ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] B.A.P - Moonstruck

    ลำดับตอนที่ #3 : Moonstruck:: Dim Light #03 (BangxChan) *END*

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 59




    Moonstruck


    Dim Light:: 03


     Couple :: BangxChan
    BG ::
    Purest of Pain [Son by Four]
     

     

     

     

    “ยงกุก..”

    “ครับ”

    “จะไปข้างนอกเหรอ”

     

    ร่างบางชันกายขึ้นมาจากที่นอน ขยี้ตาเล็กน้อยแล้วหันไปมองนอกกระจกก่อนจะล้มตัวกลับไปซุกหน้าลงกับหมอนเหมือนอย่างเดิม ยงกุกเห็นท่าทางนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ต้องเดินกลับไปที่เตียงแล้วก้มลงฟัดแก้มใสแรงๆทีหนึ่ง

     

    “เดี๋ยวผมกลับมานะ วันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกดีไหม เจอแดดบ้างจะได้แข็งแรงขึ้นไง คุณดูเหมือนไม่สบายตลอดเลยนะ รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วง”

     

    “ก็ไม่ชอบออกไปข้างนอกนี่นา” ฮิมชานทำเสียงกระเง้ากระงอดแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า “ไปทำธุระเถอะยงกุก ไม่ต้องห่วงผมหรอก..อ๊ะ...” อาการปวดกำเริบอีกแล้ว ร่างขาวเกร็งตัวเพราะเจ็บจี๊ดที่ศีรษะอย่างกะทันหัน แต่ยงกุกไม่รู้เพราะคนตรงหน้าดึงผ้าห่มขึ้นไปปิดจนมิด เขาจึงหัวเราะแล้วคว้ากุญแจรถก่อนจะเดินออกจากห้องไป...ฮิมชานขยับลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง น้ำตาหยดน้อยไหลลงมาอย่างเจ็บปวดขณะมองบานประตูนั้นปิดลงช้าๆ

     

     

    ถึงเวลาแล้ว....ขอโทษที่ไม่ได้บอก...ขอโทษจริงๆ

    ผมต้องไปแล้ว....

     

     

    ยงกุกแวะไปที่คลับเพื่อเอาของไปให้ยงนัม บรรยากาศของ Moonstruck ในตอนสายๆนี่เป็นคนละแบบกับตอนกลางคืนเลย ถึงคลับจะเปิดช่วงเย็น แต่พนักงานทุกคนก็เข้างานกันตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว ยิ่งเป็นบังยงนัมยิ่งต้องมาตรวจเช็คคิวของตัวเองให้ละเอียดมากขึ้น พี่ชายของเขารอบคอบเสมอไม่เว้นกระทั่งการรับผิดชอบตัวเอง

     

    “อ้าวยงกุก มาหายงนัมเหรอ” จองยงฮวาเดินเข้าร้านมาพอดี เห็นแฝดน้องแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ จริงๆเขาอยากให้ทั้งยงนัมและยงกุกมาทำงานด้วยกันที่นี่ แต่ตื๊อยังไงยงกุกก็ไม่ยอม เขาเลยไม่อยากจะไปเซ้าซี้ เพราะลำพังยงนัมที่เป็นเบอร์หนึ่งกับแดฮยอนที่เป็นเบอร์สองของคลับก็ทำรายได้ให้กับเขามากพอแล้ว เท่านี้ยงฮวาก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตามตื๊อยงกุกให้มากความอีก

     

    “ครับ เขาบอกให้ผมเอาของมาให้” ยงกุกตอบยิ้มๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็เลยเรียกหายงฮวาอีกครั้ง

     

    “คุณยงฮวา ผมมีเรื่องจะถาม”

    “อะไรล่ะ”

    “เรื่องเพื่อนของคุณ ฮิมชาน”

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

    ร่างโปร่งนอนกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด อาการป่วยของเขาเลวร้ายขึ้นตามลำดับ ฮิมชานปวดหัวจนแทบจะทนไม่ได้ แต่เพราะไม่อยากให้ยงกุกเห็น เขาจึงเลือกที่จะกินยาระงับความปวดชนิดรุนแรง ตอนนี้แม้กระทั่งยาแรงขนาดนั้นก็เริ่มจะระงับอาการปวดไม่ได้แล้ว ถ้ายังทนแบบนี้ต่อไป สักวันเขาอาจจะล้มลงต่อหน้าบังยงกุกก็เป็นได้...

