คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Moonstruck:: Dark Light #07 (DaexJae) *END*
Dark Light:: 07
Couple :: DaexJae
BG :: Nothing's Gonna Change My Love For You [Westlife]
เสียงฮือฮาดังขึ้นในห้องจนเกิดเป็นสงครามน้ำลายย่อยๆระหว่างทีมงานสิบกว่าคนที่ได้ยินคำพูดนั้น พร้อมกับดวงตาคมของดีไซเนอร์หนุ่มที่ประสานเข้ากับดวงตาโตของอีกฝ่ายเข้าพอดี ยองแจทำได้แค่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูเงียบๆ ริมฝีปากอิ่มไร้คำพูด ใบหน้าหวานไร้ซึ่งการแสดงออก มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น....ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมจองแดฮยอนถึงมาอยู่ตรงนี้ ทำไมคนๆนั้นถึงอยู่ใกล้แค่นี้แต่เขากลับไม่เอะใจเลยแม้แต่นิดเดียว...
ร่างโปร่งเดินตรงเข้ามาหาเขาท่ามกลางสายตากว่ายี่สิบคู่ที่จ้องมายังจุดเดียวกัน มือใหญ่คว้ามือนุ่มเอาไว้ก่อนที่ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นจะหันไปแจกยิ้มให้ทุกคนตามสไตล์ของอดีตโฮสต์เบอร์สองที่แสนจะมีเสน่ห์
“ผมขอเวลาสักครู่นะครับ” แดฮยอนพูดอย่างเป็นกันเอง “ดูเหมือนท่านประธานจะยังงงอยู่ คงต้องเคลียร์กันเป็นการส่วนตัว คุณยองแจครับ ผมฝากทางนี้ด้วยนะครับ” เมื่อหุ้นส่วนและผู้ร่วมแผนการอย่างชเวยองแจพยักหน้ารับรองแล้ว เขาก็พาร่างน้อยที่ยังยืนช็อคอยู่ออกไปจากห้องนั้นทันที....
.
.
.
แดฮยอนพายองแจมายังส่วนในสุดของชั้น เมื่อกวาดตามองจนมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นก็หันมามองอีกฝ่ายตรงๆ คนสวยของเขายังคงออกอาการช็อคอยู่เล็กๆ แววตาเสมองไปยังจุดอื่นแต่น้ำตากลับไหลลงมาไม่หยุด นี่คือความอัดอั้นรึเปล่านะ...ความอัดอั้นที่สั่งสมมานานจนไม่รู้จะปลดปล่อยออกมาแบบไหน ทุกเดือนที่ได้รับจดหมาย ยองแจยังอดคิดไม่ได้ว่าถ้าได้พบกับแดฮยอน เขาจะปลดปล่อยความรู้สึกนี้ออกมาได้ยังไง เอาเข้าจริงก็ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง มีเพียงน้ำตาที่ไหลลงมา แสดงถึงความอัดอั้นจากทั้งหมดของหัวใจเท่านั้น
มือสากทว่าอบอุ่นเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างเบามือก่อนจะรั้งใบหน้าสวยให้หันมาสบตาเขา สองปีที่ไม่ได้เจอกันนั้นทรมานยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น แต่ชายหนุ่มก็ยอมรับว่ามันคุ้มค่าเหลือเกินที่ยอมอดทนจนได้มายืนตรงหน้าคนที่เขารักสุดหัวใจอีกครั้ง
ทั้งคู่ประสานสายตากันอยู่สักพัก ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง....
“ผมคิดถึงคุณ”
.
.
“แดฮยอน”
“รวมเมื่อสี่ปีก่อนที่เราจากกันไปด้วยนะ ผมคิดถึงคุณมาตลอด คิดถึงทุกวินาที...ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่คิดถึงคุณ ผมขอโทษ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผมทั้งนั้น...ยูยองแจ ให้อภัยผมได้มั้ย” เขาพร่ำความในใจออกมาอย่างอัดอั้น
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เสียงหวานสะอื้น “นายมาอยู่บริษัทฉันโดยที่ฉันไม่รู้ได้ยังไง ใจร้าย คนใจร้าย ทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้แต่
นายกลับ....”
