For-get -me-not
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เราแต่งแบบจริงๆจังๆ เรื่องนี้ก็แต่งกับเพื่อนอีกคนนะคะ โดยส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ผู้เข้าชมรวม
1,094
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
...For-get-me-not
ครืน...ซ่า
เอาอีกแล้วสิ ฝนตกอีกแล้ว น่าเบื่อชะมัด รู้งี้ฉันไม่มาเช่าหออยู่คนเดียวก็ดีสินะ ดึกป่านนี้จะดูทีวีก็ไม่ได้ จะโทรศัพท์ไปชวนเพื่อนคุยก็ไม่ได้ จะไปเล่นเกมกับพี่ฟ้าห้องข้างๆคุณเธอก็คงจะหลับไปแล้ว
โครม!
เสียงไอ้ภัทรรุ่นน้องที่มหา’ลัย ตกเตียงดังลั่นจนฉันสะดุ้งเฮือก ตั้งแต่มันย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ฉันก็ได้ยินเสียงมันทำอะไรดังโครมครามตลอด แม้แต่ตอนนอนก็ไม่เว้น
ฉันจ้องออกไปข้างนอกหน้าต่าง มองอย่างเหม่อลอย ผ่านสายฝนที่โหมกระหน่ำ ออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน นี่ก็จะตี2แล้วแต่ฉันก็ยังนอนไม่หลับสักที เพราะฤทธิ์คาเฟอีนที่ซดไปเมื่อตอนเย็น โอ๊ย!ไม่น่าเลยการตื่นอยู่คนเดียวในหอพักนี่มันน่ากลัวชอบกลนะ
“ตึก..ตึก..ตึก” จู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้อง เสียงๆนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องของฉัน ตอนนี้บรรยากาศรอบๆเริ่มเหมือนหนังผีมากขึ้น สาธุ...คุณพระคุณเจ้าขออย่าให้เป็นผีเลย ลูกช้างกลัวจะตายอยู่แล้ว ฮือๆ
“ก็อกๆ” คราวนี้เป็นเสียงเคาะประตู ฉันตกใจดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง แง...พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยมิวด้วย นะโม ตัสสะ...
“ก็อกๆๆๆๆๆ” เสียงเคาะประตูดังถี่ขึ้น ฉันมุดหัวออกจากผ้าห่ม แล้วค่อยๆย่องไปที่ประตู คิดๆอยู่ว่าคงไม่มีผีตัวไหนจะเคาะประตูก่อนจะเข้าห้องหรอกนะ
เสียงบานประตูลั่นดังเอี๊ยดเมื่อฉัดเปิดมันออก ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น แล้วส่งยิ้มให้ ฉันตกใจรีบปิดประตูโครม ใครจะบ้าเปิดประตูรับผู้ชายแปลกหน้าตอนดึกๆอย่างนี้ล่ะ
“มิว นี่เราคีตะเองจำไม่ได้เหรอ”
ชื่อคีตะที่ฉันได้ยินทำให้ฉันเปิดประตูอีกครั้ง แล้วดึงร่างเพื่อนเก่าคนนี้เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ฉันดีใจจนแทบจะกระโดดเข้ากอดเขาได้ถ้าไม่ติดเรื่องความเหมาะสม เราสองคนเป็นคู่หูที่สนิทกันมากตั้งแต่มัธยมต้น แต่เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกตั้งแต่เขาไปเรียนต่อที่เยอรมันนี แล้วจู่ๆเขาก็โผล่มากลางดึกอย่างนี้ในคืนที่ฝนตกหนัก
“ดีใจที่ได้เจอเธออีก เราคิดถึงมิวจังเลย”
“นายมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไม่บอกฉันเลยจะได้ไปรับที่สนามบิน” ฉันถามพลางจ้องมองเขาหัวจรดเท้า ดูเหมือนว่าหมอนี่จะสูงขึ้น ขาวขึ้นหน่อยนะนี่ ดูเผินๆ มันก็ออกจะคล้ายไปทางหนุ่มญี่ปุ่นเลยนะ
“เราพึ่งลงจากเครื่องเมื่อกี้ ก็ตรงมาหามิวเลย อยากทำเซอร์ไพร้ส์”
“ฉันเซอร์ไพร้ส์มากเลยนะ ที่เยอรมันเป็นยังไงบ้างสนุกไหม เอ๊ะ! นายไม่เอากระเป๋าเดินทางมาหรือไง”
“หนีออก...” นายคีตะพูดบางอย่างงึมงำอยู่ในลำคอ ฉันได้ยินแค่ 2 คำแรกเท่านั้นเอง “อะไรนะ?”
