ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] B.A.P - Silk

    ลำดับตอนที่ #1 : Silk:: 01

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 58






    Silk:: 01
     
      
     
    Couple :: BangChan
    BG :: 낮과밤 (Day & Night) [She'z]
     
     
     
     
     
     
     
    “คิมฮิมชานได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกแล้ว” เสียงดังแว่วๆที่ผ่านมาเข้าหูนั้นทำให้คนข้างๆกระตุกสายตาไปมองนิดหนึ่งแล้วกลับมาจ้องรายการโปรดในโทรทัศน์ต่อ แสดงท่าทางว่าไม่สนใจกับคำพูดนั้นซักเท่าไหร่ เขาไม่สนเรื่องในวงการบันเทิงอยู่แล้ว ละครพวกนั้นถ้าจะดูก็ดูแก้เครียดเฉยๆ ขนาดทำท่าไม่สนใจแล้ว แต่เสียงนั้นก็ยังคงดังเจื้อยแจ้วต่อไปไม่หยุด
     
     
     
    “เขาก็เล่นเก่งจริงๆนั่นแหละ  แหม  คนนี้ขวัญใจผมเลยนะพี่” จุนฮงนั่งอ่านเนื้อข่าวในจอคอมพิวเตอร์แล้วพูดดังๆให้เขาได้ยินด้วย เด็กหนุ่มนั่งชันเข่ากับขายาวๆของตนบนเก้าอี้ แล้วยื่นหน้าเข้าไปเกือบจะชิดจอคอม “อายุก็พอๆกับเรา เข้าวงการตั้งแต่เด็กแต่เพิ่งจะมาดังเอาช่วงหลังๆนี่ พอดังปุ๊บก็กวาดรางวัลกระหน่ำเลย แต่ก็นะ วงในเค้าบอกมาว่านิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
     
     
     
    “แกไปอยู่วงในกับเค้าตอนไหน จุนฮง” เขาสะบัดหน้ามาถาม “วันๆอยู่ในอู่ซ่อมรถ แล้วไปรู้ได้ยังไงว่าเค้านิสัยไม่ดี”
     
     
     
    “เรื่องแบบนี้หาอ่านในเน็ตก็รู้ทุกอย่างแล้ว พี่นั่นแหละเอาแต่ทำอะไร ไม่อัพเดทสังคมกับคนอื่นเค้าซะบ้าง” จุนฮงทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอื้อมมือไปปิดจอคอมพิวเตอร์แล้วลุกออกจากเก้าอี้ไป “ผมนอนก่อนนะ พรุ่งนี้รับจ๊อบนอก พี่ก็รีบๆนอนด้วยล่ะ เท่านี้ก็หน้าแก่จะแย่อยู่แล้ว”
     
     
     
    “พ่องสิแก่” เขาเขวี้ยงหมอนตามหลังไปแต่ก็ไม่ทันรุ่นน้องที่วิ่งตูดแป้นเข้าห้องนอนตัวเองไปแล้ว บ้านเช่าที่เขาอยู่กับจุนฮงเป็นบ้านที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก เหมาะสำหรับการอาศัยอยู่ด้วยกันสองคน เขาเปิดอู่ซ่อมรถเล็กๆที่ชานเมืองและได้จุนฮงเป็นลูกมือคนสนิท สำหรับพนักงานคนอื่นๆก็แยกย้ายกลับไปตามบ้านของตัวเอง ไม่รวย ไม่จน พอเพียงดี ชีวิตเรียบๆแบบนี้ที่เขาต้องการ.....
     
     
     
    ก็แค่อยากอยู่อย่างสงบ ทั้งๆที่คนบางคนไม่เคยทำให้เขาได้อยู่อย่างสงบเลย....
     
