ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปั้นรักเป็นตัว (ภาคต่อร้อยกลดลรัก)

    ลำดับตอนที่ #7 : เธอคือหัวใจของผม 50%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 240
      1
      6 พ.ย. 59



    3

    เธอคือหัวใจของผม

               

                ในที่สุดงานแต่งงานที่กลินท์เร่งวันเร่งคืนให้ถึงไวๆก็มาถึง เจ้าบ่าวที่มองมุมไหนก็หาที่ติไม่ได้กำลังยืนหน้าซุ้มประตูทางเข้างานเพื่อรอเจ้าสาว วันนี้เขาถูกสั่งห้ามเด็ดขาดว่าห้ามเฉียดไปใกล้ห้องแต่งตัวเจ้าสาวจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย   ไม่ใช่แค่งานเช้าแม้กระทั่งงานเลี้ยงตอนเย็นก็เช่นกัน ใบตองรู้อยู่แล้วว่าลำพังตัวเองยังไงก็ห้ามเขาไม่ได้  กิตติยากับกิ่งแก้วจึงเป็นตัวช่วยที่ดีโดยเฉพาะแม่น้องสาวตัวแสบของเขารู้สึกจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกินกับใบตอง

                งานพิธีตอนเช้าใบตองทำเขาตะลึงไปรอบหนึ่งแล้วในชุดไทยจักรพรรดิสีกลีบบัวที่ขับผิวสีขาวอมชมพูของหล่อนให้ผุดผ่องเหมือนนางในวรรณคดี เทียบกับวันถ่ายพรีเวดดิ้งที่ทำเขาตะลึงแล้ววันงานยิ่งตะลึงมากขึ้นไปอีก เปล่าเข้าข้างเจ้าสาวของตัวเองสักนิด เพราะสำหรับใบตองไม่ว่าจะใส่ชุดไหนหล่อนก็สวยที่สุดสำหรับเขา ขณะเดียวกันการที่ทำให้เขาต้องคอยลุ้นและตะลึงงันตาค้างกับความสวยของเจ้าสาวของตัวเองนั้นเป็นการทำร้ายเขาได้อย่างเลือดเย็นเช่นเดียวกัน

                และการรอคอยของกลินท์ก็สิ้นสุดลงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ตามด้วยร่างเจ้าสาวในชุดสีขาวแขนยาวผ้าลูกไม้สไตล์เจ้าหญิง กลินท์สูดหายใจเข้าลึกเมื่อพบว่าจังหวะหัวใจของตัวเองเริ่มเต้นผิดจังหวะอีกครั้งกับความงามที่อยู่ตรงหน้า กระนั้นร่างสูงก็ก้าวอย่างมั่นคงเข้าไปหาร่างบอบบางที่ก้าวออกมาจากลิฟต์และยืนอยู่กับที่เพื่อรอให้เขาไปรับ

                “พี่กี้คะ มองแบบนี้ระวังเจ้าสาวจะละลายเอานะคะ” กิตติยาเอ่ยขึ้นดึงสติของพี่ชายให้กลับเข้าที่

                “คนถูกมองยังไม่เห็นว่าอะไรพี่เลยยัยก้อย” กิตติยาเบือนหน้าหนีกรอกตามองบนเบ้ปากเล็กน้อยให้พี่ชาย ท่าทางพี่ชายหล่อนจะเป็นเอามากจริงๆ

                “โอเคค่ะตรงนี้หมดหน้าที่ก้อยแล้ว ก้อยขอตัวไปดูทางอื่นต่อนะคะ ก้อยไปนะคะใบตอง พี่กี้คะตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเข้าห้องหอ อดทนนะคะ ก้อยเป็นห่วง”

                “ยัยก้อย” กลินท์หันมาดุน้องสาวแต่คนถูกดุกลับลอยหน้าลอยตาแถมยังยิ้มยั่วแกล้งพี่ชายก่อนจะโบกมือให้ก้านกล้วยที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมบิดามารดา

                “สวัสดีค่ะคุณน้า” กิตติยายกมือไหว้บิดามารดาของก้านกล้วยแล้วค่อยหันไปชักชวนชายหนุ่ม

    “ไปช่วยก้อยดูงานทางโน้นกันดีกว่าก้านกล้วยตรงนี้น้ำตาลเยอะเดี๋ยวจะเป็นเบาหวานเอา ก้อยขอตัวก้านกล้วยสักครู่นะคะคุณน้า”

                “ตามสบายจ๊ะหนูก้อย” สายใจพยักหน้าอนุญาต

                “คุณสายใจมาถึงนานแล้วเหรอคะ” สุกัญญาเอ่ยทักสายใจพร้อมรอยยิ้ม

                “เพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เองค่ะ” 