     

    ไม่คิดไม่ฝันว่าเวลาจะผ่านไปเร็วแบบนี้ เขาต้านมันไม่ไหวจริงๆ เหลืออีกสามวันก็จะถึงเวลาที่ต้องกลับไปรักษาที่อเมริกา...สามเดือนก่อน หลังจากตรวจพบเนื้องอกในสมอง ชายหนุ่มก็รู้ว่าโอกาสหายของเขามีครึ่งต่อครึ่ง...หนึ่งเดือนก่อนวันผ่าตัด เขาตัดสินใจขอพ่อแม่กลับมาเกาหลีมาหายงฮวาและอยากจะได้ใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ตอนแรกฮิมชานตั้งใจว่าจะใช้บริการของยงนัม และขอให้ยงนัมดูแลเขาเป็นพิเศษในช่วงเวลาสั้นๆ นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับยงกุก...คนที่เขาตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วตอนนี้...

     

    .

     

    .

     

    ไม่อยากเจอหน้า...เพราะถ้าเจอกันอีกครั้ง เขาจะต้องทนไม่ได้แน่นอน...วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ที่เกาหลีแล้ว ถึงจะอยากเล่าทุกอย่างให้ยงกุกฟังแค่ไหนแต่ก็เล่าไม่ได้จึงต้องปล่อยให้เขาออกไปข้างนอกโดยที่ไม่รั้งอะไรไว้ ฮิมชานตัดสินใจพยุงร่างขาวซีดของตัวเองขึ้นมาแล้วเก็บข้าวของทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ หลังจากยาระงับอาการปวดออกฤทธิ์เขาก็เริ่มดีขึ้น ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็โทรให้พนักงานขึ้นมารับกระเป๋า และบอกกับโรงแรมว่าขอให้เปิดห้องเอาไว้ได้นานเท่าที่ยงกุกต้องการ...

     

    แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว จากกันไปโดยไม่รู้อะไรเลยน่าจะดีที่สุด เขาอาจเป็นเพียงความทรงจำในช่วงสั้นๆของยงกุกที่ซักวันมันจะผ่านเลยไปก็เท่านั้น ในขณะที่ยงกุกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา การผ่าตัดจะเป็นไปด้วยดีมั้ย คิมฮิมชานเองก็ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า อย่างน้อยเขาก็มีคนๆหนึ่งอยู่ในความทรงจำ เป็นความทรงจำที่มีความสุขเท่าที่เขาจำได้ ก่อนที่มันจะหายไปและไม่มีวันหวนกลับมาอีก...

     

     

    “ไว้ผมจะพามาอีกนะ จะพามาบ่อยๆเลย เจ้าหญิงของผมจะได้ไม่เหงาอยู่ในห้องอีก โอเคนะ”

     

    .

     

    .

     

    คิมฮิมชานได้แต่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวบนรถแท็กซี่ขณะเดินทางไปยังสนามบิน

    และคำสัญญาของยงกุกก็ยังดังก้องในหัวของเขาอยู่อย่างนั้น....

     

     

     

     

    สายไปแล้ว....

    .

     

    .

     

    เมื่อยงกุกได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากยงฮวา เขาก็กระหืดกระหอบกลับมาที่โรงแรมทันที แต่ก็ไม่ทันแล้ว ฮิมชานจากเขาไปแล้ว ห้องชุดกว้างใหญ่ที่ทั้งคู่เคยอยู่ด้วยกันกลับว่างเปล่าจนน่าใจหาย มีเพียงโน้ตสั้นๆเขียนวางบนโต๊ะไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

     

    .

     

    .

     

    “ขอบคุณ...ขอโทษ แล้วก็...รักมาก”

     

     

    สามคำสั้นๆที่ตรึงใจยงกุกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด โดยเฉพาะคำสุดท้าย...ฮิมชานใจร้ายจริงๆ ทิ้งเขาไปโดยที่ไม่สนใจจะรับรู้ว่าเขาเองก็รักเจ้าหญิงของเขามากแค่ไหน....

