คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : อัญมณีสีฟ้าพลังแห่งมิติพิศวง
บทที่แปด: อัญมณีสีฟ้าพลังแห่งมิติพิศวง
หลังจากการต่อสู้ที่แสนนานรวมสามวันในที่สุดการแข่งขันก็ได้ให้ผู้ชนะเลิศในการแข่ง เด็กทั้งห้าคนยืนอยู่กลางสนามเวที ในเวลากลางคืนของที่นี่ ไร้ซึ่งผู้ชม เหตุการ์ณการมอบรางวัลและกล่าวแสดงความยินดีฉากหน้านั้นทำเมื่อวานส่วนวันนี้คือฉากหลัง การแลกเปลี่ยนตามข้อตกลงในการแข่งขัน เด็กทั้งห้ายืนรอราชาทั้งสิบสองเพื่อการนำลอเรียคืนตามข้อตกลงแล้วพวกเขาจะได้ตามหาอัญมณีที่อื่นเพราะที่นี่คงไม่มี
“ช้าจังแฮะ”นาปากัซเกาหัวยืนเอี้ยวตัวไปมา
สักพักเงาของคนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา คนที่พวกเขากำลังรอคอย ราชาทั้งสิบสองและทหารอีกยี่สิบกว่านายเดินตามมาประกบหน้าหลังอย่างระมัดระวัง แหงสิคงกลัวว่าเด็กทั้งห้าคนจะอาละวาดหล่ะมั้ง
“เอาหล่ะนี่เพื่อนของเจ้า” ราชาคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับ ลอเรีย ที่ยังสบายดีเพียงแค่เปรอะเปื้อนดินโคลนทั่วร่างกาย
“เรารักษาสัญญานี่คือนโยบายของเรา เพียงแต่พวกเจ้าต้องออกไปซะ” ราชาผู้อาวุโสพูดกับพวกเขา
“แน่นอนไม่อยู่ให้โง่หรอก”นาปากัซ ชักสัหน้าอย่างอารมณ์เสีย
และลอเรียก็เดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อนของเธออย่างหวาดๆกลัวๆ เธอเดินมาเรื่อยๆ อีกฝ่ายไม่มีทีท่าเล่นตุกติก สถาณการณ์ก็ตึงเครียดด้วยความระมัดระวังทำให้ที่นี่มีบรรยากาศอึมครึมปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ
อีกเพียงไม่กี่ก้าววินาทีอันอึดอัดก็จะหายไป เด็กทั้งหกก็จะได้ไปค้นหาและทำภารกิจต่อไป และไปให้พ้นๆที่นี่ หนีออกจากราชางี่เง่าพวกนี้
“เดินเร็วเถอะหนูน้อย ข้าไม่ทำอะไรหรอก” ราชาผู้อาวุโสบอกกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทำให้ลอเรียเบาใจได้ เธอก้าวเร็วขึ้น อีกนิดเดียว อีกนิด นิด
“ท่านใจอ่อนให้สายเลือดของผู้ทรยศหนีไปง่ายๆ เช่นนี้ ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง” ราชาคนหนึ่งพูด คนๆเดียวกันที่อยู่ในชุดสีเขียวในวันแรกที่เจอ
เขาชักดาบออกมาชี้หน้าราชาผู้อาวุโส สร้างความตกใจให้เด็กทั้งหกอย่างกระทันหัน ราชาผู้อาวุโสก็ตกใจและงงเป็นไก่ตาแตก แต่ที่น่าแปลกคือไร้ซึ่งทหารคนไหนมาปกป้องเลย ราชาผู้อาวุโสถอยห่างแต่ดาบในมือของอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมออกห่าง สายตาของราชาอาวุโสมองไปรอบๆไปมา