“คนดี อย่าร้องไห้สิครับ”
“ทั้งที่นายเห็นฉันทุกวัน แต่ฉันกลับไม่รู้เลยว่านายอยู่ใกล้แค่นี้ สนุกใช่ไหมที่ทำให้ฉันรอ รอเหมือนคนบ้าโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอกับนายเมื่อไหร่ สนุกมากใช่มั้ย”
“ยองแจ อย่าร้อง” นิ้วเรียวเช็ดน้ำตาให้กับแก้มใสนั้นอย่างอ่อนโยน “ผมเห็นคุณก็จริง แต่รู้มั้ยว่ามันทรมานมากแค่ไหนที่ไม่สามารถเดินเข้าไปหาคุณได้ทั้งที่อยากกอดคุณใจแทบขาด”
“ย้อนไปคิดถึงวันที่ทำให้คุณเจ็บมากเท่าไหร่ ผมก็เกลียดตัวเองมากเท่านั้น ยิ่งเกลียดมากขึ้นไปอีกว่าเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่าที่บอกให้คุณรอผมอยู่อย่างนี้”
“แดฮยอน...”
“ผมไปหาคุณตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกัน แต่คุณกลับปิดกั้นทุกอย่างจนผมคิดว่าคุณไม่อยากฟังเหตุผลของผมแล้ว...รู้ไหมยองแจ ผมทรมานแถมยังมืดแปดด้านจนไม่รู้จะพึ่งใคร ถ้าไม่ได้บอสกับยงนัมช่วย ผมก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” แขนยาวสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้แนบแน่นขณะระบายความในใจออกมาอย่างหมดเปลือก
“ผมอยากจะไปตามคุณ ขอให้คุณกลับมาอยู่กับผม แต่คิดๆดูแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถือได้เลยแม้แต่ความมั่นคงหรืออาชีพของตัวเองที่ทำให้คุณภูมิใจ ในเมื่อผมต้องการจะอยู่ข้างคุณ ผมก็ต้องเป็นฝ่ายทำตัวให้เทียบเท่ากับคุณ โฮสต์ไม่ใช่อาชีพที่แย่ ผมรักมันแต่ถ้าจะให้เลือก ผมก็รักคุณมากกว่า เพราะเหตุนี้แหละผมถึงตัดสินใจลาออก”
น้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตากลมเริ่มเหือดแห้งไปแล้ว แทนที่ด้วยความรู้สึกใหม่ที่อิ่มเอมเกินบรรยาย ยองแจไม่นึกเลยว่าแดฮยอนจะยอมทำเพื่อเขาขนาดนี้ แม้กระทั่งลาออกจากอาชีพที่ตัวเองรักและทำมานานถึงสี่ปี
“แล้วก็มาเป็นดีไซเนอร์ตลอดสองปีเลยเหรอ?”
“อื้ม” อีกฝ่ายตอบสั้นๆแล้วยิ้มละไม “ตอนแรกที่เดินบนเส้นทางนี้ มันลำบากแล้วก็เหนื่อยมากจริงๆ แต่เพราะผมต้องการพิสูจน์ตัวเองให้คุณเห็น ผมถึงต้องอดทนจนกว่าจะประสบความสำเร็จ นั่นแหละสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ผมยังไปหาคุณไม่ได้....ถ้าผมยังดีไม่พอ ถ้าผมยังไม่คู่ควรกับคุณ ผมก็ไม่มีหน้าจะไปเรียกร้องให้คุณกลับมาเป็นของผม ได้แต่เฝ้าดูอยู่ทุกวันกับความกลัวว่าคุณจะไม่รอผมแล้ว ขอโทษนะครับ อย่าโกรธผมอีกเลยนะ”
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” ยองแจทุบอกเขาอย่างตัดพ้อ “นายรักอาชีพโฮสต์มากแค่ไหนทำไมฉันจะไม่รู้ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากเพื่อฉันด้วย จองแดฮยอน ไอ้คนบ้า”
