ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] B.A.P - Silk

    ลำดับตอนที่ #10 : Silk:: 09

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 58






    Silk:: 09

     

    Couple :: BangChan

    BG :: Torn [Natalie Imbruglia]

     

     

    “ชาน ฉันวางบทเอาไว้ตรงนี้นะ อ่านเสร็จก็อย่าลืมเก็บด้วย นายลืมบททิ้งไว้เป็นครั้งที่สิบสามแล้ว ให้ฉันตามเก็บบ่อยๆมันไม่ดีเข้าใจมั้ย” แดฮยอนเอ่ยปากเตือนเพื่อนรักหลังจากที่ทั้งคู่กลับจากงานโปรโมทภาพยนตร์เรียบร้อยแล้ว สามอาทิตย์ผ่านไป ตอนนี้ฮิมชานอยู่ที่สิงคโปร์ และหน้าที่ของแดฮยอนก็คือส่งข้อความไปบอกยงกุกเป็นระยะว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ประเทศไหน

     

    “อือ เดี๋ยวเก็บเอง” ฮิมชานรับคำสั้นๆ “ยงกุกส่งอะไรกลับมามั้ย”

    “ไม่” อีกคนตอบสั้นกว่า “แต่มันขึ้นว่าเปิดอ่านนะ อย่างน้อยเขาก็รับรู้แล้ว นายไม่ต้องกังวลนักหรอก คิดถึงมากใช่มั้ยล่ะ”

     

    “อืม คิดถึง” ร่างขาวชันเข่าขึ้นกับเก้าอี้แบบเด็กๆแล้วหยิบบทมาเปิดดูอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ท่าทางหงอยๆนั้นทำเอาแดฮยอนอดยิ้มไม่ได้ เมื่อกี้ตอนไปงานโปรโมทเพื่อนของเขาก็โดนแฟนคลับรุมเพียบ ที่น่าตกใจกว่าคือคิมฮิมชานควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าที่คิด อย่างน้อยก็ไม่ชักสีหน้าหรือหางตากระตุกแบบเมื่อก่อน ตรงกันข้าม เขากลับยิ้มแย้มและทักทายแฟนๆอย่างเปิดเผยมากขึ้น ไม่รู้เป็นเพราะคำที่ยงกุกบอกก่อนมารึเปล่าว่าให้ตั้งใจทำงานแล้วก็รักแฟนคลับให้มากๆ....ทำไมเขาจะไม่รักแฟนคลับล่ะ แต่นิสัยส่วนตัวมันแก้กันได้ง่ายๆที่ไหน ของบางอย่างกว่าจะปรับได้ก็ต้องใช้เวลา ฮิมชานเองก็ไม่คิดว่าเขาจะเปิดใจให้กับใครได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน อาจเป็นเพราะเสน่ห์จากคำพูดของยงกุกที่โอบล้อมและละลายความกระด้างในหัวใจเขาไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ต้องการจนขาดไม่ได้แล้ว...


     

     เขาไม่เคยอยากผูกมัดใครมาก่อนในชีวิต อย่าว่าแต่ผูกมัดเลย แค่คิดจะสนิทกับใครก็ยังยาก...

     

     

    “แดฮยอน ฉันนิสัยเสียมากมั้ย” ฮิมชานรำพึง “เห็นแก่ตัวมากรึเปล่า ที่ผ่านมาคงมีคนเกลียดฉันมากเลยสินะ”

     

    “คนรักคนเกลียดมันมีคู่กันเป็นธรรมดานะ” ผู้จัดการหนุ่มตอบ “นายอาจจะมีคนเกลียด แต่ก็มีคนรักไม่น้อยไปกว่ากันหรอก นายห้ามความชอบของใครไม่ได้ เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เคยเป็น แค่นั้นก็พอแล้วนี่”

     