“เราหนีออกจากบ้านมาน่ะ พอดีทะเลาะกับพ่อ แม่ นิดหน่อย ไม่รู้จะไปไหนดีคิดถึงเธอขึ้นมา ก็เลยบินมาเมืองไทยตัวเปล่าๆ” เขาตอบอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทำเหมือนกับว่าเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ฉันก็แอบเห็นแววเศร้าเล็กน้อยในดวงตาของเขา
“แย่จังนะ แล้วนายจะไปพักที่ไหน”
“ที่นี่ไง” นายคีตะพูดพลางส่งสายตาออดอ้อน
“จะบ้าหรอ! ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะนอนห้องเดียวกับนายได้ยังไง” หมอนี่พูดจบก็ล้มตัวลงหน้าบนพื้นห้องเย็น ๆ ทันที สภาพของเขาทำให้ใจอ่อน ต้องเอาหมอนข้างในตู้เสื้อผ้ามาให้เขาหนุน แล้วฉันก็ล้มตัวลงนอนบ้างถึงแม้จะไม่รู้สึกง่วงเลยซักนิด
“ดื่มนมซิจะได้นอนหลับ” คีตะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งที่ยังนอนหลับตาพริ้ม ทำให้ฉันหันขวับกับไปมองเขาอย่างสนใจทันที มันรู้ได้ยังไงนะว่าฉันนอนไม่หลับ...
........................................................................................
“กริ๊ง...!!!” เสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่ข้างเตียง แต่ฉันก็ยังไม่อยากลุก พึ่งจะนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเลยนะ นอนต่ออีกเดี๋ยวเถอะน่า
“ว้าย!” จู่ ๆ ก็มีคนดึงข้อมือแล้วลากฉันลงจากเตียง เกือบลืมไปเลยว่ามีอีตาคีตะอยู่ด้วยอีกคนหมอนั่นมันคนตื่นเช้าเสียด้วยสิ
“มิว ไปหาอะไรกินกันเถอะ เราหิวแล้ว” เขาโยนผ้าเช็ดตัวมาให้ฉัน อะไรกันนี่ ตอนฉันหลับมันแอบรื้อตู้เสื้อผ้าของฉันหรือไง
“รอ 5 นาทีนะ” พูดแล้วฉันก็เดินเข้าห้องน้ำไปแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่
ฉันนั่งคนโจ๊กในชามเล่นให้มันหายร้อน ร้านโจ๊กหน้าหอพักร้านนี้ ฉันมากินบ่อย จนรู้สึกเอียนถ้าจะกินมันเข้าไป ต่างจากคีตะที่กินเอา ๆ แบบไม่กลัวปากจะพอง สงสัยมันคงจะไม่ได้กินโจ๊กแบบนี้ตอนอยู่เยอรมันมั้ง
“ตอนบ่ายฉันต้องไปมาหา’ลัยนะ นายจะรอฉันอยู่ที่นี่ หรือจะไปเที่ยวก็ตามใจนาย”
“เราไม่มีตังค์เลยสักบาทอ่ะ ยืมตังค์หน่อยดิ” นายคีตะพูดพรางยักไหร่มองฉันอย่างออดอ้อนจนน่าหมันไส้
“ฉันให้ยืม 500 ก็แล้วกัน อย่าลืมคืนด้วยละช่วงนี้ยิ่งไม่มีใช้อยู่” ฉันควักแบงค์ 500 จากกระเป๋าตังค์ให้เค้า นายคีตะไหว้ฉันอย่างนอบน้อม “ขอบฟ้าไม่รู้อยู่ไหน แต่ขอบใจที่ให้ยืมตังค์นะจ๊ะ” เค้าพูดแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ถนน
“เดี๋ยว! นายจะไปไหนน่ะ ฉันไปด้วยดิกำลังว่างๆ อยู่”
“ไม่ต้องหรอกเราไปทำธุระ จะกลับก็ค่ำน่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันจะได้ไปนอนต่อซักหน่อยจะได้ไปเรียนอย่างสดชื่น หาว...!
