ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS/SF] B.A.P - Ace of Heart

    ลำดับตอนที่ #1 : Untold Story :: Light in the Boat [BC]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 144
      0
      26 พ.ค. 61







    UnTold Story: Light in The Boat





     



     

     

     

    “นี่ นายรู้ไหม เรื่องเล่าเกี่ยวกับบึงหลังมหาลัยของเรากระฉ่อนไปใหญ่แล้วนะ”

     

     

    ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองคนพูดแล้วขยับท่านั่งให้สบายมากขึ้น ร่างสูงกระซิบกระซาบเรื่องที่ได้ยินมาขณะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเพื่อกินข้าวกับเขา คิมฮิมชานได้แต่ยักไหล่แล้วจัดการกับอาหารเที่ยงตรงหน้าต่อไป รู้สึกหลังๆเรื่องบึงลึกลับจะถูกเล่าเป็นทอดๆจนกลายเป็นประเด็นเด็ดที่สุดในตอนนี้ไปแล้ว

     

     ตำนานสะเทือนขวัญในมหาวิทยาลัยนั้นมีอยู่ทุกที่ แต่ดูเหมือนว่ามหาลัยของเขาจะขึ้นชื่อเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องบึงมรณะที่อยู่หลังตึกคณะศิลปกรรม ว่ากันว่าใครเดินไปแถวนั้นตอนดึกๆจะเจอเรือพายลึกลับที่มีดวงไฟดวงใหญ่สว่างวาบอยู่ด้วย มีหลายคนอยากจะลองดี บุกเข้าไปตอนกลางคืนก็เยอะ และทุกคนที่กลับออกมาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย มันเฮี้ยนจนกลายเป็นเรื่องน่ากลัวที่ไม่มีใครอยากจะเข้าไปยุ่งแล้ว...ก็ไม่รู้สินะ คนไม่เจอกับตัวก็มักจะอยากรู้เสมอๆนั่นแหละ

     

    “ยิ่งไปกว่านั้น” ยองแจเล่าระหว่างเคี้ยวสาหร่ายไปด้วยเต็มปาก “เมื่อวานจงออบกับจุนฮงลงทุนไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยนะ เมื่อเช้าฉันเห็นมันสองคนดินหน้าซีดปากสั่นเข้ามาเลย จุนฮงบอกว่าไม่ใช่แค่เรือกับดวงไฟนะ แต่มีเงาอยู่บนเรือ กับเสียงเหมือน....เสียงครางแบบหวิวๆด้วย หยึยยยย” คำอุทานสุดท้ายส่งผลให้เศษสาหร่ายพ่นออกมาเกลื่อนเต็มมือของเขา ฮิมชานมองผงเค็มในมือนั่นแล้วก็ถอนใจ เสียงครางหวิวๆเหรอ....

     

     

    .

    .

    .

    เรื่องนั้นเขารู้นานแล้วล่ะ

    .

    .

    .

     

    “แล้วยังไงต่อ สองคนนั้นเห็นอะไรอีก”

     

    “จะเห็นอะไรได้ มืดออกอย่างงั้น มีแต่เงากับดวงไฟ เรือก็อยู่ตั้งกลางน้ำคงไม่มีใครอุตริว่ายไปดูถึงในนั้นหรอก” คราวนี้ปากอิ่มๆยกไม้โอเด้งขึ้นมากิน “เสียดายนะ ที่ตรงนั้นออกจะสวย นายเองก็นั่งทำงานอยู่บ่อยๆจนถึงดึกไม่ใช่เหรอ ไม่เคยเห็นบ้างเหรอ ผีน่ะ”

     

    ฮิมชานสั่นหน้าเบาๆ เขาเรียนเอกประติมากรรม คณะศิลปกรรม จึงต้องทำงานปั้นจนดึกเสมอ ช่วงที่มีกิจกรรมคณะก็ครึกครื้นดีอยู่หรอก แต่พอหมดช่วงแล้ว คณะของเขาแทบจะร้างจนเกือบไร้ผู้คน อาจเพราะมีนักศึกษาเรียนคณะนี้ไม่มากเท่าไหร่ เอาจริงๆที่ร้างก็น่าจะเป็นเพราะคนกลัวเรื่องเล่านี้ด้วย หลังหกโมงเย็น คนในตึกก็หายกลับบ้านกันไปหมด อันที่จริงเขาก็กลัวเหมือนกันแหละ แต่จะให้ทำยังไง การนั่งปั้นหุ่นอยู่คนเดียวมันสร้างสมาธิได้ดี อีกอย่างเขาเองก็ชินกับหุ่นปูนปลาสเตอร์ทั้งหลายในห้องปั้นแล้ว หุ่นพวกนี้น่ากลัวกว่าตั้งหลายเท่า...