“ผมไม่เคยเสียใจที่เลือกทำแบบนี้” แดฮยอนกล่าวอย่างหนักแน่น “กับคนที่รักผมและยอมปรับตัวเพื่อผมทุกอย่าง แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ คุณเองก็ไม่ต้องกังวลนะ ดีไซเนอร์คือสิ่งที่ผมทำเพราะรัก ส่วนโฮสต์คืออาชีพที่ผมรักเพราะได้ทำ สองอย่างนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่ากันหรอก เพียงแต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมเลือกการดีไซน์อย่างจริงจังก็คือคุณ จากนี้ไป ผมยอมให้คุณเป็นที่หนึ่งทุกๆอย่าง ความเกลียดและทิฐิของผมมันทรมานคุณนานเกินไปแล้ว ยองแจ...ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องรับความโกรธจากคุณบ้าง ถึงตอนนี้คุณจะยังไม่หายโกรธผม ผมก็รอคุณได้นะ และจะรอไปเรื่อยๆด้วย”
คุณหนูคนสวยยกมือขึ้นปิดปากเขาทันที
“อย่าพูดแบบนั้น” เสียงหวานย้ำคำอย่างสั่นเครือ “จำไม่ได้เหรอที่ฉันบอกว่าไม่เคยโกรธนาย ที่ผ่านมาฉันไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียดนายเลยด้วยซ้ำ ฉันแค่เสียใจที่ตัวเองไม่มีค่าพอที่จะทำให้นายคิดถึงได้ก็เท่านั้นเอง”
“เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่เคยหยุดคิดถึงคุณเลยแม้แต่วินาทีเดียว” จูบหน้าผากมนด้วยความคิดถึงก่อนจะบอกความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา “เพราะทิฐิบ้าๆ ทำให้ผมพูดออกไปว่าไม่สนใจคุณ ทั้งที่จริงๆแล้วผมดีใจที่สุดที่ได้เจอกับคุณอีกครั้งในวันนั้น”
“ฉันเสียใจมากนะ” ยองแจยอมรับ “เพราะงั้นตอนที่นายมาสนามบิน ฉันถึงพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่รู้ว่านายจะให้ความสำคัญกับเวลาของเราเท่าที่ฉันให้มันมั้ย แล้วก็ไม่อยากให้นายต้องมาจมอยู่กับฉันอีก...แต่ว่า...แต่บางทีฉันก็เกลียดตัวเอง เกลียดที่เป็นคนโง่ เอาแต่รอกับเรื่องลมๆแล้งๆหาจุดสิ้นสุดไม่ได้แบบนี้”
“มันสิ้นสุดแล้ว” แดฮยอนกล่าวอย่างหนักแน่น “จากนี้ไปผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีกแล้ว ทิฐิของผมทำให้เวลาของเราหายไปจากกันถึง 6 ปี จากนี้ไปผมจะคืนให้คุณเอง นอกจากไม่ปล่อยคุณแล้วยังจะทบต้นทบดอกเพิ่มเป็นสิบๆเท่าเลย”
“หือ” ตากลมจ้องใบหน้าคมคายอย่างสงสัย “หมายความว่าไงที่บอกจะทบต้นทบดอก”
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ” แดฮยอนหรี่ตาลงอย่างมีเลศนัยอีกครั้ง ไม่มีใครเห็นมุมนี้ของเขามานานแล้ว บุคลิกเย็นชาเงียบขรึมในซอกลึกของจิตใจถูกดึงออกมาใช้เพราะทิฐิที่สูงลิบ ถ้าสลัดมันทิ้งไปก็มองออกได้ไม่ยากเลยว่าดีไซเนอร์หนุ่มคนนี้อบอุ่นอ่อนโยนขนาดไหน
“คนรักที่ห่างกันไปนาน กลับมาเจอกันอีกครั้งเขาต้องทำแบบไหนบ้างล่ะ”
“อ...อะไร...คนรักอะไร ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นคนรักของนาย” ริมฝีปากอิ่มบ่นงุบงิบอยู่กับไหล่เขา “พูดโมเมกลางสาธารณะแบบนี้ฉันเสียหายนะ ที่พูดในห้องเมื่อกี้ด้วย ถ้าลูกน้องไม่เคารพฉันก็เสียการปกครองกันพอดี”
จองแดฮยอนหัวเราะลั่นกับคำเถียงข้างๆคูๆของคนในอ้อมกอด “คุณยูครับ คนเราก็ต้องมีความรักสิครับ ลูกน้องคุณเขาออกจะยินดีกันด้วยซ้ำจากที่ผมเห็นน่ะนะ มีความรักไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย”
