ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ปฐมบทแห่งการเริ่มต้น...
ตอนที่ 1 ปฐมบทแห่งการเริ่มต้น...
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เคยมีคำกล่าวไว้ว่า ความมืดได้กลืนกินแสงสว่าง ปิศาจกลายเป็นเจ้าครองโลก มนุษย์เป็นได้เพียงแค่ของเล่นเพื่อความบันเทิงแก่ปิศาจเท่านั้น... เวทมนต์ดำอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่ปิศาจผู้หิวโหยเหมือนเป็นดั่งคำบัญชาที่พลังนั่นจะเอาไว้เพียงแค่กำจัดมนุษย์ให้สิ้นตามความต้องการ...
ความฮึกเหิมในใจปิศาจที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความกลัวในใจมนุษย์ที่ร้องระงมด้วยความหวาดระแวง...
ปิศาจที่มีเวทมนต์ดำอันยิ่งใหญ่ พละกำลังอันมหาศาล ปัญญาอันเป็นเลิศ และชีวิตที่ไม่รู้จักจบสิ้น กับมนุษย์ตัวจ้อยที่มีเวทมนต์อันน้อยนิด พละกำลังที่เหมือนดั่งไม่มี กับปัญญาที่เปรียบได้ว่าโง่เขลา และชีวิตที่เรียกว่าสั้นนักหนา มีหรือ ที่จะสามารถเอาชนะปิศาจได้ คงมีแต่ความกลัวที่ร้องระงมอยู่ในใจเท่านั้นกระมัง ที่จะเอาชนะได้ในเมื่อปิศาจไม่เคยมีเสียงร้องเช่นนั้นอยู่เลย...
นั่นคือยุคที่ปิศาจเข้าครอบครอง ยุคที่มนุษย์จะล่มสลาย...
แต่เช่นนั้นดังตำนาน แม้นจะเป็นหลุดดำที่มืดมิด อย่างไรคงมีแสงสว่างที่เป็นดั่งความหวังส่องประกายอยู่บ้าง แม้เพียงน้อยนิด...
มีเพียงบุคคลหนึ่งที่ริอาจเข้าประจันหน้ากับจ้าวแห่งปิศาจ บุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่กล้าปลุกขวัญกำลังในใจมนุษย์ให้ลุกขึ้นมายืนหยัดสู้กับปิศาจ แม้ความหวังที่จะเอาชนะนั้นริบหรี่เต็มที...
ถึงบทสรุปสุดท้าย มนุษย์จะล้มตายเกือบสิ้นจนเชื่อว่าคงหมดยุคสมัยแห่งการมีอยู่ของมนุษย์แล้ว ผู้กล้าหาญที่ริอาจสู้กับจ้าวแห่งปิศาจเจ็บตัวจนแทบล้มประดาตาย หากแต่อย่างน้อยมนุษย์ยังได้ชัยชนะ!!! ปิศาจจำนวนมากล้มตายและสลายเป็นผุยผงด้วยเงื้อมมือมนุษย์ที่มีกำลังใจฮึกเหิม จ้าวปิศาจถูกปิดผนึกลง ณ สิ่งหนึ่งอย่างแน่นหนา ใต้มหาสุทรที่ลึกล้ำ รวมทั้งปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกผนึกลงไปด้วย!!!
หากหลังสิ้นสงครามมนุษย์กับปิศาจครั้งนั้น ชายผู้เปรียบเทียบได้ว่าเป็นวีรบุรุษ ก็กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่เคยมีใครได้พบเห็นเขาอีกเลย...
นั่นคือหน้าบทหนึ่งแห่งตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาเป็นเวลานับร้อยปี...
= = = = =
ซ่า...... ซ่า......
