คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : N.F.
‘EGNAOR’
‘มันคืออะไรฟ่ะ- -*’ เคียวคุรินและเซเรเนดคิดขึ้นพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเงียบกันมานานนับหลายสิบนาที
“อืมม.....เป็นชื่อของนักบุญหรือสาวกอีกรึเปล่าครับเนี่ย- -”เซเรเนดทำลายความเงียบด้วยการให้ความเห็นเป็นเชิงถาม แต่ผู้ที่ถูกถามกลับนิ่งเฉยพร้อมสะบัดหน้า
“ไม่มีนักบุญหรือสาวกคนไหนที่มีชื่อ[แปลก]แบบนี้หรอก
.”เด็กสาวว่าพรางลุกขึ้นปัดกระโปรงสีดำ หลังจากที่นั่งย่อเข่ามานานพอที่ตะคริวจะกินได้แล้ว
ชิล์......มันจะอะไรนักหนากัน............
“ไปกันได้แล้ว...”
“ไป?.......... ไปไหนล่ะครับ ”เซเรเนดหันมาถามเด็กสาวที่กำลังลูบหัว [?]ของอาชาแห่งเงาอย่างอ่อนโยน
“อยู่ที่นี้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้ไปออกหาคำใบ้ต่อยังมีประโยชน์ซะกว่า...”เด็กสาวว่าอย่างเย็นชา ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนหลังของแบล็คการ์เนียอย่างรวดเร็ว
“หรือว่านายจะนั่งหาคำตอบอยู่ที่นี้ต่อล่ะ” เคียวคุรินว่าอย่างท้าทาย พรางทำท่าจะให้แบล็คการ์เนียวิ่งออกไป แต่เซเรเนดก็กระโดดขึ้นมานั่งก่อนที่แบล็คการ์เนียจะออกตัว
“เรื่องอะไรล่ะครับ! ผมก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว~”
“ถ้างั้นก็หุบปากซะ.......” ดวงตาสีเลือดว่าอย่างเฉยชาในขณะที่ ดวงตาสีกล้วยไม้ได้แต่ปะทะเข้ากับแผ่นหลังของสาวน้อยอย่างเงียบๆ
ระหว่างทางทั้ง 3 ได้แต่เงียบงัน แต่ในหัวของทั้ง 2 ผู้เข้าแข่งขันไม่เคยเงียบเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้มีแต่ปริศหนาของคำๆว่า ‘EGNAOR’ เท่านั้นที่ต้องแก้ปมปริศนาและคิดให้ออกให้ได้
“เอ๊ะ........เซเรเนด.....”เซเรเนดผงกหัวขึ้นมามองหน้า[ที่หันหลังอยู่]เคียวคุรินอย่างตกใจ เพราะตั้งแต่เข้าแข่งขันมานี้ เคียวคุรินไม่เคยยอมเรียกชื่อเขาง่ายๆ ได้แต่เรียกเจ้าสวะ! เจ้าสวะ!! แต่ไหงครั้งนี้หล่อนถึงได้ยอมเรียกชื่อของเขาล่ะ?
“คะ...........ครับ?”
“ไอ้ก้อนเมฆพวกเนี่ยน่ะ.........มันแปลกๆน่ะ- -”เคียวคุรินว่าพรางชี้ไปทางก้อนเมฆสีขาวๆ ที่บินอยู่เหนือหัวของหล่อนและเซเรเนด
“คงจะไม่มีอะไรมากหรือถ้าสายฟ้าฟาดลงมาก็คงจะไม่เกิดขึ้นอะไรหรอกมั่งครับ ก็ตอนแรกผมโดนแล้วไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี้”เซเรเนดว่าอย่างไม่ค่อยสนใจ แต่ยังไม่ทันเคียวคุรินจะออกความเห็นอะไร เมฆสีขาวก้อนนั้นก็ฟาดสายฟ้าลงมาอย่างรวดเร็ว!!