“มีแต่ไม่ใช่กับนาย” ปลายเสียงตวัดขึ้นอย่างดื้อดึงอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดเลิกมึนตึงกับเขาเป็นที่เรียบร้อย ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ยองแจไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอีกฝ่ายอยู่แล้ว แค่อยากเล่นตัวบ้างก็เท่านั้นเอง มีอย่างที่ไหนให้รอตั้งสองปีแต่ตัวเองกลับมาแอบดูเขาทุกวัน...จองแดฮยอนคนบ้า
“ได้ยังไง” ดีไซเนอร์หนุ่มเลิกคิ้ว “อุตส่าห์ง้อขนาดนี้แล้ว งานเก่าก็ต้องลาออก งานใหม่ก็ต้องหลังขดหลังแข็งสร้างเนื้อสร้างตัวตั้งหลายปี คราวนี้ต่อให้มีสิบดงฮยอกมาเป่าหูผมก็จะไม่เชื่ออีกแล้ว....ถ้าคุณยังไม่ตอบรับผมอีก งั้นก็ต้องปล้ำกันแล้วล่ะ” พูดจบ ริมฝีปากหนาก็ทาบทับลงบนปากอิ่มสีชมพูสวยทันที สัมผัสนุ่มหอมที่ห่างหายไปนานยังคงเย้ายวนให้เขาตกอยู่ในวังวนของมันได้เสมอ แดฮยอนบดเบียดริมฝีปากของเขาเข้ากับความหวานของอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า ปลายลิ้นที่สอดเข้าไปสัมผัสกันและกันนั้นชวนให้ลุ่มหลงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด....
“แดฮยอน...อื้อ...”
“คิดถึงคุณที่สุดเลย” เขากระซิบแผ่วก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ยองแจได้แต่ส่งเสียงครางอยู่ในลำคออย่างยอมจำนน เพราะความคิดถึงที่มีไม่น้อยไปกว่ากันทำให้ริมฝีปากสวยตอบรับสัมผัสของอีกฝ่ายอย่างเต็มใจ....แต่ทว่า....
.
.
.
“อ่ะแฮ่ม” เสียงที่ขัดขึ้นมาเบาๆทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที หันไปมองก็พบเจ้าของเสียงซึ่งก็คือโฮสต์หมายเลขหนึ่งที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงเสาพร้อมกับแกว่งคีย์การ์ดในมืออย่างสบายอารมณ์
“ผมเกรงว่าตรงนี้มันจะโจ่งแจ้งไปหน่อยนะครับ” ยงนัมหัวเราะ “ถ้าคุณลูกค้าทั้งสองท่านอยากจะคุย หรือ ‘ทำกิจกรรม’ กันเป็นการส่วนตัว เราก็มีห้องพักพิเศษเอาไว้ให้ด้วย...สำหรับแขกที่เมาจนกลับบ้านไม่ได้น่ะ ไปพักก่อนได้นะครับ ผมเปิดห้องให้ฟรีเลย เห็นว่าคุณยูเป็นลูกค้าวีไอพี ส่วนคุณจองก็เป็นอดีตพนักงานวีไอพีหรอกถึงได้เปิดให้ ไม่ต้องกลัวนะครับ ห้องนี้เก็บเสียง ร้องดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน..”
“ไอ้....” เสียงขมุบขมิบที่พอจะเดาความหมายได้ดังออกมาจากปากแดฮยอน แต่เมื่อหันไปมองท่านประธานคนสวยที่ยืนบิดตัวด้วยความอายจนจะม้วนเป็นขนมโปเต้ให้มันรู้แล้วรู้รอดก็ถึงกับขำจนต้องหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ขอบใจนะยงนัม งั้นฉันขอยืมห้องก่อนละกัน ท่านประธานยืนบิดใหญ่แล้วสงสัยจะปวดฉี่”
“ไอ้บ้า” ยองแจฟาดมือลงบนต้นแขนแกร่งเต็มแรง “ใครบอกว่าฉันปวดฉี่ นายนี่มัน อ๊ะ...จะไปไหน แดฮยอน” ปากอิ่มโวยวายเมื่อถูกร่างโปร่งกึ่งลากกึ่งจูงเข้าไปในลิฟท์ แดฮยอนหันมาขยิบตาเป็นเชิงขอบคุณอีกครั้ง ในขณะที่ยงนัมก็ยกนิ้วเป็นสัญลักษณ์โอเคกลับคืนให้อีกฝ่ายไป...