“นี่มันเรื่องอะไรกันคิดจะก่อกบฏหรอ”
“ไม่” อีฝ่ายตวาดแล้วจ้องเขม็งจนอีกฝ่ายสะดุ้ง
“ท่านนั่นหล่ะกบฏ ท่านทรยศต่อพวกเราชาวแอตแลนติส ท่านทรยศต่อท่านเพอร์ไซดอน”
ขณะที่ฝ่ายราชากำลังยุ่งอยู่ เด็กทั้งหกก็ได้แต่ยืนนิ่งจนลืมตัว
“จะหนีไปดีมั้ยเนี่ย” เนียทาพองกระซิบกับ เอ
“ฉันก็ไม่รู้สิ ว่าแต่ทรยศเพอไซดอนที่คืออะไรอ่ะ”
“ไม่รู้ ถาม คาร่า สิ เผื่อรู้”
เอหันไปหา คาร่า คาร่ามองตาและก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
“ฉันรู้สายตาแบบนั้นแบบที่เพื่อนฉันขอลอกการบ้านประจำ” คาร่าพูดประชด
“แล้วตกลงรู้มั้ย”
คาร่ายิ้มนิดๆแล้วขยับแว่น
“ระดับฉันหน่ะ” เขาเว้นระยะ “ก็มีสิ่งที่ไม่รู้เหมือนกันนะเฟร้ย”
เอ จึงเลือกตัดสินใจแอบหนีอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่แล้วก็ไม่พ้นสายตาของอีกฝ่าย พวกเขาโดนล้อมเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“เอาไงดี” คาร่าถาม
“รอดูเชิงก่อน ถ้าเขาโจมตีเราก็สวนเลย” เอ บอก
กลับมาที่ราชาทั้งสองซึ่งอยู่ในเหตุการ์ณที่ตึงเครียดสุดๆราชาผู้อาวุโส กำลังจะถูกกำจัดโดยอีกสิบเอ็ดราชาโดยหัวหน้าการนำคือราชาหน้าหนวดที่กำลังชี้ดาบไปที่ต้นคอ
“ข้าไม่ได้ทรยศนะ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เราฆ่าผู้บริสุทธิไม่ได้ เหมือนที่ท่านเพอร์ไซดอนทำยังไงหล่ะ” ราชาอาวุโสพูดกระตุกกระตัก
อีกฝ่ายกัดฟันกรอดเลือดขึ้นหน้า และแล้ว ก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาขณะที่สถาณการ์ณกำลังเลวร้ายที่สุด
“ทำไมถึงอยากกำจัดพวกเราหล่ะคะ” เอเซกุดมองราชาด้วยตากลมโตใสซื่อน่าสงสาร
“ฮึ” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอเล็กน้อยแล้วหันมาจ้องมองพวกเด็กทั้งหกอย่างดุดันและโกรธแค้น
“เจ้าพวกเด็กปิศาจ แกไม่รู้หรอกว่าเจ้านั่นมันชั่วขนาดไหน” อีกฝ่ายกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงอดีต
“มันเป็นกบฏ ทำลายอาณาจักรของตนเองอย่างเยือกเย็น มันคือปิศาจร้าย”
“หยุดพล่ามไร้สาระเถอะน่า” ราชาผู้อาวุโสตะคอก และหน้าตาก็เปลี่ยนเป็นสำนึกผิด
........เมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้วในก้นบึ้งของมหาสมุทรบนดาวยูโทร่า..........