    “ฉันกลัวว่าเขาจะเกลียดฉัน” ปากบางๆเม้มเข้าหากันระหว่างทบทวนพฤติกรรมตัวเองไปด้วย “ฉันไม่รู้จริงๆว่าที่ผ่านมาเขามองฉันยังไง ยงกุกดีกับฉันมาก แต่นั่นเป็นเพราะฉันบอกให้เขาดีกับฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะให้เขามาอยู่ข้างๆได้เลยต้องสร้างเงื่อนไขให้เขาแบบนั้น ยงกุกจะเกลียดฉันไหม แดฮยอน เขาจะเกลียดฉันรึเปล่า”

     

    “ยงกุกไม่มีทางเกลียดนายอยู่แล้ว” แดฮยอนทรุดตัวลงนั่งข้างๆแล้วตบไหล่เขาเบาๆ “ทำไมต้องคิดมากเรื่องนี้ด้วย”

     

    “ฉันไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้” ดาราหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเอนศีรษะซบลงกับไหล่ของเพื่อน “กลับไปแล้วฉันจะบอกเขา ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ต้องยอมรับมันให้ได้ แต่ยังไงฉันก็กลัวอยู่ดี”

     

    “ไม่เอาน่า นายไม่เคยเป็นอย่างงี้มาก่อนนะ มั่นใจในตัวเองอย่างที่เคยเป็นสิ” แดฮยอนเอื้อมมืออีกข้างมาลูบผมสีน้ำตาลซีดนั้น เข้าใจดีว่าทำไมฮิมชานถึงไม่เคยมั่นใจในความสัมพันธ์ของตัวเองเลย ต่อให้ทุกคนมองออกว่ายงกุกเอาใจใส่และเห็นเพื่อนของเขาเป็นคนสำคัญมากแค่ไหน แต่อดีตที่ผ่านมาก็ทำให้ฮิมชานไม่กล้าเชื่อใจใครอยู่ดี ตั้งแต่เด็กจนโต เขาถูกมองในฐานะของผลประโยชน์ทางธุรกิจมาตลอด หนทางของการเป็นนักแสดงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่ใช่เพราะรักในด้านนี้ เขาก็คงไม่ทนมาถึงทุกวันนี้ ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่รูปร่างบอบบางและหน้าสวยๆก็ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้ใหญ่ตัณหากลับในวงการธุรกิจอยู่หลายคน เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ การสร้างเกราะขึ้นมากำบังตัวเองจึงเป็นอาวุธที่ดีที่สุด เจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องทน จิตใจที่เข้มแข็งถูกหล่อหลอมจนแข็งกระด้างและยากที่จะเชื่อใจใคร ตัวฮิมชานเองก็ไม่อยากจะเข้าใจใครด้วย จึงไม่แปลกที่เขาจะมีแค่แดฮยอนกับยองแจเป็นเพื่อนสนิท จนกระทั่งมาพบกับยงกุก ความอบอุ่นและจิตใจที่ดีของผู้ชายคนนั้นทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเขากลับคืนมาอีกครั้ง....

     

    “เอาเถอะ ฉันตั้งใจทำงานดีกว่าเนอะ” ฮิมชานพ่นลมหายใจดังๆแล้วยกยิ้มขึ้นมาเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง “ทำให้เสร็จๆจะได้กลับไปหายงกุกเร็วๆ นายเองก็จะได้กลับไปหาเด็กจุนฮงนั่นด้วยไง”

     

    “เดี๋ยวดิ เกี่ยวอะไรกับฉัน” แดฮยอนทำตาโตทันที แก้มก็แดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “เกี่ยวอะไรกับจุนฮง”

     

    “อย่ามาทำไขสือเลยน่า” แม่เสือเบนเป้าไปที่ผู้จัดการคู่ใจแบบสายฟ้าแลบ แหย่แดฮยอนให้หน้าแดงเล่นๆนี่ก็สนุกเหมือนกันแฮะ “คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ บอกแล้วไงว่าถ้าเจอคนที่ทำให้มีความสุขได้ก็เปิดใจให้เขาซะ ช่วงนี้นายเองก็เลิกทำหน้าดำไปเยอะเลยนี่ ดีแล้วล่ะ อย่าเครียดให้มันมากนักเลย” ร่างบางหัวเราะคิกก่อนจะหยิบบทแล้วลุกขึ้นยืน

     