.................................................................................
ฉันกลับเข้ามาที่หอพักเกือบจะ 3 ทุ่ม นายคีตะยังไม่ได้กลับมาเพราะห้องทั้งห้องมืดสนิท ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งดูทีวีรอเขา ไม่รู้ว่าป่านนี้มันไปทำอะไรอยู่นะ
รอ รอ แล้วก็รอ ฉันนั่งรอมันอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง ก็ชักจะรำคาญ ไปเล่นเกมส์กับพี่ฟ้าดีกว่า
“พี่ฟ้า วันนี้....”
“อ้าว! น้องมิวเมื่อกี๊มีคนบอกให้น้องขึ้นไปหาที่ดาดฟ้า” พี่ฟ้าบอกฉันทั้งที่ยังจ้องจอคอมพิวเตอร์ตาไม่กะพริบ
“ไอ้ภัทรหรือเปล่า”
“เห็นว่าชื่อคีตะนะ”
คีตะหรอ หมอนั่นไปทำอะไรที่ดาดฟ้านะ ฉันรีบวิ่งไปทางขึ้นบันไดไปชั้น 8 ทันที หนอย! ตาบ้าปล่อยให้ฉันเป็นห่วง มาอยู่กับฉันยังทำแบบนี้อีก
ทันทีที่ฉันก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าไอ้เจ้าคีตะก็กระโดดมายืนตรงหน้า แล้วเล่นบทที่ฉันไม่คาดฝัน ฉันยืนอึ่งทำอะไรไม่ถูก
ไอ้บ้านี่ มันกอดฉันอ่ะ
เรา 2 คนค้างอยู่ในท่านั้นพักใหญ่ ฉันงุนงงทำอะไรไม่ถูก นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ เขาคิดอะไรอยู่ จะแกล้งฉันรึไง
“ขอโทษนะมิว” เขาพูดขึ้นที่ข้างหูฉัน “จำเรื่องเมื่อวันวาเลนไทน์ ตอนม.3ได้มั้ย”
“ไม่...ฉันจำไม่ได้” ฉันพูดตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พลางจ้องอย่างเหม่อลอยไปในท้องฟ้าสีแดง สงสัยฝนจะตกอีกแล้วนะเนี่ย
“ตอนนั้นเธอเอาดอกกุหลาบมาให้เรา” คีตะพูด ฉันสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆที่ไหลหยดลงมาที่ไหล่ของฉัน เขากำลังร้องไห้หรือนี่ ร้องไห้แล้วกอดฉันด้วย
“แต่เราก็เอามันไปทิ้ง โดยไม่สนความรู้สึกของเธอ ทั้งที่ความจริง เราชอบเธอนะมิว เราชอบเธอจริงๆ ชอบเธอมากที่สุด เรารู้ว่าเราผิดไปแล้วยกโทษให้เราด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก” ฉันพูดเบาๆ นายคีตะปล่อยมือจากฉันแล้วก้มหน้านิ่ง หัวใจฉันเริ่มเต้นแรงเมื่อมองหน้าเขา อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้รักเขาข้างเดียวนะ
แปะ...แปะ... เม็ดฝนเริ่มหล่นโปรยปราย เราทั้งคู่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วคีตะก็เดินไปหยิบกระถางใส่ต้นไม้เล็กๆมาให้ฉัน เขาส่งยิ้มมาให้ แล้วก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์นะ เราให้เธอเป็นของขวัญล่วงหน้าก็แล้วกัน เราคงอยู่กับเธอพรุ่งนี้ไม่ได้”