“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเราต้องอุดอู้อยู่ข้างใต้ในที่ที่ทั้งมืดมิด เรากลัวอะไร” ราชาคนที่สิบสามผู้ที่ออ่นวัยที่สุดตะคอกทุบโต๊ะเสียงดังในที่ประชุม
“ข้างบนนั้นเต็มไปด้วยภัยต่างๆที่อาจฆ่าเราได้ ข้างใต้นี้เราจะปลอดภัย” ราชาผู้ที่แก่ที่สุดซึ่งในตอนนั้นอายุประมาณสามสิบกว่าปีท่าทางดุดันตอบตามมาด้วยราชาอีกสิบเอ็ดคนที่พยักหน้าเห็นด้วย
ราชาคนที่สิบสามได้แต่เจ็บใจ ทั้งๆที่ข้างบนนั้นทั้งสวย สง่าไม่มืดมิดและหนาวเย็นอย่างข้างใต้นี้ทำไม ทำไมเขาจะต้องเห็นด้วยกับคนหัวโบราณอีกสิบสองคนอีก เขาเจ็บใจอย่างสุดๆแล้วลุกออกไป
“หนอยเจ้า” ราชาผู้อาวุโสตะคอก
“ไม่เป็นไรหรอกปล่อยเขาไปเถอะเขายังหนุ่มอยู่ยังไม่เข้าใจอะไรนัก” ราชาหน้าหนุ่มรุ่นคราวเดียวกันกับคนที่สิบสาม ซึ่งก็คือราชาหน้าเครา (ราชาคนที่สิบสอง) ในปัจจุบันเป็นคนห้ามปราม
พวกเขาเป็นเพื่อนกันในสมัยเด็กเติบโตในราชวงศ์ชั้นสูงมาแต่เพื่อนเขากลับเป็นคนวรรณต่ำที่สุดที่สามารถเข้ามาเป็นราชาแห่งแอตแลนติสด้วยการสอบเข้าได้
“ล้าลาล้าลา” ราชาคนที่สิบสองฮัมเพลงมาเรื่อยๆตามทางในปราสาท
และแล้วเขาก็หยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่งและเงี่ยหูชิดประตูห้องไม้และฟังอย่างตั้งใจ
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเราไม่ไปอยู่ข้างบน ทำไมต้องมาอยู่ในที่ที่เหมือนนรกแห่งนี้นะ”
นั่นเสียงราชาที่สิบสามหนิ เขาคิด
“ใจเย็นนะ ก็ยังมีประชาชนที่อยากอยู่ข้างบน แล้วเราจะได้ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขที่นั่นกันนะ”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง เสียงที่ทำให้หัวใจของเขาแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ เอมมิลี่ เงือกสาว ที่เขาคบอยู่ในวันนี้เขาก็รู้ความจริงว่าเขาถูก หลอกให้รัก อยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังทนฟังต่อไปแม้ในใจจะไม่อยากฟังก็ตาม
ถ้อยคำหยอกล้อและสนุกสนานของสองหนุ่มสาวที่มีความสุขกันกลับทำให้ชายอีกคนหนึ่งหัวใจแตกย่อยยับดั่งเศษทราย น้ำตาไหลพรากๆ
“ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดฉัน มันต่างหาก มันต่างหากที่ต้องชดใช้” ความเศร้าเปลี่ยนเป็นความแค้นความเกลียดชัง หัวใจที่แตกสลายทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่คุยกับราชาที่สิบสามอีกต่อไป ไม่สนใจโลก และแล้วการประชุมประจำเดือนก็เยือนมาถึง
การประชุมนั้นเป็นไปอย่างดุเดือด ราชาที่สิบสองให้การใส่ร้ายราชาที่สิบสามในข้อหากบฏ
“ผมไม่ได้ทำนะ”
“บังอาจ เจ้าสะสมกำลังพล และ พลเรือนเพื่อตั้งรกรากใหม่เพื่อการทำลายล้างเรา”
“ไม่จริง”
“อย่ามาปากแข็งโทษของเจ้าคือการประหาร พร้อมกับชู้ของเจ้า”
การประชุมได้ตัดสินให้ราชาที่สิบสามมีความผิดจริง คำขอสุดท้ายของเขาคือขอให้อยู่ในห้องทดลองหนึ่งวัน
และแล้ววันต่อมา ราชาที่สิบสามและเอมมิลี่ก็ถูกนำตัวมายังอารีน่าซึ่งเป็นที่ประหารในตอนนั้น
“ประชาชนที่เลือกข้าจงไปกับข้า” ราชาที่สิบสามตะโกนเสียงดังแล้วนำขวดออกมาในนั้นมีของเหลวสีเขียวอยู่เข้าขว้างมันจนแตกลงพื้นสักพักพื้นดินก็เริ่มสั่น เพชรฆาต เป็นคนหนีก่อนคนแรก
“เจ้าทำอะไร” ราชาผู้อาวุโสบอก
“พวกท่านช่างโง่เขลาและหูเบาที่ไปเชื่อคำของมัน และนี่คือรางวัลสำหรับที่ๆพวกท่านบอกว่าปลอดภัย ท่านก็จงอยู่ที่นี่ตลอดกาลซะ” จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นเงือกพร้อมกับเอมมิลี่และประชาชนบางกลุ่มแล้วแหวกว่ายหนีไป และแล้วพื้นดินใต้น้ำก็ระเบิดเกิดเป็นมังกรร้ายและกักขังพวกเขาไว้ จนกระทั่งอัศวินคนนั้นมา อัศวินนามว่า เพอร์ไซดอน”
........................ปัจจุบัน.........................