ท้องทะเลสีครามที่กว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด กับเสียงลมที่ดังแว่วกระทบคลื่น และเสียงคลื่นที่สาดเข้ามากระทบกับตัวเรือสีขาวสะอาด
“...สิ่งที่ผนึกราชาปิศาจและเหล่าปิศาจทั้งมวลถูกฝังอยู่ใต้ทะเลลึก หรือที่เรียกกันว่าทะเลแห่งความตาย ซึ่งลือกันว่าอยู่ในแถบซีกโลกใต้...” เสียงหวานเอ่ยเอื้อนจากข้อมูลโดยสรุปจากแฟ้มเอกสารในมือ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองทะเลเบื้อหน้า ทะเลสีครามสดใส นี่หรือสิ่งที่เรียกว่าทะเลแห่งความตาย เธอถอนใจเบาโยนแฟ้มเอกสารไปทางด้านหลัง “เฮ้ เคออส นายมั่นใจนะว่าแถวนี้จะมี?”
ร่างบางสะโอดสะองในชุดดำน้ำที่แนบเนื้อสีเข้มยืนเท้าเอวอยู่ด้านนอกพร้อมกับมองดูน้ำทะเลตะโกนเข้าไปด้านไปตัวเรือ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มปลิวไสวไปกับแรงลม หญิงสาวละใบหน้าจากน้ำทะเลมองเข้าไปด้านห้องควบคุมเรือราวรอคำตอบจากผู้ที่ตนออกปากถามไปเมื่อครู่
“มันก็ต้องลองน่า นีน่า แต่พื้นที่แถวที่ ฉันมั่นใจว่าอาจเป็นไปได้ 70% อัพ” เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูงในชุดดำน้ำสีเข้ม ในมือถือถังออกซิเจน 3 ถังชูขึ้นเทียบใบหน้า เขาหันหน้าเข้าไปที่ด้านห้องคุมเรืออีกครั้ง “เฮ้ ฟาเรล นายเสร็จรึยัง!!!?”
“ยังไม่เสร็จ ”
แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของเคออส ชายหนุ่มร่างสูงผมทองก็เดินออกมาด้วยใบหน้าหงุดหงิดที่ถูกเร่ง ในเมื่อตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าเขาช้าสักเท่าไรนัก แล้วทำไม ไอ้เพื่อนรักตรงหน้ามันต้องตะโกนเข้าไปเร่ง ฟาเรล เดินเข้ามาคว้าถังออกซิเจนของตนหนึ่งถัง แล้วเตรียมตัวให้เข้าที หันหน้าไปถามเพื่อนอีก 2 คนที่เตรียมตัวเสร็จพร้อมเขาพอดี
“จะไปกันรึยัง?” นีน่าไม่ตอบ เธอทำท่าเตรียมกระโจนลงน้ำทะเลสีครามทันที กับเคออสที่ยกนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นนัยว่าโอเค ฟาเรลพยักหน้าบางขยับแว่นดำน้ำให้เข้าที ก่อนที่ทั้ง 3 จะ...
ตูม!!!
แรงสั่นสะเทือนจนทำให้เรือโคลงเคลง น้ำถูกแหวกเป็นวงกว้าง กระเซ็นขึ้นสูง พร้อมกับสามร่างที่หายลับไปจากเรือสีขาวลำเล็ก
ภายใต้ทะเลที่ค่อยๆลึกลงไปเรื่อยๆ ร่างสามร่างกำลังว่ายน้ำดำลงไปยังจุดลึกที่สุด ณ สถานที่นี้ ปากภูเขาสูงใต้น้ำค่อยๆโผล่มาให้เห็น สัตว์ทะเลตัวเล็กๆพากันว่ายเกาะกันเป็นกลุ่มดูสวยงาม กับปะการัง และต้นไม้ทะเลที่เพิ่มให้ใต้ทะเลดูราวเป็นแหล่งอัญมณีอันล้ำค่า นี่คือสิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนเลิกที่จะวางมือการดำน้ำ มันคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาตัดไม่ขาดจากการที่จะได้ดูสิ่งเหล่านี้ และจากการหาสมบัติใต้ทะเลลึก!
นีน่าทำท่าจะหยุดเล่นล้อหยอกเย้าเหล่าฝูงปลาตัวน้อย แต่ไม่ทันทีจะได้เอื้อมมือไปจับปลาตัวเล็กๆที่อยู่ตามปะการัง ก็มีแรงสะกิดหนึ่งที่ทำให้ต้องหันไปมองซะก่อน...
