คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Rainy Days [CB]
Rainy Days
.
.
.
“ผมเกลียดฝน ผมเกลียดหน้าฝน...ผมเกลียดหน้าฝน....”
.
.
.
ร่างสูงยืนอยู่ที่หน้าต่างพลางมองออกไปด้วยสายตาครุ่นคิด สายฝนเบื้องหน้าของเขาบอกให้รู้ถึงสภาพอากาศในตอนนั้นว่าไม่สู้จะดีเท่าไหร่ ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิมแล้วจึงทอดสายตาออกไปอีกครั้ง..
เขาเกลียดสายฝนอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเกลียดทั้งเบื่อไอ้ฝนบ้าๆนี่ เพราะมันเฉอะแฉะ มันน่ารำคาญ มันน่าเบื่อ และที่สำคัญ มันพรากคนที่รักที่สุดไปจากเขา.....
นานเท่านานที่เขานั่งมองฝนอยู่อย่างนั้น ถึงจะเบื่อมากแค่ไหน เกลียดมากเท่าไหร่ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฝนที่กำลังตกอยู่นอกหน้าต่างนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาคิดถึงคนๆนั้น
.
.
.
“เฮ้ย นั่งเหม่ออีกแล้ว งานการมีไม่ทำเอาแต่นั่งมองฝนอยู่ได้” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่เดินเข้าห้องมา ชายหนุ่มหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้
“มาแล้วเหรอ“
“ก็ยืนอยู่ตรงหน้าแกแล้วเนี่ย ยังไม่มามั้ง“ เขาหัวเราะ “เลิกทำหน้าหงิกเวลาเห็นฝนซะทีเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วน่า“
“ลืมไม่ลงหรอก“ อีกฝ่ายตอบแล้วยกมือขึ้นนวดที่ขมับเบาๆเพื่อคลายอาการปวด เวลาที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ทีไร อาการปวดมันก็จะตามมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะบอกกับตัวเองอยู่ทุกครั้งว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่เพราะถนนที่ลื่น และความใจร้อนของเขาเองนั่นแหละ ถึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“กลายเป็นปวดหัวเรื้อรังไปแล้วใช่ไหม?“ คนตรงข้ามยืนมองอย่างเป็นห่วงแล้วทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ “ยงนัมตายไปสองปีแล้วนะ อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย“
“ฉันเลิกคิดไม่ได้ว่ะแดฮยอน“ เขาตอบ “ถ้าฉันไม่ฝืนจะขับรถไปส่งเขาตอนฝนตกหนัก เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้“
“มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นซักหน่อย แกมัวแต่จมอยู่กับเรื่องเก่าๆแล้วเมื่อไหร่มันจะดีขึ้น....มานี่เลย...มาทำงานซะดีๆ ฉันเอาภาระมาให้แก“ แดฮยอนหัวเราะแล้วยื่นซองสีน้ำตาลใส่ในมือของเขา
“ช่วยดูคนๆนี้ให้หน่อย ตามไปหาถึงที่เลยก็ได้“
ชายหนุ่มรับซองนั้นมาจากมือของเพื่อนก่อนจะเปิดดูข้างใน แต่มันก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเอกสารสองสามแผ่นที่บอกชื่อ ที่อยู่ กับประวัติคร่าวๆเท่านั้น
“บังยงกุก...ผู้ชาย อายุ 24 โสด.....อะไรวะ มีแค่เนี้ย รูปเริบก็ไม่มี นี่ให้ฉันสืบเรื่องเขาเหรอ จะสืบยังไงเนี่ย“ เขาเลิกคิ้วสลับกับขมวดคิ้วไปด้วยอย่างสงสัย ไม่เห็นสีหน้าของคนข้างๆที่ลอบยิ้มเหมือนจะมีแผนอะไรอยู่ในใจ
“เอาน่า ฉันรู้ว่าแกทำได้ นักสืบมือหนึ่งอย่างแกมีรึจะพลาด เอ้า นี่ มีที่อยู่ให้ด้วย นี่ไง“ แดฮยอนยื่นหน้ามาชี้ให้เขาดูที่อยู่ของเป้าหมายที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นแล้วก้มลงหอมแก้มคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย ไอ้บ้า มาหอมแก้มฉันทำไม“ เขาโวยวาย “ฝนยิ่งตกหนักๆอยู่ ถ้าฟ้าผ่าลงมาจะทำไง ไอ้เปรตนี่“