    “หมดโปรโมทหนังซะที เหลือแต่ถ่ายละคร พอไปถึงลิสบอนแล้วว่าจะเที่ยวซะหน่อย หาของฝากไปให้ยงกุกกับเพื่อนด้วยดีกว่า ฉันไปอ่านบทในห้องก่อนนะ จะกินข้าวเย็นเมื่อไหร่ก็เข้าไปเรียกด้วยละกัน” ว่าแล้วร่างบางก็หายเข้าไปในห้องนอนทันที ทิ้งให้แดฮยอนนั่งหน้าแดงแบบปรับอารมณ์กลับแทบไม่ทัน...

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ไอ้เรื่องเครียดน่ะเลิกไปนานแล้ว แต่หน้าดำนี่ไม่ได้ทำนะ...มันดำเอง....

     

    --------------------------------------------------------------

     

     

    “รูปชัดดีเหมือนกันนะ” เสียงทุ้มบอกอย่างพึงใจขณะดูรูปในโทรศัพท์ที่อีกฝ่ายส่งมา ถึงจะถ่ายจากที่ไกลๆแต่ก็เห็นเป็นฮิมชานไม่ผิดแน่ แม้ว่ารูปที่จูบกันจะโดนเงาบังไปซักหน่อยแต่ก็ยังพอใช้ ส่วนรูปตอนกำลังกอดกับผู้ชายคนนั้นถือว่าชัดไม่เลว

     

    “อาทิตย์หน้าฉันจะไปลิสบอน นายค่อยตามไปเจอที่นั่นก็ได้ ยังไงค่ายก็สั่งให้ฉันมาถ่ายโฟโต้บุ๊คด้วยอยู่แล้ว  ไอ้รูปทั้งหมดที่ถ่ายมานี่อย่าเพิ่งเอาไปปล่อยที่ไหนล่ะ ถ้าฉันไม่สั่งก็ห้ามปล่อยเด็ดขาด ไว้ให้ต่อรองกับทางนั้นได้ก่อน ค่าจ้างของนายที่เหลือค่อยตามมาเอาที่ลิสบอนตอนมาถ่ายรูปฉันก็แล้วกัน” หลังจากตกลงกับปลายสายเรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยความร้ายกาจก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ

     

     

    เขารอวันนี้มานานแล้ว...วันที่จะต้องทำให้ใครบางคนรู้สำนึก...คนที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา ทั้งที่เจอกันแสนจะบ่อยแต่กลับไม่ชายตามองเขาเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายมองอยู่คนเดียว ฝันถึงคนเดียว ตลอดจนเอากลับไปคิดและทำได้แค่นึกถึงใบหน้าหวานๆขณะระบายความต้องการทางอารมณ์ออกมาเท่านั้น

     

    ผู้ชายคนนั้นสวยเหลือเกิน ทั้งสวยทั้งหยิ่งจนเขาละสายตาไปไม่ได้ วันแรกที่ได้เจอกัน เขาถึงกับซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ พยายามจะตีสนิทด้วยแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือแววตาที่เย็นชาเหมือนเห็นเขาเป็นเพียงตัวอะไรสักอย่าง....

     

    จนวันที่เขาไปเห็นเจ้าหญิงของเขาอยู่กับไอ้หนุ่มนั่นโดยบังเอิญ...รอยยิ้มที่เขาฝันถึง อ้อมกอดและรอยจูบ...เผลอๆอาจจะมากกว่านั้น ทุกอย่างของฮิมชานที่เขาต้องการเป็นของไอ้บ้านั่นหมด รอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้เลยนับตั้งแต่รู้จักกันมากลับกลายเป็นของไอ้ช่างสะตึที่ไหนไม่รู้ที่เทียบเขาไม่ได้สักนิด...

     

     

    ลองมาดูกันดีกว่าว่าคิมฮิมชานจะรักศักดิ์ศรีของตัวเองหรือรักบังยงกุกมากกว่ากัน...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    อีกไม่นานเกินรอหรอก ยิ้มหวานๆที่อยู่ในฝันของเขาจะต้องกลายเป็นจริง...รอให้ถึงลิสบอนก่อนเถอะ คราวนี้แหละ...รอยยิ้มของคิมฮิมชาน ร่างบางๆของคิมฮิมชาน ทุกอย่างของคิมฮิมชาน เขาจะยึดครองมันให้หมด....