เคออสทำสายตาดุเป็นเชิงปราม ชี้นิ้วลงไปยังจุดที่ลึกกว่านี้ เพื่อที่จะให้บรรลุผลให้เร็วที่สุด นีน่าทำหน้าเสียดายชักมือออกมาจากแนวปะการัง แล้วหันหน้าไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เคออส
...
แสงไฟสีแดงที่ข้อมือของทั้งสองคนเกิดกระพริบขึ้น! นีน่าหันซ้ายหันขวาทันที เช่นเดียวกันเคออส เธอกับเคออสอยู่ด้วยกัน แล้วฟาเรลล่ะ ทั้งสองคนต่างมองหาร่างของเพื่อนรัก และเพ่งหาแสงไฟสีแดงเหมือนกับสิ่งที่อยู่บนข้อมือของพวกเขาอย่างพัลวัน ก่อนที่สายตาของเคออสจะไปสบเข้ากับแสงไฟสีแดงกระพริบที่อยู่ไกลจากพวกเขาไปไม่เท่าใดนัก เคออสและนีน่ารีบว่ายไปตามแสงไฟนั่นทันที!!!
พื้นที่ที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง แม้แต่เพียงสีของดินยังคงแตกต่างออกไป ดินที่แห้งผากทั้งที่อยู่ใต้น้ำ มีแต่ซากแนวปะการังที่แห้งกรังตะไคร้น้ำเกาะจนเป็นสีเขียวน่าขยะแขยง ซากกระดูกที่กระจัดกระจายออกอย่างเป็นวงกว้างชวนหดหู่ บวกเข้ากับไอบางอย่างที่ชวนให้สะอิดสะเอียนแผ่ออกมาอย่างมหาศาล
ฟาเรลที่ยังคงมองภาพที่เห็นอย่างทึ่ง เช่นเดียวกับเคออสที่ได้เข้ามาเห็นแล้วถึงสะดุ้งเฮือก นีน่าทำท่าทางจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
พลัน สายตาของเคออสไปสะดุดกับสิ่งหนุ่งที่เด่นตระหง่าน ก้อนหินสูงไม่มากนักกับแสงสีเงินที่ส่องประกายแวบวับอยู่บนโขดหินนั้น กินหินเพียงก้อนเดียวที่ปรากฏบนพื้นที่โล่งเตียนและเต็มไปด้วยซากปะการังและกองกระดูก เคออสกำมือแน่น รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้า และเริ่มที่จะออกตัวว่ายไปยังโขดหินนั้นทันที!!!
เช่นเดียวกันที่ฟาเรลและนีน่าทำท่าตกใจยิ่งซะกว่าเห็นผีกับการกระทำของเพื่อน เคออสกำลังว่ายเข้าไปใกล้หินนั้นเข้าทุกที!!! อยากที่จะว่ายเข้าไปห้าม แต่ขาเจ้ากรรมกลับราวไม่มีแรงเอาดื้อๆ นีน่าเกาะแขนฟาเรลแน่น ปากไม่สามารถที่จะส่งเสียงออกไปได้ ด้วยมีออกซิเจนอยู่ และนี่ถ้าอยู่บนพื้นดินเข่าเธอคงทรุดไปแล้วล่ะ ฟาเรลประคองนีน่าไว้หลวมๆ ค่อยๆว่ายเข้าไปใกล้เคออสที่ทำท่าหยุดชะงัก
สร้อยสีเงินสว่าง ส่องประกายราวดึงดูดให้เขาเข้ามาหามัน สร้อยสีเงินรูปหัวกะโหลกแสยะยิ้มและมีไม้กางเขนที่คล้ายรูปดาบปักอยู่ตั้งแต่กลางกะโหลกจนปลายแหลมของไม้กางเขนโผล่ออกมาทางปาก สิ่งที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเคออสไม่ได้มีแค่รูปลักษณ์ของสร้อย โขดหินที่ตั้งตระหง่านอยู่ก้อนเดียว หรือแม้แต่ความสงสัยที่ร่ำถามว่า ‘ดูจากพื้นที่และทุกสิ่งโดยรอบสร้อยเส้นนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มานับหลายร้อยปีแล้ว แต่เหตุใดมันถึงไม่มีแม้แต่ตะไคร้เกาะ’ แต่สิ่งที่เรียกให้เอื้อมมือเข้าไปจับมันก็คือ ตัวอักษรโบราณที่ถูกเขียนขึ้นด้วยอะไรสักอย่าง ถูกสลักอยู่บนสร้อยเงินเส้นงาม และโขดหินและรวมไปถึงรอบบริเวณ จะเห็นว่ามีแต่ตัวอักษรที่อ่านไม่ออกสลักอยู่เต็มไปหมด
เคออสเอื้อมมือเข้าไปหยิบสร้อยเส้นนั้นออกจากโขดหิน ท่ามกลางความตื่นตะลึงของนีน่าและฟาเรลที่เข้าไปห้ามไม่ทัน...