“รางวัลให้แกไง ทำตาโปนยังกับไม่เคยหอมแก้มคนอื่น ถ้าจะผ่ามันก็ผ่าไปนานแล้ว“ เขาหัวเราะลั่น “น่านะ.....ทำให้แม่หน่อยนะลูก แล้วเดี๋ยววันเกิดแม่จะต้มซุปสาหร่ายให้กิน“ จองแดฮยอนทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เออนี่...ด่วนนะเว้ย ตามไปดูตอนนี้ได้เลยยิ่งดี...แล้วเย็นนี้ไปเจอกันที่ร้านพิซซ่าเหมือนเดิมนะ รู้สึกจะอยู่ใกล้ๆกับร้านหนังสือของคนที่จะให้แกสืบนั่นแหละ ฉันไปทำงานต่อละ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันจะหาว่าฉันอู้.....อ้อ“ เขาหยุดยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ...... “ขอให้ ‘สนุกกับงาน’ นะจ๊ะ ที่รัก“ แดฮยอนเน้นวรรคสุดท้ายชัดๆก่อนจะเดินหายออกจากห้องไป ทิ้งให้คนในห้องมองตามไปอย่างสงสัย...ชายหนุ่มก้มลงมองเอกสารในมืออีกครั้งแล้วมองออกไปที่หน้าต่างพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมายาวๆ
“ทำงานตอนฝนตก นี่แหละที่ฉันเกลียดที่สุด....ไอ้ดำมึงนะ รู้อยู่ว่าช่วงหน้าฝนฉันไม่รับงาน ยังจะเอามายัดเยียดอีก“ เขาบ่นเบาๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนถูกบ่นกำลังยืนอยู่ข้างนอกแล้วแอบสอดสายตามองเข้ามาขณะที่ปากก็พูดโทรศัพท์ไปด้วย
“ภารกิจของดำสำเร็จแล้ว เสาไฟเตรียมรับช่วงด่วน โอเค ไปเจอกันที่ร้านพิซซ่าตรงหัวมุม ตรงนั้นแหละ ส่องเข้าไปง่ายดี เออ โอเค แค่นี้นะ“.....ทันทีที่โทรศัพท์ตัดไป แดฮยอนก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ขอโทษนะเพื่อน ถ้าพวกเราไม่ทำแบบนี้แกก็ต้องหงิกไปจนตายแหงๆ ไว้ถ้าสำเร็จฉันจะต้มซุปสาหร่ายให้ แต่ ตอนนี้....ฝ่าฝนไปทำงานก่อนก็แล้วกันนะชานนะ...“
-----------------------------------------
“แล้วทำไมฉันจะต้องมาลุยฝนด้วยวะ“ เสียงแหบบ่นกระปอดกระแปดขณะเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าร้านขายหนังสือตามที่บอกเอาไว้ในเอกสาร ฮิมชานมองเข้าไปในร้านก่อนจะชะเง้อมองด้วยความสงสัย ผู้ชายคนนี้จะทำอะไรในร้านนี้นะ เป็นเจ้าของร้านเหรอ หรือคนขาย หรืออาจจะเป็นคนทำความสะอาดก็ได้ แต่แล้วมันมีความสำคัญอะไรกันนักหนา ไอ้เจ้าแดฮยอนถึงจะต้องเร่งให้มาตามสืบแบบนี้ บ้าชะมัด เขากำลังรำคาญฝนเอามากๆ โดยเฉพาะวันนี้ที่เหมือนกับจะตกถี่เป็นพิเศษ ถึงจะไม่ตกหนักแต่การที่ฝนตกตลอดทั้งวันก็ทำให้เขาหงุดหงิดได้เหมือนกัน
ร่างโปร่งยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าร้านเพราะไม่รู้จะทำยังไง ฝนก็ตกซะจนน่าเบื่อ ที่สำคัญคือ ถ้าเขาอารมณ์เสียมากๆเข้า อาการปวดหัวก็จะกำเริบ
และตอนนี้มันก็กำเริบแล้ว....อาการปวดจี๊ดที่เป็นมาตลอดสองปีกำลังทรมานเขาอีกครั้ง ร่มที่ถืออยู่ในมือถูกปล่อยลงกับพื้น ร่างสูงของเขาก็ทรุดลงไปอย่างรวดเร็ว
“คุณครับ คุณ“ เสียงทุ้มตรงหน้าเขาร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง แต่ฮิมชานก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขากำลังปวดหัวอย่างรุนแรง ชายหนุ่มรวบรวมความพยายามเพื่อเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง แต่ทันทีที่เห็น เขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ยงนัม!!!“ ฮิมชานพูดได้แค่นั้นก่อนจะล้มลงหมดสติไป.....