“แบล็คการ์เนียยยยยย!!!!”เคียวคุรินตะโกนเรียกสติของแบล็คการ์เนียให้หลบสายฟ้าจากเมฆก้อนนั้น โชคดีที่หลบทันไม่งั้นได้เดี้ยงกันหมดเป็นแน่!!
“นั้นน่ะเหรอที่ว่าไม่มีอะไรของนายยยย!!” เคียวคุรินว่พรางชี้ไปทางต้นไม้ที่โดนสายฟ้านั้นเข้าไป ตอนนี้มันไม่เหลือสภาพของการเป็นต้นไม้เลยแม้แต่น้อย เพราะมันกลายเป็นแค่ผงธุลีเท่านั้น
“หงะ...............ไหงเป็นเงี่ยล่ะคร้าบบ
.”เซเรเนดว่าอย่างงุนงง ก่อนที่จะหันขึ้นไปเห็นอะไรบางอย่าง
อะไรหว่า เป็นเส้นๆ สีแดงๆ กำลังตรงลงมาทางเนี๊ย~?
“เฮ้ย หลบเร็วววววว!!!!!”เคียวคุรินว่าก่อนที่จะให้แบล็คการ์เนียบินลงมาข้างล่างเพื่อหาที่ตั้งหลักและหลบสายฟ้าสีแดง
เปรี้ยงงงงงงงงง!!!!!
“แอ้กกกกก~!!”
“!!!!!!!!”
“ผู้โชคร้ายโดนสายฟ้าสีแดงไปแล้ว 1.........”เซรีเอลเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น ก่อนที่จะหันไปทางผู้โชคดี[?]ทั้ง 2 ที่เหลือ “เอาล่ะ ใครจะเป็นรายต่อไป”
“......บะ............แบล็คการ์เนีย.........”เซเรเนดและเคียวคุรินว่าออกมาพร้อมกันด้วยเสียงที่ตกใจปนแปลกใจเพราะ..........
“อะ....แหง๊กๆ หงั่น หงั๊น หงั่น งัน~~~~ โอ๊ะ โอ โอ โอ๊ะ~ ฮี่ กับ กับ~!”แบล็คการ์เนียมันต๊องไปแล้ว....
เพราะในขณะที่ทั้ง 3 กำลังบินลงมาข้างล่างเซเรเนดก็เผลอพลาดท่าตกจากหลังของแบล็คการ์เนีย แต่ในวินาทีนั้นก็คว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อของเคียวคุรินไว้ ทำให้ทั้ง 2 หล่นลงมาจากตัวของแบล็คการ์เนีย จึงเป็นเหตุให้แบล็คการ์เนียเสียหลักจากการที่ทั้งคู่หล่นลงมาจนโดนสายฟ้านั้นเข้าไปตัวเดียวเต็มๆ
“อะ..........ไอ้สายฟ้าสีแดง ถ้าโดนเข้าไปแล้วจะต็องสิน่ะ- -;;”เซเรเนดเอ่ยอย่างขนลุกนิดๆ เมื่อคิดสภาพตอนที่ตัวเองโดนสายฟ้านี้เข้าไป
“
.ฉันจะขอบใจนายหรือไม่ขอบใจนายดีล่ะเนี่ย= =;;.....”เจ้าของดวงตาสีเลือดว่าอย่างสับสน ว่าจะขอบใจที่เซเรเนดที่ช่วยตัวเองจากสายฟ้าสีแดง หรือจะโมโหไอ้คนที่มันทำให้ม้าของหล่อนต้องต๊องจนใช้งาน[?]ไม่ได้ดี
“อะ.............เอ่ออ...เฮอะๆ แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะครับ”เซเรเนดเอ่ยพรางลุกขึ้นปัดกางเกง ในขณะที่เคียวคุรินสะดุดตาเข้ากับบางอย่าง
“นั้นน่ะ..........บ่อน้ำใช่ไหม” ทั้งเจ้าของดวงตาสีเลือดและสีกล้วยไม้มองไปยังบ่อน้ำที่มีหลักศิลา 2 แผ่นอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันไปตรงหลักศิลาทั้ง 2 แผ่น
“‘บ่อน้ำแห่งวิหาร เปรียบสเหมือนกระจกเงามายา ที่สามารถสะท้อนปริศนา[ใจ]ของคนได้ทุกอย่าง’ มันว่าอย่างงี้อ่ะครับ........แล้วของคุณล่ะ”
“‘EGNARO’
..”เคียวคุรินว่าอย่างระอาก่อนที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“อืมมมมม............อ่ะ..........จริงสิ...ถ้าลองเอาคำว่า ‘EGNARO’ มาส่องดูในบ่อน้ำนี้ มันเหมือนจะอ่านว่า
“ส้ม............จะว่าไปแล้วในรูปอาหารมื้อสุดท้ายก็..............................................ใช้แล้วววววว!!!”