“ใจกว้างจังนะ ค่าห้องพักน่ะใครจะออก” ยงฮวาเดินตามมาข้างหลังระหว่างมองแดฮยอนกับยองแจหายเข้าไปในลิฟท์พร้อมกัน “ฉันว่าอย่างต่ำก็ต้องทั้งคืน ค่าซักคราบเลอะบนผ้าปูเตียงมันไม่ใช่ถูกๆนะ ยงนัม”
“ผมรู้” ชายหนุ่มหันมามองบอสของเขาแล้วยิ้มกวนๆ “เราสองคนก็เคยทำแบบนั้นนี่นา ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่ามันซักลำบาก ลำพังค่าห้องน่ะผมออกแทนให้ก็ได้” ว่าแล้วริมฝีปากหยักสวยก็ก้มลงจุ๊บปากบางของคนตรงหน้าเบาๆ
.
.
.
“แต่ถ้าพวกเขาเล่นท่าซาดิสม์จนข้าวของแตก ผมไม่รับผิดชอบนะบอส”
--------------------------------------------------------------------------------
แดฮยอนเคยสงสัยเหมือนกันว่าการที่ต้องห่างหายกับยองแจไปนานจะทำให้เขาทรมานขนาดไหน ตอนนี้คำตอบก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้าแล้ว ตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา ในห้องพักอันกว้างขวางและเรียบหรูของคลับที่ยงฮวาเปิดเป็นห้องพักพิเศษให้กับแขกวีไอพี หรือบางทีก็เป็นห้องนอนของตัวบอสหนุ่มเอง บัดนี้มีสองร่างที่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงอย่างอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศที่คล้ายกับจะผ่านสงครามขนาดย่อมๆมา
ร่างขาวของคนในอ้อมกอดมีรอยจูบอยู่เต็มไปหมด ตามด้วยเจ้าตัวที่นอนหอบน้อยๆอย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะไม่รู้ว่าโดนรังแกไปแล้วกี่ครั้ง ย้อนนึกไปถึง 2 ปีก่อน นับตั้งแต่การแสดงความรักในรถรวมถึงบนห้องของเขากว่าค่อนวัน...ครั้งนั้นแดฮยอนคิดว่าเขาอัดอั้นแล้ว แต่ดูเหมือนตอนนี้จะหนักยิ่งกว่า...
.
.
.
อาจเพราะความรักในใจที่ถ่ายทอดออกมาโดยไม่มีอะไรขวางกั้นอีก หมอกมืดทึบแห่งความเศร้าผ่านพ้นไป ความเจ็บปวด ความเข้าใจผิดและทิฐิมากมาย เมื่อสลายไปแล้วก็เหลือเพียงความรักที่ส่องประกายอย่างชัดเจนและสวยงาม....
.
.
“ลงไปจากตัวฉันได้แล้ว” คุณหนูบ่นเบาๆเมื่อริมฝีปากแสนซนยังคงคลอเคลียอยู่กับแก้มนิ่มไม่ห่าง บทรักบทสุดท้ายเพิ่งจะสิ้นสุดไป คนเอาแต่ใจก็เลยกอดเขาซะจมอกแบบนี้ ถ้าไม่บ่นดักไว้ก่อนก็ร่ำๆจะมียกใหม่เพิ่มอีก แต่ก็นั่นแหละ ถ้าแดฮยอนบอกว่าจะต่ออีกรอบเขาก็ไม่มีแรงขัดขืนอยู่ดี
“คิดถึงที่สุดในโลกเลย” อีกฝ่ายแกล้งทำหูทวนลมซะอย่างนั้น “ขอบคุณท่านประธานนะครับที่ให้โอกาสผมทำงานนี้” เสียงทุ้มวนเวียนอยู่ที่ใบหูขาวซึ่งตอนนี้เป็นรอยแดงเพราะถูกขบไปไม่รู้กี่รอบ “ถ้าไม่ได้แรงบันดาลใจจากคุณ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำสำเร็จรึเปล่า”
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมนายถึงมาขอรางวัลจากฉัน” ยองแจพ่นลมหายใจก่อนจะยู่ริมฝีปากอย่างแสนงอน ตอนที่ดีไซเนอร์คนเก่งบอกว่าจะขอรางวัลเขาก็เออออไปตามเรื่อง ถึงมันจะเป็นความต้องการของเขาเหมือนกันแต่ก็ไม่คิดว่าแดฮยอนจะจัดเต็มขนาดนี้...เครื่องป้องกันอะไรก็ไม่ได้เตรียมไว้สักอย่างแถมเตียงยังยับยู่ยี่เหมือนไปทดลองนิวเคลียร์มา แล้วแบบนี้เขายังจะกล้าไปเจอหน้ายงฮวาอีกเหรอ...