     

    .

     

    .

     

    .

     

    แย่หน่อยนะเจ้าหญิง ถ้าคุณมองผมหรือแม้แต่จะยอมคุยกับผมสักนิด...

    เรื่องก็คงไม่เลยเถิดมาถึงขนาดนี้หรอก...

     

    -----------------------------------------------------


     

    “ชาน...จะลงไปกินข้าวไหม” แดฮยอนเปิดประตูเข้ามาเรียกเขาเพื่อชวนลงไปกินข้าวเย็น ร่างขาวในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่นั่งอยู่บนเตียงจึงเงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกา....หกโมงเย็นแล้วแฮะ อ่านบทไปเรื่อยๆจนลืมไปเลยว่าถึงมื้อเย็นแล้ว

     

    “ฉันยังไม่หิวเลย” ฮิมชานเอียงคอมองคนตรงหน้าแล้วนิ่งคิดอยู่สักพัก “ยังไม่ลงไปดีกว่า เมื่อกี้กินขนมไปนิดหน่อยก็เลยไม่หิวเท่าไหร่ ไว้ค่อยสั่งขึ้นมากินทีหลังก็ได้”

     

    “งั้นฉันลงไปสั่งให้นายก็แล้วกัน” แดฮยอนตัดสินใจแทน “เดี๋ยวจะออกไปซื้อของนอกโรงแรมนิดหน่อยนะ นายอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”

     

    “พูดอะไรแปลกๆ” ดาราดังหัวเราะ “ใครจะมาทำอะไรฉัน แฟนๆที่นี่ไม่วุ่นวายมากนักหรอก นายจะออกไปแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวฉันไปนั่งยืดเส้นยืดสายดูทีวีข้างนอกซักหน่อยก็แล้วกัน” เขาว่าพลางลุกจากที่นอนแล้วเดินตามแดฮยอนออกมา ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้องแล้วเปิดโทรทัศน์ดูอย่างผ่อนคลาย ช่องเคเบิ้ลที่นี่ก็ฉายละครเขาด้วยแฮะ...ไม่คิดว่าตัวเองจะดังขนาดนี้ อยากรู้เหมือนกันว่าบังยงกุกจะดูละครเขาบ้างรึเปล่า

     

    อันที่จริงก็เคยถามอยู่หรอก แต่ทุกครั้งที่ถาม ยงกุกก็มักจะหัวเราะแล้วจูบเขาทุกที โดนจูบจนขี้เกียจจะถามแล้ว ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกนะ แต่ถามไปก็เปลืองตัวเปล่าๆ...

     

     

    คิดถึงจัง ถ้ากลับไปหาได้เร็วๆก็ดีสิ....

     

    .

     

    .

     

    .

     

    นั่งดูโทรทัศน์อยู่ดีๆ ที่หน้าห้องก็มีเสียงดังตึงตังลอดเข้ามาจนฮิมชานนึกสงสัย ดูเหมือนจะเป็นเสียงทะเลาะของผู้หญิงผู้ชาย แต่ห้องพักชั้นนี้นอกจากเขากับสองดารานำที่แสดงด้วยกันอย่างอีเซรินและคิมยูควอนก็ไม่น่าจะมีใครแล้ว หรือว่าจะเป็นแดฮยอน...ด้วยความอยากรู้ ฮิมชานก็เลยเปิดประตูออกไป

     

    ภาพที่เขาเห็นก็คืออีเซรินที่ยืนอยู่หน้าห้องพักของตัวเอง หญิงสาวยกมือขึ้นปิดแก้มข้างหนึ่งเอาไว้ ท่าทางหวาดกลัวกับอะไรบางอย่าง ฮิมชานรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะต้องเข้าไปยุ่ง แต่ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย และเซรินก็ดูไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ สุดท้ายจึงเดินเข้าไปถามตามมารยาท