     

     

    ผีบนเรือกลางน้ำไม่เห็นน่ากลัวสักนิด น่าหมั่นไส้ซะมากกว่า....

     

     

    ดวงตาเรียวหันไปสบเข้ากับสายตาคมของใครอีกคนที่ชำเลืองมองเขาอยู่เงียบๆ โรงอาหารที่ฮิมชานนั่งกินกับยองแจนั้นเป็นโรงอาหารกลางระหว่างคณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม ทุกครั้งที่นักศึกษาสองคณะนี้มากินข้าวเที่ยง ชายหนุ่มก็มักจะเห็นสายตาคมปลาบที่ฉายแววลึกลับมองเขากลับมาเสมอ...

     

    “มองอะไร ชาน” ยองแจมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นตาของเพื่อนรักหรี่ลงเหมือนกับจะโต้ตอบใคร มองรอบๆตัวก็ไม่มีอะไรเลยนี่นา สงสัยจะคิดมากไปเอง เรื่องผีนี่แหละวนไปมาในหัวจนเขาไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว

     

    “ไม่มีอะไร ฉันไปเรียนก่อนนะ วันนี้ไม่ต้องรอนะยองแจ ฉันคงนั่งทำงานถึงดึก” ฮิมชานตอบสั้นๆ ริมฝีปากแดงเม้มนิดๆแล้วลุกไปเก็บจานก่อนจะเดินจากไป ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทและเป็นรูมเมทกันด้วย บ่อยครั้งที่ฮิมชานทำงานจนดึก ยองแจก็เลยต้องกลับหอคนเดียว ซึ่งก็ดีแล้ว เขาก็ไม่อยากจะต้องมานั่งรออีกฝ่ายหรอก เรื่องอะไรจะต้องไปนั่งที่ตึกศิลปกรรมให้ขนหัวลุกกันล่ะ!

     

    .

    .

    .

    มืดแล้ว...

     

    ตามสูตร...ทุกคนบนตึกกลับบ้านกันหมด โดยเฉพาะช่วงที่มีเรื่องผีเล่ากันปากต่อปากแบบนี้ แม้แต่คนในคณะเองก็ยังกลัวจนหายหัวไปกันเกลี้ยง เหลือแต่เพียงร่างโปร่งที่นั่งปั้นปูนปลาสเตอร์อยู่เงียบๆ ฮิมชานอาจจะเป็นคนใจแข็งกว่าที่คิด นอกจากเรื่องผีจะทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว ตัวของผีเองก็ยังทำให้เขาหมั่นไส้อยู่บ่อยๆด้วย...

     

    เป็นผีที่เรื่องมากจริงๆเลยนะ....

     

    นักศึกษาหนุ่มบิดขี้เกียจเล็กน้อยขณะมองผลงานตัวเองด้วยความพอใจ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็เดินไปล้างมือ ปลดผ้ากันเปื้อนและจัดการดับไฟในห้องให้เรียบร้อยก่อนจะสะพายเป้เดินออกไป มือขาวๆก้มลงไปมองแอพพลิเคชั่นแชทที่สว่างวาบขึ้นมา

     

     

    “รออยู่ที่เดิมนะ”

     

     

    ข้อความในนั้นจุดรอยยิ้มให้กับริมฝีปากบางสวยได้ไม่ยาก ฮิมชานเก็บมือถือเข้ากับกระเป๋ากางเกงแล้วเดินผิวปากออกไปทางหลังตึก จุดหมายของเขาก็คือบึงใหญ่ที่อยู่หลังคณะ ที่ที่มีแต่คนร่ำลือกันถึงตำนานความสยองนั่นเอง ที่มาเกิดจากเรื่องเล่าของนักศึกษาหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่รักกันมากและชอบมาพายเรือเล่นที่บึงนี้ ในวันที่พวกเขาพายเรือเล่นกันอยู่นั้น ดูเหมือนว่าใต้ท้องเรือจะถูกอะไรบางอย่างกระแทกจนทำให้คว่ำลง หนุ่มสาวสองคนนั้นจมหายไปอย่างลึกลับ กว่าจะมีคนพบศพก็อีกสามวันถัดมา แม้การชันสูตรจะเผยว่าทั้งคู่แค่จมน้ำตาย แต่ทุกคนที่พบเห็นศพบอกว่าเท้าของทั้งคู่ถูกพันเอาไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่คล้ายกับเส้นผมคน.....หลังจากนั้นในช่วงค่ำคืน ทุกๆคนจะเห็นเรือลำหนึ่งลอยอยู่กลางน้ำ มีเงาสลัวของคนสองคนที่ว่ากันว่าเป็นผีหนุ่มสาวคู่นั้นและดวงไฟที่ลอยอยู่บนตัวทั้งคู่...แม้ตอนนี้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ทุกๆคนที่พยายามจะพิสูจน์ก็ล้วนแต่กลับออกมาแบบขวัญหนีดีฝ่อแล้วก็ไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย....

