ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS/SF] B.A.P - Ace of Heart

    ลำดับตอนที่ #4 : Doll [BC]

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 59




    Doll

     

    Couple: BangChan
    Title: Doll [Shin Hyesung & Lim Changjung]

     













     


     

     

    ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน....

    .

    .

    .

    การที่ต้องเห็นเขาทำอะไรซ้ำๆ เดินไปเดินมา ง่วนอยู่กับงานของตัวเอง เห็นทุกอิริยาบถตั้งแต่ตื่นนอนมาชงกาแฟดื่ม ออกไปจ็อกกิ้งตอนเช้า ซื้ออุปกรณ์การทำงานมาเพิ่มเติม ทักทายกับปลาทองสองสามตัวที่อยู่ในโหลปลาขนาดกะทัดรัด และแน่นอน....สุดท้ายก็จะจูบหน้าผากผมและอาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกอย่างที่เคย ก่อนจะกลับมาในช่วงบ่ายเพื่อทำงานที่เขารักอีกครั้ง....

     

    มันทำให้ผมมีความสุข อยากจะยิ้มไปกับเขาเวลาที่เขาอารมณ์ดี อยากจะเข้าไปปลอบหรือลูบหลังเขาเบาๆยามที่เขาผิดหวังหรือมีความทุกข์กลับมา...

     

    แต่ผมทำไม่ได้....

     

    ผมทำได้เพียงแต่จ้องไปข้างหน้าเพื่อมองร่างสมส่วนของเขาเคลื่อนไหวไปมาตามกิจกรรมของชีวิตตามประสามนุษย์ที่มีชีวิตเขาทำกัน บังยงกุกเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ผมรู้จัก เขาเป็นคนที่ทักทายผมอย่างสนิทสนม ใช้แววตาคมแต่ทอประกายอย่างอ่อนโยนมองผมเหมือนกับว่าผมเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา...ซึ่งผมเองก็เผลอคิดไปว่า มันคงเป็นอย่างนั้นจริงๆ

    .

    .

    .

    “ชาน วันนี้ผมซื้อเสื้อผ้ามาให้นะ แบบที่คุณชอบใส่ไง สเวทเตอร์สีชมพูกับกางเกงยีนส์ยี่ห้อโปรดของคุณ จะใส่เลยมั้ย” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาดังข้างๆหูผม นิ้วมือเรียวยาวที่สร้างสรรค์ผมขึ้นมาขยับยุกยิกอยู่ในถุงก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาพูดถึงออกมา สเวทเตอร์สีชมพูสวยจริงๆ กางเกงยีนส์นั่นก็ท่าทางจะแพงเอาเรื่องซึ่งผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไปชอบยี่ห้อนี้ตอนไหน แต่เอาเถอะ แค่ซื้อมาให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาตั้งใจลงทุนทำเพื่อผมขนาดนี้ ใช่ เขาน่ารักแบบนี้แหละ ทุกคืนจะนั่งอยู่ข้างๆผม อ่านหนังสือกับผม แม้กระทั่งก่อนนอนและตอนเช้าก็ต้องจูบหน้าผากผมเบาๆ...หรือบางทีก็มีคิสกันเล็กน้อย...ตรงริมฝีปากอ่ะนะ ไม่รู้ยงกุกจะสังเกตไหมว่าผมหน้าแดง เอาจริงๆผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหน้าแดงได้รึเปล่า...

     

    คราวนี้ก็เหมือนกัน...ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยว่าผมยอมให้เขาถอดเสื้อผ้าตัวเดิมของผมออก แล้วปล่อยให้เขาใส่ตัวใหม่เข้าไปอย่างไม่มีข้อแม้

    .

    .