“พวกเราเป็นฝ่ายผิดเอง” ราชาผู้อาวุโสคุกเข่าร้องไห้ เด็กทั้งหกได้ฟังเรื่องราวก็เห็นถึงความชั่วร้ายของราชาที่สิบสอง พวกเขาชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาเสียแล้ว
“ท่านเป็นฝ่ายผิดเองนี่ แค่เพราะไม่สมหวังในรักท่านเป็นคนเห็นแก่ตัว” เอเซกุดต่อว่า
สีหน้าของอีกฝ่ายเริ่มแดง ความดัน ความโกรธพลุ่งพล่านเขาสั่งให้ทหารถอยออกไปรวมถึงราชาทั้งหมด ส่วนราชาผู้อาวุโสก็หลบอยู่ข้างหลังเด็กทั้งหก อืม เป็นผู้ใหญ่ที่ดีจริงๆ
“ฮึ นายจะทำอะไร กำจัดเราด้วยดาบกากๆนั่นหน่ะหรอ ไอ้องค์รักษ์ของแกยังหนีหัวซุกหัวซุนเลย” นาปากัซเยาะเย้ย
อีกฝ่ายยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยเล็กน้อย
“ใช่ดาบนี่มันกาก” อีกฝ่ายโยนดาบทิ้งลงบนพื้น เด็กทั้งหกคิ้วขมวดสงสัยในพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้
ติ้ดๆๆๆๆๆๆ
เสียงเตือนภัยจากชุดของทุกคนดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น” เนียทาพองถาม
“อยู่ๆมิติเวลาของชุดเราก็แปรปรวนหมดเลย” คาร่ารีบมองจอแสดงผลของหน้าจอ
เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นมาเรื่อยๆจนสุดท้ายก็ระเบิดออกมาเป็นเสียงหัวเราะแห่งความบ้าคลั่ง ขณะที่เด็กทั้งหกก็สัมผัสถึงคลื่นพลังงานมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวชองเขา
ชิ้ง
ดาบที่แวววาวส่องประกายแม้ไม่มีแสงดาบสีเงินที่สวยงามถูกตีด้วยความปราณีต ดาบดูดีมีสกุลมีการสลักลวดลายไว้ที่ด้าม และที่กลางของด้ามก็มี
“นั่นมัน HEXAGON PLATTINUM” คาร่าชี้ไปที่ดาบ
“หนอยย นี่เจ้ากล้าหยิบดาบของเพอร์ไซดอนเลยงั้นหรือ” ราชาแก่ต่อว่า
อีกฝ่ายหยิบดาบด้วยความคะนองแล้วชี้ไปยัง เอ
“เจ้าต้องตายยยย” อีกฝ่ายร้องประกาศแล้วนำดาบมาฟันเหล่าเด็กทั้งหก โชคยังดีที่พวกเขาหลบทันแต่เพียงแค่ลมที่เป็นผลมาจากการฟันก็ทำให้พวกเขากระเด็นไปคนละมุม
“ฮ่าๆๆๆๆ” อีกฝ่ายหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วจับดาบขึ้นมาอีก
“ลอเรีย เธอหลบไปก่อนนะ ทางนี้เราจัดการเอง” เอ บอกกับเธอที่บังเอิญกระเด็นตกไม่ไกลกัน จากนั้นเด็กที่เหลืออีกห้าคนก็รวมกลุ่มกันอย่างพร้อมเพรียง
“เอาไงดี ดาบนั่นเป็นของเทพเพอร์ไซดอนเลยนะ” นาปากัซถาม
“ไม่ใช่แค่นั้นนะยังมี HEXAGON PLATTINUM อีกอ่ะ” คาร่าถามต่อ