     

    “คุณเซริน เป็นอะไรหรือเปล่า”

     

    อีเซรินหันมามองเขาด้วยความตกใจก่อนจะส่ายหน้า แล้วรีบเปิดประตูกลับเข้าห้องพักตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างขาวขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจทันที เรื่องอะไรมาปิดประตูใส่เขาแบบนี้...เอาจริงๆฮิมชานไม่อยากจะรู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร ต่อให้ลงไปตายต่อหน้าเขาก็ไม่เสียเวลามองหรอก แต่หลังๆนี่รู้สึกว่าจะติดนิสัยของยงกุกมามากไปหน่อย เห็นใครเป็นอะไรก็อดจะต้องถามไม่ได้....ถึงอย่างงั้นก็เหอะ ถ้าถามดีๆแล้วมาปิดประตูใส่หน้ากันอย่างงี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะให้ความสนใจเป็นครั้งที่สอง.....

     

    แต่ฮิมชานก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี หลายครั้งที่เขารู้สึกว่าอีเซรินแปลกไป ก่อนหน้านี้ที่ถ่ายหนังด้วยกัน เซรินยังร่าเริงและชอบมาชวนคุย....ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจเท่าไหร่ก็เถอะ...แต่หลังๆนี่ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์ด้วยกัน รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นเงียบผิดปกติแถมยังไม่ค่อยทักทายเขากับยูควอนอีกด้วย...

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

    ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา คิมฮิมชานไม่ใส่ใจเรื่องที่ไม่สำคัญกับชีวิตของเขาหรอก....คิดระหว่างเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งแล้วมองโทรศัพท์อยู่นานสองนาน หมดงานโปรโมทไปหนึ่งงานก็ถือว่าเป็นช่วงพักได้ใช่ไหม งั้นขอส่งข้อความหาคนที่คิดถึงซักนิดนึงก็แล้วกัน...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ไม่คิดเลยว่าจะต้องเป็นฝ่ายส่งแมสเสจหาบังยงกุกก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีตายด้านนั่นจะคิดถึงเขาบ้างมั้ย ไม่อยากให้อีกฝ่ายเหลิงเลยถ้ารู้ว่าได้รับความสำคัญจากเขามากแค่ไหน แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ...ฮิมชานยิ้มให้กับตัวเองเบาๆก่อนจะเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยมากขึ้นแล้วลงไปนั่งอ่านบทต่อในคอฟฟี่ช็อปของโรงแรม ข้อดีอีกอย่างคือโรงแรมนี้เป็นโรงแรมระดับห้าดาว มิดชิดและเป็นสัดส่วนสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เขาถึงลงมาเดินยืดเส้นยืดสายข้างล่างได้บ้าง

     

    ระหว่างที่พักผ่อนอยู่ในคอฟฟี่ช็อป แอพพลิเคชั่นแชทจากสมาร์ทโฟนของเขาก็สว่างขึ้นมา ยงกุกตอบกลับมาแล้ว ฮิมชานได้แต่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะกดเปิดขึ้นมาอ่าน

     

    ตั้งใจทำงานรึเปล่า’ ประโยคที่พิมพ์ตอบมาสมกับเป็นบังยงกุกจริงๆ

    ‘แน่นอนสิ’ นิ้วเรียวกดตอบกลับไป ‘ไม่เจอกันตั้งสามอาทิตย์ พิมพ์กลับมาได้แค่นี้เหรอ’

     

    ข้อความที่ฮิมชานพิมพ์ไปขึ้นเครื่องหมายว่าอีกฝ่ายอ่านเรียบร้อยแล้ว แต่ยงกุกไม่ได้พิมพ์ตอบกลับมา เขาหายไปพักหนึ่งจนแม่เสือคิดว่ายงกุกคงไปทำงานแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน แอพพลิเคชั่นแชทในมือถือรุ่นล่าสุดก็สว่างขึ้นอีกครั้ง เมื่อฮิมชานเปิดดูก็พบกับรูปที่อีกฝ่ายส่งมาให้

    .

     

    .

     

    .