.
.
.
ภาพในตอนนั้นเป็นภาพที่เขาไม่มีวันจะลืมได้ วันที่ฮิมชานขับรถมาส่งบังยงนัมคนรักของเขาที่บ้าน แต่เพราะอากาศไม่ดีและฝนก็ตกหนักทำให้ฮิมชานใจร้อน พยายามขับรถเร็วเพื่อจะได้ถึงบ้านของอีกฝ่าย แล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อถนนลื่นมากจนทำให้รถของเขาเสียหลัก พุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับเสาไฟฟ้าเข้าจัง ๆ เป็นผลให้ยงนัมเสียชีวิตทันที ส่วนตัวเขาเองกระเด็นออกมานอกรถและหัวฟาดฟื้นอย่างแรง ฮิมชานต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลตลอดสามเดือนเต็ม นี่เองที่ทำให้เขาปวดหัวเรื้อรังแล้วก็เกลียดฝนมาจนถึงทุกวันนี้...
“คุณดูอาการแย่มากเลย ดื่มนี่หน่อยนะ“ เสียงทุ้มดังเข้าหูอีกครั้งเมื่อเขาเริ่มรู้สึกตัว ชายหนุ่มพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากแล้วพยุงตัวขึ้นมานั่งบนโซฟาอย่างงงๆ เมื่อกี้เขาหมดสติไปเพราะปวดหัวเอามากๆ พอรู้ตัวอีกทีก็เข้ามาอยู่ในร้านนี้แล้ว ที่สำคัญก็คือก่อนหน้านี้เขาดันแหกปากเรียกชื่อยงนัมออกไปดังลั่นเลย ให้ตาย.....น่าขายหน้าชะมัด
ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาก็ยิ่งทำให้ฮิมชานตะลึงมากขึ้น ทั้งใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่ง ริมฝีปากและโครงหน้าที่คุ้นเคยนั่น มองยังไงก็เหมือนกับคนรักของเขาไม่มีผิด.....
ไม่ใช่ ไม่ใช่ยงนัม....ไม่ใช่.....
“ทำไมมองผมอย่างงั้นล่ะ?“ เขามองด้วยความสงสัยแล้วยื่นถ้วยชาให้ฮิมชาน “นี่ชาผสมน้ำผึ้งครับ ดื่มหน่อยนะ อะไรหวานๆจะช่วยให้คุณอาการดีขึ้น“ เขายิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลนั้นส่องประกายจนทำให้ฮิมชานหายใจไม่ออก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เหมือนยงนัมของเขานัก ทั้งวิธีการพูด ทั้งรอยยิ้ม ทุกๆอย่างของเขาช่างคล้ายยงนัมอย่างกับแกะ.....
“ขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้คุณวุ่นวาย“ เขาบอกพลางรับถ้วยชามาดื่ม....รสชาติที่คุ้นเคยของมันยิ่งทำให้ฮิมชานเป็นงงมากขึ้น ชาผสมน้ำผึ้งเป็นสูตรสำหรับคลายเครียดที่ยงนัมชอบทำให้เขาดื่มบ่อยๆ นี่มันอะไรกัน ทั้งสี ทั้งกลิ่น ทั้งรสชาติ แถมคนที่ยื่นมาให้ยังหน้าเหมือนคนรักของเขาอีก จะบ้าตาย....นี่เขาฝันไปหรือไงหว่า....