     

    “น่าเสียดาย ที่ตรงนี้ออกจะสวย” เสียงหวานรำพึงเบาๆขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้บึงมากขึ้น บริเวณนั้นมีแสงไฟสลัวจากเสาไฟที่ตั้งอยู่กลางความมืด ริมน้ำที่หญ้าเริ่มขึ้นจนเกือบรกสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายสวยแต่ก็ดูสั่นไหวจนน่ากลัว ที่ตรงนี้สวยจริงๆถ้าไม่ติดว่าหญ้ารกจนเกินเหตุ ใจจริงเขาก็อยากจะถางหญ้าตัดหญ้าให้มันกลับมาสวยเหมือนเดิมหรอก แต่ลำพังตัวคนเดียวทำได้ซะที่ไหน ชวนใครก็ไม่อยากมา ต่อให้เป็นตอนกลางวันก็เถอะ แค่ผีในเรือมันน่ากลัวตรงไหนกันนะ...

     

    ระหว่างที่กำลังใจลอย มือยาวของใครคนหนึ่งก็ยื่นมาจับข้อเท้าของเขาเอาไว้ ฮิมชานสะดุ้งเฮือกแล้วมองไปที่ข้อเท้าของเขาทันที เงาดำๆบนพื้นหญ้าส่งยิ้มอย่างลึกลับให้เขา ดวงตาคมปลาบที่จ้องมองมานั้นทำให้ร่างน้อยไหวสะท้านเหมือนอย่างเคย....

     

    “นี่...ผี...” นักศึกษาหนุ่มกวาดเท้าอีกข้างไปยันเงาบนพื้นเบาๆ “บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้ คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง”

     

    “มาช้าจัง” ผีบ่น “ฉันรอนายจนหลับไปสามสี่รอบแล้ว งานเสร็จช้าเหรอ”

     

    “อืม..” อีกฝ่ายตอบแล้วฉุดร่างนั้นให้ยืนขึ้นมา “ผสมปูนผิดนิดหน่อยก็เลยต้องแก้นาน ถ้ารอจนเมื่อยแล้วทำไมไม่ไปนั่งเรือเล่นก่อน”

     

    “นั่งคนเดียวไม่สนุก” อีกฝ่ายอมยิ้มแล้วก้มลงจูบริมฝีปากแดงสวยอย่างรวดเร็ว “รอคนมาพายเรือด้วยกัน แล้วก็ส่งเสียงแบบเมื่อวานอีก...”

     

    “ไอ้คนขี้แกล้ง” ฮิมชานทุบอกคนตรงหน้าเบาๆ “นายรู้ใช่มั้ยว่าคนที่มาเมื่อวานเป็นรุ่นน้องของฉัน นายเลยแกล้งฉันมากกว่าเดิม ใช่มั้ย บังยงกุก”

     

    “ก็ไม่เชิงนะ แต่ก็สนุกดีตอนที่ได้ยินพวกนั้นร้องกรี๊ด ตุ๊ดแตกเป็นแถบๆเลย” ยงกุกยิงฟันขาวแล้วจูงมือบางไปขึ้นเรือ หน้าที่พายเป็นของเขา ส่วนฮิมชานใช้ไฟแช็คจุดกับไต้ของตะเกียงในเรือให้ส่องเป็นแสงสลัวเหมือนอย่างที่พวกเขาเคยทำ...