    ปลายนิ้วของยงกุกยังคงอ่อนโยนเช่นเคย กลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ก็ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มได้เสมอ ไม่รู้คนอื่นๆจะมีกลิ่นแบบนี้ไหมเพราะผมไม่เคยสัมผัสจากใครเลย แต่ก็ไม่แปลก ทุกวันนี้ผมมีแค่ยงกุกคนเดียว และเชื่อว่าตัวเขาเองก็มีแค่ผมคนเดียวด้วย อย่างน้อยก็ที่อพาร์ทเมนต์ส่วนตัวของเขาในห้องนี้

     

    เรามีกันอยู่สองคน...ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกตัวเองแบบนั้นได้รึเปล่า....

     

    เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน ทุกครั้งยงกุกจะรีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อส่องตาแมวอย่างกระตือรือร้น แต่เขาก็มักจะทำหน้าผิดหวังกลับมาเสมอจนผมนึกสงสัย ยงกุกรอใครอยู่รึเปล่า เขาไม่เคยพูดว่าตัวเองกำลังรอใครหรือรออะไร เมื่อสีหน้าแบบนั้นปรากฏขึ้นมา อีกไม่นานเขาก็จะหันมามองผมด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะเดินมาหาผมแล้วโอบกอดผมไว้เบาๆ

    .

    .

    “ชาน ผมรักคุณนะรู้ไหม”

    .

    .

    “อื้อ ฉันก็รักนาย”

    .

    .

    ประโยคซ้ำๆที่ผมพูดตอบโต้กับเขาตลอดเวลา ผมรู้ว่าเขารักผม แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้มั้ย....ว่าผมก็รักเขา

    .

    .

    บังยงกุกเป็นของผม เขาเป็นของผมคนเดียว ของผมคนเดียวเท่านั้น....

     

    ยงกุกจรดริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากผม มันเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาและนุ่มนวล แน่นอนว่าแฝงเอาไว้ด้วยความรักที่ลึกซึ้ง ผมดีใจที่ได้รับความรักนั้นจากเขา มันคงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีก การได้รับความรักจากคนที่เรารักเพียงคนเดียว มันมีความสุขเหมือนจะขึ้นสวรรค์ ถึงจะไม่เคยเห็นว่าสวรรค์หน้าตาเป็นยังไง แต่ผมสร้างมันขึ้นมาเองก็ได้ สวรรค์ของผมก็คือบังยงกุกนี่แหละ...

     

    “วันนี้ผมยุ่งนิดนึงนะ พอดีเขาเร่งงานมา เดี๋ยวออกไปโรงปั้นแล้วคงจะอยู่ยาวถึงเย็นเลย อย่าเพิ่งเหงานะชาน ไว้ผมจะรีบกลับมานะ” เขายีหัวผมเบาๆก่อนจะสะพายเป้คู่ใจและผิวปากเดินออกจากประตูไป วูบหนึ่งที่คิดอยากจะคว้าเขาเอาไว้ อยากจะอ้อนให้อยู่ด้วยกันทั้งวัน อยากให้เขานอนกอดผมอย่างที่เขาเคยทำในบางคืน อยากให้เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ หรือแค่เห็นแผ่นหลังเขายามสูบบุหรี่อยู่ริมระเบียงก็ยังดี...

    .

    .

    .

    ขอมากไปก็ไม่ได้หรอก ทุกวันนี้เขาก็มีแค่ผมนี่นา เรียกร้องมากไม่ดีหรอกเนอะ^^

     

     

    ------------------------------------------------------------

     

    .

     

    .

     

    .

    วันนี้ยงกุกกลับมาช้ากว่าปกติ ทิ้งให้ผมรออย่างกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง ยงกุกไม่เคยโทรบอกผมถ้าเขากลับดึกเพราะเขารู้ว่าผมไปรับโทรศัพท์ไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนที่เขากลับมา เขาก็จะลูบผมของผมเบาๆและขอโทษขอโพยอยู่เสมอที่กลับมาช้า...

    .

    .

    .