     
     
    บังยงกุกลุกจากโซฟาไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เมื่อกี้จุนฮงแค่กดปุ่มปิดหน้าจอเฉยๆแต่ไม่ได้ปิดเครื่อง เมื่อเขาเปิดขึ้นมาใหม่ หน้าจอก็ยังคงปรากฏเว็บไซต์เดิมที่รุ่นน้องเปิดทิ้งไว้
     
     
     
    “คิมฮิมชานกับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Silk”
     
     
     
    เขากวาดสายตาอ่านเนื้อข่าวอย่างย่อๆ ไม่มีอะไรมากนอกจากพูดถึงรางวัลและประวัติทางการแสดงเล็กน้อยของคิมฮิมชาน นักแสดงที่ดังที่สุดในประเทศตอนนี้ ใบหน้าเรียว ผิวขาว รอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ จมูกโด่งคมและสีหน้าที่มีเสน่ห์ดึงดูด หากเขายิ้ม โลกก็จะสดใส หากเขาเย็นชา โลกก็จะเงียบงัน ทุกๆคนชอบคิมฮิมชานแม้จะมีเสียงร่ำลือกันว่าตัวจริงนั้นไม่ได้เฟรนด์ลี่อย่างที่เห็นเท่าไหร่ และถ้าเปิดเว็บไซต์พวกข่าวซุบซิบก็จะยิ่งรู้ว่า คิมฮิมชานเป็นคนนิสัยเสียอย่างร้ายกาจ ดื้อดึงเอาแต่ใจ ไม่เคยถนอมน้ำใจคนรอบข้างและหวิดๆจะมีเรื่องกับเพื่อนร่วมงานหลายรอบแล้ว....
     
     
     
    ยงกุกอ่านข่าวซุบซิบนั้นแล้วหัวเราะหึๆพร้อมกับยกยิ้ม ยังไม่ทันทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ขัดความคิดในภวังค์ของเขาให้กระจายไป
     
     
     
    “ออกมาหาหน่อย” เสียงแหบทุ้มดังมาในสาย ปลายเสียงสะบัดขึ้นนิดๆอย่างคนเอาแต่ใจ
     
    “สี่ทุ่มแล้ว ทำไมไม่หลับไม่นอน” เขาตอบกลับไป
     
    “บอกให้มาก็มาเถอะ ฉันมาถ่ายหนังใกล้ๆกับบ้านนายนี่แหละ แต่ไม่เข้าไปหาหรอกนะ ทั้งเปลี่ยวทั้งเก่า น่ากลัว” เสียงนั้นพูดยาวเป็นพรืดไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตอบกลับ บังยงกุกได้แต่กลอกตากับคำว่า ‘ทั้งเปลี่ยวทั้งเก่า’ ถ้าเทียบกับคอนโดหรูที่เจ้าของเสียงอยู่ล่ะก็อาจจะใช่ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เก่าขนาดนั้นหรอกน่า
     
     
     
    “แล้วจะให้ไปหาที่ไหน”
     
    “โรงแรมในเมือง พรุ่งนี้มีถ่ายต่อแต่ฉันขอเค้ากลับมานอนที่โรงแรมก่อน กองถ่ายยุงเยอะจะตายอยู่ไม่ได้หรอก มาหาฉันด้วยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ไปส่งฉันที่กองด้วย” เขารวบรัดตัดความแล้ววางสายไปดื้อๆ ยงกุกหัวเราะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองมาอยู่ในวังวนของแม่เสือขี้โมโหนี่ได้ยังไง พลาดแล้วพลาดเลยสินะแบบนี้....
     
     
     
    ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์และดับไฟในบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะคว้ามือถือกับกุญแจรถออกไป หันไปมองประตูห้องจุนฮงที่ปิดสนิทแล้วยิ้มที่มุมปากอีกทีหนึ่ง
     
     
     
    .
     
     
     
    .
     
     
     
    .
     
     
     
    “วงในเค้าบอกมางั้นเหรอ แกไม่รู้อะไรเลยจุนฮง ฉันนี่แหละยิ่งกว่าวงใน”
     
     
     
     
     
    ---------------------------------------------------------------------
     
     
     
     
     
     
     
    คิมฮิมชานนิสัยไม่ดีจริงๆนั่นแหละ....
     
     
     
    นิสัยไม่ดีขนาดจิกหัวใช้คนที่ไม่รู้จักมักจี่ได้หน้าตาเฉย และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่โดนแม่เสือเหยียบซะบี้แบนก็คือบังยงกุกคนนี้นี่เอง....
     
