาอย่างไม่ลังเลเลย
เพียงแต่ตอนนี้ต้องตะล่อมไปเรื่อยๆก่อน อย่างน้อยก็เลิกให้จงออบทำนิสัยแบบนี้ซักที ไม่ใช่อะไรหรอก เขาแค่กลัวว่าคนตัวเล็กจะสนุกกับมันมากขึ้นแล้วกลับไปทำอะไรที่มันทุจริตอีกในภายหลัง
“โอเคครับ ผมเข้าใจ แต่พี่ห้ามทำแบบนี้อีกแล้วนะ” เด็กหนุ่มจับมือทั้งสองของพี่ชายเอาไว้ “พี่ก็รู้ว่าผมมีเงินโบนัสที่บอสฝากเอาไว้ให้ ถ้าจำเป็นจริงๆก็ดึงส่วนนั้นมาใช้ไปก่อนได้ ตอนนี้เราไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกจนต้องขโมยเงินใครเขาสักหน่อย”
“อื้ม ขอโทษ จะไม่ทำแล้ว” มุนจงออบพยักหน้าหงึกๆ เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดและจุนฮงก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ส่วนของน้องก็คือส่วนของน้อง จะเอามาชดใช้ความสะเพร่าของเขาที่รักษาเงินตัวเองเอาไว้ไม่ได้ได้ยังไง “ไม่โกรธเค้านะจุนฮง”
ตายห่านไปแล้วครับ ถ้าถึงขั้นแทนตัวเองว่า ‘เค้า’ เมื่อไหร่ แปลว่าจงออบกำลังเดินหน้าอ้อนสุดชีวิต แน่นอน ศพจุนฮงคงตายเกลื่อนอยู่แถวนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่โกรธๆ ผมไม่โกรธแล้ว” สุดท้ายก็ใจอ่อนตามเคย “แต่สัญญากับผมก่อนว่าจะเอาแค่เงินในกระเป๋า ของที่เหลือต้องส่งไปรษณีย์คืนเขานะ ไหน...เอามาดูหน่อย” เด็กหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์สีดำใบนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออก สายตากวาดไปเจอบัตรประชาชนเป็นอย่างแรกแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเจ้าของกระเป๋าคือใคร.....
.
.
.
“บังยงนัม????”
TBC
--------------------------------------------------------------------------------------------------
จริงๆเรื่องนี้ยงนัมเป็นพระเอก 5555555555555 ส่วนตัวแล้วชอบยงนัมมากที่สุดด้วยค่ะ ในส่วนของโล่ออบ อย่างที่เกริ่นไว้ว่าจะไม่ดราม่า ก็ไม่ดราม่าจริงๆนะ เรื่องในอดีตอาจจะซีเรียสนิดหน่อยแต่ก็ไม่หม่นหมองประคองอารมณ์เท่าไหร่ค่ะ พาร์ทของสองคนนี้อาจจะมีคำไม่สุภาพอยู่บ้าง เพื่ออรรถรสแต่จะพยายามไม่ให้เยอะเกินนะคะ นี่เป็นโล่ออบที่เราแต่งครั้งแรกด้วย ยังไม่รู้ว่าสนุกมั้ยยังไง อ่านแล้วเมนชั่นที่ @chocopastelbbyz หรือ #บอพมสต ได้เลยค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะค้า^^ อาจจะอัพช้าหน่อยแต่จบอยู่แล้วแหละ คู่สุดท้ายและ ยังไม่รู้กี่ตอนแต่ไม่น่าจะยาวเท่าแดแจนะ~~~~
ความคิดเห็น