     

    ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง ไม่ใช่แค่เสียใจที่รู้ว่าคนๆนั้นจากไป แต่ที่ปวดใจที่สุดก็คือ เขาไม่ได้ช่วยแบ่งเบาความทรมานของฮิมชานสักนิดในระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ฮิมชานพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดทั้งที่ตัวเองก็บอบบางจนแทบแตกสลาย...

     

    นี่ใช่ไหมที่บอกว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อยลงทุกที นี่ใช่ไหมที่ขอให้เขาอยู่ใกล้ๆ นี่ใช่ไหมสาเหตุที่ต้องลุกมานั่งทรมานคนเดียวตอนกลางคืน….

     

    ยงกุกเกลียดตัวเอง เกลียดที่มองข้ามความเจ็บปวดนั้นไปโดยที่ไม่รู้ความจริงอะไรเลย....

     

     

    Baby, give me back my fantasy,

    The courage that I need to live,

    The air that I breath…

     

     

    รู้สึกตัวอีกที หัวใจของเขาก็หายสาบสูญไปแล้ว...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ---------------------------------------------------------

     

     

    “โรเบิร์ต รอพ่ออยู่ตรงนี้นะลูก” มือลูบไปที่มอเตอร์ไซค์ลูกรักอย่างทะนุถนอมก่อนจะเดินเข้าไปในคลับตามความเคยชิน ถึงจะไม่ได้เป็นพนักงาน แต่ยงกุกกลับเข้าออกคลับนี้บ่อยจนสนิทกับทุกๆคนไปแล้ว ก็เพราะไอ้พี่ตัวดีของเขาที่ชอบสั่งให้เอานู่นเอานี่มาให้นั่นแหละ

     

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชายหนุ่มเอาของมาให้ยงนัมเหมือนเคย ถึงจะถูกจิกหัวใช้แต่เขาก็ไม่ได้โวยวายอะไร คิดอีกทีก็สงสารเพราะยงนัมทำงานตลอดเจ็ดวันจนแทบไม่ได้หยุดพัก...ก็อยากเสน่ห์แรงเองนี่นะ คิวทองแบบนี้สงสัยต้องเป็นคนของประชาชนไปจนวันตายนั่นแหละ...อยากจะด่าก็ด่าไม่ได้ เพราะยงนัมเป็นพี่ชายที่ดีของเขา อีกอย่าง...ถ้าไม่ได้ยงนัม ยงกุกก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับคนที่เขารักและคิดถึงมาตลอดจนทุกวันนี้...

     

    6 เดือนแล้วนับตั้งแต่คิมฮิมชานจากเขาไป ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าฮิมชานอยู่ที่ไหน เป็นยังไง นับจากวันสุดท้ายที่ทิ้งเขาไปนั้น ยงกุกก็ไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับฮิมชานอีกเลย ขนาดยงฮวาเองก็ยังไม่รู้ สาเหตุหนึ่งที่เขาเพียรพยายามมาที่คลับบ่อยๆก็เป็นเพราะจะถามข่าวคราวของฮิมชานนี่แหละ แต่ทุกครั้งที่คุยกัน ยงฮวาก็เพียงแต่สั่นหัวแล้วพูดว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

     

    “ยงนัม เฮ้” ยงกุกตะโกนโหวกเหวกระหว่างเดินเข้ามาในร้าน ตอนกลางวันร้านยังไม่เปิดเลยไม่ต้องเกรงใจอะไรมาก แต่พนักงานก็มาทำงานกันแล้ว อย่างเช่นคนที่เดินสวนเขาออกมาเป็นต้น

     

    “หวัดดียงกุก เอาของมาให้ยงนัมเหรอ” หนุ่มผิวเข้มยกยิ้มให้ แดฮยอนเป็นเบอร์สองของคลับนี้รองจากยงนัม ด้วยบุคลิกที่เงียบขรึมและลึกลับนิดๆต่างไปจากพี่ชายของเขา ก็เป็นเสน่ห์อีกแบบที่ทำให้ลูกค้าต่างก็หลงใหล ถ้ายงนัมเป็นเจ้าชายขาว แดฮยอนก็คือเจ้าชายดำ...นี่ไม่ได้พูดถึงสีผิวนะ...