     
     
    “เปลี่ยนใจแล้ว ฉันรออยู่ตรงแม่น้ำข้างภูเขาที่ติดกับกองถ่ายน่ะ อยู่ตรงไหนไม่รู้หาให้เจอละกัน อ้อ มาเร็วๆด้วย อากาศดีแต่ไม่มีคนเลย มันเปลี่ยว ฉันกลัว ให้เวลาสิบนาที” ปลายสายรัวเป็นชุดอีกครั้งแล้ววางไป ทิ้งปริศนาไว้ให้เขาอีกแล้ว แม่น้ำอะไร ภูเขาอะไร อยู่พิกัดไหน กองถ่ายเขาไปถ่ายกันตรงไหนบังยงกุกยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่มันก็เป็นรสชาติของชีวิตอย่างหนึ่ง รสชาติหลากหลายที่ยงกุกอยากจะบอกอีกฝ่ายเหลือเกินว่า ก่อนจะทำอะไรก็ถามกุบ้างว่ากุเต็มใจมั้ย.....
     
     
     
     
     
    ก็คิมฮิมชานนี่นา จะทำอะไรจำเป็นต้องถามใครด้วยเหรอ....
     
     
     
    .
     
     
     
    .
     
     
     
    .
     
     
     
    ในที่สุดยงกุกก็ขับรถมาถึงที่จนได้ น่าอัศจรรย์ที่เขาใช้เวลาไปเพียง 8 นาทีเท่านั้น แม้อินชอนจะเป็นเมืองใหญ่แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนในเมือง ใช้ความคุ้นเคยบวกกับความฉลาดนิดหน่อยก็นึกออกแล้วว่าริมแม่น้ำที่ฮิมชานพูดถึงอยู่ตรงไหน
     
     
     
    “ทำไมไม่รอที่โรงแรม ตรงนี้ลมเย็นนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
     
     
     
    ร่างโปร่งที่ยืนทอประกายท่ามกลางแสงจันทร์ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ยิ่งใบหน้าหวานนั้นหันกลับมามองเขาด้วยแล้วยิ่งทำให้บังยงกุกหายใจไม่ออก คิมฮิมชานสวยอย่างงี้นี่เอง ทุกคนที่เห็นถึงปฏิเสธเขาไม่ได้
     
     
     
    “ไม่อยากให้คนมอง เบื่อ” ดาราดังยกไหล่แล้วทำปากยู่ “รอให้นายมากอดนี่ไง กอดหน่อย ฉันหนาว”
     
     
     
    ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำสอง ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าหาคนข้างหน้าแล้ววาดแขนไปกอดในทันที ฮิมชานหัวเราะเบาๆแล้วกอดตอบเขาอย่างแนบแน่น กลิ่นดอกไลแลคจางๆจากตัวของคนสวยเป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคยดี อย่างน้อยก็ตลอดเกือบปีที่ผ่านมานี้ ยงกุกไม่ปฏิเสธว่าเขาหลงเสน่ห์แม่เสือร้ายคนนี้ ผมนุ่ม ผิวที่เนียนเรียบลื่นเหมือนกับไหมชั้นดี  ลองได้สัมผัสแล้วก็เป็นเหมือนยาเสพติด แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์แบบนี้ คิมฮิมชานนิสัยแย่ แต่ก็ไม่เคยร้ายกับเขา เหตุผลเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้วที่ทำให้บังยงกุกยอมเป็นบริวารลับๆของเจ้าชายเอาแต่ใจคนนี้ต่อไป
     
     
     
    “จูบด้วย” ริมฝีปากแดงกระซิบแผ่ว แววตาออดอ้อนเป็นประกายสั่นระริกจนเขาต้องแนบริมฝีปากลงไป ความเย็นที่แตะแต้มอยู่บนปากบางของฮิมชานแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวมารออยู่ที่นี่นานแล้ว แล้วทำไมถึงเพิ่งจะโทรบอกเขาล่ะ
     
     
     