“ผมเห็นคุณเดินไปเดินมาหน้าร้านนานแล้วก็เลยสงสัย พอเดินออกมาดูก็เห็นคุณหน้าซีดแล้วก็ล้มลงไปเลย คุณมีโรคประจำตัวรึเปล่า? “ เขาถาม
“ผมเป็นโรคปวดหัวเรื้อรังน่ะครับ ยิ่งช่วงฝนตกหนักๆจะยิ่งปวด“ เขาพูดยิ้มๆ รู้สึกเพลินที่ได้มองหน้าคนๆนี้ ถึงเขาจะมีอะไรคล้ายยงนัมอยู่หลายอย่าง แต่อย่างเดียวที่ไม่เหมือนกันก็น่าจะเป็นอ่อนโยน ยงนัมเป็นคนเงียบๆเอาแต่ยิ้ม แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขากลับดูมีชีวิตชีวามากกว่า
ฮิมชานมองคนตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินโดยที่ไม่รู้ตัวว่า เขาเอายงนัมไปเทียบกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เรียบร้อยแล้ว
“แปลกนะ ไม่เคยได้ยินอาการแบบนี้มาก่อน“ ชายหนุ่มหัวเราะตลก “สงสัยคุณคงจะเกลียดฝนเอามากๆถึงได้เป็นแบบนี้.....ผมน่ะชอบฝนออกจะตายไป มันเย็นแล้วก็หอมดีด้วย คุณเคยได้กลิ่นฝนไหม?“
กลิ่นฝน....แหวะ....มีด้วยเหรอวะ....แค่เห็นฝนก็เซ็งจะแย่แล้ว ใครจะไปนั่งจมูกยื่นจมูกยาวดมกลิ่นฝนกันเหรอ....
“เคยครับ หอมดีเหมือนกัน“ เขาได้ยินเสียงตัวเองตอบออกไปแบบนั้น แม้จะโกหก แต่ฮิมชานก็รู้สึกดีเมื่อเห็นตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างด้วยความดีใจหลังจากได้ยินที่เขาพูด
“จริงเหรอฮะ ดีจัง ผมนึกว่าตัวเองประสาทอยู่คนเดียวซะอีก ไม่เคยมีใครได้กลิ่นฝนเหมือนผมเลย บางครั้งยังนึกว่าตัวเองบ้าไปคนเดียว.....ว่าแต่“ คนตรงหน้าเว้นจังหวะนิดหนึ่งเมื่อเห็นเขาจิบชา “ผมชื่อบังยงกุกครับ คุณล่ะชื่ออะไร?“
“ฮิมชานครับ...คิมฮิมชาน“ เขาตอบเบาๆก่อนจะดื่มชาในถ้วยจนหมด ดูสิ แม้แต่ชื่อยังคล้ายๆกันเลย อะไรยังไงกันก็ไม่รู้ นี่พวกแดฮยอนมีแผนอะไรรึเปล่าถึงตั้งใจจะให้เขามาสืบหาบังยงกุกที่นี่ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมองปราดเดียวก็รู้ ผู้ชายคนนี้เป็นคนเปิดเผยและไม่มีลับลมคมในอะไรซักนิด บังยงกุกเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆทั่วไป อย่างเดียวที่ไม่ธรรมดาก็คือเขาหน้าเหมือนยงนัมนั่นแหละ...
อ้อ แล้วก็ไม่ธรรมดาตรงที่ชอบกลิ่นฝนด้วย......