     

    ในรูปมีแต่มือ...เขาจำมือใหญ่กับนิ้วยาวๆนั้นได้ดี จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากคนที่กอดเขาอยู่เกือบทุกคืนนั่นแหละ ในมือของยงกุกถือนาฬิกาพกที่เขาให้เอาไว้ด้วย ที่ข้อมือมีหัวใจดวงโตๆที่เจ้าตัวลงทุนวาดด้วยปากกาลูกลื่นแล้วระบายจนมันเป็นสีแดงสด...จะเสี่ยวไปถึงไหน...นี่ไม่กลัวเป็นมะเร็งผิวหนังบ้างรึไงนะ...

     

     

    ...แม้จะไม่มีประโยคหรือคำพูดอื่นๆพิมพ์ตามมา แต่เท่านี้ก็ทำให้ใบหน้าหวานละมุนยิ้มออกมาด้วยความสุขอย่างห้ามไม่ได้แล้ว เวลาที่ต้องการกำลังใจเล็กๆน้อยๆก็ขอแค่นี้แหละ บังยงกุกคงเป็นผู้ชายทื่อๆคนเดียวที่ต่อให้ไม่พูดอะไรก็ทำให้เขามีความสุขได้สุดๆ

     

     

    ‘บ้า’ ฮิมชานพิมพ์ตอบไปสั้นๆ มีแต่ข้อความพิมพ์ตอบกลับมาเป็นเสียงหัวเราะแล้วก็ไม่มีอะไรอีก แต่แค่นี้ก็พอแล้ว เหลืออีกสองเดือนที่ต้องถ่ายละครที่ลิสบอน ต่อให้มีฉากกระโดดตึกหรือลุยไฟเขาก็จะทำให้ผ่านให้ได้ภายในเทคเดียวเลย....

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ชายหนุ่มได้แต่จ้องรูปที่อีกฝ่ายส่งมาให้แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ทันเห็นความชั่วร้ายจากอีกมุมหนึ่งของคอฟฟี่ช็อปที่กำลังมองเขาอย่างอดกลั้น...

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    อีกไม่นานหรอก รอยยิ้มแบบนั้นของคุณจะต้องเป็นของผมคนเดียว...

     

    ------------------------------------------------


     

    สถาปัตยกรรมเก่าในลิสบอนมีเสน่ห์จนทำให้ร่างโปร่งเดินเที่ยวอย่างตื่นตาตื่นใจ ระหว่างมองอาคารบ้านเรือนสไตล์ยุโรปเก่าแก่ที่เงียบสงบ ฮิมชานก็นึกถึงบังยงกุกไปด้วย แม้ว่าที่ผ่านมาทั้งคู่จะไม่ได้ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกันและกันมากท่าไหร่ แต่เขาก็พอจะรู้ว่ายงกุกเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบอะไรแนวนี้ สถานที่ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีมนต์ขลังและมีเสน่ห์อยู่ในตัวของมัน ลิสบอนอาจจะไม่ใช่เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างเมืองในประเทศอื่นๆ แต่ถ้าต้องการความสงบและโรแมนติก ที่นี่ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายนัก

     

    ฮิมชานรับบทเป็นพระเอกในละครเรื่องใหม่เหมือนอย่างเคย เนื่องจากเขาเดินทางมาถึงก่อนกองถ่ายละครหนึ่งวันทำให้มีเวลาพอจะเดินเที่ยวในเมืองบ้างเล็กน้อย ตึกที่นี่สวยมากจริงๆ มีทั้งปราสาทเก่าและสะพานข้ามแม่น้ำยาวกว่าแปดไมล์ซึ่งเขาคิดว่านั่นน่าจะเป็นโลเคชั่นในการถ่ายละครด้วย เรื่องนี้เขารับบทเป็นนักศึกษาโบราณคดีที่เดินทางมาหาความลับบางอย่างในโปรตุเกส ทำให้ต้องใช้เวลากับตึกเก่าๆหรือหาโลเคชั่นอยู่หลายที่ บางช็อตก็เป็นฉากแอคชั่นจึงต้องติดต่อกับผู้รับผิดชอบในประเทศและวางคิวงานอยู่นาน เนื้อเรื่องกว่า 70% ก็อยู่ในประเทศนี้ การถ่ายทำจึงน่าจะกินเวลาไปอย่างน้อยเดือนครึ่ง