“ฮื่อ” ชายหนุ่มตอบรับแล้วจุ๊บปากสีสวยของคนตรงหน้าเบาๆขณะย้ายตัวลงมานอนข้างๆ แขนยาวกอดกระชับร่างบางเอาไว้แล้วถามคำถามที่อยากรู้มานาน
“เห็นจดหมายของผมแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
“ไม่รู้สิ” คุณหนูคนสวยนิ่งนึกพลางเอื้อมมือไปพาดหน้าท้องเพื่อกอดตอบเขา “รูปใบแรกๆฉันยังไม่คิดว่ามันมีความหมายมากนักหรอก แต่พอผ่านไปหลายใบมันก็แบบ...นี่นายเก็บทุกอย่างของเราไว้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” ตากลมโตช้อนมองเขาอย่างสงสัย ท่าทางขี้อ้อนแบบไม่รู้ตัวทำให้ดูน่าฟัดเข้าไปใหญ่
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่เคยลืมคุณ แม้กระทั่งตอนที่เราเลิกกัน ถึงจะย้ำกับตัวเองว่าเกลียดคุณมากแค่ไหน แต่ทุกความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างของคุณก็ยังอยู่กับผม เวลาของเราไม่เคยหายไปหรอกนะ เพราะงั้นอย่าคิดว่าคุณไม่มีค่าในความทรงจำของผมอีก กลับกัน...คุณฝังอยู่ในเซลล์สมองทุกเซลล์ของผมเลย”
“สองปีที่ผ่านมาลำบากมากเลยใช่ไหม” ศีรษะทุยซุกเข้ากับอ้อมอกกว้างคล้ายจะเอาใจ “ฉันไม่รู้จริงๆว่านายต้องพยายามมากขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำเพื่อฉันนะแดฮยอน...ว่าแต่ช่วงที่นายลาออกไปนี่ ที่คลับไม่ขาดรายได้แย่เหรอ”
“ก็เอาเรื่องเหมือนกัน บอสบ่นผมจนหูชาเลยนะตอนลาออก” อดีตโฮสต์หนุ่มหัวเราะ “แต่ผมกับเขาก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่ เรื่องที่ได้ทำงานกับบริษัทคุณนี่ บอสก็มีส่วนช่วยอยู่นิดหน่อย”....เล่นเส้นว่างั้นแหละ
“มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บอสโดนคู่แข่งแกล้ง ก็คงจะอิจฉาเรื่องผลประโยชน์เหมือนเดิม เกือบพลาดไปแล้วถ้าไม่ได้พี่ชายของจุนฮง...บาร์เทนเดอร์ที่ชงเหล้าให้คุณตอนนั้นน่ะ...มุนจงออบพี่ชายของจุนฮงช่วยเอาไว้ พอไอ้คลับนั้นเจ๊งไป กิจการเราเลยรุ่งยิ่งกว่าเดิม”
“คุณยงฮวาเก่งจังเลยนะ” ยองแจเอ่ยชมหลังจากฟังความเป็นไปของคลับระหว่างที่เขาไม่อยู่ “ยงนัมก็ด้วย ฉันไม่เคยชอบคลับแนวนี้เลย แต่พอเข้ามาใน Moonstruck ความคิดทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด”
“รวมถึงผมด้วยใช่ไหม” จองแดฮยอนยิ้มแป้นใส่คนตรงหน้าเลยโดนทุบไปหนึ่งที “ขอบคุณที่เราได้เจอกันในวันนั้น ไม่อย่างงั้นผมก็คงเสียใจไปตลอดชีวิตที่ไม่ได้ปรับความเข้าใจกับคุณ”
“อย่าคิดมากสิ” คุณหนูคนสวยลูบแก้มอุ่นนั้นอย่างรักใคร่ “ตอนนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วไง 6 ปีที่เสียไปไม่ไร้ค่าเลยนะ มันยิ่งทำให้ฉันกับนายรู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน”
“ใช่ และเราก็จะเริ่มช่วงเวลาใหม่ด้วยกันอีกครั้ง” ร่างโปร่งเอี้ยวตัวลงไปหยิบชุดสูทที่ถูกทิ้งให้นอนแอ้งแม้งอยู่ข้างเตียง มือใหญ่ล้วงกล่องกำมะหยี่สีกรมท่าออกมาแล้วเปิดสิ่งที่อยู่ในกล่องให้อีกฝ่ายดู