แสงสว่างจ้าวาบขึ้นทันทีที่เคออสจับสรอยเส้นนั้นมาไว้ในมือ ตัวอักษรที่ถูกเขียนลงบนสร้อยถูกลบเลือนไปบางส่วน ทั้งยังการลงตัวอักษรไม่ครบ เพราะบางช่วงขาดหายไปอยู่บนหิน สร้อยเงินที่ดูแข็งแก่งมีร้อยปริร้าวบางๆ ทันใด! เงาดำทมึนที่น่าขยะแขยงก็ค่อยๆแทรกตัวออกมาจากรอยปริร้าวของสร้อยนั้น!!! เคออสร้องลั่น มือสะบัดสร้อยทิ้งไปทันที! หากแต่...
ฟาเรลและนีน่าที่บัดนี้ทำอะไรไม่ถูกยืนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสั่นกลัว ภาพที่น่าสยดสยอง เมื่อเพื่อนรักที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน กำลังถูกตัวอะไรสักอย่างฉีกร่างเป็นชิ้นๆ!! ไร้เสียงกรีดร้อง เพราะไม่ทันทีจะได้ออกเสียง สายน้ำสีแดงไหลผ่านเฉียดหน้าไป เลือดของเพื่อนรัก! เงาดำเริ่มมีรูปร่างขึ้นมา เมื่อได้กัดกินร่างกายของเคออสเข้าไป แม้จะยังไม่สมบูรณ์ดีนัก มันเบือนหน้ามามองทางนีน่าและฟาเรล พร้อมรอยยิ้มแสยะที่ชวนสยดสยอง!!
ฟาเรลเบิกตากว้างทันควัน พยายามจะพาตัวเองและนีน่าว่ายน้ำหนีให้เร็วที่สุด!!! สายตาเหลือบไปมองสร้อยที่บัดนี้เริ่มมีร่างเงาประหลาดโผล่ออกมาเรื่อยๆ! ฟาเรลเบือนสายตาไปยังข้างหน้าเพื่อหาทางหนีรอด ในขณะที่นีน่าบัดนี้เหมือนไม่รู้สึกอะไรไปแล้ว...
แต่ทันทีที่ฟางเรลมองไปข้างหน้า ดวงตาก็พลันเบิกโพลงขึ้นทันที! เงาที่เริ่มมีเนื้อหนังและรูปร่างเมื่อกี้ มันกลับมาอยู่ข้างหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่! ฟาเรลมองไปรอบๆอย่างหาทางรอด ในขณะที่ตัวประหลาดอ้าปากที่น่าสยดสยองของมันกว้าง!!
ทุกอย่าง...
ก็พลันมืดลงทันที...
= = = = =
พายุฝนเทกระหน่ำขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ท้องฟ้ามืดมิดทะมึนอย่างน่าใจหาย พร้อมกับแผ่นดินแห่งใหม่ได้โผล่ขึ้นกลางทะเลอย่างไร้ที่มาที่ไป แผ่นดินที่เต็มไปด้วยความมืดมิดที่เศร้าหมอง แค่ได้เห็นก็ชวนสะอิดสะเอียน เช่นเดียวกับที่รอยร้าวของสร้อย ค่อยๆเพิ่มขึ้นบางๆ
กาลเวลากำลังหวนคืน สู่ยุคสมัยแห่งความสิ้นหวัง...