     

    มันก็เป็นเวลาที่ทั้งนานและไม่นาน โชคดีที่เขามีแดฮยอนอยู่เป็นเพื่อน และอีกคนที่ตามมาตอแยตลอดเวลาไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็คือคิมยูควอน ดาราน่ารำคาญที่เล่นละครเรื่องเดียวกับเขาอีกแล้ว อันนี้น่าจะเป็นโชคร้ายมากกว่า แม้ยูควอนจะสุภาพและนิสัยดีแค่ไหน แต่ถ้าเขารำคาญมันก็คือความรำคาญอยู่นั่นเอง...

     

    อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น...

     

    “คุณแดฮยอนไม่อยู่เหรอครับฮิมชาน” เสียงทุ้มทักอย่างอารมณ์ดี แต่ดาราดังกลับเบ้ปากแล้วพยายามจะเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้แดฮยอนอยู่ที่โรงแรมเพื่อจัดกระเป๋าและตรวจคิวถ่ายละครของเขาให้เรียบร้อย ตัวเขาเองไม่จำเป็นต้องนั่งแห้งอยู่บนห้องก็เลยลงมาเดินชมเมืองเล่นแก้เซ็ง นึกไม่ถึงว่าจะเซ็งกว่าเดิมเพราะโดนคนข้างๆตามมาวุ่นวายเข้าจนได้

     

    “ถ้าอยู่ก็เห็นแล้วสิ” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ “นายมาเดินตามฉันทำไม จะไปไหนก็ไปเหอะ ฉันอยากเดินคนเดียว”

     

    “ผู้จัดการผมก็อยู่บนห้องเหมือนกันนี่นา ผมก็อยากจะมีเพื่อนเที่ยวบ้าง เดินด้วยไม่ได้เหรอครับ”

     

    “ไม่ได้!” ฮิมชานตัดบทด้วยเสียงที่ห้วนที่สุดในชีวิต เขากะว่าจะเดินหาร้านขายของที่ระลึกหรือร้านเสื้อผ้าสวยๆเพื่อซื้อไปฝากยงกุกซะหน่อย เจอพวกขัดคอแบบนี้ก็ไม่ต้องถนอมน้ำใจกันแล้ว วุ่นวายชะมัดยาด ไม่ด่าให้ก็ดีเท่าไหร่...

     

    ประกายขี้เล่นในแววตาของยูควอนหรี่ลงนิดหนึ่งด้วยความไม่พอใจ แต่มันก็กลับมาสว่างไสวเหมือนเดิม เขายังคงสาวเท้าเดินตามร่างบางมาเรื่อยๆอย่างอดทน ถ้าจะพูดให้ถูกคือพยายามอดทนมากกว่า ขอแค่จังหวะเหมาะๆอีกนิดเดียวก็จะถึงเวลาของเขาแล้ว....

     

    ฮิมชานเดินมาเรื่อยๆแล้วหยุดดูเสื้อโค้ทที่โชว์อยู่หน้ากระจกของร้านเสื้อแบรนด์ดังร้านหนึ่ง สายตาส่งความพอใจออกมาอย่างเต็มที่ ดวงตาเฉี่ยวเห็นแบบนั้นก็หรี่ลงด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง เสียงของเขาเริ่มแข็งขึ้น สายตามองตามก่อนจะถามในสิ่งที่จี้ใจดำของอีกฝ่ายมากที่สุด

     

    “สีสวยดีนะครับ” เขาว่า “แต่มันไม่ค่อยจะใช่สไตล์คุณเท่าไหร่นะ หรือว่าจะซื้อไปให้คนอื่น"

    “จะซื้อให้ใครมันก็ไม่ใช่เรื่องของนาย” ฮิมชานส่งเสียงเหยียด “นี่มันเป็นความสุขของฉัน ไปไกลๆเถอะ น่ารำคาญ”