     

    ตำนานสยองขวัญนั่นไม่มีจริงหรอก....ผีในเรืออะไรก็ไม่มีทั้งนั้น ฮิมชานเพิ่งรู้ความจริงในข้อนี้หลังจากที่เขาเดินมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆข้างบึงแล้วเจอเข้ากับบังยงกุก นักศึกษาปีสามคณะสถาปัตยกรรมคนนั้น...คนที่มีสายตาคมปลาบทุกครั้งยามเมื่อจ้องมองเขา สะกดเขาจนหันไปมองที่อื่นไม่ได้ และท้ายที่สุดยังขโมยหัวใจของเขาไปอีกด้วย...

     

    สาเหตุที่ฮิมชานรู้ความจริงก็คือเรื่องราวที่ยงกุกเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่คบกันใหม่ๆ เจ้าของตำนานก็คือพ่อของยงกุกนั่นแหละ คนที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาก็คือพ่อของเขา ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของคณะศิลปกรรมที่นี่ ด้วยความคะนองในสมัยก่อนก็เลยสร้างเรื่องขึ้นมาเรื่องหนึ่ง กะจะให้เป็นตำนานเล่าสู่กันฟังเล่นๆ เมื่อคนเชื่อกันจริงจังก็เลยปล่อยเลยตามเลยจนกลายเป็นตำนานประจำคณะและมหาวิทยาลัยไปในที่สุด หลังจากรู้เรื่องนี้แล้ว ฮิมชานก็ไม่กลัวอีกเลย มิหนำซ้ำยังเล่นพิเรนตามยงกุกไปด้วยนั่นก็คือการพายเรือเล่นกันในบึงสองต่อสองตอนกลางคืน....มันน่าจะเป็นเรื่องปกติถ้ายงกุกไม่ทำกับเขามากกว่าแค่พายเรือ...

     

     

    พ่อว่าแผลงแล้ว คนเป็นลูกกลับเล่นอะไรแผลงๆยิ่งกว่า....

    .

    .

     

    ก็บอกแล้วว่าผีน่ะน่าหมั่นไส้!

    .

    .

     

    “ชาน คิดถึงนะ” ยงกุกขยับมาใกล้ๆแล้วส่งเสียงกระซิบแผ่วเข้ากับใบหูขาวๆของเขา ใครจะไปคิดว่าประธานคณะกรรมการนักศึกษาหนุ่มสุดฮอตที่มีแฟนคลับเต็มมหาวิทยาลัยอย่างบังยงกุกจะชอบเล่นอะไรบ้าบอแบบนี้ ต่อหน้าทั้งคู่จะทำเป็นไม่รู้จักกัน เพราะหน้าที่และการเรียนทำให้ไม่มีเวลา และไม่สามารถเปิดเผยสถานะของกันและกันให้คนอื่นรู้ได้ ยงกุกกับฮิมชานจึงเลือกใช้สถานที่นี้เป็นที่สำหรับเดท...ถ้าจะเรียกแบบนั้นได้นะ...

     

    “คิดถึงอะไร เมื่อวานก็เจอกันแล้ว ตอนกลางวันก็เจอกัน” แก้มใสขึ้นสีชมพูเรื่อๆเมื่อโดนอีกฝ่ายจุ๊บเข้าไปหนึ่งที อันที่จริงอยู่ด้วยกันในที่แบบนี้ก็ไม่เลวร้ายนัก ต้องขอบคุณตำนานสุดสยองของคุณพ่อยงกุกด้วยที่ทำให้เขามีโอกาสได้อยู่กับยงกุกแค่สองคน

     

    “ยังไม่พอหรอก” นิ้วเรียวยาวเริ่มแกะกระดุมเสื้อคนตรงหน้าทีละน้อย ก่อนจะประทับจูบลงไปแผ่วเบาจนฮิมชานต้องกัดริมฝีปากเอาไว้ด้วยความอดกลั้นแบบสุดๆ “รู้ไหมว่าฉันอยากจะอยู่กับนายตลอดเวลา ทุกครั้งที่เห็นคนอยู่รอบตัวนาย ฉันก็อยากจะกระชากคนพวกนั้นออกไปให้หมดแล้วจับโยนลงน้ำรายตัวเลย”

     