“บรรยากาศดีจังนะครับ มีมุมให้นั่งอ่านหนังสือด้วย คุณดูแลร้านนี้คนเดียวเหรอครับ?“ เขาถามขณะกวาดสายตามองไปรอบๆร้าน โทนสีที่สบายตาบวกกับมุมเล็กๆน่ารักเอาไว้นั่งอ่านหนังสือ ทำให้ร้านๆนี้ดูมีเสน่ห์กว่าร้านหนังสือทั่วไปมาก ที่สำคัญก็คือ ตัวเจ้าของร้านเองนั่นแหละที่ทำให้เขาไม่อยากจะลุกไปไหนเลย ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ดูเป็นผู้ชายแท้ๆจะมีความน่ารักในตัวขนาดแต่งร้านได้หวานแหววแบบนี้ แต่ก็นะ นับว่ารสนิยมของเขาไม่เลวเลยจริงๆ
“เมื่อก่อนผมทำร่วมกับพี่ชายน่ะ แต่ส่วนใหญ่ผมจะดูแลมากกว่าเพราะพี่ไม่ค่อยว่างมาช่วยดูเท่าไหร่ พี่ของผมทำงานออฟฟิศน่ะครับ แต่ คือ....ช่างมันเถอะ ยังไงตอนนี้พี่ก็ไม่อยู่แล้ว“ พูดได้แค่นั้น แววตาของบังยงกุกก็หมองลง ชายหนุ่มนั่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง
“แปลกนะ ทั้งที่เพิ่งเจอคุณครั้งแรกแท้ๆ เหมือนกับผมเคยรู้จักกับคุณมาก่อนเลย คือปกติผมไม่ได้พูดมากขนาดนี้หรอก แต่ช่วงนี้มันไม่มีคนเข้าร้านแล้วคุณก็คุยสนุกด้วย ผมเลยพูดมากไปหน่อย ถ้าผมพล่ามมากไปก็บอกได้นะ“ ยงกุกยิ้มให้เขาอีกครั้ง ฮิมชานอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาเองก็คิดแบบเดียวกับอีกฝ่าย ถึงจะเจอกันครั้งแรก แต่อะไรบางอย่างในตัวของบังยงกุกทำให้เขาไม่อยากจะละสายตาไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“จริงๆแล้วร้านนี้เป็นร้านที่ผมรักมากเลย“ เขาพูดต่อ “สมบัติทั้งหมดที่ผมมีก็คงจะเป็นร้านนี้ร้านเดียว ผมเลยทุ่มเทกับมันมากๆแล้วก็อยากให้คนที่เข้ามาที่ร้านของผมมีความสุขด้วย“ เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วเดินไปเปิดประตูร้าน
“ฝนหยุดแล้วล่ะ คุณแวะมาทำอะไรแถวนี้รึเปล่า เห็นเดินไปเดินมาแถวนี้อยู่นาน ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ“
“ผมนัดเพื่อนไว้ร้านพิซซ่าตรงหัวมุมนั้นน่ะครับ“ เขาชี้ไปที่อีกฟากของถนน “แต่มันคงยังไม่มากัน คุณคงไม่รังเกียจนะครับถ้าผมจะขอนั่งรออยู่ในนี้ก่อน“ ฮิมชานรีบบอกเพราะรู้สึกเหมือนยงกุกกำลังจะไล่ให้เขาออกๆไปจากร้านซะ ไม่รู้เพราะอะไร เขาไม่อยากจะลุกไปจากร้านนี้เลย เขาอยากนั่งอยู่ในนี้ นั่งอยู่กับคนตรงหน้า นั่งมองหน้ากัน เขารู้ว่าเขาไม่ได้สนใจบังยงกุกเพราะหน้าของเขาเหมือนยงนัม ที่เขาสนใจก็คือรอยยิ้มที่เป็นมิตรและความอบอุ่นที่เขาไม่เคยเห็นในตัวของยงนัมต่างหาก......