     

    “อือ เห็นยงนัมมั้ย”

    “เมื่อกี้เห็นอยู่ในห้องส่วนตัวกับบอส คงจะคุยกันเรื่องนัดของคืนนี้ นายนั่งรอก่อนแล้วกัน ฉันไปล่ะนะ”

     

    ยงกุกโบกมือทักทายแดฮยอนก่อนจะทรุดตัวลงที่โซฟาและนั่งเล่นมือถือไปเรื่อยๆ เขาไม่ได้มาหายงนัมแค่คนเดียวหรอก ถ้าแวะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ต้องถามข่าวของฮิมชานจากยงฮวาด้วยอยู่แล้ว แม้จะผิดหวังกลับมาทุกครั้งแต่เขาก็ยังไม่ท้อ ถึงยงฮวาจะบอกให้เขาตัดใจเพราะไม่รู้จริงๆว่าการผ่าตัดของฮิมชานจะสำเร็จมั้ย แต่ยงกุกก็เชื่อว่าฮิมชานต้องกลับมาหาเขา ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานอีกสักเท่าไหร่ก็ตาม...

     

    สิบนาทีถัดมา ยงฮวาก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับแฝดพี่ของเขา ร่างสูงรีบลุกเดินไปหาทันที

     

    “คุณยงฮวา...”

    “พอเลย นายถามฉันกี่รอบแล้ว คำตอบก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ”

    “ไม่มีข่าวฮิมชานเลยเหรอครับ”

     

    “นายคิดจริงๆเหรอว่าฮิมชานจะกลับมาหานาย” คราวนี้ยงฮวาถามไปตรงๆไม่อ้อมค้อม “ถ้าเขายังอยู่และคิดถึงนายจริง ป่านนี้ก็ต้องกลับมาหานายแล้วสิ”

     

    “ผมไม่รู้ว่าเขาจะยังคิดถึงผมอยู่มั้ย ขอแค่ได้รู้ว่าเขาไม่เป็นไรก็พอ ถ้าคุณได้ข่าวก็บอกผมมาเถอะครับ” ยงกุกอ้อนวอน

     

    “ก็บอกว่าไม่รู้” ยงฮวาขมวดคิ้ว “ถ้ามันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต เมื่อถึงเวลานายก็จะได้เจอเองแหละ ไม่แน่นายอาจจะได้เจอฮิมชานวันนี้เลยก็ได้” เขาพูดอย่างตัดรำคาญจนยงกุกต้องยอมแพ้อีกครั้ง ชายหนุ่มส่งของให้ยงนัมและขอตัวกลับไป ทิ้งให้พี่ชายมองตามด้วยความเป็นห่วง

     

    “ยงกุกถามถึงคุณคิมทุกวันเลยนะ” ยงนัมบอก “นี่ก็ถามอีกละ บอสแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไม่บอกมันน่ะ”

     

    “บอกทำไม” หนุ่มหน้าคมเจ้าของคลับหัวเราะนิดๆ “ถ้ามันเป็นพรหมลิขิตจริงๆ เดี๋ยวเขาก็เจอกันเองนั่นแหละ บางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลา เหมือนอย่างเรื่องของเราไง” ยงฮวามองเขาแล้วอมยิ้ม กริยานั้นทำเอายงนัมอดหัวเราะไม่ได้ ต้องยื่นริมฝีปากตัวเองไปแตะริมฝีปากของคนตรงหน้าแผ่วๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู...

     

    “สมภารกินไก่วัดมันไม่ดีนะบอส...”

    “ก็ตั้งใจเลี้ยงไว้กินเองอยู่แล้ว ไม่ดีตรงไหนกัน”

     

    .

     

     

    .

     

    ความลับบางเรื่อง ให้ตายก็ไม่บอกใครหรอก....

     

    ---------------------------------------------------

     

     

    ยงกุกไกวชิงช้าอยู่ในสวนสาธารณะอย่างเหงาหงอยอีกครั้ง เขามาที่นี่ทุกเย็น นั่งไกวชิงช้าอยู่ที่เดิม และมองไปยังม้านั่งตรงหน้าที่เขาเคยนั่งรอคิมฮิมชานในวันแรกที่ทั้งคู่พบกัน...ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะตกหลุมรักใครในเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้น มันเริ่มมาจากความประทับใจและความสงสาร เขายอมรับว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวฮิมชานเลย แต่เวลา 1 เดือนที่อยู่ด้วยกันก็ทำให้เขารู้แล้วว่าตัวเองอยากจะปกป้องคนๆนี้ไปชั่วชีวิต

     

    ขอแค่ให้ฮิมชานกลับมาหาเขาเท่านั้นเอง....