    ดูเหมือนวันนี้เขาจะมีเพื่อนมาด้วยนะ


    ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ พอเข้ามาในห้องปุ๊บ เขาก็รีบเอาผ้ามาคลุมตัวผมทันที ถึงจะแปลกใจอยู่หน่อยๆว่าทำไมอยู่ดีๆก็มาคลุมตัวกันแบบนี้ แต่ผมไม่ถือเขาหรอก ยงกุกอาจจะอายเพื่อนที่มีผู้ชายอีกคนอยู่ในห้อง ที่สำคัญ ผู้ชายคนนั้นก็คือแฟนของเขาด้วยสิ...

    .

    .

    .

    ใช่ ผมนี่แหละ คิมฮิมชานแฟนของเขาไง คิดเข้าข้างตัวเองอย่างนี้คงไม่เป็นไรนะ ก็ยงกุกบอกรักผมทุกวันเลยนี่นา ไม่ให้เป็นแฟนกันแล้วจะเป็นอะไรล่ะ...

     

    พอคิดแบบนี้แล้วผมก็อดยิ้มไม่ได้เลย แต่ยงกุกไม่ทันเห็นเพราะเขาเอาผ้าสีขาวคลุมตัวของผมไปแล้ว ยังดีที่มันไม่หนามากนัก ความโปร่งแสงของผ้าทำให้ผมเห็นภาพภายนอกได้ลางๆ เพื่อนของยงกุกเดินเข้ามาแล้ว สายตาของเขามองกวาดไปรอบๆห้องด้วยความสนใจ แต่คงไม่ได้สังเกตผมเพราะยงกุกเอาผ้าคลุมไว้ และผมก็อยากจะนั่งเงียบๆมากกว่าที่จะให้ใครมาสนใจ...

    .

    .

    .

    เพื่อนของยงกุกเป็นคนที่สวย เขาเป็นผู้ชายแต่ใช้คำว่าสวยน่าจะดีกว่า ผมสีน้ำตาลซีดดูนุ่มนิ่ม ดวงตาเรียวแต่ส่องประกายสุกใสราวกับลูกกวางน้อยที่น่ารัก ที่สำคัญ ปากกระจับสีแดงสดเวลาเผยอยิ้มก็เห็นฟันกระต่ายดูน่ารักดีด้วย แย่แล้วสิ ถ้ายงกุกมีเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้ แล้วผมล่ะ....

    .

    .

    เขาจะยังรักผมอยู่ใช่ไหม....

     

    ความคิดแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน อาจเป็นเพราะยงกุกไม่เคยพาเพื่อนเข้ามาในห้อง อาจจะมีแว่บมาบ้างแต่ก็เป็นการพูดคุยทั่วๆไป บางครั้งก็เรื่องงาน บางครั้งก็สัพเพเหระ แน่ล่ะ...ทุกครั้งที่มีคนมาเขาจะใช้ผ้าคลุมตัวผมเอาไว้ แต่ถึงยังไงก็ไม่ดูรีบร้อนขนาดนี้ ปกติผมไม่คิดมาก แต่ทำไมครั้งนี้ถึงเจ็บที่หัวใจอย่างน่าประหลาดก็ไม่รู้

     

    ยงกุกคุยกับเขาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข เหมือนตอนที่อยู่กับผม...นิ้วมือเรียวยาวที่สัมผัสผมอยู่เสมอเอาแต่เกาท้ายทอยด้วยความเขิน...ใบหน้าคมที่ผมมองแล้วมองอีกอยู่ทุกวันขึ้นเป็นสีชมพูเรื่อๆเหมือนตื่นเต้น...

     

    ยงกุกจะยังรักผมอยู่ใช่ไหม...