“ไม่รู้หล่ะ แต่เราต้องหยุดมันให้ได้” เอสรุปลวกๆ แล้วให้ทุกคนโจมตีตามแบบของตนเอง
อีกฝ่ายเห็นก็ยิ้มหัวเราะเยาะเย้ย เขารู้สึกเหมือนพระเจ้าที่กำลังสู้กับมด มันช่างเปรียบเทียบพลังไม่ได้จริงๆ
นาปากัซเปิดฉากโจมตีคนแรกจากด้านบน แต่แล้วผลของดาบก็บังเกิดขึ้น แสงสีน้ำเงินสว่างจ้าออกมาอ่อนๆทันใดนั้นก็เกิดรอยมิติแล้วทำให้แทนที่จะโผล่เข้ามาจู่โจมอีกฝ่ายกลายเป็นโจมตีเนียทาพองแทนจนเนียทาพองแทบหลบไม่ทัน
“อะไรเนี่ย” นาปากัซลุกขึ้น
“ดูเหมือนจะเป็นความสามารถของอัญมณีมากกว่าจะเป็นความผิดพลาดของมิตินะ” คาร่าอธิบาย
“คอมพิวเตอร์ของฉันระบุว่าเจ้าอัญมณีนั่นไม่ได้เชื่อมต่อกับมิติของเราโดยตรงแต่ว่ามันกลับเชื่อมต่อทางอ้อมโดยมิติที่มันสร้างเอง” คาร่าพูดต่อ
“สรุปง่ายเป็นภาษาคนหน่อยได้มั้ย ไอ้แว่นนี่” นาปากัซตอกกลับ
“ก็แปลว่ามันสร้างและบังคับมิติต่างๆได้ยังไงหล่ะ แล้วเราก็ไม่สามารถทำลายมันได้ด้วย” คาร่าตอบอย่างอารมณ์เสีย
จากนั้นเนียทาพองก็เริ่มกราดขีปนาวุธแต่อีกฝ่ายกลับสร้างรูหนอนให้กระสุนโผล่ทางข้างหลังของเขาแทน จนเขาบาดเจ็บเพราะหลบไม่ทัน
“เฮ้ยทำแบบนั้นก็โดนซิ ฟังนะตอนนี้มันเหมือนควบคุมจักรวาลนี้อยู่ตั้งครึ่งเลยนะ” คาร่าบ่น
และแล้วอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายรุกบ้าง เขาหยิบดาบมาไล่ฟาดันอย่างเมามันส์โดยไม่สนใจมิตรหรือศัตรู เขาบ้าพลังไปแล้ว ควบคุมสติไม่ได้แล้ว เหล่าทหารก็คอยหลบหลีกคมดาบไปด้วย
“ย้าก” เอถือจังหวะนี้เสี่ยงเข้าไปโจมตีจากด้านหลังแต่ก็ไม่ได้ผลรูหนอนทำให้เขาโผล่กลางอากาศแล้วตกลงมา แต่ชุดก็ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้เช่นเคย
“แกรู้วิธีใช้ได้ยังไง” ราชาผู้อาวุโสถาม
อีกฝ่ายหันมาแสยะยิ้ม
“เป็นถึงหัวหน้าราชาแท้ๆแต่กลับไม่รู้การเคลื่อนไหวภายในเลย ไร้ประโยชน์จริงๆ ฉันหน่ะแอบฝึกใช้มันมาหลายวันแล้ว ฮ่าๆๆๆ มันวิเศษจริงๆ” เขาหัวเราะต่ออย่างบ้าคลั่ง
“อย่างนี้นี่เอง มิน่าหล่ะมิติถึงได้มาทับซ้อนกันอย่างนั้น” คาร่าคิด
เอ เนียทาพอง และ นาปากัซ เข้าไปรุมโจมตีแต่ก็ถูกโต้กลับได้อย่างสบายๆ จนเด็กทั้งสามเริ่มอ่อนแรง
พลังเพียงแค่นี้ยังไม่สามารถเอาชนะอัญมณีหนึ่งในหกจักรวาลได้ เด็กทั้งหกเสียเปรียบอย่างมาก
“หนูพร้อมแล้ว” เอเศกุดงัดพลังออกมาเกินสองร้อยเปอร์เซนต์เธอวิ่งเข้าไปหาและเพียงแค่เธอก้าวลง