                “งั้นเราเข้าไปในงานกันดีกว่าค่ะ กี้ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวแม่จะดูแลพ่อกับแม่หนูใบตองเอง ลูกคอยรับแขกทางนี้เถอะ เราเข้าข้างในกันเถอะค่ะ”  สุกัญญาแตะมือลงบนข้อศอกสายใจเบาๆให้เดินไปด้วยกัน ส่วนเกรียงไกรชวนบิดาของใบตองคุยและเดินตามหลังภรรยา กลินท์มองตามหลังผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่พากันเดินเข้าไปในงานก่อนจะหันมายิ้มให้เจ้าสาวของตัวเอง

                “เราสองคนก็ควรเข้าไปข้างในงานนะคะ เพราะแขกเริ่มทยอยมากันแล้ว”

                “อยากเปลี่ยนจากเข้างาน เป็นเข้าห้องหอจัง” กลินท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งตอนเอ่ยถึงห้องหอแววตาคมยิ่งเกิดประกายแพรวพราวจนน่าหมั่นไส้สำหรับใบตอง

               

                งานแต่งงานในค่ำคืนนี้นอกจากมีความหรูหราสมฐานะเจ้าของงานแล้ว สิ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใส่รายละเอียดลงไปคือความพิถีพิถันในการเลือกของชำร่วยเพื่อมอบให้กับแขกที่มาร่วมงาน แม้ของที่เตรียมจะไม่มีราคามากมายนัก แต่คนได้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะนอกจากผู้ให้จะตั้งใจหามามอบให้แล้ว ของที่ให้ยังมีความหมายอันดีงามแฝงเอาไว้ ของชำร่วยถูกจัดเป็น Boxset บรรจุลงในกล่องกระดาษสีขาวหรูหราทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านนอกเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษสีทองเป็นชื่อคู่บ่าวสาว ภายในบรรจุขวดโหลรูปหัวใจขนาด 200 มิลลิลิตร สองขวดผูกโบว์ด้วยเชือกป่านพร้อมบัตร Thank you card แทนคำขอบคุณของเจ้าของงาน ขวดแรกบรรจุน้ำผึ้งธรรมชาติเกรดพรีเมี่ยม ขวดที่สองบรรจุเกลือไอโอดีนสีขาวละเอียด น้ำผึ้งเปรียบเหมือนความหอมหวานของความรักที่คู่บ่าวสาวมีให้กัน เกลือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมีติดบ้านหากเปรียบในแง่ของความรักก็เหมือนความรักของคู่บ่าวสาวที่ขาดกันไม่ได้ ส่วนเชือกป่านที่ผูกอยู่บนขวดหมายถึงความรักความผูกพันอันแน่นแฟ้นที่คู่บ่าวสาวมีต่อกัน

     

    เสียงดนตรีจากนักไวโอลินด้วยทำนองเพลงรักสากลอย่างเพลง A thousand years  เริ่มดังขึ้นเมื่องานเลี้ยงดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญ ใบตองคล้องแขนบิดาและเดินตามพรมที่ทอดยาวไปจรดกับหน้าเวที  ซึ่งมีร่างสูงใหญ่ของกลินท์ยืนรออยู่ สายตาคมทอดมองเจ้าสาวของตัวเองอย่างรอคอย  จวบจนมือบางถูกส่งมาให้เขาด้วยการประคองของผู้เป็นบิดาของหล่อนนั่นเอง

    กลินท์ประคองใบตองต่อจากบิดาของหล่อนและพาขึ้นไปบนเวที จากนั้นก็มีการตอบคำถามจากพิธีกรแน่นอนว่าแต่ละคำถามมีการหยอกล้อและสร้างความเขินอายให้กับคู่บ่าวสาวพอสมควร แต่ที่สร้างเสียงกรี๊ดและเรียกความหวานได้มากที่สุดคือคำตอบของเจ้าบ่าวซึ่งคนตอบเองก็ไม่คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะทำให้คนทั้งงานซาบซึ้งมากถึงขนาดนี้ ทุกคำพูดที่เขาพูดออกไปนั้นล้วนเป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ

    สิ่งที่พิธีกรถามกลินท์คือ “ใครเป็นคนตกหลุมรักกันก่อนครับระหว่างเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว” ตอนนั้นกลินท์มองหน้าเจ้าสาวของตัวเองเมื่อเห็นหญิงสาวเขินอายกับคำถามนั้น เขาก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นเอง

    “เราสองคนต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันครับ” กลินท์เว้นจังหวะพูดและหันไปสบตาเจ้าสาวก่อนจะพูดต่อ “ใบตองแอบรักส่วนผมตกหลุมรัก ผมไม่อยากรู้หรอกว่าใบตองรักผมมากแค่ไหน แต่ผมอยากให้ใบตองรู้ว่าเธอคือหัวใจของผม รู้ใช่ไหมครับว่าหัวใจสำคัญต่อร่างกายขนาดไหน” ประโยคสุดท้ายกลินท์หันไปสบตากับเจ้าสาวอีกครั้งด้วยสายตาหวานซึ้งจนหลายคนต้องอิจฉา

     



    ปั้นรักเป็นตัววางแผงแล้วในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ

    ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิยายค่ะ

    กันต์วลี




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×