     

    อากาศดีจนน่าเดินเล่น ร่างสูงลุกจากชิงช้า กะว่าจะซื้อกาแฟแล้วจะเดินยืดเส้นยืดสายสักหน่อย แต่เมื่อกลับมาที่เดิม ยงกุกก็ตกใจจนแทบช็อคเพราะเห็นร่างบางที่คุ้นตายืนอยู่ตรงนั้น....

     

    ใบหน้าหวานที่เคยขาวซีดมีเลือดฝาดมากขึ้น ร่างผอมนั้นก็ยังคงบอบบางน่าทะนุถนอมเหมือนเดิม หมวกไหมพรมที่ปกปิดศีรษะทำให้ยงกุกสังเกตได้ว่าผมของคนตรงหน้าสั้นมากจนเกือบเกรียน...อาจจะเป็นผลพวงจากการผ่าตัด....แต่ทำไม...ทำไมฮิมชานถึงมายืนตรงนี้ได้ เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม คนที่เขาคิดถึงตลอด 6 เดือนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆใช่ไหม...

     

    ไวเท่าความคิด ยงกุกทิ้งกระป๋องกาแฟลงพื้นแล้ววิ่งเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นทันที ไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย ฮิมชานอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งคม ริมฝีปากบางสีสด ทุกสัดส่วนที่เขาคุ้นเคยบ่งบอกว่าเป็นฮิมชานไม่ผิดแน่ ยิ่งอีกฝ่ายมองเขากลับมาพร้อมด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา ชายหนุ่มก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาได้หัวใจของตัวเองกลับคืนมาแล้ว...

     

    “ชาน...คุณจริงๆเหรอ” ยงกุกพูดเสียงแผ่ว เขากลัวเหลือเกินว่าถ้ากะพริบตา คนตรงหน้าก็จะหายวับไป..

     

    “ยงกุก...” เสียงหวานพูดออกมาได้เท่านั้น ริมฝีปากของยงกุกก็ก้มลงไปหยุดเอาไว้ทันที ชายหนุ่มพรมจูบไปทั่วใบหน้าละมุนขณะที่พร่ำบอกว่าคิดถึงมากแค่ไหน ฮิมชานกอดร่างสูงเอาไว้แน่น ปล่อยให้เขาจูบโดยไม่อายอะไรอีกแล้ว กว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ได้ เขาเองก็ทรมานเพราะความคิดถึงไม่น้อยเลยเหมือนกัน

     

    “ทำไมถึงทิ้งผม ทำไมไม่บอกผมสักคำ ทั้งอาการป่วยของคุณ ทั้งเรื่องที่คุณจะกลับไปผ่าตัด ฮิมชาน คุณใจร้ายกับผมมากเลยนะ”

     

    “ผมกลัว” ฮิมชานสารภาพ “ผมกลัวว่าถ้าผมไม่กลับมา ถ้าการผ่าตัดไม่สำเร็จ ผมจะไม่ได้เจอกับคุณอีก ผมไม่อยากให้คุณคิดถึงผม ไม่อยากให้คุณรอผม แต่นึกไม่ถึงว่า....ว่าคุณจะรอผมมาตลอด ขอบคุณนะยงกุก ยงฮวาบอกผมหมดแล้ว ยงฮวาบอกว่าคุณถามถึงผมตลอดหกเดือน ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ทิ้งคุณเอาไว้แบบนี้” ร่างน้อยสะอื้นจนสั่นไปทั้งตัว

     

    “ถ้างั้นก็อย่าทิ้งผมไปอีกนะ” เขากอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่นแล้วจูบซับน้ำตาเบาๆ “หนีผมไปโดยที่ไม่ถามความรู้สึกผมสักคำ คุณบอกรักผม แล้วไม่สนใจความรู้สึกของผมบ้างเหรอ” ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาเม็ดโตที่กลิ้งลงมาตามแก้มใสแล้วพูดอย่างหนักแน่น

     

    “ผมรักคุณนะฮิมชาน ต่อให้คุณทิ้งผมไปอีก ผมก็จะตามหาคุณไปทั้งชีวิตเลย”

     