     

    “ห้องคุณน่าอยู่มากเลย” ผู้ชายคนนั้นพูดยิ้มๆ สายตากวาดไปทั่วห้องอีกครั้ง “เพิ่งรู้ว่าห้องในอพาร์ทเมนต์ของเรารีโนเวทได้สวยอย่างงี้ ทั้งโล่งแล้วก็น่าอยู่มาก”

     

    “ผมแบ่งเป็นสตูดิโอเอาไว้ทำงานด้วยน่ะครับ” ยงกุกตอบ “บางครั้งก็มีงานปั้นที่รับจากข้างนอกเลยเอามาปั้นที่นี่ ว่าแต่อาการของคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมไปเอายาให้นะ เมื่อกี้เห็นคุณปวดท้องจนล้มลงไปผมตกใจแทบแย่ วันหลังต้องซื้อยาเก็บไว้ที่ห้องบ้างนะครับ หรือไม่ก็ไปหาหมอดูอาการ”

     

    “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง” ฟันกระต่ายน่ารักๆนั่นเผยอออกมาอีกแล้ว “โรคกระเพาะของผมมันไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ ครั้งนี้คงเป็นเพราะเครียดไปหน่อย ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่”

     

    “ไม่เป็นไรครับ” ยงกุกยิ้มให้เขา “เราพักอยู่ชั้นเดียวกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้ ผมเองก็...เอ่อ...อยากทำความรู้จักกับคุณมานานแล้วด้วย”

     

    “จริงเหรอ” คราวนี้อีกฝ่ายเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ “ผมก็เห็นคุณอยู่บ่อยๆ แต่พูดตามตรงนะ บุคลิกของคุณแอบน่ากลัว ผมเลยไม่ค่อยกล้าทัก”

     

    “ผมน่ากลัวเหรอ” ยงกุกอมยิ้มแล้วถามกลับ...นั่นสิ ยงกุกน่ากลัวตรงไหน ทุกสัมผัสที่เขามอบให้ผมมันอ่อนโยนยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น นายคนนี้หน้าตาดีซะเปล่า ตาถั่วจริงๆเลย

     

    “แต่ตอนนี้ไม่น่ากลัวแล้วล่ะ” ผู้ชายคนนั้นยิ้มเขินๆแล้วทั้งคู่ก็ประสานเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมได้แต่ยืนอยู่ตรงนี้ มองพวกเขาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยากจะตะโกนออกมาเหลือเกินว่าทำไมยงกุกถึงลืมผมไปได้ ยิ่งเห็นภาพที่พวกเขาพูดคุยกันสนุกสนาน ใจผมก็ยิ่งเจ็บแปลบ ยงกุกเป็นของผมไม่ใช่เหรอ เขาต้องอยู่กับผมตลอดไปไม่ใช่เหรอ...

     

    미안해요 이기적인 나였죠

    ขอโทษนะที่ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว...

    사랑한단이유로 내곁에만 두려했었던걸요..

    พยายามรั้งเธอไว้ข้างๆเพียงเพราะเหตุผลว่าฉันรักเธอ

    그래요 가장 중요한걸 모르고있었죠

    แต่ฉันกลับไม่รู้ถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด...

    사랑한다면 그대가 언제나 행복해야죠.. 

    นั่นก็คือถ้าฉันรักเธอ เธอก็ควรต้องมีความสุขด้วย

     

    เมื่อยงกุกส่งเพื่อนของเขากลับไปแล้ว ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงัดอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างที่เก็บข้าวของ เขาก็คลี่ยิ้มอย่างมีความสุขแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน และแล้วยงกุกก็เดินเข้ามาหาผม ค่อยๆเอาผ้าคลุมออกช้าๆ สายตาที่จ้องมายังเหมือนเดิม ดูเหมือนว่ามันจะมีความรักและประกายแห่งความสุขเพิ่มมากขึ้นด้วย ในชั่วขณะนั้นเอง เขาลูบแก้มของผมอีกครั้งแล้วประทับจูบลงมาที่ริมฝีปากของผม ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันหนักแน่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน...

    .

    .

    .

    “ผมรักคุณนะ คิมฮิมชาน”

    .

    .

    .