    “จะบ้าเหรอ นั่นเพื่อนฉันทั้งนั้นนะ...” ฟันกระต่ายเผยอน้อยๆส่งเสียงค้าน แต่ก็ถูกคนตรงหน้าจูบปิดปากไปอีกรอบ ร่างบางถูกดันลงไปที่พื้นเรือซึ่งปูเอาไว้ด้วยเสื่อหนานุ่มแล้วบังยงกุกก็รุกรานร่างขาวๆนี้ทีละนิด ไม่สนใจฟังเสียงค้านที่ร้องหงุงหงิงอยู่ข้างๆ ปลายลิ้นอุ่นแตะลงไปทุกตารางนิ้วบนอกของคนใต้ร่าง จริงๆแล้วทั้งคู่ไม่ได้นัดพบกันที่นี่ที่เดียวหรอก เขากับฮิมชานคบกันมานานเป็นปีๆ ไปเดทกันข้างนอกหรือนอนด้วยกันข้างนอกหอก็บ่อย มีแค่ช่วงหลังๆที่ดูเหมือนตำนานผีกลางบึงจะกลับมาฮิตอีกครั้ง พวกเขาก็เลยหาอะไรเล่นสนุกๆแก้เครียดเท่านั้นเอง

     

    “จะเป็นใครก็ช่าง ฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเรื่องของเรา ฉันหวงนาย ฉันไม่อยากให้ใครมองนาย เข้าใจมั้ย ชาน”

    “อ...อื้อออ...ข..เข้าใจแล้ว”

    “ไหน...คนดี....ร้องให้ดังๆกว่านี้หน่อยได้มั้ย”

    “ย...ยงกุก....อ...อื๊ออออออ”

     

    “ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ฉันสัญญา จากนี้ต่อไปฉันจะไม่พานายมาที่นี่อีกแล้ว”  ชายหนุ่มให้คำมั่นระหว่างมอบความรักให้กับอีกฝ่ายเท่าที่เขาจะทำได้ บนเตียงนิ่มๆมันต้องมีความสุขมากกว่าอยู่แล้ว ถ้าไม่เห็นแก่เขา ฮิมชานก็คงไม่ยอมให้ทำอะไรแผลงๆแบบนี้แน่ๆ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ หลังจากนี้ ผีบนเรือจะไม่กลับมาทำให้ใครต่อใครกลัวอีกแล้ว...

     

    .

     

    .

     

    “ยงกุก...ฉ..ฉัน...อ๊า.....”

    .

     

    .

     

     

    “ห...เห็นมั้ย มีเสียงครางออกมาด้วย บรื๋อสสว์ววสสส” เสียงหวานๆของยองแจอุทานออกมาด้วยความกลัว วันนี้เขามีคลาสพิเศษกะทันหันก็เลยต้องอยู่เรียนถึงเย็น เสร็จแล้วกะจะมาตามฮิมชานแต่ก็ไม่กล้ามาคนเดียวจนต้องลากแดฮยอนเพื่อนสนิทตามมาด้วย แต่แทนที่จะได้เจอกับฮิมชาน ทั้งคู่กลับเจอผีกลางบึงเข้าแทน แถมยังมีเสียงครางหวีดหวิวออกมาจากในนั้นเหมือนที่จุนฮงกับจงออบยืนยันไม่มีผิด....

     

    “นายพาฉันมา...ท...ทำไม..” แดฮยอนขาสั่นพั่บๆ “ก...กลัวจะตาย...ล...แหล่ว”

     

    “ไปกันเถอะ” ยองแจฉุดแขนอีกฝ่ายรัวๆ “ช..ชานนะชาน..กลับแล้วก็ไม่ยอมบอก...ร..รู้งี้ไม่มาที่นี่ดีกว่า...ฮ..ฮืออออออ”  เมื่อตั้งสติได้ ทั้งสองคนก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะหันกลับมามองอีก...

     

     

    .

    .

    .

     

    แต่ดูเหมือนผีบนเรือทั้งคู่จะอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่สนใจแล้วว่าใครจะผ่านมาเห็นเข้าอีก....

     

     

     

    END

     

    ---------------------------------------------------------

     

    เป็นฟิคตอนที่นั่งอ่านตำนานน่ากลัวของมหาลัย ของคณะเราก็มี แต่เป็นอย่างที่เขียนในฟิคเลย คือมันไม่ใช่เรื่องจริงแต่เป็นเรื่องที่รุ่นพี่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้รับน้อง แล้วก็เป็นประเพณีมาเรื่อยๆ แต่บางส่วนก็พ้องกับเหตุการณ์จริงนะ คนที่สงสัยว่าทำไมอ่ะแฮร้กันในเรือได้ คือแบบ เรือมันก็ใหญ่และโครงสร้างหนาพอสมควรอ่ะค่ะ อย่างในรูป ไม่ใช่เรือบดลำกระติ๊ด แหะๆๆๆๆๆๆๆ

     
    ♔THEORA
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×