    “ขอบคุณมากนะ ยงกุก ขอบคุณจริงๆ” เสียงหวานสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ “ขอบคุณที่อยู่ข้างๆผม ผมรู้ว่ามันเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัว แต่จากนี้ต่อไป ช่วยอยู่ข้างๆผมไปตลอดเลยได้มั้ย”

     

    “ตลอดชีวิตเลย” บังยงกุกฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดอีกครั้ง “เรามาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งนะ จากนี้ไปเราจะเรียนรู้อะไรด้วยกัน ผมจะดูแลคุณเอง สัญญากับผมนะฮิมชาน”

     

    “ผมสัญญา” ในที่สุดเขาก็ยิ้มจนตาหยีอีกครั้ง “ผมก็รักคุณมากนะ”

     

    “หลังผ่าตัดเจ็บมากไหม” ยงกุกถาม “ผมอยากอยู่ข้างๆคุณจัง คงจะเจ็บมากเลยสินะ”

     

    “งื่อ นึกว่าจะตายซะแล้ว” ฮิมชานยิ้มทั้งน้ำตา “ผมต้องทำกายภาพบำบัดอยู่ 6 เดือนร่างกายถึงจะฟื้นตัว กว่าพ่อแม่จะยอมให้กลับมาที่นี่ก็นานเหมือนกัน แล้วก็...” เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความอาย “ผมของผมมันขึ้นช้ามากเลย ต้องโกนหัวตอนผ่าตัดด้วย ดูสิ กุดซะขนาดนี้ น่าเกลียดจะแย่”

     

    “ไม่เห็นจะน่าเกลียดตรงไหนเลย” ยงกุกยิ้ม ยงนัมตอนโกนหัวหน้าตาอุบาทว์กว่าตั้งหลายเท่า...ไม่พูดดีกว่า พูดแล้วก็เหมือนเข้าตัว...“ผมสั้นๆแบบนี้เท่ออกจะตาย ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ยาวแล้ว” ชายหนุ่มว่าก่อนจะจูบปลายจมูกโด่งนั้นอย่างหวงแหน

     

    “อย่าทิ้งผมไปอีกนะ ต่อไปนี้ถ้าเป็นอะไรต้องบอกผมเข้าใจไหม”

    “ไม่ทิ้งแล้ว จะอยู่ให้ดูแลไปตลอดชีวิตเลย”

     

    ทั้งคู่ประสานสายตากันแล้วยกยิ้มให้กันอย่างมีความสุขท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่เริ่มจะหรี่แสงลงทุกที ช่วงนั้นเองที่สมาร์ทโฟนของเขามีข้อความส่งเข้ามา...ยงฮวาใช้เบอร์ของยงนัมส่งข้อความมาบอกกับเขาว่า...

     

     

    “เชื่อในพรหมลิขิตนะยงกุก ดูแลเพื่อนฉันให้ดีด้วย”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มขึ้นน้อยๆก่อนจะหันไปจูบฮิมชานอีกครั้งแล้วกระซิบที่ใบหูขาวๆนั้น

    “พักฟื้นอีกหน่อยนะครับ ถ้าแข็งแรงแล้วผมจะให้น้องโรเบิร์ตพาไปเที่ยว....”

     

     

    End


    นั่งๆอยู่แล้วมันป๊อบขึ้นมาก็เลยลองแต่งสักน้อย คู่อื่นไว้ค่อยต่อหลัง Silk นะฮะ เดี๋ยวไม่จบ 55555555 ใครที่เข้ามาอ่านก็ขอบคุณมากนะคะ^^ ฝากเรื่องอื่นด้วยค่ะถ้าสนใจนะ 555555


    *ในส่วนของรายละเอียดโรค เรายังไม่แน่ใจว่าอาการเจ็บป่วยขนาดนี้สามารถขึ้นเครื่องบินได้มั้ย (แต่ก็เคยอ่านเจออยู่นะ) แต่ชานไม่ได้ขึ้นเครื่องกลับเมกาคนเดียว มีคนดูแลตลอดทริปนะคะ เพียงแต่คนดูแลพักอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ตามมาอยู่กับชานที่โรงแรมเพราะชานเป็นคนสั่งเอาไว้ ยังไงถ้ามีอะไรตกหล่นก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าค่ะ พาร์ทต่อไปเป็นแดแจนะคะ อย่าลืมติดตามด้วยน้า^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×