    ให้ตายเถอะ ผมปล่อยยงกุกไปไม่ได้จริงๆ เขาเป็นของผม ยงกุกเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น....

     

    -----------------------------------------------------------------------------

     

    หลังจากวันนั้น ยงกุกก็กลับบ้านดึกขึ้น เขาหายไปข้างนอกบางทีก็เป็นวัน จากเมื่อก่อนที่ใช้เวลาอยู่แต่ในห้องกับผม นั่งมองผมและคุยกับผม หลังๆก็เริ่มคุยน้อยลง แม้ว่าเขาจะยังมีความสุข ยิ้มแย้มเหมือนอย่างเคย จูบผมก่อนนอนและตอนเช้าเหมือนอย่างเคย แต่ผมก็รู้ว่ามันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป และเปลี่ยนไปอย่างมากด้วย ยงกุกติดโทรศัพท์มาก บางทีก็ผลุนผลันออกไปตอนดึกจนลืมทักทายผมด้วยซ้ำ...

    .

    .

    .

    เขาลืมผมไปแล้วเหรอ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ ไหนบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง....

    .

    .

    .

    หลายเดือนถัดมาท่ามกลางสภาวะที่ยังคงหมุนเวียนอยู่แบบนั้น วันนี้ยงกุกออกไปข้างนอก เขาไม่ลืมที่จะจูบผมแล้วขยี้หัวอย่างหยอกเย้าก่อนออกจากห้องไป...ผมเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะคิดว่าเขาจะต้องกลับมาดึกๆเหมือนเคย แต่วันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น แค่ไม่กี่ชั่วโมงยงกุกก็กลับมาที่ห้อง เขาหอบหิ้วของมาหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ของใช้ในบ้านอย่างเช่นตู้เล็กๆ กระจกบานใหญ่กับเครื่องมือเล็กน้อยที่พอจะติดมือกลับมาได้ ผมเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมของเขา บางทียงกุกคงอยากจะต่อเติมห้อง แล้วทำเพื่อใครล่ะ เพื่อผมเหรอ....ก็ต้องเป็นผมสิเพราะตัวเขาก็มีแค่ผมนี่นา....

    .

    .

    .

    “ยงกุก เสร็จแล้วเดี๋ยวไปห้องผมหน่อยนะ จะได้ดูว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง” น้ำเสียงแหบหวานที่คุ้นเคยดังเข้ามาอีกแล้ว ผู้ชายหน้าสวยคนนั้นนั่นเอง เขาเดินเข้ามาเร่งยงกุกก่อนจะเดินออกไป ยงกุกพยักหน้ารับเล็กน้อยและส่งยิ้มอย่างเจิดจ้าไปให้ก่อนจะหันมามองของที่อยู่ในห้องอีกครั้งแล้วออกจากห้องไป ไม่สนใจจะทักทายหรือแม้กระทั่งเปิดผ้าคลุมที่คลุมตัวผมอยู่ด้วยซ้ำ...

    .

    .

    ผมบอกคุณไปหรือยังว่าหลังๆนี้ยงกุกย้ายผมเข้ามาไว้ในมุมห้องที่เป็นส่วนตัวและลับตาคนมากกว่าเดิมเหมือนกับไม่อยากจะให้ใครเห็น แต่เพราะผมห้ามอะไรเขาไม่ได้จึงต้องปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น ยงกุกไม่ค่อยคุยกับผมแล้วเดี๋ยวนี้ บางครั้งก็เดินผ่านไปเฉยๆไม่เคยทักทาย แม้แต่ดวงตาของผม ดวงตาที่ยงกุกพูดบ่อยๆว่ามันสวยราวกับลูกกวางน้อย เขาก็ยังไม่คิดจะมอง....

     

    ผมกลับมาให้ความสนใจกับข้าวของที่ยงกุกซื้อมาซึ่งกองอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้ง ดวงตาของผมกวาดไปเรื่อยๆ มองที่ตู้พลาสติกพับได้แบบอเนกประสงค์ เก้าอี้พับ ไปจนถึงกระจก....