“ไม่หรอกน่า นายจะอยู่กับฉันอีกวันก็ได้ ฉันไม่...” พูดไม่ทันจบประโยคฉันก็ร้องไห้ออกมาบ้าง ฉันรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นแน่ อะไรบางอย่างบอกฉันว่าเขากำลังจะจากฉันไป
“ขอโทษนะ เราผิดเองที่รู้ใจตัวเองช้าเกินไป” นายคีตะพูดพลางค่อยๆเดินถอยหลังไปทีละก้าว ฉันก้าวตามเขาไปแบบไม่รู้ตัว มือกอดกระถางต้นไม้ที่เขาให้ไว้แน่น เขาเดินไปจนสุดขอบดาดฟ้า อีกก้าวเดียวถ้าถอยหลังไปอีกก้าวเดียว เขาจะตกลงไป ฉันยืนนิ่งตกใจได้แต่ภาวนา ว่าเขาจะไม่ถอยไปอีกก้าว
“เขาให้เวลาเราแค่นี้” นายคีตะก้าวขาซ้ายไปข้างหลังช้าๆ
“อย่านะ!...” ฉันตะโกนลั่นแข่งกับเสียงฝน น้ำตาไหลพรากอาบ 2 แก้ม
“รักษา Forget-me-not ที่ฉันให้ไว้ดีๆนะ บาย...” ร่างของคีตะลอยละลิ่วลงไปจากตึก ฉันพยามไขว่คว้า แต่ก็จับได้แต่เพียงความว่างเปล่า
ฉันทรุดลงกับพื้นรู้สึกใจหายวาบ ฉันร้องไห้คร่ำครวญเหมือนคนเสียสติอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยให้น้ำตา แห่งความเศร้าและสับสนไหลลงอาบดอกสีขาวเล็กๆของต้นฟอร์เกทมีน็อท ที่คีตะให้มา...
(รู้ดี ใครคนที่ผูกพันหลายอย่าง ใครคนที่สมควรคู่พอ...) จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ฉันหยิบมันขึ้นมาแนบหูทั้งที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หาย
“ ฮัลโหล มิวหรือลูก” เสียงแม่ดังอยู่ที่ปลายสายอีกด้าน
“ค่ะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า แม่ได้ยินไม่ชัดเลย เอ่อ...มิวยังจำคีตะได้ไหมลูก เมื่อก้แม่พึ่งได้โทรศัพท์จากพ่อของเขามา คีตะถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อวานนี้น่ะ แม่ว่าจะชวนลูกไปงานศพเขาทีเยอรมัน ลูกว่างหรือเปล่า มิว...มิว...ฟังอยู่ไหมตอบแม่ด้วย...”
โทรศัพท์มือถือในมือร่วงผล็อยลงกับพื้น ฉันร้องไห้หนักขึ้นเมื่อรู้ความจริง ตายังจับจ้องอยู่ที่กระดาษโน้ตเล็กๆสีขาวที่ซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้ ถึงมันจะเลอะเลือนแต่ฉันก็เข้าใจชัด
“ ขอโทษทีนะที่คืนเงินที่ยืมไปไม่ได้
ต้นไม้ต้นนี้แพงกว่าที่เราคิดไว้
เจ้าของร้านบอกว่าเป็นต้นที่เอามาจากเยอรมัน
เราหวังว่าคงจะเป็นต้นที่อัศวินให้เจ้าหญิงก่อนตาย
เพราะฉะนั้นอย่าลืมอัศวินคนนี้เด็ดขาดนะ
ลาก่อน! มิวที่รัก
สุขสันต์วันวาเลนไทน์”
.....................................................................................................................
ผลงานอื่นๆ ของ chiyapa ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ chiyapa
ความคิดเห็น