    “อยู่ที่นี่นานแล้วทำไมไม่บอก ใส่โค้ทแค่นี้จะไปอุ่นได้ยังไง ทำไมไม่รีบโทรบอกผม” ยงกุกคาดคั้นหลังจากกอดฮิมชานเอาไว้ กดผมนุ่มของคนในอ้อมกอดให้แนบกับแผ่นอกเขาเบาๆ
     
     
     
    “ก็แดฮยอนไม่ยอมให้ฉันอยู่คนเดียว” เขาหมายถึงผู้จัดการส่วนตัว “ไอ้บ้านั่นจะอยู่กับฉันให้ได้เลย ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ยืนมืดๆข้างแม่น้ำยังไงก็มองไม่เห็นอยู่ดี กว่าจะไล่ให้กลับไปได้แทบตายแน่ะ”
     
     
     
    “อย่าเรียกคนอื่นแบบนั้นสิ” เขายกนิ้วโป้งคลึงริมฝีปากบางของฮิมชานเบาๆเพื่อไล่ความเหน็บหนาวออกไป “แดฮยอนหวังดี เขาทำตามหน้าที่ของเขา คุณเป็นดาราดัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันก็ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของเขาด้วยนะ”
     
     
     
    “ดาราดังอีกแล้ว” ฮิมชานเริ่มงอแง “ที่ทุกคนมาอยู่กับฉันนี่เป็นเพราะหน้าที่หมดเลยหรือไง นายก็มาเพราะหน้าที่ด้วยสินะ เพราะฉันบอกให้นายเป็นทาส นายก็เลยมาหาฉันใช่มั้ย ไม่อยากมาก็บอกเลยดีกว่า เดี๋ยวฉันกลับโรงแรมก็ได้”
     
     
     
    “ผมยังไม่ได้บอกสักคำ” ยงกุกหัวเราะเสียงดัง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรับมือกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของคนตรงหน้าได้ แต่อย่างว่าล่ะนะ นานๆไป นิสัยร้ายๆของฮิมชานหรืออารมณ์ดื้อดึงเหล่านี้กลับกลายเป็นความน่ารักในสายตาของเขาไปซะแล้ว....
     
     
     
    “ทำงานเหนื่อยไหม กินอะไรรึยัง” หมดคำถามนั้นฮิมชานก็สั่นหน้าน้อยๆ ยงกุกจูงมือนิ่มของคนตรงหน้ามานั่งลงกับพื้นหญ้าริมแม่น้ำ แขนยาวโอบกอดร่างนุ่มๆเข้ามาชิดตัวแล้วเอนกายลงไปนอนมองพระจันทร์ด้วยกัน ปลายฤดูใบไม้ร่วงอากาศย่อมหนาวเป็นธรรมดา แต่ยงกุกไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะเขาชินกับอากาศในเมืองของตัวเองแล้ว จะเป็นห่วงก็แต่แม่เสือน้อยข้างๆที่สวมเสื้อโค้ทแค่ตัวเดียวนี่แหละ
     
     
     
    “ยงกุก”
     
    “หือ”
     
    “สิบเดือนแล้วนะตั้งแต่ที่เราเจอกัน”
     
    “แล้ว...”
     
     
     
    “นี่นายมีความโรแมนติกในกมลสันดานบ้างไหม” แม่เสือน้อยกลายเป็นแม่เสือขี้วีนจนได้ ฮิมชานผุดลุกขึ้นมามองเขาตาเขียว “ที่ฉันดั้นด้นมาถ่ายหนังชานเมือง อากาศหนาวหายใจจนจะเป็นเพนกวินนี่เพราะใคร นายตอบมาห้วนๆแค่ ‘แล้ว...’ เนี่ยนะ ฉันอุตส่าห์ออกมาหานายถึงชานเมืองนะบังยงกุก!”
     