    .

    .

    .

    ทำไมผู้ชายหน้าหวานคนนั้นถึงปรากฏตัวอยู่ในกระจกบานนี้????

    .

    .

    .

    กระจกตั้งอยู่ตรงหน้าผม คนในกระจกก็ต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผู้ชายหน้าสวยคนนั้นถึงมายืนตรงหน้าผม เหมือนกับผมเป็นเขาคนนั้นซะเอง...

    .

    .

    ผม...เป็น....

    .

    .

    .

    เขาคนนั้น....

    .

    .

    .

    ไม่จริงใช่ไหม...

     

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ยงกุกเดินเข้ามาในห้องโดยที่ผมไม่ทันได้รับรู้อะไร จนกระทั่งเขาเรียกชื่อของผม

     

    “ฮิมชาน”

     

    ฉับพลันที่ผมคิดจะตอบรับเขาออกไปเหมือนเคย ประโยคที่ยงกุกกล่าวต่อไปกลับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก

     

    “จริงๆแล้วผมย้ายเข้าไปวันนี้เลยก็ได้นะ ห้องนี้ปิดทิ้งเอาไว้ใช้เฉพาะเป็นสตูดิโอ นานทีๆเข้ามาเก็บกวาดน่าจะได้” หมายความว่ายังไง ยงกุกจะย้ายไปไหน...

     

    “ขนของตรงนั้นไปเลยด้วยสิ” ผู้ชายคนนั้นชี้มาตรงที่ผมยืนอยู่ “ให้ผมช่วยขนเอาไหม  ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณนะ ของใช้ด้วยกันจะให้ขนอยู่คนเดียวได้ไง”

     

    “ไม่ต้องหรอก” ยงกุกหัวเราะแล้วสวมกอดคนๆนั้น ริมฝีปากประทับลงไปที่แก้มใสๆของเขา แล้วผู้ชายหน้าหวานคนนั้นก็หัวเราะคิกคักอย่างเป็นสุข “ทั้งหมดนี่เดี๋ยวผมขนเอง ขอเวลาให้ผมเอาผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์กับสับคัทเอาท์แผงไฟในห้องให้เรียบร้อยก่อน คุณไปทำของอร่อยๆรอผมดีกว่านะชาน โอเคนะครับ”

     

    ผู้ชายคนนั้นยิ้มตาหยีให้เขาเป็นเชิงตกลงก่อนจะเดินออกจากประตูไป ท่าทีของพวกเขาอยู่ในสายตาของผม คนที่ต้องรับรู้เรื่องทุกอย่างด้วยความเจ็บปวดโดยที่สองคนนั้นไม่รู้อะไรเลย ความเจ็บปวดที่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ผมรู้ว่ายงกุกรักผม แต่ถึงยังไง ผมก็เป็นแค่สมบัติของเขาที่ไม่สามารถตอบโต้หรือทำให้เขามีความสุขได้มากไปกว่าการให้เขาจ้องมอง

    .

    .

    ผมเป็นของยงกุก แต่ยงกุกไม่ใช่ของผม....

    .

    .

    ยงกุกจัดการเอาผ้าดิบคลุมเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้อง เก็บเครื่องมือทำงานของเขาไปวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วก้าวเข้ามาหาผมอีกครั้งด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ต่างกับผมที่มันช่างหนักอึ้งเหลือเกิน หนักจนแทบอยากจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆไปตรงนั้น เขาปลดผ้าคลุมของผมลงมาก่อนจะลูบแก้มของผมเบาๆแล้วมองเข้ามายังดวงตาของผมอีกครั้ง

     

    항상 변함이 없었던 그대 떠나간게

    เธอ คนที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนได้เดินจากไปแล้ว

    믿을수없어 힘들었죠

    มันเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง และเจ็บปวดเหลือเกิน

    그냥 그렇게 서로가 조금씩 잊어가겠죠

    ต่างคนต่างจากกันไป ค่อยๆลืมเลือนกันไปทีละน้อย

    사랑한단 말조차도 소용없겠죠..

