คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เธอคือหัวใจของผม 50%
3
เธอคือหัวใจของผม
ในที่สุดงานแต่งงานที่กลินท์เร่งวันเร่งคืนให้ถึงไวๆก็มาถึง เจ้าบ่าวที่มองมุมไหนก็หาที่ติไม่ได้กำลังยืนหน้าซุ้มประตูทางเข้างานเพื่อรอเจ้าสาว วันนี้เขาถูกสั่งห้ามเด็ดขาดว่าห้ามเฉียดไปใกล้ห้องแต่งตัวเจ้าสาวจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่ใช่แค่งานเช้าแม้กระทั่งงานเลี้ยงตอนเย็นก็เช่นกัน ใบตองรู้อยู่แล้วว่าลำพังตัวเองยังไงก็ห้ามเขาไม่ได้ กิตติยากับกิ่งแก้วจึงเป็นตัวช่วยที่ดีโดยเฉพาะแม่น้องสาวตัวแสบของเขารู้สึกจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกินกับใบตอง
งานพิธีตอนเช้าใบตองทำเขาตะลึงไปรอบหนึ่งแล้วในชุดไทยจักรพรรดิสีกลีบบัวที่ขับผิวสีขาวอมชมพูของหล่อนให้ผุดผ่องเหมือนนางในวรรณคดี เทียบกับวันถ่ายพรีเวดดิ้งที่ทำเขาตะลึงแล้ววันงานยิ่งตะลึงมากขึ้นไปอีก เปล่าเข้าข้างเจ้าสาวของตัวเองสักนิด เพราะสำหรับใบตองไม่ว่าจะใส่ชุดไหนหล่อนก็สวยที่สุดสำหรับเขา ขณะเดียวกันการที่ทำให้เขาต้องคอยลุ้นและตะลึงงันตาค้างกับความสวยของเจ้าสาวของตัวเองนั้นเป็นการทำร้ายเขาได้อย่างเลือดเย็นเช่นเดียวกัน
และการรอคอยของกลินท์ก็สิ้นสุดลงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ตามด้วยร่างเจ้าสาวในชุดสีขาวแขนยาวผ้าลูกไม้สไตล์เจ้าหญิง กลินท์สูดหายใจเข้าลึกเมื่อพบว่าจังหวะหัวใจของตัวเองเริ่มเต้นผิดจังหวะอีกครั้งกับความงามที่อยู่ตรงหน้า กระนั้นร่างสูงก็ก้าวอย่างมั่นคงเข้าไปหาร่างบอบบางที่ก้าวออกมาจากลิฟต์และยืนอยู่กับที่เพื่อรอให้เขาไปรับ
“พี่กี้คะ มองแบบนี้ระวังเจ้าสาวจะละลายเอานะคะ” กิตติยาเอ่ยขึ้นดึงสติของพี่ชายให้กลับเข้าที่
“คนถูกมองยังไม่เห็นว่าอะไรพี่เลยยัยก้อย” กิตติยาเบือนหน้าหนีกรอกตามองบนเบ้ปากเล็กน้อยให้พี่ชาย ท่าทางพี่ชายหล่อนจะเป็นเอามากจริงๆ
“โอเคค่ะตรงนี้หมดหน้าที่ก้อยแล้ว ก้อยขอตัวไปดูทางอื่นต่อนะคะ ก้อยไปนะคะใบตอง พี่กี้คะตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเข้าห้องหอ อดทนนะคะ ก้อยเป็นห่วง”
“ยัยก้อย” กลินท์หันมาดุน้องสาวแต่คนถูกดุกลับลอยหน้าลอยตาแถมยังยิ้มยั่วแกล้งพี่ชายก่อนจะโบกมือให้ก้านกล้วยที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมบิดามารดา
“สวัสดีค่ะคุณน้า” กิตติยายกมือไหว้บิดามารดาของก้านกล้วยแล้วค่อยหันไปชักชวนชายหนุ่ม
“ไปช่วยก้อยดูงานทางโน้นกันดีกว่าก้านกล้วยตรงนี้น้ำตาลเยอะเดี๋ยวจะเป็นเบาหวานเอา ก้อยขอตัวก้านกล้วยสักครู่นะคะคุณน้า”
“ตามสบายจ๊ะหนูก้อย” สายใจพยักหน้าอนุญาต
“คุณสายใจมาถึงนานแล้วเหรอคะ” สุกัญญาเอ่ยทักสายใจพร้อมรอยยิ้ม
“เพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เองค่ะ”
“งั้นเราเข้าไปในงานกันดีกว่าค่ะ กี้ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวแม่จะดูแลพ่อกับแม่หนูใบตองเอง ลูกคอยรับแขกทางนี้เถอะ เราเข้าข้างในกันเถอะค่ะ” สุกัญญาแตะมือลงบนข้อศอกสายใจเบาๆให้เดินไปด้วยกัน ส่วนเกรียงไกรชวนบิดาของใบตองคุยและเดินตามหลังภรรยา กลินท์มองตามหลังผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่พากันเดินเข้าไปในงานก่อนจะหันมายิ้มให้เจ้าสาวของตัวเอง
“เราสองคนก็ควรเข้าไปข้างในงานนะคะ เพราะแขกเริ่มทยอยมากันแล้ว”