     
     
    ‘อุตส่าห์ออกมาหาถึงชานเมือง แต่ผมต้องเข้าเมืองไปหาคุณเกือบทุกวัน’ ยงกุกหัวเราะในใจ ใครลำบากกว่ากันแน่วะ....นี่ดีว่าเขาไว้ใจจุนฮงกับจงออบรุ่นน้องอีกคนให้ช่วยดูแลอู่ซ่อมรถได้ถึงค่อยวางใจหน่อย ไม่อย่างงั้นได้ตายแน่ๆ ถึงระยะทางขับรถจากอินชอนไปโซลจะใช้เวลาไม่นานก็เถอะ
     
     
     
    “ผมรอให้คุณพูดออกมาให้หมดไง โวยวายอีกแล้ว ขี้โวยวายมากๆไม่ดีนะเหมียวน้อย เสียงแหบหมด ควันออกปากแล้วเห็นมั้ย” เขาใช้น้ำเย็นเข้าลูบ นึกดีใจอยู่หน่อยๆที่คิมฮิมชานเห็นความสำคัญของสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับพวกเขา บอกตามตรง ขนาดเขาเองยังไม่ใส่ใจจะจำเลย นี่บังยงกุกใจร้ายกว่าคิมฮิมชานอีกเหรอเนี่ย
     
     
     
    “ฉันอุตส่าห์มาหานายนะ” ฮิมชานทิ้งตัวลงซุกหน้ากับอกกว้างอีกครั้ง เสียงกระซิบอู้อี้นั้นน่ารักซะจนยงกุกนึกอยากรังแก
     
    “เพราะมาถ่ายหนังก็เลยแวะหาผมต่างหาก” เขากดจูบลงที่กลุ่มผมสีน้ำตาลซีด “ยังไงก็ขอบคุณนะฮิมชาน วันหลังไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก ผมกลัวคุณจะไม่สบาย ตัวเองก็ไม่ได้แข็งแรงซักหน่อย รอในโรงแรมดีๆเดี๋ยวผมไปหา”
     
     
     
    “นายมันไม่โรแมนติกจริงๆด้วย” ฮิมชานถอนหายใจ “ครบรอบวันสำคัญก็ต้องเจอกันในที่ที่พิเศษหน่อยสิ ที่ตรงนี้ก็สวยสุดแล้ว ฉันขับรถวนตั้งนานกว่าจะเจอที่สวยๆ อ๊ะ....” เสียงหวานหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อนึกได้ว่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป แต่เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นเจ้าของอ้อมกอดมองกลับมาพร้อมรอยยิ้มแบบเหงือกบานสุดชีวิต
     
     
     
    “คุณอุตส่าห์ขับรถหาที่สวยๆเพื่อจะได้นัดกับผมเหรอ”
     
    “......”
     
    “ทั้งๆที่ไม่ชำนาญพื้นที่เนี่ยนะ”
     
    “......”
     
    “แถมยังทะเลาะกับแดฮยอนเพราะอยากจะเจอผมตามลำพัง”....
     
     
     
    “รู้แล้วก็ทำตัวให้มันดีๆหน่อยสิ” ร่างเล็กทำเสียงกระเง้ากระงอด “ฉันเกือบทะเลาะกับทีมงานอีกสองสามคนเรื่องคิวถ่ายวันนี้นะ ที่ชิ่งออกมาจากกองก่อนไม่ใช่ความผิดของฉันด้วย คนอื่นที่ไม่รับผิดชอบงานตัวเองมีอีกตั้งเยอะ ทุกๆคนเอาแต่ว่าฉันคนเดียว นี่มันไม่ยุติธรรมเล.....” แล้วเสียงของแม่เสือก็หายไปเพราะถูกอีกฝ่ายจูบปิดปากเข้าให้....
     
     
     
    ตัดรำคาญล่ะมั้ง....ยงกุกคิดก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปในเรียวปากนั้น คิดถึงแทบขาดใจ...เขายังไม่ได้บอกคำนี้กับฮิมชานเลย เพราะตารางถ่ายหนังเรื่องใหม่ที่ยุ่งพอสมควรทำให้ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันสองอาทิตย์แล้ว จริงอยู่ที่เขาพร้อมจะขับรถไปหาทันทีที่อีกฝ่ายโทรเรียก แต่ดูเหมือนแม่เสือยังปราณีเขาอยู่บ้าง ฮิมชานบอกว่าในรอบสองอาทิตย์นี้เขาถ่ายหนังหลายเมือง ต้องงดเจอกันสักพัก ระหว่างนี้ใช้วิธีแชทกันน่าจะสะดวกกว่า
     