    แม้กระทั่งคำว่ารักก็คงไม่สำคัญอีกต่อไป

     

    ยงกุกจูบปลายจมูกของผมอย่างอ่อนโยนแล้วพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลยว่าจะได้ยินมัน...

     

    “ต่อจากนี้ผมคงไม่ค่อยได้มาห้องนี้แล้ว ผมจะย้ายไปอยู่กับเขาแล้วนะ อันที่จริงก็ตัวคุณเองนั่นแหละ” ยงกุกหัวเราะเบาๆ ไม่รู้เลยว่าผมกำลังร้องไห้เอาเป็นเอาตายอยู่ในส่วนลึกของหัวใจที่เขาไม่เคยเห็น

     

    “ที่ผ่านมาผมมีความสุขมาก แต่จากนี้ผมคงมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมจะดูแลคุณอย่างดี จะไม่ทิ้งคุณไปไหน จะถนอมคุณให้สมกับที่ผมมองคุณมาตลอดสามปี จะถนอมคุณเหมือนวันแรกที่สร้างคุณขึ้นมาเป็นตัวแทนของเขา ไว้วันไหนที่ผมแวะเข้ามาในห้องนี้ เราคงได้เจอกันอีกนะ”....

     

    .

    .

    .

    ยงกุกจูบริมฝีปากผมอีกครั้งก่อนจะหยิบผ้าคลุมมาไว้ในมือ พร้อมกับคำพูดสุดท้ายขณะเลื่อนผ้าลงมาดับแสงสว่างและดับหัวใจผมไปตลอดกาล...

    .

    .

    .

    “ขอบคุณนะ คิมฮิมชาน”

    .

    .

    .

     

    보고싶겠죠 그건 어쩔수 없겠죠..

    คิดถึงเธอเหลือเกิน ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกนี้

    하지만 힘들진 않게할게요

    แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอลำบากไปด้วย

    한동안 많이 아파 울다 지쳐 그대를 찾겠죠..

    ชั่วขณะหนึ่งที่ฉันจะร้องไห้อย่างเจ็บปวดและเหน็ดเหนื่อยกับการตามหาเธอ

    신경쓰지 말아요 잠시 뿐일테니까

    แต่มันคงไม่นานหรอก อย่าสนใจฉันอีกเลย...


     

     

    End

     

    -----------------------------------------------------------------------------------------

     

    (บังคับฟังเพราะเราแต่งโดยใช้เพลงนี้เป็นเนื้อหา ถ้าดูในเอ็มวีเก่าเวอร์ชั่นกรุ๊ปเอส เนื้อหาของเอ็มวีก็จะเป็นแบบนี้เลย แต่เราเอาโครงของเอ็มวีมาปรับๆเล็กน้อย) ชอบเพลงนี้มาก แต่งเนื่องในโอกาสซองเดบิวต์เป็นนักร้องเดี่ยวครบ 11 ปี แต่เนื้อหาคือบังชาน 555555555555 ถึงชานตุ๊กตุ่นจะเจ็บปวด (จริงๆแล้วเป็นหุ่นขี้ผึ้งนะ บังเป็นคนปั้นหุ่นขี้ผึ้ง) แต่ชานตัวจริงก็แฮปปี้เอนดิ้งนะฮือออออออออ

     

    ไม่ค่อยได้แต่งแนวนี้เท่าไหร่ แต่เพราะชอบพล็อตและเนื้อเพลงแบบนี้ก็เลยลองดู ยังไงติชมได้นะคะ เม้ามอยในแท็ก #บชดอล ได้เลยค่า^^




     

    。SYDNEY♔




     
    Shiny Violet Star
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×