“ตามสบายเลยครับ ร้านผมไม่ค่อยมีคนเข้าพอดี ช่วงนี้“ บังยงกุกยิ้ม “จริงๆแล้วหน้าฝนก็มีอีกอย่างที่ดีนะ ถ้าลูกค้าเข้าร้านผมแล้วฝนตก พวกเค้าก็จะออกไปไหนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องรอในร้านของผมแล้วก็ต้องสั่งกาแฟดื่มทุกที คือผมมีค็อฟฟี่ช็อปเล็กๆด้วยน่ะ“ เขาอธิบาย “ยังไงก็ได้เงินอยู่ดี เจ๋งใช่มั้ย“
ฮิมชานมองใบหน้านั้นแล้วอดยิ้มตามไปไม่ได้ เขาพยักหน้ารับแล้วมองไปทั่วร้านอีกครั้ง
“ผมว่าคงอีกนานเลยล่ะกว่าเจ้าพวกนั้นจะมา“ เขาบอก “จะว่าไป ผมอยากได้พ็อคเกตบุ๊คซักเล่มเอาไว้อ่านแก้เครียด คุณมีเรื่องไหนแนะนำบ้างมั้ยครับ“
“มีอยู่เรื่องนึงที่ผมชอบมากๆเลย มันเป็นนิยามปนจิตวิทยาเกี่ยวกับฤดูฝน แต่ก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้นหรอกนะ คุณอ่านแล้วไม่ปวดหัวแน่นอน“ ยงกุกว่าแล้วก็ฉุดเขาให้ลุกขึ้นจากโซฟาตัวนุ่ม “มาทางนี้ดีกว่านะ เดี๋ยวผมพาคุณไปดู เอาไว้อ่านเวลาเบื่อๆ คนเราถ้าอ่านอะไรเครียดๆคิ้วก็จะขมวดกันจนน่ากลัวไปเลย ต้องหาอะไรสนุกๆอ่านบ้าง รับรองว่าอ่านแล้วคุณจะต้องชอบหน้าฝนมากขึ้นแน่ๆ“
ฮิมชานเดินตามคนตรงหน้าไปอย่างว่าง่าย ดวงตาของเขาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่ยงกุก แทบจะไม่ได้สนใจในคำพูดพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย....
ฮิมชานรู้สึกว่า....เขากำลังเริ่มชอบฝน......เขากำลังเริ่มจะรักฤดูฝน....
ความทรงจำของเขากับหน้าฝนตลอดสองปีที่ผ่านมาอาจไม่ใช่ความทรงจำที่ดี แต่ถ้าเขาพยายามลบมันทิ้งไปแล้วเริ่มต้นใหม่....ในวันใหม่ บางทีโอกาสดีๆหรือคนดีๆ อาจจะเข้ามาหาเขาก็ได้......
ถึงแม้มันจะเป็นหน้าฝนก็ตาม....
*ส่งท้าย*
“พี่ดำ ส่งกล้องส่องทางไกลมาให้ผมได้หรือยังวะครับ“ เสียงสูงกรอกเข้าที่หูคนข้างๆด้วยความดังเกินกว่าหูคนธรรมดาจะรับได้ เป็นผลให้เจ้าของหูสะดุ้งเฮือกทันที
“ฉันดูนิดดูหน่อยไม่ได้รึไง“ แดฮยอนโวย “แกน่ะจุนฮง บอกให้คอยดูลาดเลา ถ้ามันมองออกมาเห็นพวกเราในร้านนี่ล่ะก็ได้พินาศกันแน่ๆ ให้ดูต้นทางก็ไม่ยอมดู เมื่อกี้มันชะเง้อมาทีนึงเห็นมั้ย ไม่รู้จะเห็นพวกเรารึเปล่า“
“ถ้าคราวนี้ไปได้สวยชายอีกคนเปรียบเปรย “ชานมันก็คงจะเลิกหน้าหงิกตอนฝนตกซะที ฉันล่ะไม่ค่อยอยากคุยกะมันเล้ยตอนหน้าฝนเนี่ย ดุยังกะหมา“
“พูดได้ดี ยองแจ” หนุ่มร่างกะทัดรัดอีกคนบอก “ผมตกใจแทบตายตอนเห็นหน้าเขาครั้งแรก เหมือนพี่ยงนัมยังกะแกะ นี่ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องกันผมจะไม่สงสัยเลย.....“
“ฉันก็ว่างั้นนะจงออบ“ ชายหนุ่มที่ถูกเอ่ยชื่อเออออไปด้วย “หรือบางที.....เค้าคงเป็นพี่น้องกันจริงๆมั้ง..... “
----------- end --------------
เดิมทีมันเป็นฟิคของชินฮวาที่เราเอามาปรับให้เป็นบีเอพี ซึ่งจริงๆก็ไม่เชิงเป็นชานบังนะคะ มันจะเป็นบังชานก็ได้ แล้วแต่คนจะเลือกเลย 5555555
ความคิดเห็น