“ฮะ............คิดออกแล้วสิน่ะครับ”เซเรเนดว่าพรางเดินเข้ามาใกล้ๆเคียวคุริน ในขณะที่เคียวคุรินกำลังหัวเราะฮึๆอย่างร่าเริงในลำคอ
“ก็ใช่.................นายก็น่าจะรู้แล้วนี้...คำตอบของปริศนา.....ฮึๆ”เจ้าของดวงตาสีแดงเลือดยิ้มอย่างผู้มีชัยก่อนที่เธอจะลากเซเรเนด กลับไปทางแบล็คการ์เนีย เพื่อดูว่าอาชาไนยของเธอกลับเป็นปกติรึยัง
“อะ แก๊ก ง็องแง่ง เงโง โอ้เย~~~”ผู้เป็นนายมองร่างของ[อดีต]เทพคุ้มครองของเธออย่างสิ้นหวัง ก่อนที่จะหันมาทางเซเรเนด ทางเซเรเนดก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ แล้วส่งสายตาบอกเคียวคุริน ‘สงสัยเราคงต้องเดินเท้าซะแล้วล่ะครับ- -;;’
ฝ่ายเด็กสาวเข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการสื่อสาร ก่อนที่เธอจะส่งสายตาอย่างสิ้นหวังว่า ‘แล้วอีกกี่ชาติถึงจะหาตัวอิลิยาเจอเล่า - -;;’
เมื่อการสื่อสารทางสายตาจบลงก็เหลือแต่เพียงความเงียบ และทำให้เคียวคุรินกับเซเรเนดทำได้แค่เพียงมองหน้ากันเท่านั้น
“...............เฮ้ออ.......เอ้า.........เดินก็เดิน- -*” เคียวคุรินว่าอย่างสิ้นหวังก่อนที่ทั้งคู่จะเลือกทาง เลือกสุดท้าย คือ ‘เดิน’ ไปกันเอง- -*
“ละ...........แล้วแบล็คการ์เนียล่ะครับ”
“เดี๋ยวพอได้สติแล้วก็ตามมาเองนั้นล่ะ เจ้านั้นน่ะหาคนเก่งจะตาย”เจ้าของดวงตาสีเลือดเอ่ยเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่จะเดินตรงไปทางข้างหน้า ที่เป็นป่ารกแต่...
เปรี้ยงงงงงง!!!!!
“เฮ้ยยย!!” เซเรเนดและเคียวคุรินอุทาน[?]ขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะหลบสายฟ้าสีขาวสีแดงอีกรอบ
“อะไรนักหนาฟ่ะ!! คนยิ่งรีบๆอยู่ เฮ้ยๆๆๆ~!!”เคียวคุรินตะโกนใส่ก้อนเมฆสีขาวสีแดงอย่างโมโห แน่นอนแม้แต่คนสุภาพอย่างเซเรเนดก็ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจเช่นกัน
ในขณะที่แบล็คการ์เนียนั้น ก็โดนสายฟ้าสีแดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กี่สิบกว่ารอบก็ไม่ทราบ แต่ทีแน่ๆถึงจะต๊อง แต่ก็สามารถ[มั่ว]เดินหลบสายฟ้าสีขาวได้ทุกเส้นเหมือนกัน[แต่ไหงโดนแต่สายฟ้าสีแดงล่ะฟ่ะ]
ตอนนี้ทั้ง 2 ได้แต่วิ่งหนี หนี หนี หนี และหนีสายฟ้าทั้ง 2 สีอย่างเดียว ต่างฝ่ายต่างวิ่งไปๆมาๆ จนในที่สุดทั้ง 2 ก็มาหยุดอยู่ที่หอแห่งหนึ่ง
แต่จะเป็นหออะไรก็ช่าง ขอเข้าไปหลบจากไอ้สายฟ้าบ้าบอพวกนี้ก่อนเฮอะ!!!!