<<>>::<<>>::<<>>::<<>>::<<>>
งงเลยค่ะ ทำไมมันเหลือแค่ไม่ถึงครึ่งตอนเลยต้องลงใหม่เลย - -
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เคยมีคำกล่าวไว้ว่า ความมืดได้กลืนกินแสงสว่าง ปิศาจกลายเป็นเจ้าครองโลก มนุษย์เป็นได้เพียงแค่ของเล่นเพื่อความบันเทิงแก่ปิศาจเท่านั้น... เวทมนต์ดำอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่ปิศาจผู้หิวโหยเหมือนเป็นดั่งคำบัญชาที่พลังนั่นจะเอาไว้เพียงแค่กำจัดมนุษย์ให้สิ้นตามความต้องการ...
ความฮึกเหิมในใจปิศาจที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความกลัวในใจมนุษย์ที่ร้องระงมด้วยความหวาดระแวง...
ปิศาจที่มีเวทมนต์ดำอันยิ่งใหญ่ พละกำลังอันมหาศาล ปัญญาอันเป็นเลิศ และชีวิตที่ไม่รู้จักจบสิ้น กับมนุษย์ตัวจ้อยที่มีเวทมนต์อันน้อยนิด พละกำลังที่เหมือนดั่งไม่มี กับปัญญาที่เปรียบได้ว่าโง่เขลา และชีวิตที่เรียกว่าสั้นนักหนา มีหรือ ที่จะสามารถเอาชนะปิศาจได้ คงมีแต่ความกลัวที่ร้องระงมอยู่ในใจเท่านั้นกระมัง ที่จะเอาชนะได้ในเมื่อปิศาจไม่เคยมีเสียงร้องเช่นนั้นอยู่เลย...
นั่นคือยุคที่ปิศาจเข้าครอบครอง ยุคที่มนุษย์จะล่มสลาย...
แต่เช่นนั้นดังตำนาน แม้นจะเป็นหลุดดำที่มืดมิด อย่างไรคงมีแสงสว่างที่เป็นดั่งความหวังส่องประกายอยู่บ้าง แม้เพียงน้อยนิด...
มีเพียงบุคคลหนึ่งที่ริอาจเข้าประจันหน้ากับจ้าวแห่งปิศาจ บุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่กล้าปลุกขวัญกำลังในใจมนุษย์ให้ลุกขึ้นมายืนหยัดสู้กับปิศาจ แม้ความหวังที่จะเอาชนะนั้นริบหรี่เต็มที...
ถึงบทสรุปสุดท้าย มนุษย์จะล้มตายเกือบสิ้นจนเชื่อว่าคงหมดยุคสมัยแห่งการมีอยู่ของมนุษย์แล้ว ผู้กล้าหาญที่ริอาจสู้กับจ้าวแห่งปิศาจเจ็บตัวจนแทบล้มประดาตาย หากแต่อย่างน้อยมนุษย์ยังได้ชัยชนะ!!! ปิศาจจำนวนมากล้มตายและสลายเป็นผุยผงด้วยเงื้อมมือมนุษย์ที่มีกำลังใจฮึกเหิม จ้าวปิศาจถูกปิดผนึกลง ณ สิ่งหนึ่งอย่างแน่นหนา ใต้มหาสุทรที่ลึกล้ำ รวมทั้งปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกผนึกลงไปด้วย!!!
หากหลังสิ้นสงครามมนุษย์กับปิศาจครั้งนั้น ชายผู้เปรียบเทียบได้ว่าเป็นวีรบุรุษ ก็กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่เคยมีใครได้พบเห็นเขาอีกเลย...
นั่นคือหน้าบทหนึ่งแห่งตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาเป็นเวลานับร้อยปี...
= = = = =
ซ่า...... ซ่า......
ท้องทะเลสีครามที่กว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด กับเสียงลมที่ดังแว่วกระทบคลื่น และเสียงคลื่นที่สาดเข้ามากระทบกับตัวเรือสีขาวสะอาด
“...สิ่งที่ผนึกราชาปิศาจและเหล่าปิศาจทั้งมวลถูกฝังอยู่ใต้ทะเลลึก หรือที่เรียกกันว่าทะเลแห่งความตาย ซึ่งลือกันว่าอยู่ในแถบซีกโลกใต้...” เสียงหวานเอ่ยเอื้อนจากข้อมูลโดยสรุปจากแฟ้มเอกสารในมือ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองทะเลเบื้อหน้า ทะเลสีครามสดใส นี่หรือสิ่งที่เรียกว่าทะเลแห่งความตาย เธอถอนใจเบาโยนแฟ้มเอกสารไปทางด้านหลัง “เฮ้ เคออส นายมั่นใจนะว่าแถวนี้จะมี?”