     
     
    “ยินดีด้วยนะที่ได้รางวัล” ยงกุกจรดริมฝีปากลงกับปากนุ่มของคนตรงหน้าอีกครั้งแล้วพูดเสียงแผ่ว จูบของทั้งคู่เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกที ท่ามกลางอากาศหนาวกลางแจ้ง สองร่างกอดกระชับและเริ่มสนิทแนบแน่นกันมากขึ้นทุกขณะ
     
     
     
    “ฉันไม่สนหรอกรางวัลพวกนั้นน่ะ” ฮิมชานช้อนสายตาขึ้นมองโครงหน้าแข็งแกร่ง สองมือประคองก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปมอบจูบที่อ่อนหวาน “รางวัลจริงๆที่ฉันควรได้ นายต้องเป็นคนให้ต่างหาก”
     
     
     
    “อยากได้แบบไหน” ยงกุกงึมงำเสียงแผ่วชิดใบหูคนใต้ร่าง ปลายลิ้นค่อยๆซอนไซ้ไปตามหูบางนั้นทีละนิด ฮิมชานหัวเราะเป็นเชิงจั๊กจี้แล้วก็ต้องปล่อยเสียงครางออกมาเบาๆเมื่อชายหนุ่มกดจูบลงที่ซอกคอของเขา...
     
     
     
    กระดุมเสื้อโค้ทถูกปลดออกไปนานแล้ว เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตบางๆที่ปลายเสื้อถูกทึ้งขึ้นมาเหนือยอดอก ยงกุกไม่กล้าถอดเสื้อคนตรงหน้าออกทั้งหมดด้วยกลัวว่าเขาจะหนาว แต่ร่างนุ่มนิ่มของฮิมชานช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว ได้แต่ก้มหน้าลงไปพรมจูบกับอกขาวๆนั้น มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปโอบแผ่นหลังของร่างเล็ก อีกข้างเคล้าคลึงยอดอกจนเจ้าของต้องร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
     
     
     
    “อ๊ะ...อือ...” ปลายลิ้นของยงกุกสอดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเขา สัมผัสที่แนบแน่นเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดฮิมชานก็เลื่อนมือลงไปข้างล่าง สองมือเกาะกุมสิ่งที่เขาต้องการ ริมฝีปากแดงยกยิ้มเมื่อยงกุกถอนจูบออกมาแล้วครางเบาๆเพราะร่างกายถูกอีกฝ่ายกระตุ้น แม่เสือตัวร้ายยังคงเกาะกุมของๆเขาเอาไว้แบบนั้น เสียงแผ่วๆกระซิบกับใบหูเขาอย่างมุ่งมั่น
     
     
     
    “นี่ไง รางวัลของฉัน”......
     
     
     
    .
     
     
     
     
     
    .
     
     
     
     
     
    คิมฮิมชานนิสัยเลวร้าย แต่ก็เป็นคนน่ารัก.....
     
     
     
    .
     
     
     
    .
     
     
     
    ยงกุกมองคนในอ้อมกอด รับรู้ได้จากสายตาที่อ้อนวอนนั้นว่าเหมียวน้อยของเขาก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
     
    “อากาศหนาวแล้ว กลับไปที่รถกันเถอะ....” เขาพูดก่อนจะประคองร่างบางให้ลุกขึ้น หันมาจูบแรงๆที่แก้มใสนั้นอีกทีและรีบพูดเมื่อเห็นสายตาของฮิมชานตวัดมองอย่างขัดใจ
     
     
     
     
     
    .
     
     
     
     
     
    .
     
     
     
     
     
    .
     
     
     
     
     
    “เดี๋ยวผมจะให้รางวัลคุณในรถเอง”......
     
     
     
     
     
     
     
    End



    เดิมทีตอนแรกคิดว่าจะแต่งช็อตฟิค มีแค่สี่ห้าตอน
    แต่เอาจริงๆคิดว่าคงจะยาวแน่แล้ว 55555 ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ เผื่อใครสนใจค่ะ แฮ่~




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×