มันคือนาฬิกาข้อมือที่มีสายรัดขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ทันสมัยและใช้โทนสีที่ออกแบบมาอย่างเฉพาะตัว ทั้งเรียบหรูแต่ก็ไม่โบราณเกินไป รวมๆแล้วเป็นการดีไซน์ที่สวยงามมากทีเดียว
“นี่คือนาฬิกาที่ผมออกแบบ มีอยู่เรือนเดียวในโลก” แดฮยอนอธิบายขณะใส่มันที่ข้อมือบางของคนรัก “ตั้งใจทำให้คุณโดยเฉพาะเลย ชอบไหม”
“ฮื่อ สวย” ตากลมมองสิ่งที่อยู่บนข้อมือด้วยความทึ่ง “สวยมากจริงๆ ฉันชอบมากเลย แต่ว่ามันยังไม่เดินเลยนี่นา”
แดฮยอนหมุนเข็มให้ตรงกับเวลาปัจจุบันก่อนจะกดที่ลานของมันเบาๆ
“นาฬิกาเดินแล้ว เวลาของเราก็จะเดินไปด้วย” รั้งไหล่บางเข้ามาหาตัวแล้วจูบริมฝีปากอิ่มอย่างดูดดื่ม สัมผัสของคุณหนูคนสวยยังคงหวานสำหรับเขาเสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน “จากนี้ไปเราจะเดินด้วยกัน ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างต้องหายไปอีกแล้ว ยองแจ..ผมรักคุณนะ”
“ฉันก็รักนาย” ยองแจยิ้ม “ต่อไปนี้ต้องทำแพนเค้กให้ฉันกินทุกวันนะ เอาสตรอเบอรี่ลูกโตๆด้วย”
“ได้หมดเลย” แดฮยอนยิ้มตอบ...
.
.
.
“ขออย่างเดียว ท่านประธานห้ามไล่ผมออกนะครับ”
.
.
.
Looking back on when we first met,
I can not escape and I can not forget,
Baby, you are the one
You still turn me on,
You can make me whole again
END
----------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้ทิ้งจากบังชานนานปีกว่าเลย แล้วก็เป็นเรื่องที่แต่งยากด้วยสำหรับเรา เพราะวางพล็อตแบบตั้งใจจะให้ดราม่าแนวนี้อยู่แล้ว (ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าทำได้ดีขนาดไหน แต่ส่วนตัวก็โอเคนะ 555) จำนวนตอนที่ยาวกว่าเพราะแดแจมีความหลังเยอะ ถ้าไม่เล่ามันก็จะไม่เคลียร์ ในขณะที่บังชานไม่มีความหลังก็เลยจบสั้นๆได้
ส่วนของตัวละคร อารมณ์ของแดฮยอนจะเป็นเหมือนผู้ชายอีโก้ที่พยายามสร้างให้ตัวเองดูเก่งดูเย็นชา แต่ก็อย่างที่เห็น จริงๆแล้วก็ทำไม่ได้ แถมยังขี้เก็บกดเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย ซึ่งมันเป็นนิสัยพื้นฐานของผู้ชายอ่ะเนอะ 55555 เราพยายามถ่ายทอดออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่ามีใครเข้าใจตรงกันมั้ยนะคะ เช่นเคย ตอนสุดท้ายของเรื่องนี้แล้ว ใครมีอะไรจะติชมหรือเม้ามอยก็แท็กได้ที่เดิมค่ะ #บอพมสต หรือ @chocopastelbbyz นะคะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาก เจอกันต่อในโล่ออบค่า (คิดว่าคงไม่ยาวเท่าคู่นี้ แต่ก็ไม่แน่ 5555) ของโล่ออบไม่เครียดเท่าไหร่ คิดว่าจะออกแนวน่ารักๆละล่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ปล. สปอยข่าบ
ความคิดเห็น