เหยีบลงที่พื้น พื้นก็สั่นสะเทือนจนเอเรน่าจะถล่มลงมา
กึก
อยู่ๆเอเซกุดก็ขยับไม่ได้และร่างของเธอก็กำลังหดลงเรื่อยๆอย่างช้าๆ
“เกิดอะไรขึ้นหน่ะ” เอ ถามใครก็ได้ที่รู้คำตอบซึ่งมีอยู่คนเดียว
“คือ กาลอวกาศรอบตัวเธอหดลงทำให้พื้นที่ของเธอนั้นหดลง มันใช้อัญมณีนั่นหดมิติหน่ะ” คาร่าตอบ และแล้วเหตุการ์ณก็ถึงขีดวิกฤติ อีกฝ่ายบ้าไปแล้ว ไม่มีใครหยุดเขาได้แล้ว
ตึกตักตึกตัก
ลอเรียเดินตรงไปยังราชาที่สิบสองท่ามกลางสายตาของผู้คน เธอเดินเข้าไปใกล้เขามาก อีกฝ่ายผงะเล็กน้อย
เพี๊ยะ
เธอตบหน้าของเขาจนดังหนึ่งที อีกฝ่ายมองมาทางเธอแต่ก็ถูกสะกดด้วยสายตาที่แข็งกร้าวของเธอ
“นายเป็นผู้ชายที่งี่เง่าที่สุดเลยนะรู้มั้ย” เธอต่อว่า
ท่ามกลางอารมณ์ต่างๆไม่ว่าจะ อึ้ง สะใจ งงงวย กลัว แต่ทุกคนก็โฟกัสมาที่เธอและราชาคนที่สิบสอง
“นี่เธอว่าไงนะ” อีกฝ่ายโกรธสุดๆ
“คุณหน่ะ ไม่รักเธอหรอก คุณโหดร้ายมาก ถ้าคุณรักเธอจริงๆหล่ะก็ คุณคงไม่คิดจะประหารเธอหรอก” เธอพูดเสียงสั่นไม่ว่าเพราะ เธอกลัว หรือ เพราะความรู้สึกเศร้าแทนผู้หญิงคนนั้นหรือเพราะเพื่อนๆของเธอต้องบาดเจ็บสาหัสเพราะเธอ ตอนนี้เธอไม่สน ถ้าใช้กำลังไม่ได้ ก็ต้องใช้วาจา
“ไม่จริง ไม่จริง” อีกฝ่ายส่ายหน้าแบบคนไร้สติแบบที่ตนเป็นอยู่ดวงตากลอกไปมา
“ความรักหน่ะคือการให้ ไม่ใช้การยึดติดเหนี่ยวรั้ง เธอก็เป็นคนเหมือนกันนะคะ คุณไม่สามารถบังคับเธอได้ เธอกำลังมีความสุขแต่คุณกลับทำลายมันลงด้วยมือของตัวเอง คุณทำลายความสุขของคนที่ตัวเองรักค่ะ”
เธอเน้นเสียงช่วงท้ายทำให้อีกฝ่ายได้สติ เขารู้สึกหมดแรงและทรุดฮวบลงไปกับพื้นดิน
“น...น..นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย” ราชาที่สิบสองปล่อยโฮออกมา
“สุดยอด พูดแค่นี้ก็สยบได้แล้วหรอเนี่ย” นาปากัซพูดกับเนียทาพองเบาๆ
และสถาณการ์ณก็กลับสู่ปรกติ ราชาที่สิบสองเปลี่ยนให้ เอเซกุด เป็นอย่างเดิม ความสงบสุขก็กลับมาอีกครั้ง
“แล้วฉันจะทำยังไงต่อดี” ราชาบอก
“นายก็กลับสู่เอกภพซิ อย่าอุดอู้ในนี้เลย ในอวกาศมีอะไรสนุกกว่าเยอะเลยหล่ะ” เอ ชวนซึ่งอีกห้าคนก็พยักหน้าเห็นพ้องด้วย
ราชาทั้งสิบสองคนรวมผู้อาวุโสด้วยก็ได้ปรึกษากันถึงเรื่องนี้
“เราจะกลับไปหรอ”
“แล้วคนข้างนอกจะยอมรับเราหรอ”
“ในนี้ก็สงบดีอยู่แล้วหนิ”
“ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแล้วหล่ะ” ราชาที่สิบสองสรุปเสียงเข้ม