ปังงงงงง!!
“เปิดเบาๆก็ได้นี้คร้าบ เคียวคุรินจางง” เซเรเนดเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเคียวคุรินใช้เท้าของเธอถีบประตูไม้ที่เก่ากึกพอสมควรอย่างแรง จนประตูกระเด็นเป็นไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่เหลือซาก ก่อนที่ทั้งคู่จะกระโจนเข้ามาข้างในหออย่างเหนื่อยอ่อน
“ไม่รู้ล่ะ รู้แค่ว่าถ้านายไม่เงียบ นายจะเป็นอย่างไอ้ประตูนั้นแน่ๆ!!!!”นั้นเป็นประโยคแรกจากปากของดวงตาสีเลือดคู่สวยหลังจากที่หลบสายฟ้ามาอย่างเนิ่นนานและเหน็ดเหนื่อย บ่งบอกได้อย่างดีว่าตอนนี้เธออารมณ์บ่จอยมากขนาดไหม
“แฮ่กๆ เอ๊ะ เคียวคุรินครับ นั้นมันบันไดวนใช้ไหมครับ?”เซเรเนดเอ่ยถามผู้ร่วมทางของเขาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่จะหันมาทางเคียวคุริน
“ถ้าไม่ใช่บันไดวน แล้วจะเป็นอะไรล่ะเจ้าสวะ- -*”ฝ่ายผู้ถูกถามตอบอย่างเหลือเชื่อกับคำถามของเซเรเนด ก็จริงอย่างที่เธอว่า ถ้าไอ้แผ่นไม้ที่เป็นขั้นๆนี้ไม่ใช่บันไดวน แล้วมันจะเป็นอะไรล่ะ
“อะ......แฮะๆ แล้ว.... จะขึ้นไปไหมล่ะครับ?”เซเรเนดเอ่ยถามสาวน้อยเผ่ายมทูตอีกรอบ พรางมองขึ้นไปข้างบน
มันสูงขนาดนี้จะขึ้นไปไหวไหมล่ะเนี่ยย?
“อะ...................เอ่อ......”ด้วยคำถามนี้ทำให้ผู้ถูกถามถึงกับชะงัก เพราะความสูงของบันไดวนนั้นไม่ใช่เล่นๆเลยจริงๆ ขนาดมองขึ้นไปยังไม่เห็นทางออกเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อออ.......ยังไงก็ต้องขึ้นไปล่ะน่ะ เพราะถ้าไม่ขึ้น ก็คงต้องออกไปเจอกับไอ้สายฟ้าบ้านั้นอีกรอบ- -*” เคียวคุรินเอ่ยอย่างจนปัญญาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินนำขึ้นไปข้างบน โดยมีเซเรเนดตามขึ้นมาด้วยสีหน้าแห้งๆ
เดิน เดิน เดิน เดิน และเดิน!! ขอพูดตามตรงตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเดินขึ้นบันได[วน]โดยใช้เวลานานขนาดนี้มาก่อนน!!
เฮ้อออ.......เมื่อไหร่จะถึงกันล่ะครับเนี๊ยยยยย!!!!!???
สิ่งที่ทั้ง 2 ทำได้มีแต่เงียบ บ่นในใจและการเดินเท่านั้น......
-------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น