ร่างบางสะโอดสะองในชุดดำน้ำที่แนบเนื้อสีเข้มยืนเท้าเอวอยู่ด้านนอกพร้อมกับมองดูน้ำทะเลตะโกนเข้าไปด้านไปตัวเรือ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มปลิวไสวไปกับแรงลม หญิงสาวละใบหน้าจากน้ำทะเลมองเข้าไปด้านห้องควบคุมเรือราวรอคำตอบจากผู้ที่ตนออกปากถามไปเมื่อครู่
“มันก็ต้องลองน่า นีน่า แต่พื้นที่แถวที่ ฉันมั่นใจว่าอาจเป็นไปได้ 70% อัพ” เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูงในชุดดำน้ำสีเข้ม ในมือถือถังออกซิเจน 3 ถังชูขึ้นเทียบใบหน้า เขาหันหน้าเข้าไปที่ด้านห้องคุมเรืออีกครั้ง “เฮ้ ฟาเรล นายเสร็จรึยัง!!!?”
“ยังไม่เสร็จ ”
แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของเคออส ชายหนุ่มร่างสูงผมทองก็เดินออกมาด้วยใบหน้าหงุดหงิดที่ถูกเร่ง ในเมื่อตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าเขาช้าสักเท่าไรนัก แล้วทำไม ไอ้เพื่อนรักตรงหน้ามันต้องตะโกนเข้าไปเร่ง ฟาเรล เดินเข้ามาคว้าถังออกซิเจนของตนหนึ่งถัง แล้วเตรียมตัวให้เข้าที หันหน้าไปถามเพื่อนอีก 2 คนที่เตรียมตัวเสร็จพร้อมเขาพอดี
“จะไปกันรึยัง?” นีน่าไม่ตอบ เธอทำท่าเตรียมกระโจนลงน้ำทะเลสีครามทันที กับเคออสที่ยกนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นนัยว่าโอเค ฟาเรลพยักหน้าบางขยับแว่นดำน้ำให้เข้าที ก่อนที่ทั้ง 3 จะ...
ตูม!!!
แรงสั่นสะเทือนจนทำให้เรือโคลงเคลง น้ำถูกแหวกเป็นวงกว้าง กระเซ็นขึ้นสูง พร้อมกับสามร่างที่หายลับไปจากเรือสีขาวลำเล็ก
ภายใต้ทะเลที่ค่อยๆลึกลงไปเรื่อยๆ ร่างสามร่างกำลังว่ายน้ำดำลงไปยังจุดลึกที่สุด ณ สถานที่นี้ ปากภูเขาสูงใต้น้ำค่อยๆโผล่มาให้เห็น สัตว์ทะเลตัวเล็กๆพากันว่ายเกาะกันเป็นกลุ่มดูสวยงาม กับปะการัง และต้นไม้ทะเลที่เพิ่มให้ใต้ทะเลดูราวเป็นแหล่งอัญมณีอันล้ำค่า นี่คือสิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนเลิกที่จะวางมือการดำน้ำ มันคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาตัดไม่ขาดจากการที่จะได้ดูสิ่งเหล่านี้ และจากการหาสมบัติใต้ทะเลลึก!
นีน่าทำท่าจะหยุดเล่นล้อหยอกเย้าเหล่าฝูงปลาตัวน้อย แต่ไม่ทันทีจะได้เอื้อมมือไปจับปลาตัวเล็กๆที่อยู่ตามปะการัง ก็มีแรงสะกิดหนึ่งที่ทำให้ต้องหันไปมองซะก่อน...
เคออสทำสายตาดุเป็นเชิงปราม ชี้นิ้วลงไปยังจุดที่ลึกกว่านี้ เพื่อที่จะให้บรรลุผลให้เร็วที่สุด นีน่าทำหน้าเสียดายชักมือออกมาจากแนวปะการัง แล้วหันหน้าไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เคออส
...