“เป็นอันตกลงเราจะกลับไป” ราชาอาวุโสตอบพวกเขา
“แต่ว่าเครื่องวาร์ปเมืองเราเสียแล้วนะครับ” ทหารนายหนึ่งบอก
คาร่าหรี่ตามองทหารนายนั้นจนสะดุ้ง
“นี่นายไม่เห็นพลังของดาบนี่หรือไงไอ้เบื้อก แค่เจ้านี้ก็ย้ายเอกภพได้แล้วแค่เมืองแค่นี้ยากอะไร” คาร่าทำเสียงดุ
“โอ้เจ้าเด็กนี่ดุแฮะ” ราชาที่สิบสองแซว
“ประจำหล่ะหมอเนี่ย” เนียทาพองขยี้หัว
และขณะที่ทุกคนสนุกสนานอยู่นั้น เอเซกุดก็เหลือบไปเห็น เอ และ ลอเรีย
“นี่ทุกคนดูสองคนนั้นสิ” เอเซกุดพูดเบาๆ
“เธอไม่เป็นไรนะ” เอ ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วเธอหล่ะ ดูสิแผลเต็มเลย” ลอเรียนำผ้ามาเช็ดตามร่างกาย
“ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่แหนะ ลอเรีย”
“ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน”
และประกอบกับบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับไฟยามราตรีทำให้ภาพของทั้งสองเปรียบเสมือนคู่รักในซีรีย์เกาหลีจนทุกคนในทีมหมั่นไส้
“เฮ้ย มดขึ้นแล้วเว้ยหวานเกิน” นาปากัซตะโกนเรียกตามหลังจนผู้ถูกกล่าวถึงสะดุ้ง
“เฮ้อหัวหน้าทีมเรานี่มันม่อไม่เลือกที่เล้ย” คาร่า ส่ายหัว ส่วนเอเซกุดก็เก็บภาพได้หลายภาพเหมือนกัน เธอจะเอาไปทำอะไรนะ
และแล้วราชาที่สิบสองก็ใช้พลังของดาบอีกครั้ง อัญมณีสีน้ำเงินเปล่งแสงขึ้นและแล้วเมืองทั้งเมืองก็วาร์ปไปสู่มิติปรกติ
วูปปปป
นครแอตแลนติสโผล่กลางชั้นบรรยากาศของ ยูโทร่า ณ เขตนอกเมืองก่อนมันจะตกลงมาทำให้เกิดคลื่นยักษ์พัดถล่ม
“นี่หน่ะหรอโลกภายนอกตอนนี้หน่ะ” ราชาทั้งสิบสองมองไปยังเขตเมืองซึ่งสร้างอย่างแข็งแกร่ง แสงไฟสีสันต่างๆและตึกหินที่สร้างอย่างสวยงามของโลกภายนอก ตรึงสายตาของพวกเขาและประชาชนของแอตแลนติส
สักพักหน่วยงานของยูโทร่าก็มากันอย่างกับกองทัพล้อมที่นี่เอาไว้
“นั่นพวกเขาจะทำอะไรหน่ะ” ราชาคนหนึ่งถาม
“อ๋อไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการให้ครับ” เอตอบ
จากนั้นเอก็ว่ายน้ำไปหายานแม่ของหน่วยงานเพื่อเจรจา
“นี่หน่ะหรอสิ่งที่นายสร้างขึ้น สวยจริงๆ ฉันไม่น่าทำผิดพลาดเลย พวกเราควรจะเชื่อนาย” ราชาที่สิบสองร้องไห้อีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้น้ำตาของเขานั้นได้รวมไปกับสายน้ำแห่งนี้ไปแล้ว....
...............
ความคิดเห็น