     

    แววตาขี้เล่นของคิมยูควอนหายวับไปในทันทีเมื่อเสียงหวานบอกกับเขาแบบนั้น หลังจากพยายามสงบอารมณ์มานาน อาจจะนานเกือบทั้งชีวิตที่ต้องทนให้ดาราดังตัดเยื่อใยเขาเหมือนรังเกียจเสียเต็มประดา ในที่สุดชายหนุ่มก็ทนไม่ไหวอีก ดวงตาเฉี่ยวที่ดูหล่อและเท่เหลือเกินในความคิดของสาวๆ ตอนนี้มันทอประกายชั่วร้ายออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาใช้จังหวะที่ฮิมชานไม่ทันตั้งตัวกระชากแขนเรียวอย่างแรงและผลักเข้าไปในซอกตึกเปลี่ยวๆที่อยู่ตรงนั้น รอยยิ้มขี้โกงยกขึ้นอย่างมีแผนขณะที่ใช้สองแขนกักตัวฮิมชานเอาไว้

     

    “นั่นสินะ ผมลืมไป ความสุขของคุณมีตัวตนนี่เนอะ ตัวตนที่เรียกว่าบังยงกุกใช่ไหมล่ะ” หมดคำพูดนั้น ดวงตาเรียวสวยของฮิมชานก็เบิกกว้างทันที และยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เมื่อยูควอนแนบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างไม่ปราณี ร่างน้อยพยายามดิ้น แต่เหมือนแขนขาจะยิ่งอ่อนแรงลงไปอีกเมื่อคนตรงหน้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดรูปถ่ายตอนที่เขากำลังจูบกับยงกุกที่ริมแม่น้ำเมื่อเดือนก่อนให้ดู....

     

     

    ไปถ่ายมาได้ยังไง....เอามาจากไหน ยูควอนรู้เรื่องเขากับยงกุกตั้งแต่เมื่อไหร่ สารพัดคำถามประดังเข้ามาในใจจนพูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้น่ากลัวอย่างที่คิดจริงๆ...ที่เขาไม่ชอบขี้หน้าก็เพราะรู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายแบบนี้ใช่ไหม ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าคิมยูควอนชอบเขา แต่ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะลงทุนทำถึงขนาดนี้...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “หมายความว่ายังไง...น..นายต้องการอะไรกันแน่” ริมฝีปากบางพยายามเอ่ยถามด้วยเสียงที่เป็นปกติมากที่สุด ท่าทางนั้นทำให้ยูควอนยิ้มแสยะด้วยความพอใจ เขาก้มลงจูบแก้มใสและสูดกลิ่นไลแลคจากอีกฝ่ายเข้าไปจนเต็มปอด หอม..หอมจริงๆ..สมกับที่รอคอยมานาน คิมฮิมชานหวานกว่าที่เขาจินตนาการไว้เป็นล้านเท่า...

     

    “เรื่องนี้ต้องคุยกันยาว” เขากระซิบข้างใบหูขาวเบาๆ

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “ช่วยไม่ได้จริงๆ คุณอยากทำให้ผมหมดความอดทนเองนะ เจ้าหญิง...”

     

     

     

     

    End

     

    ----------------------------------------------------------------

     

    ไม่ค้างนะ ไม่มีเก็บค้างไปถึงตอนหน้า ใครเป็นตัวร้ายไม่ต้องเดาลงๆมันไปเลย (คือเดากันได้อยู่แล้วทั้งเรื่องมีตัวละครกี่คนกัน 555555) แฟนน้องยูควอนอยู่แถวนี้มั้ยคะ จะได้กราบขออภัยทีเดียวค่ะ แต่เราชอบเบ้าหน้ายูควอนจริงๆนะ คือตอนคิดตัวละครนี้หน้าน้องลอยมาแต่ไกล นี่พิมพ์อยู่ก็ฟังเพลงบล็อกบี 55555 เอาจริงๆน้องชานตัวใหญ่กว่ายูควอนอีกป้ะคร๊ะ #จงประเคนตรีนให้ฉัน 5555555555555 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×