แสงไฟสีแดงที่ข้อมือของทั้งสองคนเกิดกระพริบขึ้น! นีน่าหันซ้ายหันขวาทันที เช่นเดียวกันเคออส เธอกับเคออสอยู่ด้วยกัน แล้วฟาเรลล่ะ ทั้งสองคนต่างมองหาร่างของเพื่อนรัก และเพ่งหาแสงไฟสีแดงเหมือนกับสิ่งที่อยู่บนข้อมือของพวกเขาอย่างพัลวัน ก่อนที่สายตาของเคออสจะไปสบเข้ากับแสงไฟสีแดงกระพริบที่อยู่ไกลจากพวกเขาไปไม่เท่าใดนัก เคออสและนีน่ารีบว่ายไปตามแสงไฟนั่นทันที!!!
พื้นที่ที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง แม้แต่เพียงสีของดินยังคงแตกต่างออกไป ดินที่แห้งผากทั้งที่อยู่ใต้น้ำ มีแต่ซากแนวปะการังที่แห้งกรังตะไคร้น้ำเกาะจนเป็นสีเขียวน่าขยะแขยง ซากกระดูกที่กระจัดกระจายออกอย่างเป็นวงกว้างชวนหดหู่ บวกเข้ากับไอบางอย่างที่ชวนให้สะอิดสะเอียนแผ่ออกมาอย่างมหาศาล
ฟาเรลที่ยังคงมองภาพที่เห็นอย่างทึ่ง เช่นเดียวกับเคออสที่ได้เข้ามาเห็นแล้วถึงสะดุ้งเฮือก นีน่าทำท่าทางจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
พลัน สายตาของเคออสไปสะดุดกับสิ่งหนุ่งที่เด่นตระหง่าน ก้อนหินสูงไม่มากนักกับแสงสีเงินที่ส่องประกายแวบวับอยู่บนโขดหินนั้น กินหินเพียงก้อนเดียวที่ปรากฏบนพื้นที่โล่งเตียนและเต็มไปด้วยซากปะการังและกองกระดูก เคออสกำมือแน่น รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้า และเริ่มที่จะออกตัวว่ายไปยังโขดหินนั้นทันที!!!
เช่นเดียวกันที่ฟาเรลและนีน่าทำท่าตกใจยิ่งซะกว่าเห็นผีกับการกระทำของเพื่อน เคออสกำลังว่ายเข้าไปใกล้หินนั้นเข้าทุกที!!! อยากที่จะว่ายเข้าไปห้าม แต่ขาเจ้ากรรมกลับราวไม่มีแรงเอาดื้อๆ นีน่าเกาะแขนฟาเรลแน่น ปากไม่สามารถที่จะส่งเสียงออกไปได้ ด้วยมีออกซิเจนอยู่ และนี่ถ้าอยู่บนพื้นดินเข่าเธอคงทรุดไปแล้วล่ะ ฟาเรลประคองนีน่าไว้หลวมๆ ค่อยๆว่ายเข้าไปใกล้เคออสที่ทำท่าหยุดชะงัก
สร้อยสีเงินสว่าง ส่องประกายราวดึงดูดให้เขาเข้ามาหามัน สร้อยสีเงินรูปหัวกะโหลกแสยะยิ้มและมีไม้กางเขนที่คล้ายรูปดาบปักอยู่ตั้งแต่กลางกะโหลกจนปลายแหลมของไม้กางเขนโผล่ออกมาทางปาก สิ่งที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเคออสไม่ได้มีแค่รูปลักษณ์ของสร้อย โขดหินที่ตั้งตระหง่านอยู่ก้อนเดียว หรือแม้แต่ความสงสัยที่ร่ำถามว่า ‘ดูจากพื้นที่และทุกสิ่งโดยรอบสร้อยเส้นนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มานับหลายร้อยปีแล้ว แต่เหตุใดมันถึงไม่มีแม้แต่ตะไคร้เกาะ’ แต่สิ่งที่เรียกให้เอื้อมมือเข้าไปจับมันก็คือ ตัวอักษรโบราณที่ถูกเขียนขึ้นด้วยอะไรสักอย่าง ถูกสลักอยู่บนสร้อยเงินเส้นงาม และโขดหินและรวมไปถึงรอบบริเวณ จะเห็นว่ามีแต่ตัวอักษรที่อ่านไม่ออกสลักอยู่เต็มไปหมด
เคออสเอื้อมมือเข้าไปหยิบสร้อยเส้นนั้นออกจากโขดหิน ท่ามกลางความตื่นตะลึงของนีน่าและฟาเรลที่เข้าไปห้ามไม่ทัน...