“อยากเปลี่ยนจากเข้างาน เป็นเข้าห้องหอจัง” กลินท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งตอนเอ่ยถึงห้องหอแววตาคมยิ่งเกิดประกายแพรวพราวจนน่าหมั่นไส้สำหรับใบตอง
งานแต่งงานในค่ำคืนนี้นอกจากมีความหรูหราสมฐานะเจ้าของงานแล้ว สิ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใส่รายละเอียดลงไปคือความพิถีพิถันในการเลือกของชำร่วยเพื่อมอบให้กับแขกที่มาร่วมงาน แม้ของที่เตรียมจะไม่มีราคามากมายนัก แต่คนได้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะนอกจากผู้ให้จะตั้งใจหามามอบให้แล้ว ของที่ให้ยังมีความหมายอันดีงามแฝงเอาไว้ ของชำร่วยถูกจัดเป็น Boxset บรรจุลงในกล่องกระดาษสีขาวหรูหราทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านนอกเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษสีทองเป็นชื่อคู่บ่าวสาว ภายในบรรจุขวดโหลรูปหัวใจขนาด 200 มิลลิลิตร สองขวดผูกโบว์ด้วยเชือกป่านพร้อมบัตร Thank you card แทนคำขอบคุณของเจ้าของงาน ขวดแรกบรรจุน้ำผึ้งธรรมชาติเกรดพรีเมี่ยม ขวดที่สองบรรจุเกลือไอโอดีนสีขาวละเอียด น้ำผึ้งเปรียบเหมือนความหอมหวานของความรักที่คู่บ่าวสาวมีให้กัน เกลือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมีติดบ้านหากเปรียบในแง่ของความรักก็เหมือนความรักของคู่บ่าวสาวที่ขาดกันไม่ได้ ส่วนเชือกป่านที่ผูกอยู่บนขวดหมายถึงความรักความผูกพันอันแน่นแฟ้นที่คู่บ่าวสาวมีต่อกัน
เสียงดนตรีจากนักไวโอลินด้วยทำนองเพลงรักสากลอย่างเพลง A thousand years เริ่มดังขึ้นเมื่องานเลี้ยงดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญ ใบตองคล้องแขนบิดาและเดินตามพรมที่ทอดยาวไปจรดกับหน้าเวที ซึ่งมีร่างสูงใหญ่ของกลินท์ยืนรออยู่ สายตาคมทอดมองเจ้าสาวของตัวเองอย่างรอคอย จวบจนมือบางถูกส่งมาให้เขาด้วยการประคองของผู้เป็นบิดาของหล่อนนั่นเอง
กลินท์ประคองใบตองต่อจากบิดาของหล่อนและพาขึ้นไปบนเวที จากนั้นก็มีการตอบคำถามจากพิธีกรแน่นอนว่าแต่ละคำถามมีการหยอกล้อและสร้างความเขินอายให้กับคู่บ่าวสาวพอสมควร แต่ที่สร้างเสียงกรี๊ดและเรียกความหวานได้มากที่สุดคือคำตอบของเจ้าบ่าวซึ่งคนตอบเองก็ไม่คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะทำให้คนทั้งงานซาบซึ้งมากถึงขนาดนี้ ทุกคำพูดที่เขาพูดออกไปนั้นล้วนเป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ
สิ่งที่พิธีกรถามกลินท์คือ “ใครเป็นคนตกหลุมรักกันก่อนครับระหว่างเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว” ตอนนั้นกลินท์มองหน้าเจ้าสาวของตัวเองเมื่อเห็นหญิงสาวเขินอายกับคำถามนั้น เขาก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นเอง
“เราสองคนต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันครับ” กลินท์เว้นจังหวะพูดและหันไปสบตาเจ้าสาวก่อนจะพูดต่อ “ใบตองแอบรักส่วนผมตกหลุมรัก ผมไม่อยากรู้หรอกว่าใบตองรักผมมากแค่ไหน แต่ผมอยากให้ใบตองรู้ว่าเธอคือหัวใจของผม รู้ใช่ไหมครับว่าหัวใจสำคัญต่อร่างกายขนาดไหน” ประโยคสุดท้ายกลินท์หันไปสบตากับเจ้าสาวอีกครั้งด้วยสายตาหวานซึ้งจนหลายคนต้องอิจฉา
ปั้นรักเป็นตัววางแผงแล้วในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิยายค่ะ
กันต์วลี
ความคิดเห็น