แสงสว่างจ้าวาบขึ้นทันทีที่เคออสจับสรอยเส้นนั้นมาไว้ในมือ ตัวอักษรที่ถูกเขียนลงบนสร้อยถูกลบเลือนไปบางส่วน ทั้งยังการลงตัวอักษรไม่ครบ เพราะบางช่วงขาดหายไปอยู่บนหิน สร้อยเงินที่ดูแข็งแก่งมีร้อยปริร้าวบางๆ ทันใด! เงาดำทมึนที่น่าขยะแขยงก็ค่อยๆแทรกตัวออกมาจากรอยปริร้าวของสร้อยนั้น!!! เคออสร้องลั่น มือสะบัดสร้อยทิ้งไปทันที! หากแต่...
ฟาเรลและนีน่าที่บัดนี้ทำอะไรไม่ถูกยืนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสั่นกลัว ภาพที่น่าสยดสยอง เมื่อเพื่อนรักที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน กำลังถูกตัวอะไรสักอย่างฉีกร่างเป็นชิ้นๆ!! ไร้เสียงกรีดร้อง เพราะไม่ทันทีจะได้ออกเสียง สายน้ำสีแดงไหลผ่านเฉียดหน้าไป เลือดของเพื่อนรัก! เงาดำเริ่มมีรูปร่างขึ้นมา เมื่อได้กัดกินร่างกายของเคออสเข้าไป แม้จะยังไม่สมบูรณ์ดีนัก มันเบือนหน้ามามองทางนีน่าและฟาเรล พร้อมรอยยิ้มแสยะที่ชวนสยดสยอง!!
ฟาเรลเบิกตากว้างทันควัน พยายามจะพาตัวเองและนีน่าว่ายน้ำหนีให้เร็วที่สุด!!! สายตาเหลือบไปมองสร้อยที่บัดนี้เริ่มมีร่างเงาประหลาดโผล่ออกมาเรื่อยๆ! ฟาเรลเบือนสายตาไปยังข้างหน้าเพื่อหาทางหนีรอด ในขณะที่นีน่าบัดนี้เหมือนไม่รู้สึกอะไรไปแล้ว...
แต่ทันทีที่ฟางเรลมองไปข้างหน้า ดวงตาก็พลันเบิกโพลงขึ้นทันที! เงาที่เริ่มมีเนื้อหนังและรูปร่างเมื่อกี้ มันกลับมาอยู่ข้างหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่! ฟาเรลมองไปรอบๆอย่างหาทางรอด ในขณะที่ตัวประหลาดอ้าปากที่น่าสยดสยองของมันกว้าง!!
ทุกอย่าง...
ก็พลันมืดลงทันที...
= = = = =
พายุฝนเทกระหน่ำขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ท้องฟ้ามืดมิดทะมึนอย่างน่าใจหาย พร้อมกับแผ่นดินแห่งใหม่ได้โผล่ขึ้นกลางทะเลอย่างไร้ที่มาที่ไป แผ่นดินที่เต็มไปด้วยความมืดมิดที่เศร้าหมอง แค่ได้เห็นก็ชวนสะอิดสะเอียน เช่นเดียวกับที่รอยร้าวของสร้อย ค่อยๆเพิ่มขึ้นบางๆ
กาลเวลากำลังหวนคืน สู่ยุคสมัยแห่งความสิ้นหวัง...
<<>>::<<>>::<<>>::<<>>::<<>>
งงเลยค่ะ ทำไมมันเหลือแค่ไม่ถึงครึ่งตอนเลยต้องลงใหม่เลย - -
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น